สวัสดีค่ะ
กลับมาแล้วตามคำสัญญา มาเล่าเรื่องระหว่างทาง Road Trip ภาคสอง
ความเดิมตอนที่แล้ว >> https://pantip.com/topic/41175003
หลังจากลงจากพระธาตุดอยกองมู ลงมาพร้อมความผิดหวังเบา ๆ ไม่ได้ภาพอาทิตย์ขึ้น ก็เดินทางออกจากแม่ฮ่องสอน จุดหมายต่อไป ปาย
วันที่สี่ :: แม่ฮ่องสอน – จ่าโบ่ – น้ำพุร้อนไทรงาม - กองแลน – ปาย – ทะเลหมอกหยุนไหล
วันนี้เดินทางหนักอีกแล้ว
ออกจากแม่ฮ่องสอนประมาณสิบโมง กินมื้อเช้าไม่อิ่มเลยหาเรื่องไปกินมื้อต่อไป มุ่งหน้าสู่บ้านจ่าโบ่ เดินทางประมาณชั่วโมงนิด ๆ ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ว่า ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ แต่วิวหลักล้าน เคยไปเมื่อหลายปีก่อนร้านยังเป็นพื้นไม้ไผ่อยู่เลย มาคราวนี้ทำพื้นใหม่เป็นไม้แผ่นใหญ่ขัดมันดูแข็งแรงขึ้นเยอะ แต่ค่อนข้างลื่นนะใส่ถุงเท้ามานี่เดินมีไหล
ที่นั่งกินไม่มีตัวกั้น เด็กเล็ก ๆ หน่อย หรือวิ่งลื่น ๆ นะ นู้นเลยไหลลงรูเจออีกทีป่าด้านล่าง
ไปสาย ๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องหวังหมอกแน่นอน เอาวิวภูเขากับแสงแดดไปแทน
ก๋วยเตี๋ยวมีแบบน้ำใส และต้มยำ รสชาติดีกว่าคราวที่แล้ว ส่วนต้มยำไม่เข้มข้นจี๊ดจ๊าดแบบต้มยำที่เคยกินมานิดหน่อย อาศัยปรุงเพิ่มก็แล้วกัน
ใครอยากได้วิวหมอกยามเช้า แถวนี้มีโฮมสเตย์ให้พักด้วย ลอง search ดู แต่ถ้าแวะมาดูวิว ถ่ายรูป แนะนำว่ามาจากไหนก็ตามให้มาถึงที่นี่ก่อน 11.30 น. เพราะหลังจากนั้นจะมีกรุ๊ปทัวร์รถตู้มาลง คนจะเยอะแล้วจะไม่ได้มุมสวย ๆ หรือถ้าใครมาเป็นคณะ แนะนำให้ปรับเวลาเดินทางให้ถึงก่อนคณะอื่น ๆ
ออกจากบ้านจ่าโบ่ เดินทางต่อ จุดหมายต่อไป “ปาย” ในตัวเมืองปายไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าถนนคนเดินช่วงเย็น เลยแวะเที่ยวระหว่างทางกันก่อน
เจอกิ่ว ถ่ายกิ่ว
วิ่งเลยตัวเมืองปายออกไปหน่อย เจอกับ “หมู่บ้านสันติชล” เป็นหมู่บ้านที่นำเสนอวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนาน มีร้านอาหารสไตล์จีน ขาหมูหมั่นโถวต้องมา (แต่ไม่ได้กินนะ) และร้านขายของฝาก สารพัดบ๊วย ที่เยอะไม่แพ้กัน คือ ร้านเช่าชุดจีนถ่ายรูป แดดค่อนข้างแรงเลยตอนมาถึง แวะถ่ายรูปกันร้อยแอค แล้วก็ไปต่อ
ไม่มีอะไรจะเข้ากับสถานที่ได้เท่ากับเบ้าหน้าของเราอีกแล้ว เข้าโดยไม่ต้องเช่าชุดจีน
