- เชียงใหม่ กับดอยที่ผู้คนมองข้าม -
ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ม่อนแจ่ม
3 ชื่อนี้คงเป็นชื่อแรกๆที่หลายคนคุ้นหูแน่นอน
ทั้งชื่อเสียง การเดินทางที่สะดวก และรีวิวมากมาย
เป็นเรื่องจริงแหละ ที่ทุกคนจะนึกถึงที่เหล่านี้
สมมติเราเป็นคนเชียงใหม่ ก็คงแนะนำเพื่อนที่ถาม “ ที่ไหนน่าเที่ยว ”
ด้วย 3 ชื่อนี้แน่นอน
ผมเป็นหนึ่งในคนที่เคยไปที่เหล่านั้นมาแล้วแหละ
พรุ่งนี้ไปไหนดี… ?
หลังมาถึงเชียงใหม่ ก็มีโอกาสไปนั่งคุยเล่นกับน้องชายที่ “ห้วยตึงเฒ่า”
อยู่ทางไปแม่ริมไม่ไกลวิวคล้ายๆอ่างแก้วนะ มีอ่าง มีภูเขา มีแกะ คนชอบไปวิ่งกันด้วยสงบดี :)
และจู่ๆผมก็ถามน้อง รอบนี้ “ พรุ่งนี้ไปไหน ไม่อยากได้แบบเดิมอ่ะ ขอแบบเป็นที่ ที่เห็นแล้วสบายใจ ”
น้องผมก็บอกว่า “นั่นไง…ไปดอยปุยมั้ย” อยู่ข้างบนดอยสุเทพขึ้นไป ใกล้มอด้วย
“ เอาดิ่! ” ผมก็ตอบลงทันที แต่ไม่รู้หรอกนะ ข้างบนนั้นจะมีไรอีกหน้าตาเป็นไง
น้องก็บอกมีหมู่บ้านม้ง มีจุดชมวิว มีน้ำตก มีดอกพญาเสือโคร่ง ตอนนั้นแค่ฟังก็รู้สึกแบบ “อ่าาาา ได้ยินแค่นี้ก็อยากไปแล้ว 😍”
ก่อนเดินทาง
เช้าวันรุ่งขึ้นวันนี้ตกลงกันว่าจะไปหาไรกินตอนเช้ากันก่อนขึ้นไป
ที่เดิม “สภากาแฟ 786 ช้างคลาน” ที่ๆมาถึงต้องไปกินกับน้องทุกครั้ง 😋
เป็นร้านชาวมุสลิม ที่ราคาดี รสชาติโดน
อาหารก็จำพวก สาระพัด ชา กาแฟ ทั้งร้อน-เย็น โรตี ไข่กระทะ ไข่ลวก ขนมปังปิ้ง
ที่เด็ดเลยคือพวกโรตีชีส กับ โรตีมาซาล่า (จะมีแค่บางวันมั้งนะ)
เส้นทางการเดินทาง
ทางขึ้นดอยสุเทพ > จุดชมวิวม่อนผาดำ
จุดชมวิวม่อนผาดำ > ลานกางเต๊นท์ดอยสุเทพ-ดอยปุย
ลานกางเต๊นท์ดอยสุเทพ-ดอยปุย > บ้านขุนช่างเคี่ยน
บ้านช่างขุนช่างเคี่ยน > หมู่บ้านม้ง
(เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติปิดอยู่)
ระหว่างทางก็เป็นเส้นทางขึ้นเขาปกติ ถนนดี ไปเรื่อยๆจนถึงดอยสุเทพ
แต่หลังจากเลยไปถึงป้ายบอกทางเข้าดอยปุย ถนนจะเริ่มเล็กลง
แบบซอยเล็กๆ แต่ยังเป็นถนนคอนกรีตดีอยู่
เที่ยวหน้าฝนมันดีหรอ ?
