เที่ยวทิพย์มานาน
ในที่สุดก็ได้จัดทริปเที่ยวสักที
แล้วหน้าฝนแบบนี้ไปไหนดีน้าาา แต่ยังไม่อยากไปไกลๆ ขึ้นเหนือล่องใต้ เพราะมาตรการกักตัวยังมีอยู่ บางที่ก็ยังไม่เปิดให้เที่ยวด้วย ต้องเช็คกันอีก ยังไม่อยากเสี่ยงค่ะ อยากรอชัวร์ๆ ก่อน ขอใกล้ๆ เนี่ยแหละที่ขับรถไปได้ ไปพักผ่อน นอนชิลล์สักคืนนึง เพื่อชาร์จแบตให้ร่างกาย ได้มองทะเลสักนิด ป่าเขาสักหน่อย ดื่มด่ำธรรมชาติให้เต็มอิ่ม
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาทันที งั้นก็ "พัทยา" มั้ยล่ะ .. แต่เดี๋ยวก่อน มีอีกความคิดที่ผุดตามมาติดๆ คือ "เบื่อแล้ว" ไปนอนริมทะเลพัทยาบ่อยมาก แต่เอ๊ะ เวลาไปพัทยาทีไร ขึ้นมอเตอร์เวย์ลงพัทยาทุกที ไม่เคยแวะชลบุรีเลย ถ้างั้น คำตอบคือ ไป "ชลบุรี" ละกัน เพราะชลบุรี ไม่ได้มีแค่พัทยานี่นา โอเค Let's go Chonburi กันเลย
Day 1
หลังจากมื้อเที่ยง เราก็ออกจากกรุงเทพฯ ขับตรงมาบางแสน อ่างศิลากัน สถานที่แรก ขอไปไหว้พระทำบุญก่อนที่ "วัดแสนสุขสิทธิวราราม" ซึ่งวัดนี้จะเป็นที่ศึกษาแดนนรก สวรรค์ด้วยนะ แต่เราไม่ได้ไปจุดนั้น แอบกลัวพวกรูปปั้นแดนนรก เลยแวะแค่ตรงพระมหาเจดีย์จ้า สวยงามมากๆ ด้านในก็งดงามนะคะ ต้องไปชมกันเอง
หลังจากไปวัดเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ก็ไปต่อกันที่นี่ "The Sea Garden" ตกแต่งสีขาวๆ คลีนๆ สะอาดตา ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งเราทานมื้อเที่ยงมาแล้ว เลยแวะซื้อน้ำและถ่ายรูประหว่างรอ
เราไปต่อกันที่ "สะพานชลมารควิถี" เพราะเป็นทางผ่าน ก่อนจะย้อนกลับไปทางตัวเมืองชลบุรีค่ะ ด้วยความที่เป็นฤดูฝน มาถึงนี่ประมาณบ่าย 3 กว่าๆ แดดก็ร่มแล้วจ้า อากาศเย็นสบาย ลมแรงเลยทีเดียว เหมาะแก่การมาเดินชิลล์ๆ ถ่าย MV เหงาๆ ก็ได้นะ ^^
เที่ยวนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ เราก็ได้เวลาไปที่พักกันแล้ว ด้วยความที่ทริปนี้อยากไปพักผ่อนแบบไม่เอาทะเลแล้วน้าา เพราะไปนอนริมทะเลพัทยาบ่อยแล้ว เลยหาที่พักที่สงบ และไม่ติดทะเล เลยได้มาพักที่นี่ค่ะ "Patoey House" ภาษาไทยอ่านว่า ปาโต้ยเฮาส์ แปลว่า ป่าลึก