จุดหมายต่อไป โป่งน้ำร้อนไทรงาม เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท ลักษณะเป็นบ่อน้ำอุ่นผุดขึ้นมา เป็นแอ่งน้ำลดหลั่นกันลงมาสามชั้น ตื้น ๆ ระดับน้ำแค่เข่า เรียกว่า บ่อแช่ตัวมากกว่าไปดำผุดดำว่าย ลองลงไปแช่เท้าตรงชั้นล่างสุด น้ำอุ่นแหละ แต่อยากได้อุ่นกว่านี้อีกหน่อย พื้นบ่อเป็นดินปนทราย พอลงไปแช่เท้าเดินไปมาพักเดียว น้ำขุ่น ขึ้นจากน้ำก็ได้ของฝากเป็นตัวอะไรไม่รู้ในน้ำกัดเป็นจุดแดง ๆ เต็มขาเลย กลับมา 3-4 วัน ถึงค่อย ๆ จางลง แล้วตามมาด้วยอาการคัน ลุ้นไปว่าเป็นแผลเป็นหรือเปล่า
ออกจากโป่งน้ำร้อนไทรงาม แวะชมพระอาทิตย์ตกกันที่กองแลน หรือปายแคนยอน ลักษณะเป็นภูเขาดินสูง ๆ ต่ำ ๆ เกิดจากการทรุดตัวของดินแล้วถูกกัดเซาะเป็นร่องคล้ายหน้าผา เดินขึ้นไม่ไกลมาก ทำทางบันไดไว้พร้อมเดิน แนะนำมาเร็วซักนิด ประมาณห้าโมงครึ่ง เวลาพระอาทิตย์ตกคือแบบ หวืดดดดด ตกเลย ถ่ายไม่ทัน หรือเดินขึ้นมาก็ไม่ทันแล้ว อีกอย่างมาเร็วได้เลือกมุมถ่ายรูปแบบไม่ติดคน เห็นทางเดินร่องลึกที่ว่าแล้ว ก็เชิญกันเลย ใครจะเดินเชิญเดิน เรา....พักก่อน นั่งรอในศาลาคนเศร้าแพรพ รู้สึกจิตใจไม่ค่อยดี
มืดละเข้าที่พักได้ จองพักที่เดิมเมื่อหลายปีก่อนกับ “Rimpai cottage” คราวก่อนพักบ้านริมน้ำ รอบนี้เปลี่ยนเป็นบ้านในสวนแทน บ้านพักแบบในสวนขนาดเข้าพัก 2 คน แบบ garden superior ราคา 1,700 บาท ที่นี่ไม่มีบริการเตียงเสริม ถ้ามา 3 คนจะให้พักเป็นบ้าน 2 เตียงใหญ่ แบบ garden villa หลังละ 2,500 บาท ได้โปรเที่ยวด้วยกันก็ลดไปอีก 40% รวมอาหารเช้า บรรยากาศหน้าตาเดิม ๆ จากรอบที่แล้วไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
แบบ garden villa พื้นที่เยอะกว่า มี 2 เตียงใหญ่
ห้องน้ำให้อ่างล้างหน้า 2 อ่าง แต่ก็ไม่ได้แยกออกมาจากโซนอาบน้ำนะ อลังการความกว้างของห้องน้ำ จากอ่างล้างหน้า บัลเล่ห์หมุนสาม-สี่ ตลบถึงโซนอาบน้ำพอดี
แบบ garden superior การตกแต่งไม่แตกต่างกัน ต่างกันแค่ขนาดของบ้านพักที่เล็กลงนิดนึง มีเตียงใหญ่กลางห้อง 1 เตียง
ห้องน้ำเล็กว่าแบบ garden villa แต่...ก็ยังใหญ่กว่าหลาย ๆ ที่พักที่เคยพักมา สามารถหมุน 360 องศา 2 รอบครึ่งได้สบายๆ
รีวิวบ้านพักริมน้ำกระทู้เดิม >>> https://pantip.com/topic/36135064
มื้อเย็นฝากท้องไว้กับ ร้านบ้านปาย คนเยอะมาก ทั้งคนไทยและต่างชาติ โต๊ะเต็ม ต้องรอพักหนึ่งเลย ถ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยก็รออีกยาว ดูทรงแล้วแต่ละโต๊ะนั่งยาวกันทั้งนั้น อาหารออกค่อนข้างช้าอาจเพราะลูกค้าเยอะ แล้วพนักงานอาจจะน้อย
