เราโดยสารรถไฟฟ้า LRT 2 จากนั้นไปต่อรถไฟฟ้า MRT ที่สถานี Cubao จุดเชื่อมต่อนี้ค่อนข้างไกล ซึ่งต้องผ่านเข้าไปในห้าง Gateway และเวลานี้ฝนได้เทกระหน่ำ เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Quezon แทนที่จะเดินไปยังเกซอนซิตี้ เราจึงต้องเข้าไปหลบฝนกันต่อที่ห้าง Centris Station
ในเมื่อฝนตกและเป็นเวลาเที่ยงพอดี เราจึงถือโอกาสหาอาหารใส่ท้อง จากที่เดินผ่านหลายครั้ง เวลานี้จึงถือโอกาสเข้าไปชิมอาหารใน Mang Inasal ที่แม้รูปแบบร้านจะออกแนวอาหารฟาสฟู้ด แต่ก็จำหน่ายอาหารพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ มื้อนี้เราสั่งพาลาบ็อก (Palabox) ที่หน้าตาคล้ายขนมจีนซาวน้ำบ้านเรา รสชาติไม่หวาน แต่ออกจะเค็มและเผ็ดเล็กน้อย ราดหน้าด้วยกุ้งสด ปลาป่น ไข่ต้ม พร้อมด้วย Mansi หรือมะนาวลูกเล็กที่ให้ความเปรี้ยว เสริมรสชาติให้อร่อยยิ่งนัก
จากนั้นดับความคาวกันด้วยฮาโลฮาโล (Halo Halo) น้ำแข็งไสสัญชาติฟิลิปปินส์ ที่อัดแน่นด้วยท็อปปิ้งที่แต่ละอย่างหวานได้ใจ ทั้งถั่วแดง ถั่วเหลือง กล้วยเชื่อม วุ้น พร้อมด้วยไอศครีมอีก 1 ลูก ทำให้มื้อนี้อิ่มอร่อยยิ่งนัก
ฝนฟ้ายังไม่หยุดตก จุ๋ยจึงตัดสินใจเข้าไปซื้อร่มในซุปเปอร์มาเก็ต แต่เมื่อซื้อเสร็จ ฝนก็หยุดตกพอดี ร่มที่ซื้อจึงเปลี่ยนจากกางกันฝน เป็นกางกันแดดแทน
เกซอนซิตี้ (Quezon City) เป็นเขตเมืองใหม่ของกรุงมะนิลา โดยมีการออกแบบผังเมืองไว้อย่างดี มี Quezon Memorial Circle เป็นจุดศูนย์กลาง มีถนนตัดออกในลักษณะรัศมีโดยรอบ ถนนแต่ละสายถูกสร้างอย่างกว้างใหญ่ ในลักษณะ Avenue ทีแรกเราคิดว่าคืนแรกในกรุงมะนิลาเราจะมานอนที่นี่ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเขตเมืองใหม่ที่น่าจะมากไปด้วยห้างร้าน แต่โชคดีที่เราเปลี่ยนใจเลือกไปนอนในเขตมาลาเต้ตลอด 3 คืน เพราะแม้เกซอนซิตี้จะเป็นเขตเมืองใหม่ แต่ก็เป็นเมืองใหม่ในแง่ของศูนย์ราชการ หากมานอนที่นี่ แทนที่จะได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และลิ้มรองอาหารอร่อยๆ เราคงต้องเปลี่ยนไปเที่ยวกระทรวงต่างๆ และกินอาหารในโรงอาหารของแต่ละกระทรวงแทน เพราะตลอดถนนที่ตัดตรงสู่ Quezon Memorial Circle แทบไม่มีร้านค้าและบ้านเรือนของประชาชนทั่วไปเลย มีแต่หน่วยงานราชการทั้งกระทรวง โรงพยาบาล โรงเรียนเรียงกันเป็นแถว
ก่อนถึง Quezon Memorial Circle เป็นที่ตั้งของ Ninoy Aquino Parks and Wildlife Center อ่านจากชื่อและดูแผนที่ที่กินอาณาบริเวณมากพอควร จึงคิดไปเองว่าภายในนี้น่าจะมีอะไรดีๆให้ชม เพราะเป็นศูนย์กลางของชีวิตสัตว์ป่าเชียวนะ แต่เราก็ต้องประหลาดใจว่า จากราคาค่าเข้า 100 เปโซ เจ้าหน้าที่เก็บเราแค่คนละ 30 เปโซเท่านั้น
แต่เมื่อเราได้เข้าไปภายใน จึงได้เข้าใจว่า เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงเก็บค่าเข้าเพียงเท่านี้ เพราะหากเก็บถึง 100 เปโซ เขาคงรู้สึกผิดมาก เพราะภายในสวนแห่งนี้นอกจากลิง จระเข้ และงูที่อยู่ในกรง ก็แทบไม่มีอะไรให้ดู บรรยากาศโดยรวมจึงให้ความรู้สึกเหมือนสวนสัตว์ประจำตำบลที่ใกล้จะปิดให้บริการเต็มที เพราะขาดงบประมาณสนับสนุน จะมีก็แต่บริเวณริมสระน้ำเท่านั้น ที่บรรยากาศพอจะสวยหน่อย โดยเวลานี้มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาใช้เป็นสถานที่ถ่ายรูปแต่งงาน
เราเก็บความผิดหวังเอาไว้ จากนั้นจึงตรงสู่ Quezon Memorial Circle สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเกซอนซิตี้ จุดศูนย์กลางของสวนเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สูงใหญ่ ประกอบด้วยเสาสูง 3 ต้น บนยอดเสาเป็นรูปปั้นสีทองของผู้หญิงมีปีกนั่งห้อยขา เราพยายามหาทางเดินข้ามถนนกว้างใหญ่เพื่อข้ามไปยังสวน แต่เดินจนเกือบครึ่งรอบก็ยังไม่เห็นแม้เงาของไฟจราจร สะพานลอย อุโมงค์รอดถนน หรือแม้แต่ทางม้าลาย ในเวลานั้นมีเด็กวัยรุ่น 3 คนเดินมา เราจึงหยุดดูว่าพวกเขาจะข้ามถนนที่มากไปด้วยรถกันอย่างไร เด็ก 3 คนหยุดเพื่อรอจังหวะไม่กี่วินาทีก็วิ่งข้ามถนนกันหน้าตาเฉย เราจึงได้แต่ยืนงงว่านี่เขามีงบประมาณสร้างเมืองใหม่และสวนขนาดใหญ่ได้เช่นนี้ แต่ทำไมกลับไม่คิดสร้างสะพานลอยหรือวิธีการข้ามถนนที่ปลอดภัยเลย
สุดท้ายจึงทำได้เพียงมองอนุสาวรีย์จากฝั่งตรงข้าม และเรียกแท็กซี่กลับไปยังสถานีรถไฟฟ้า พร้อมบ่นกับตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่เกซอนซิตี้
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.53 น.