การเที่ยวหน้าฝนก็ต้องวัดดวงกันไปว่า ก่อนวันที่จะไปอากาศจะเป็นยังไง
ถ้าฝนตกก่อนไป อากาศชื้นๆก็ดี แบบที่เราเจอ คือหมอกไอน้ำคลุ้งเต็มตลอดทาง
สดชื่นมาก ส่วนตัวชอบมากกว่าฤดูหนาว เพราะมันไม่ได้หนาวแบบทนไม่ได้
แต่มันหนาวแบบสดชื่น อยากเอาหน้าปะทะ ><
พืชพรรณก็จะเขียวชุ่มฉ่ำ ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก
จุดชมวิวม่อนผาดำ
ระหว่างทางขึ้นดอยปุยจะเจอจุดชมวิวม่อนผาดำ พอดีกับช่วงเวลานั้นที่
เราต้องหาที่หลบฝนที่เทห่าใหญ่ลงมาอีกครั้ง ทำให้หมอกลงหนักมากกว่าเดิมมองไม่เห็นอะไรเลย
บรรยากาศมีแต่ป่าสนกับหมอก ก็สวยไปอีกแบบนะ :)
ถือว่าเป็นจุดพักรถไปในตัว
ช่วงเวลาระหว่างหลบฝนจู่ๆก็มีโมเม้นต์อยากชวนน้องคุยไปเรื่อยให้ความรู้สึกเหมือน
เหมือนในละครเลย ที่เวลาติดฝนมันจะต้องมีฉากไรซักอย่าง ก็เท่ไปอีกแบบ
เดินทางต่อกับเส้นทางสุดโหด...
พอฝนเริ่มหยุดเราก็รีบไปกันต่อ ด้วยความซ่าที่ไม่ได้ศึกษาเส้นทาง
ตอนแรกจะไปหมู่บ้านม้งก่อนแต่เลี้ยวผิด
เลยไปโผล่จุดกางเต๊นท์ที่จะไปหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยนต่อ
ระหว่างทางตั้งแต่ขับเลยดอยสุเทพขึ้นมา บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากกกก
การขับมอไซค์หน้าสู้ลมมองวิว 2 ข้างทางที่มีแสงแดดทะลุผ่าน
กลุ่มหมอกลง มากระทบใบไม้ที่เปียกน้ำเพราะฝนที่เพิ่งหยุดตก
กลายเป็นเส้นทางที่สวยงามที่สุดเท่าที่เราเคยเจอกันมา
หลังจากผ่านจุดกางเต๊นท์ดอยปุยมา ถนนเริ่มที่เริ่มเข้าสู่หมู่บ้านช่างเคี่ยนไม่ค่อยดีละ ทางจะเป็นทางเศษหินคอนกรีต+ลูกรังปนดินลื่นๆ หลุมเยอะจัดแถมชันมากแทบจะซัดเกียร์ 1–2 ตลอดทาง แต่โมเม้นต์นั้นพวกเราพร้อมลุยเต็มที่ ในใจก็คิดแค่มาขนาดนี้แล้วนะเลยลุยไปต่อ
บ้านขุนช่างเคี่ยน…ปลายทางแรกที่รู้สึกโชคดี :)
หลังจากขับผ่านทางสุดโหดไปได้ครึ่งชม เริ่มสังเกตเห็นซุ้มต้นไม้ระหว่างทาง
มันคือต้นพญาเสือโคร่ง(เสียดายหน้าฝน ไม่มีดอก)
ก็เป็นสัญญานว่าถึงบ้านขุนช่างเคี่ยนแล้ว
สภาพอากาศมีฝนปอยๆ กลุ่มหมอกหนาปกคลุมหมู่บ้าน
เลยมองไม่เห็นวิวอะไรมากนักเมื่อหมอกพัดลอยผ่านไป
สังเกตเห็นเด็กๆในหมู่บ้านเล่นอยู่ที่ลานกว้าง
เราก็เดินไปถามน้องๆว่า นี้มีอะไรบ้าง ก็ได้ข้อมูลมาให้ขึ้นไปที่โรงเรียน
ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านมีซุ้มพญาเสือโคร่ง (ตอนไปไม่บาน เค้าบอกบานหน้าหนาว)
มีโรงคั่วกาแฟ ร้านอาหาร จุดชมวิว
และที่ผมชอบมากที่นี่คือวิถีชีวิตของชาวบ้าน และเด็กๆ ทำให้รู้สึก
อยากนั่งมองว่าพวกเค้าจะทำอะไรกันต่อ ><
ชิมกาแฟขุนช่างเคี่ยน
สิ่งหนึ่งไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่คือร้านกาแฟที่นี่แหละ!