จานแรก เป็นยำปลาสลิด น้ำยำเปรี้ยวกำลังดี กินคู่กับปลาสลิดได้รสเค็มเข้ากัน
ตามมาด้วย ต้มแซ่บกระดูกอ่อน รสอาจจะไม่แซ่บเท่าที่กินปกติ แต่ได้ซดน้ำร้อน ๆ ก็อุ่นท้องดี
ปลากะพงผัดคึ่นฉ่าย อันนี้หน้าตาแปลกไปจากที่คาดไว้ รสชาติก็แปลกลิ้นดี หวาน ๆ จืด ๆ ผ่านไปแล้วกัน
ชุดน้ำพริกหนุ่ม มาเป็นอย่างสุดท้ายตอนใกล้อิ่มแล้ว การจัดจานมาอย่างผิดหวังเลย น้ำพริกรสชาติโอเค แต่อย่างอื่นไม่โอเค
มื้อนี้ 1,210 บาท ใช้เที่ยวด้วยกัน ลดเหลือ 726 บาท
อื่มแล้วเดินเล่นถนนคนเดินอีกแปปหนึ่ง ได้โรตีมา 3 ชุด น้ำผลไม้ปั่น 2 แก้ว ช่วงที่ไปร้านค้าปิดค่อนข้างเร็ว แนะนำอยากกินอะไรให้ซื้อไว้เลย ถ้าไปนั่งกินในร้านแล้วยาวกลับมาอีกทีร้านปิดไปแล้ว อดกินไปหลายอย่างเลย เดินจ๋อง ๆ กลับที่พัก
ตัดฉึบฉับเช้าวันใหม่ พามาดูบรรยากาศตอนเช้าของที่พักกันอีกที จากทางเข้าเหมือนพื้นที่ไม่เยอะ แต่เอาเข้าจริงมีบ้านพักหลายแบบมาก ๆ กระจายตัวไปรอบ ๆ มีสระว่ายน้ำอยู่ริมน้ำปายพอดี จะว่ายก็ได้ แต่หนาว ๆ ถ่ายรูปอย่างเดียวเหมาะกว่า
เก็บบรรยากาศตอนเช้าริมน้ำปายมาฝากนิดหน่อย
ห้องอาหารเช้าอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ มาพักครั้งที่สองแล้วก็ยังจำทางไปห้องอาหารไม่ได้อยู่ดี เดินหาอยู่นาน
มื้อเช้าเป็นแบบ a la carte ให้เลือกได้ 1 จานหลัก ที่ได้เหมือนกัน คือ ชา/กาแฟ/โกโก้ ร้อน 1 แก้ว, น้ำส้มคั้น 1 แก้ว, ผลไม้ 1 จาน, และขนมปังปิ้งพร้อมแยม 2 แผ่น เลือกเป็นข้าวต้มหมู รสชาติดี กินไม่อิ่มขอเพิ่มได้นะ
โปรแกรมเช้านี้ยังเริ่มต้นที่ตีห้า เวลาดีเวลาเดิม ออกเดินทางตามล่าหาหมอกกันอีกแล้ว กับทะเลหมอกหยุนไหล ออกไปนอกตัวเมืองปายหน่อยหนึ่งไปทางเดียวกับหมู่บ้านสันติชล ทางขึ้นค่อนข้างแคบเป็นแบบเดินรถทางเดียว ขึ้นทาง ลงอีกทาง ขอบถนนคือร่องระบายน้ำเล็ก ๆ แล้วกำแพงบ้านคนเลย ขับไม่ดีถ้าไม่ลงรูระบายน้ำก็ไถกำแพงบ้าน ไม่ให้วุ่นวายทางนั้นเลยให้จอดรถไว้ตรงหมู่บ้านสันติชล มีลานจอดให้ แล้วเหมารถของชาวบ้านขึ้นไป เหมาไปกลับ 300 บาท ด้านบนมีที่จอดรถไม่เยอะ ถ้าต่างคนต่างเอารถขึ้นมาเองน่าจะวุ่นวาย รถขึ้นมาส่งแล้วให้จดเบอร์โทรเค้าไว้ จะลงเมื่อไหร่ก็โทรเรียกขึ้นมารับ
ว่าตีห้าเร็วแล้ว มีคนเร็วกว่าเยอะเลย ด้านบนมีห้องพัก และลานกางเต็นท์ด้วย ใครสนใจนอนลองหาข้อมูลดู นอนเต็นท์น่าจะหนาวเพราะลมแรงได้ที่เลย ตอนไปถึงมืดไปหมดต้องรอให้มีแสงอีกหน่อยถึงจะถ่ายได้แต่เห็นว่ามีหมอกเต็มพื้นที่ละ มาถึงที่นี่เมนูห้ามพลาด คือ หมั่นโถวทอด/นึ่ง นมข้น กินคู่กับชาร้อน เข้ากั้น เข้ากัน แนะนำหมั่นโถวทอดอร่อยกว่าแบบนึ่ง
