เข้าหน้าฝนแล้ว ชวนให้นึกถึงสถานที่นึงที่เคยไป บรรยากาศฝนปรอยๆ นั่งริมแพฟังเสียงฝนจิบเบียร์ สถานที่นั้นก็คือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ตอนแรกที่ไปชวนเพื่อน พูดเป็นเสียงเดียวกัน “จะบ้าเรอะ ไปเที่ยวเขื่อนหน้าฝน เดี๋ยวก็เจอพายุซัด” ฮึฮึ ไม่สนใจ ก็จะไปอ่ะครับ
ทริปนี้ไปกับเพื่อนสองคน เหงาๆ ไปแบบลุยๆ แบคแพค เริ่มต้นด้วยการนั่งเครื่องบินจากอุดร ไปต่อเครื่องที่ดอนเมือง ออกจากดอนเมืองตอนตีห้า อากาศดีมาก ไม่เจอฝน ทริปนี้เราใช้บริการของสายการบินนกแอร์
05.45 น. แสงแรกของวันกำลังแทรกผ่านม่านเมฆมาอย่างสวยงาม เจ้านกยักษ์กำลังพาเราไปสู่จุดหมายที่ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เอกลักษณ์ของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีคือก่อนที่เครื่องจะร่อนลงพื้น เราจะเห็นสวนปาร์มน้ำมัน เรียงกันเป็นทิวแถว
สนามบินสุราษฎร์ธานีอยู่ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง เรานั่งรถตู้ไปที่ท่าเรือ เรือที่จะพาเราออกไปแพ เป็นเรือยนต์หางยาวกาบกว้าง เหมาลำราคา 2500 บาท เรือนั่งได้ไม่เกิน 10 คน อันนี้ต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อน ก่อนขึ้นเรือต้องสวมเสื้อชูชีพกันก่อนนะคร้าบ
นั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ ภูเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เป็นวิวที่สวย ลมเย็นพัดมากระทบหน้า บวกกับน้ำที่สาดกระเซนมาเป็นระยะ ทำให้การใช้เวลาบนเรือ 1 ชั่วโมง ไม่น่าเบื่อ แพที่เราจะไปชื่อแพคลองคละ เป็นแพที่อยู่ลึก เงียบ สงบ ไม่ค่อยมีเครื่องอำนวยความสะดวก ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต เหมาะแก่การไปพักผ่อน
หลังจากล่องเรือมาได้สักพัก จากอากาศร้อน แดดเปรี้ยง อยู่ดีๆ ฝนก็พลันตกลงมากะทันหัน เก็บกระเป๋าสัมภาระแทบไม่ทัน สิ่งที่ต้องเตรียมมาสำหรับทริปนี้ก็คือผ้ากันฝน
ล่องเรือผ่านเรือนแพมาก็หลายแพ ในที่สุดก็มาถึงซักที แพคลองคละ
เรือนที่เราจองไว้เป็นแพไม้ไผ่ ราคาคืนละ 800 บาท รวมอาหารเช้า และเย็น แพนี้เป็นแพของอุทยานแห่งชาติเขาสก ราคาเลยค่อนข้างถูกกว่าแพอื่น ที่มีความหรูหรากว่า แต่ธรรมชาติที่นี่ไม่แพ้ใครเลยนะ สำหรับคนงบน้อยการพักเรือนแพไม้ไผ่ก็ไม่ถือว่าแย่มากนะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
เราเดินทางมาถึงช่วงบ่ายๆ บรรยากาศฝนพรำปรอยๆ มาถึงก็เหนื่อยอ่ะ เลยนั่งพัก จิบเบียร์เย็นๆ ทอดอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อย ดื่มดำกับบรรยากาศ ธรรมชาติ ความเงียบสงบของที่นี่
ใครที่กำลังเหงา กำลังอกหัก กำลังเศร้า ต้องการแค่นั่งมองธรรมชาติ อยู่กับตัวเอง ให้เวลาตัวเองได้นั่งคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา แนะนำให้เลือกมาแพคลองคละ
หลังฝนตก ฟ้าเริ่มเปิด เผยให้เห็นสายเมฆหมอกลอยคลอเคลียกับทิวเขาเขียว เป็นภาพที่สวยงามมองแล้วต้องมนต์จนไม่อยากละสายตา ด้วยกลัวว่าภาพเหล่านั้นจะหายไป
อีกกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่คือการพายเรือคายัค ที่นี่แต่ก้อนเป็นภูเขาพอทำเขื่อนทำให้ภูเขาถูกน้ำท่วม ทำให้บริเวณนี้น้ำค่อนข้างลึก เวลาพายเรือออกห่างจากฝั่ง มองลงในน้ำสีเขียวมรกต รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
อาหารบนแพจะเป็นเมนูทั่วๆไป รสชาดค่อนข้างเผ็ดแบบอาหารปักษ์ใต้ เมนูที่เรากินจะเป็นเมนูปลาซะส่วนใหญ่ เพราะมาอยู่แพ จะมีชาวบ้านที่จับปลาได้เอามาส่งแพ เนื้อปลาสดมาก อีกเมนูที่ขาดไม่ได้คือหน่อไม้ดอง ทั้งแกงเผ็ดทั้งผัด มักจะมีหน่อไม้ดองร่วมด้วยเสมอ รสจัดแต่อร่อย
อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสจริงๆ กับบรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดแทรกมาตามม่านหมอกที่เคล้าคลอตามภูเขา ด้านล่างเป็นสายน้ำสีเขียวมรกตในจนส่องแทนกระจกได้ เวลาถ่ายรูปออกมาจะเป็นภาพสะท้อนที่สวยงาม
และแล้วก็ไดเวลาเก็บสัมภาระอีกรอบ เป็นแบบนี้ทุกครั้ง คืออารมณ์ไม่อยากจากไปไหนเลยอยากปล่อยให้เวลาล่วงเลย ทิ้งตัวเองไว้แบบนี้สักเดือนคงจะดี
ขากลับเราก็ไม่ลืมที่จะแวะไปจุดถ่ายรูปที่สำคัญอีกจุดและถือเป็นเอกลักษณ์ของเชี่ยวหลาน นั่นก็คือ เขาสามเกลอ เป็นเขาหินปูนเรียวเล็กสามลูกที่โผล่พ้นน้ำในบริเวณใกล้กันเหมือนเป็นเพื่อนกัน จึงเรียกเขาสามเกลอ
ขอจบทริปนี้ด้วยภาพสวยๆ บรรยากาศหน้าฝน แล้วเจอกันทริปใหม่คร้าบ
อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 16.14 น.