ที่นี่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากๆ ถ้าไม่แวะเที่ยวอ่างศิลา บางแสนก่อนแบบเรา ชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วนะ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ แนะนำให้มาทางทางด่วนบูรพาวิถี ลงมาปุ๊บเจออมตะนคร ก็จะถึง Patoey House แล้วจ้า หรือจะขับตามเส้นบางนาไม่ขึ้นทางด่วนก็ได้ ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง
เราขับรถตาม GPS มาเลยค่ะ ไม่ต้องตกใจ เพราะเข้ามาลึกพอสมควร ก็จะเจอป้าย Patoey House ขับเข้าไปโลด พอเข้าไปปุ๊บ โอ้โห บรรยากาศดีมาก คนละเรื่องกับถนนใหญ่ที่เข้ามาเลย เพราะแถวนี้ใกล้อมตะนคร จะเป็นโรงงานเต็มไปหมด แต่พอเข้ามาถึง Patoey House เหมือนวาร์ปข้ามมิติกันเลยทีเดียว เงียบ สงบมาก จนไม่อยากกลับออกไปเผชิญรถ และมลพิษเยอะๆ ข้างนอกอีกเลย
จุดนี้คือ Reception ค่ะ มาติดต่อตรงนี้ก่อน ที่พักจะเป็นสไตล์ธรรมชาติ ต้นไม้เยอะมาก ห้องพักก็มีหลายแบบนะ แต่ละแบบก็ตกแต่งต่างกันอีก ตามมาดูกันเลย เป็นรูปที่เราถ่ายเองทั้งหมดน้าา รีวิวตามที่เราจับใจความได้ ผิดถูกยังไง ถามทางที่พักอีกทีนะคะ 55
แบบ 1 ราคา 450 บาท/คืน สำหรับนอนคนเดียว ไม่มีตู้เย็นค่ะ บ้านน่ารักมาก เหมือนนอนในแคปซูลเลย มีเพียง 1 หลังถ้วน
แบบที่ 2 ราคา 600 บาท/คืน ไม่มีตู้เย็น แบบนี้จะมีทั้งบ้านพักปกติ จอดรถข้างบ้านเลย กับแบบยกสูง จอดรถใต้ถุนจ้า ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบเตียงใหญ่ 1 เตียง หรือเตียงเล็ก 2 เตียงนะคะ
แบบที่ 3 ราคา 800 บาท/คืน แบบนี้มีตู้เย็นจ้าา จะเป็นบ้านพักริมบ่อบัวเลย มีโต๊ะริมบ่อบัว นั่งรับลม หรือกินดื่มได้ตามใจชอบ
แบบที่ 4 ราคา 1,200 บาท/คืน แบบนี้ก็มีตู้เย็นค่าา ซึ่งเป็นห้องที่เราพักนั่นเอง ใหญ่มาก กว้างมาก หน้าต่างกระจกรอบด้าน เปิดรับลมโกรกสบายๆ และการตกแต่งเป็นแบบปูนเปลือย ชอบเลย ห้องน้ำก็กว้างสุดๆ ที่ชอบมาก คือ ฝักบัว Bluetooth เชื่อมกับโทรศัพท์มือถือเรา เปิดเพลงฟังระหว่างอาบน้ำได้ด้วยอ่ะ
ซึ่งห้องนี้จะอยู่ชั้นบนค่ะ ทำให้รับลมได้ดีมาก และสวยเลยแหละติดบ่อบัว ได้วิวริมน้ำด้วย ส่วนชั้นล่างห้องที่เราพัก เป็นห้องแบบที่ 5 ละกัน เรียกว่าห้อง Co-Working Space เหมาะกับทำงาน และนอน สามารถรองรับได้เป็น 10 คนเลยค่ะ ส่วน แบบที่ 6 เป็นห้อง 3 คน เราไม่ได้เข้าไปดูนะคะ