แสงเริ่มมา เริ่มกดถ่ายรัว ๆ เบลอบ้าง ชัดบ้าง ปน ๆ กันไป
ข้างบนนี้นอกจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ยังมีอีกจุดหนึ่ง จัดเป็นสวนดอกไม้ให้เข้าไปเดินเล่น ถ่ายรูปได้ เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ที่พักตรงนี้ก็มีเป็นแบบบ้านพัก
จบการตามล่าหาหมอกที่ปาย เดินทางกันต่อ จุดหมายถัดไป ดอยอินทนนท์
วันที่ห้า :: ปาย – สวนพฤกษศาสตร์ฯ - ดอยอินทนนท์ – น้ำตกวชิรธาร – ห้วยน้ำดัง – กทม.
ออกจากปายตอนใกล้เที่ยง แวะเข้าไปในห้วยน้ำดังนิดหน่อย ไหน ๆ ก็ผ่านแล้ว มาตอนนี้แน่นอนว่าหมอกไม่รอ ได้แดดแรง ๆ มาพร้อมลมแรง ๆ เช่นกัน
ตรงวงเวียน มีป้ายพระตำหนักเอื้องเงิน เลยลองวิ่งรถเลยจากจุดชมวิวของห้วยน้ำดังไปอีกหน่อย ข้างบนไม่มีอะไร ถ่ายมาให้ดู 2 รูปถ้วน แล้วลงมา
จากห้วยน้ำดัง ขับรถยิงยาวลงเส้นทางคุ้นเคยอันคดเคี้ยว จำได้แม่นว่าเส้นจากปายเข้าเชียงใหม่โค้งจัดกว่าเส้นแม่ฮ่องสอนมาปาย กินยาแก้เมาแล้วก็ชิงหลับก่อน ตื่นอีกทีเกือบ ๆ ทางออกจากปายเข้าเชียงใหม่ละ แวะกินมื้อกลางวันตอนบ่ายกว่า ๆ กับร้านข้าวซอยแม่เพ็ญ แต่เพราะมาบ่ายกว่าแล้ว ข้าวซอยหมด มื้อนี้เลยลงที่ก๋วยเตี๋ยวอีกตามเคย สั่งน้ำใสได้เย็นตาโฟ อีกเมนูเป็นผัดซีอิ๊ว ทั้ง 2 อย่าง ให้เยอะ และอร่อยอีกละ
จบเรื่องกิน ความตั้งใจแรกคือเข้าที่พักที่จองไว้ จากปายวิ่งไปทางแม่ริม ขับ ๆ อยู่
“แม่ริม มีอะไรน่าเที่ยว”
นั่นไง ท่าทางจะไม่ได้นอนแล้วหละ สุดท้ายแวะเที่ยวระหว่างทางกันอีกที่ กับ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ปิด 5 โมงเย็น ไปถึงก็ 4 โมงเย็นละ ค่าเข้าชมแบ่งเป็น ค่าคน กับค่ารถ จำไม่ได้ว่ากี่บาท แต่วันที่ไปเป็นวันพ่อ (5 ธันวา) พอดี ลดค่าเข้าชมของคนไป 50% แต่รวมกับค่ารถแล้ว แพงมากไปอยู่ดี แพงไป๊
ด้วยความที่ไปถึงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างเลยเลือกเดิน sky walk อย่างเดียว กับแวะซื้อน้ำอีกนิดหน่อย
เดินทางต่อ คราวนี้เข้าที่พักแน่นอนละ พักที่เดิมที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว รอบนี้มาถึงมืด และพรุ่งนี้ก็ออกเช้ามาก ๆ อีก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปรอบ ๆ ให้ดูกัน เอารีวิวเดิมมาให้ดู บรรยากาศรอบ ๆ ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ มีบ่อน้ำแร่ที่ปิดปรับปรุงไป
