" Madamsupakan " กับการ Solo Camping ครั้งเเรก
2 DAYS 1 NIGHT with Vespa s125
เมื่อสีเขียวของธรรมชาติเรียกร้องให้ไปหา......
กับภาพที่ทำให้ก้าวออกจากเซฟโซนด้วยตัวคนเดียวอีกครั้ง......ที่นั่นคือ "บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์"
ลานกางเต้นท์ในอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี สถานที่ทุกคนขนานนามว่าปางอุ๋งชลบุรี
ระยะทางจากกรุงเทพ 165 กิโลเมตรโดยประมาณ กับสองล้อคู่ใจที่ไม่เคยเดินทางไกลมากก่อน มอเตอร์ไซด์เวสป้า s125 คันน้อย นี่เป็นครั้งเเรกเลยที่เราจะได้ออกไปผจญภัยด้วยกัน สัมภาระมากมายเหมือนจะมาพักมากกว่า 2 คืน น้ำหนักรวมเกือบ 20 กิโลกรัมได้ถูกมัดติดกับเวสป้าคันน้อยของเรา เเค่เเพ็คของก็เหนื่อยเเล้ว...ไม่เกินจริง
บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์เป็นลานกางเต้นท์เอกชลที่มีลานกางเต้นท์ให้เลือกหลายโซนมากๆ มีทั้งหมด 11 ลาน มีไฟฟ้าให้ต่อพ่วง ห้องน้ำเเยกชาย-หญิง มีร้านขายของ ร้านข้าวเเละคาเฟ่ เเละในช่วงที่สถานการณ์โควิดยังไม่ดีขึ้นมากเเบบนี้ ทางลานมีการกำหนดจำนวนผู้เข้าพักด้วย ซึ่งต้องติดต่อเพื่อจองก่อน
รายละเอียดเพิ่มเติม > https://www.facebook.com/madam...
เมื่อเล็งมุมที่อยากกางได้ โอนเงินจองลานเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกเดินทางได้ ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรทำให้เราต้องวางเเผนการพักรถทุกๆ 70 - 80 กิโลเมตร เพื่อความสบายใจของตัวเอง
DAY 1
เราออกเดินทางเช้าตรู่วันที่ 29 กันยายน ขับผ่านเเยกบางนามาอย่างชิลๆ มาเจอรถติดเเถวบางบ่อ บางประกงเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดี พอหลุดมาได้ ดันมาติดซ้ำก่อนถึงพนัสนิคมอีกครั้ง ซึ่งกว่าจะถึงเป้าหมายได้ เราใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไปครึ่งชั่วโมง
ถึงจุดหมายเเล้วทำการเเจ้งชื่อ เดินเลือกโซนกางเต้นท์ได้ตามสะดวก ซึ่งที่นี่ให้สิทธิ์คนมาก่อนได้ก่อน ที่เราเลือกมาวันธรรมดาเพราะไม่อยากไปเเย่งกับใครเเละไม่อยากเจอคนพลุกพล่าน เราเดินวนๆ อยู่พักเดียว ก็มาจบตรงโซน G โซนที่เล็งมาจากบ้าน
มุมที่เหมือนมีเกาะส่วนตัว เงียบสงบ วิวรอบด้าน เเละไม่ไกลห้องน้ำ
กางเต้นท์ กางทาร์ป จีดของเรียบร้อยด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว อากาศในวันนั้นค่อนข้างร้อนถึงร้อนมาก เลยถือโอกาสเดินไปซื้อน้ำเย็น ๆ เเล้วตระเวนถ่ายรูปเลยเเล้วกัน บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ มีเรือปั่น เรือคายัคให้พายฟรีอีกด้วย
อีกมุมที่ทุกคนที่มาเเล้วต้องเเวะถ่ายรูป
ที่นี่มีโซนยอดฮิตอีกหนึ่งโซน คือโซน E สันโดษ เงียบสงบ บรรยากาศดี เเต่ไกลห้องน้ำไปนิด
หลังจากตระเวนถ่ายรูปเสร็จ ร้อนจนหมดเเรงเลยกลับมานั่งทำกับข้าวเเล้วรีบหนีไปอาบน้ำสระผม เพราะได้ยินเสียงฟ้าร้องมาเเต่ไกล พอพระอาทิตย์ตก....เราก็ยกกับข้าวที่เตรียมไว้ออกมานั่งกินเงียบๆ ฟังเสียงธรรมชาติกับการดูเเสงสุดท้ายของวัน...นี่มันฟ้าพายุหรือป่าวนะ
...สรุปคืนนั้นฝนไม่ตก เเต่อากาศเเอบเย็นๆ ตอนดึกถึงเช้ามืด
DAY 2
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นเเต่เช้ามารอดูพระอาทิตย์ขึ้นผ่านทิวต้นสนด้านหลังเต้นท์ เเต่...ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจให้กันเท่าไหร่ เเต่ภาพที่ได้มองเห็นก็ทำให้เรามีความสุขเหมือนเคย เวลาที่เราได้นั่งนิ่งๆ เเล้วมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดกังวลอะไร เป็นความรู้สึกที่เรียบนิ่งดีมาก
เมื่อดื่มด่ำความสวยงามของธรรมชาติจนพอใจเเล้ว คงถึงเวลาที่เราต้องเก็บของเดินทางกลับกันเเล้ว เพราะเรามีเวลาเเค่ 2 วัน เเอบรู้สึกเสียดาย เเต่ช่วงเวลาสั้นๆ เหล่านี้ช่วยเยียวยาหัวใจเราได้ดีมากเลยล่ะ พร้อมกลับไปสู้กับงานที่วางกองรออยู่เเละความเครียดในโลกของความเป็นจริง หลังจากนี้...คงได้อกไปเเคมป์คนเดียวบ่อยๆ เเล้วล่ะ : )
สุดท้ายนี้....อยากบอก
- ใครไปแคมป์คนเดียว(ผู้หญิงเหมือนเรา) ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีคนในลานอย่ากางเต้นท์ไกลคนอื่นมาก เลือกกางใกล้คนที่มาเป็นครอบครัวปลอดภัยกว่า หลีกเลี่ยงเเก๊งค์วันรุ่น เพราะนอกจากเสียงดังเเล้ว เเอบน่ากลัวเพราะมีการดื่มเเอลกอฮอล์กัน
- แคมป์คนเดียวไม่เหงานะ
- อย่าลืมที่รองนอน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอให้ทุกคนเที่ยวอย่างระมัดระวังเเละมีความสุขนะคะ
P.
P.
วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14.17 น.