เมื่อเข้าที่พัก และสำรวจเรียบร้อย ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว ที่นี่เราสามารถไปซื้ออาหารทะเลจากบางแสน มาปิ้งย่างกินได้ด้วยนะ ที่รีสอร์ทมีเตาให้ยืมฟรีค่าา แต่เรามากันแค่ 2 คนเองเนอะ ไม่อยากวุ่นวาย เลยใช้บริการ Patoey Kitchen & Cafe เครื่องดื่ม และอาหาร อร่อยมาก ราคาไม่แพงเลย คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ราคาอาหารในโรงแรมจะสูงกว่าข้างนอก แต่ที่นี่เท่าๆ ข้างนอกเลยจ้า ถึงแม้จะไม่ได้พักที่นี่ ก็แวะเข้ามาทานอาหาร ถ่ายรูป รับลมเย็นๆ ได้นะคะ เหมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกที่นึง add list ไว้ได้เลย
เมนูอาหารที่นี่ ถ้าเป็นกับข้าวแบบนี้ อย่างละ 80 บาทเท่านั้นเอง ถ้าอาหารจานเดียว 60 บาทค่ะ อร่อยทุกอย่าง ซึ่งผักสวนครัวที่นี่ปลูกเองด้วยนะ ถ้าใครไม่ทานรสจัด ต้องแจ้งหน่อยนะคะ เพราะอาหารค่อนข้างรสจัด แซ่บมาก เราทานเผ็ดอยู่แล้ว ชอบเลย บรรยากาศก็ดีเนอะ ว่ามั้ย
Day 2
เช้านี้ ฝนตกแต่เช้า อากาศเย็นชุ่มฉ่ำ เราใช้บริการอาหารเช้าของรีสอร์ทค่ะ สแกนเมนูอาหารที่ห้อง สั่งให้มาเสิร์ฟที่ห้องได้เลย
หลังจากอาหารเช้า ก็สายแล้วล่ะ 55 ตั้งใจไม่ออกไปไหน เพราะบอกแล้วว่าทริปนี้ตั้งใจมาพักผ่อน กินอิ่ม นอนหลับเต็มตา ชาร์จแบตเต็มที่ เลยอยู่ในโรงแรม ถ่ายรูปวนไปนะค้าาา
องุ่นนี่ทานได้จริงนะ แต่ยังไม่สุกเต็มที่ เลยอดชิมเลย อิอิ หลังจากถ่ายรูปเล่นแล้ว จริงๆ ก็ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้วล่ะ เราเลยไปนั่งเล่นที่ Patoey Cafe ทำงานนิดหน่อยรอเวลา
และแล้วก็ถึงเวลาอาหารเที่ยง เราใช้บริการร้านอาหารของ Patoey Kitchen เหมือนเดิมค่ะ สบาย ไม่ต้องออกไปไหน อาหารครบ 3 มื้อเลย ไม่แพงด้วย อิ่ม อร่อยด้วยน้าา
หลังอาหารเที่ยง ก็ Check Out ออกจากรีสอร์ทแล้วค่าา ได้พักผ่อนเต็มที่จริงๆ ไว้มาใหม่แน่นอน ใกล้กรุงเทพฯ ขนาดนี้ อยากมาเมื่อไร แวะมา แป๊บเดียวถึง
ก่อนกลับกรุงเทพฯ ฟ้าแจ่มมากค่ะตอนนี้ เราเลยแวะถ่ายรูปสักที่ เห็นว่าเป็น แกรนด์แคนยอนชลบุรี ไหนๆ ขอไปดูหน่อยสิ แต่ๆๆๆ มันไม่เหมือนแกรนด์แคนยอนเลย น่าจะเรียกว่า เขื่อน หรือ อ่างเก็บน้ำ มากกว่าอ่ะ แต่ไม่เป็นไร มาแล้ว ถ่ายรูปค่ะ 55 เข้าฟรี แต่เก็บค่าจอดรถ 20 บาทนะคะ
จากกันไปด้วยรูปนี้ค่ะ ทริปนี้สบายๆ ใกล้กรุงเทพฯ "ชลบุรีไม่ได้มีแค่ทะเล" นะค้าาา
Travelholic
วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 21.17 น.