ทันทีที่รถออกคนขับก็ชวนคุย และพูดๆๆอย่างไม่มีหยุด แต่ทุกบทสนทนาก็ล้วนชักชวนให้เราซื้อทัวร์เขาต่อในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้เป็นเพราะจุ๋ยขอพรจากพระโพธิสัตว์กวนอิมที่วัดเต๋าหรือเปล่า เพราะทันทีที่คนขับรู้ว่าจุ๋ยตั้งใจจะไปดูฉลามวาฬ เขาจึงเสนอว่าเช่ารถเขาไปออสล็อบไหม เพราะค่าเช่าแค่ 4,000 เปโซเท่านั้น ไปกัน 2 คนเฉลี่ยคนละ 2,000 เปโซเอง ถูกกว่าไปกับเอเจนซี่ทัวร์ตั้งครึ่ง จุ๋ยหันมาทางผมทันที ไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ว่าจุ๋ยจะพูดอะไร
“ไม่มีปัญหา หากอยากไปก็ไปด้วยกัน” ผมตอบเพื่อนร่วมทางไปเช่นนั้น “แต่จะกลับมาทันขึ้นเรือไปโบโฮลหรอ เรือออก 13.45 นะ”
คนขับแท็กซี่บอกว่าทัน เพราะจากซีบูไปออสล็อบใช้เวลาเดินทาง 2 – 3 ชม.
จุ๋ยจึงรีบตอบตกลงคนขับแท็กซี่ทันที โดยนัดหมายให้มารับที่โรงแรมตั้งแต่ตี 4 เพราะการดูฉลามวาฬนั้นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ถึงแค่สายๆก็หมดเวลาดูแล้ว ซึ่งหากสามารถดูได้ทันวันนี้ เราคงไม่ต้องนั่งรถย้อนไปย้อนมาเช่นนี้ เพราะโบสถ์สิมาลานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเกาะ ในขณะนี้ออสล็อบบนั้นอยู่ในตำแหน่งเกือบปลายเกาะซีบู
จุ๋ยคุยกับคนขับแท็กซี่ไปตลอดทาง ในขณะที่ผมก็นั่งหลับๆตื่นๆไปตลอดทาง ขับออกจากตัวเมืองได้สักพัก คนขับก็ส่งพัดใบลานแบบที่มีขายในบ้านเรามาให้คนละคัน ทีแรกคิดว่าเอาไว้พัดดับร้อนจากแอร์รถที่ไม่ค่อยเย็น แต่คนขับบอกว่าเอาไว้เสียบที่กระจกด้านข้างเพื่อบังแดด
เราผ่านเขตเมือง 2 -3 แห่ง แต่ละเมืองล้วนมีตลาดสด และร้าน Jallibee จนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่า ที่ไหนมีแหล่งชุมชน ที่นั่นย่อมมี Jallibee
ช่วงที่ผ่านเขตเมืองการจราจรแสนติดขัด ทั้งจากปริมาณรถที่มากและถนนที่แคบ พ้นเขตเมืองถนนจึงโล่ง เผยให้เห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลให้สายตาได้พักบ้าง จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงเราจึงเดินทางมาถึงโบสถ์สิมาลา (Simala Church)
ยังครับ ยังไม่ขึ้นโบสถ์ แต่ขอไปหาอาหารเที่ยงและน้ำเย็นๆดับร้อนกันก่อน เพราะโบสถ์นี้ตั้งอยู่ในเขตชนบท ท่ามกลางเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน ร้าน Jallibee หรือ 7 eleven จึงยังไม่มีสาขามาตั้ง มองซ้ายแลขวาแล้วไม่มีร้านพอที่จะผ่านมาตรฐานขั้นต่ำของคุณชายจุ๋ย แต่เมื่อท้องมันร้องอย่างไงก็ต้องกิน ดีที่ร้านที่ตั้งอยู่ไกลสุดเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ หน้าตาอาหารก็ดูสะอาดและปลอดภัย มื้อนี้จึงรอดตายไปอีกมื้อ
โบสถ์สิมาลา เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาโธริค เพื่ออุทิศให้พระแม่มารี ตั้งอยู่ตั้งอยู่บนเขามาเรียน (Marian hill) ในเขตจังหวัด Sibonga ซึ่งอยู่ตอนกลางของเกาะซีบู สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1998 นี่เอง ปัจจุบันอภิมหาโบสถ์แห่งนี้จึงยังสร้างไม่เสร็จ แต่แม้จะยังไม่เสร็จ ก็มาชาวฟิลิปิโนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาที่นี่ ซึ่งจะว่าไปตลอด 5 วันที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้มีคนมาเที่ยวชมมากกว่าทุกๆทุกที่ที่เราไป
หากไม่รู้มาก่อนว่าเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ ผมอาจคิดว่าเป็นปราสาทในเทพนิยาย แบบที่สร้างขึ้นในสวนสนุกพวกดิสนีย์แลน์ เพราะตัวโบสถ์ที่สร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่ มีความสูงมากกว่า 5 ชั้นนั้นไม่ว่าจะดูมุมไหนก็เห็นยอดแหลมคล้ายปราสาท ไม่ว่าจะเป็นหลังคาของอาคารหลัก หรือแม้แต่เสาสะพานที่ทอดยาวไปยังตัวโบสถ์ อีกทั้งด้านหน้าสร้างเป็นสวนขนาดใหญ่ไว้อย่างสวยงาม
แม้ภายนอกจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่สำหรับภายในโบสถ์นั้นสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีลักษณะโปร่ง และดูสดใสจากโทนสีขาวและเหล่าภาพวาดของพระแม่มารีที่ใช้สีโทนอ่อน แตกต่างจากโบสถ์สมัยเก่าที่ที่ให้ความรู้สึกเคร่งขรึม
เรากลับมาที่รถแท็กซี่ตามเวลาที่นัดหมายไว้ จากที่ขามาจุ๋ยคุยกับคนขับตลอดทาง ในเวลานี้ก็มีอาการเหมือนผมคือหลับใหลไปตลอดทางจนถึงห้าง SM Seaside City ห้างขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณชานเมืองซีบูนั่นแหละ เราสองคนจึงตื่นจากภวังค์
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 08.52 น.