พอลองถามชาวบ้านดู ทำให้ทราบว่าที่นี่คือแหล่งเพาะปลูกกาแฟเอง
คั่วเอง ขายเอง ในชื่อของ “เมล็ดกาแฟขุนช่างเคี่ยน”
ส่งไปขายในเมือง และที่ต่างๆ ซึ่งไม่รู้มาก่อนเลย
คือปกติส่วนตัวไม่ได้เข้าถึงกาแฟ แต่เจ้าติ๊งน้องผมเป็นคนเข้าถึงกาแฟ ชอบชิม ชอบดม ชอบไปหมดเลยถึงกับแอบซื้อเครื่องดริปมาไว้ชงเองที่ห้องเลย ทำให้ผมเริ่มซึมซับ
ความรู้ด้านนี้
อันนี้เป็นจุดเปลี่ยนเลยก็ว่าได้ ทำให้เราเป็นคนสนใจที่มาของแต่ละอย่างมากขึ้น
เมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ วิธีคั่ว วิธีกิน กินกับอะไรอร่อย ทำให้มิติการกินกาแฟของเราเพิ่มขึ้น ก็ดีเหมือนกันนะ
หมู่บ้านม้งกับความเงียบที่แปลกตา
หลังจากตาค้างที่ขุนช่างเคี่ยน ก็ตัดสินใจไปต่อที่
หมู่บ้านม้งดอยปุยที่ตั้งใจไปตอนแรก
เส้นทางจะผ่านทางเดิมที่เราเลี้ยวผิดมา และจะเจอกับสวนสองแสนสถานีวิจัยดอยปุย
ระหว่างทางเส้นนี้ดีกว่าเดิมมาก ถนนทำดี ไม่ชันมากด้วย
ขับไปประมาณ 5 นาทีจากป้ายบอกทาง ก็ได้พบกับชุมชนที่สวยงาม
ของชาวเขาเผ่าม้งซึ่งเป็นชาวเขาดั้งเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่
และสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ นอกจากอากาศที่สดชื่นบนหมู่บ้านที่สวยงามคือ
“ความเงียบงัน”
ระหว่างที่เดินในหมู่บ้านม้ง ร่างกายสัมผัสได้ถึงทำให้สัมผัสบรรยากาศ
วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวม้ง บวกกับความรู้สึกเงียบเหงาของชาวบ้านที่รอคอยนักท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกสงสารหลายๆที่ที่ต้องเจอกับสถานการณ์นี้
นอกจากเดินชมวิถีชีวิตในหมู่บ้าน ยังมีพิพิธภัณฑ์ กับสวน และสวนน้ำตกดอยปุยให้เข้าชมได้ (ค่าเข้าคนละ10บาทเอง)
เข้าไปก็จะเจอกับสวนที่มีพืชพรรณมากมาย มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะ สาวๆน่าจะชอบ
ระหว่างที่เดินเที่ยวชมหมู่บ้านไปนั้น ใจนึงแอบรู้สึกดีที่ได้มาแบบสงบๆ
แต่อีกใจกลับอยากสัมผัสได้ถึงความคึกคัก
ของสถานที่แห่งนี้นะ ถึงเวลานั้นเชื่อว่าเราจะได้รับอีกความรู้สึกของหมู่บ้านนี้แน่ๆ
ไว้จะกลับไปอีกครั้งนะบ้านม้ง :)
ครั้งแรกกับการเดินทางที่ไม่คาดหวังว่าจะเจออะไร
ขุนช่างเคี่ยน หมู่บ้านม้ง บรรยากาศระหว่างทางขึ้นไปให้ความรู้สึกแตกต่างมากมายมันรู้สึกครบรสมากในไม่กี่ชั่วโมง.ที่เราอยู่ที่นั่น
มันเป็นครั้งแรกที่ไปแบบไม่คาดหวังในสถานที่ ไม่ศึกษาอะไรมาก่อนทั้งนั้น
เน้นเจอใครก็ถามเอาอย่างเดียว ถามแล้วจินตนาการตามไป…
เพราะยังไงสุดท้ายเราก็ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองอยู่ดี
ประสบการณ์ครั้งนี้มันบอกเราว่า คราวหน้าเราอยากไปแบบนี้อีก :)
ดีบ้าง เฉยๆบ้าง เราเข้าใจว่าความประทับใจแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก
แต่วันนี้มันทำให้เรารู้จักคำว่า
“ บางทีจุดหมายที่ตั้งไว้ ก็ไม่สำคัญเท่า ระหว่างทางเราเจออะไรมา ”
ผมเคยคุยเล่นๆกับน้องนะ
เรียบเรียงโดย : แนท พงศกร
ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้ที่
Facebook : เหนียวที่ พี่น้อง
Instagram : nt_phinong
nnatsu roll
วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 02.16 น.