วันนี้เรามีแผนเที่ยวในเขตรอบนอกของตัวเมืองมะนิลา โดยเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย จนเกือบจะวนรอบกรุงมะนิลาเลยก็ว่าได้ แต่อยู่กรุงมะนิลาเป็นวันที่ 3 แล้ว ทั้งๆที่โรงแรมที่พักอยู่ในเขตมาลาเต้ ซึ่งใกล้กับโบสถ์มาเลเต้ (Church of Malate) ชนิดเดินไม่ถึง 50 ก้าวก็ถึงประตูโบสถ์ แล้วจะรอช้าไปใย เราจึงไปโบสถ์มาลาเต้ตั้งแต่ประตูโบสถ์ยังไม่เปิด
โบสถ์มาลาเต้เมื่อมองจากระยะไกลเหมือนมีช่องหน้าต่างจำนวนหลายบาน แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆพบว่าช่องหน้าต่างที่เห็นนั้นส่วนใหญ่เป็นการสลักหินให้ดูคล้ายหน้าต่าง โดยมีช่องหน้าต่างจริงๆเพียงไม่กี่บานเท่านั้น โบสถ์นี้ไม่มีหอระฆัง หรือตัวโครงสร้างอาคารที่ยื่นออกมาจากตัวโครงสร้างหลัก จึงให้ความรู้สึกเหมือนป้อมปราการขนาดใหญ่ ที่ดูแน่ๆตันๆ แต่ก็พอมีลวดลายแกะสลักรูปทรงเลขาคณิตบาง ซึ่งช่วยเสริมให้ตัวโบสถ์ลดความขึงขังลง อันเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1588
เราเดินชมความแข็งแกร่งที่ผสมกับความงามภายนอกสักพัก ประตูโบสถ์ด้านข้างก็ถูกเปิด เห็นว่าพอมีคริสต์ศาสนิกชนเข้าไปสวดมนต์และสงบนิ่งอยู่ภายในโบสถ์บ้าง เราจึงถือโอกาสเข้าไปภายใน จึงพบว่าสิ่งที่เห็นภายนอก กับความเป็นไปภายในนั้นแตกต่างกันลิบลับ เพราะแม้ภายนอกจะดูขึงขัง แต่ภายในกลับงดงามและอ่อนโยนยิ่งนัก ทั้งจากโครงสร้างโดมโค้ง และภาพกระจกสีแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูที่บานหน้าต่าง
เราเดินออกจากโบสถ์โดยใช้ประตูด้านข้าง บริเวณนี้มีรูปปั้นของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในสภาพใกล้ความตาย นี่คืออนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงชาวมาลาเต้จำนวนมากที่สังเวยชีวิตให้กับสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุการณ์อันน่าโศกเศร้าในอดีต ก่อนที่มาลาเต้จะกลายเป็นหนึ่งในย่านธุรกิจของกรุงมะนิลาในปัจจุบัน
“ไปกินไก่กัน” จุ๋ยชวนขณะที่ผมกำลังกำลังยืนชมความงามของโบสถ์มาลาเต้จากด้านข้าง
“ไก่อะไร ไก่ทอด Jallibee อีกหรอ ไม่เอาแล้ว เค็ม”
“ไม่ใช่ ไก่ย่างร้าน Aristocrat ร้านดังของย่านมาลาเต้ต่างหาก”
ร้าน Aristocrat ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์มาลาเต้ บริเวณอ่าวมะนิลา ร้านนี้ติดสโลแกนไว้หน้าร้านว่า “Home of the best chicken barbeque in town” เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ จากปีค.ศ.1936 ที่เริ่มจากการขายแซนวิชบนรถที่ขับไปขายยังที่ต่างๆ จนปีค.ศ.1945 ได้เกิดเมนูไก่บาบีคิวที่อร่อยจนโด่งดังไปทั่วฟิลิปปินส์ จนเรียกได้ว่าหากมามะนิลาแล้วไม่ได้ลิ้มลองไก่บาบีคิวของร้าน Aristocrat เรียกว่ายังมาไม่ถึงมะนิลาอย่างแท้จริง เพราะร้านนี้ไม่มีสาขา มีร้านเดียวตั้งอยู่ริมอ่าวมะนิลาที่ย่านมาลาเต้นี้เท่านั้น
แม้ร้านจะมีเมนูหลากหลาย เพราะเปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง แต่แน่นอนว่าเราสองคนจะสั่งเมนูอื่นใดได้ นอกจาก ไก่บาบีคิว เมนูขึ้นชื่อของร้าน แต่ดูแล้วไก่บาบีคิวเสียบไม้ย่างนี้เสริฟ 3 ชิ้นในไม้เดียว ผมจึงคิดจะแบ่งกับจุ๋ย แต่เพื่อนร่วมทางที่เป็นเพื่อนร่วมทานบอกว่า ไม่เอา ไม่แบ่ง กินคนเดียวทั้งไม้เลย เป็นอันว่าเราสองคนสั่งไก่บาบีคิวมากินคนละไม้
ไก่ย่างเสียบไม้ถูกยกมาเสริฟด้วยกลิ่นที่หอมฉุย มีชิ้นน่อง สะโพกและปีก นอกจากไก่ 3 ชิ้นแล้วยังมีข้าวผัดขมิ้นที่มาในจานเดียวกัน แถมเรายังสั่งซุปปูอีก แม้ปริมาณจะเยอะ แต่เพราะรสชาติไก่บาบีคิวที่หมักจนเข้าเนื้อ พร้อมด้วยซอสชวาที่รสชาตินุ่มลิ้น สมแล้วที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นร้านไก่บาบีคิวที่อร่อยที่สุดในฟิลิปปินส์
จุ๋ยถามว่าอร่อยไหม
“ก็งั้นๆแหละ สู้ไก่ย่างนิตยาหรือไก่ย่างวิเชียรบุรีบ้านเราไม่ได้หรอก” ตอบไปผมก็ตัดส่วนที่ไหม้ทิ้งไป ตัดเนื้อไก่กินไป อร่อยและสนุกดีแท้ จนไก่ย่างทั้ง 3 ชิ้นหมดเกลี้ยงจาน
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.46 น.