กระทู้เดิม >>> https://pantip.com/topic/34594266
คราวนี้เปลี่ยนจากบ้านพักริมน้ำ เป็นห้องพัก ห้องพักแบบนี้ค่อนข้างโล่งกว่าแบบบ้านริมน้ำ จองไว้ 2 ห้อง เตียงเดี่ยว 2 เตียง ราคาห้องละ 2,500 บาท อีกห้องเป็นแบบเตียงใหญ่ 1+เตียงเสริม เพิ่มอีก 700 บาท 2 ห้องรวมเป็น 5,700 บาท ใช้เที่ยวด้วยกันลดอีก 40% จ่ายจริง 3,420 บาท เตียงสูงนิดนิดไม่เหมือนปกติทั่วไป เวลาลงก็ระวัง ๆ เพราะหน้าคะมำมาแล้ว
โซนหน้าห้องน้ำมีที่วางกระเป๋า วางของเยอะเลย ค่อนข้างสะดวก
ห้องน้ำมีอุปกรณ์ครบ แต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกกับแห้งมาชัดเจน มีม่านกั้นตรงโซนอาบน้ำเฉย ๆ ก็จะเปียกทั่วถึงหน่อย แต่มีรองเท้าแตะให้ พื้นเย็นเจี๊ยบ
ข้อเสียของห้องพักบนอาคารอีกอย่าง คือ ผนังเบา
มื้อเย็น เราออเดอร์เมนูไว้ล่วงหน้า เพราะทางที่พักบอกว่าแขกเยอะ กลัวทำอาหารให้ไม่ทัน
มื้อนี้จัดเต็มมาก
ยำหมูยอ รสชาติดี ชอบ ให้เต็ม
ชุดขันโตก ใหญ่มาก ใน 1 ชุด ให้ข้าวเหนียว 2 ห่อ น้ำพริกหนุ่ม (เผ็ดไปเยอะ) น้ำพริกอ่อง (เผ็ดไปหน่อย) พร้อมเครื่องเคียง ต้มไก่เมือง (จืดๆ) แกงฮังเล (อร่อย) กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา (อร่อย) น่องไก่ทอด
ปลาทอดหลบไพร ตัวใหญ่ ให้เยอะ อร่อยสุด
อาหารมื้อนี้ 1,130 บาท ใช้โปรเที่ยวด้วยกัน ลด 40% จ่าย 678 บาท
บอกที่พักว่าจะออกตีห้าขึ้นดอยแล้วอาจจะลงมาไม่ทันเชคเอ้าท์ตอนเที่ยง จะขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน ที่พักให้เก็บกระเป๋าไว้ในห้องได้เลย ถ้าเลยเที่ยงจะให้แม่บ้านขนกระเป๋าลงมาที่ล้อบบี้ก่อน ประมาณสามทุ่ม ทางที่พักเอาชุดอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้มาให้ ใน 1 ชุด มีไข่ต้ม ครัวซองต์ ส้ม และนมกล่อง
ตีห้า เวลาดี เดินทางขึ้นดอยอินทนนท์ ตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ผ่านด่านแรกไปอย่างสวยงาน
คิดว่าสบายละ ยังไงทันแน่นอน เลยทางเข้าโครงการหลวงดอยอินทนนท์มาหน่อยเดียว รถเริ่มติดจ้า...ติดตรงด่านตรวจที่ 2 ติดไปเกือบๆ 1 ชั่วโมง
พอรถขยับไปใกล้ ๆ ด่านถึงรู้ว่าติดจอดจ่ายค่าเข้าอุทยาน มีจุดให้จ่ายค่าเข้าอยู่ 2 ด่าน ถ้าใครพักตั้งแต่ทางขึ้นดอยก็จะจ่ายตั้งแต่ด่านที่ 1 แต่ถ้าใครอยู่กลาง ๆ ทาง หรือมาจากขุนวาง ก็ต้องมาจ่ายตรงด่านที่ 2 แอบบ่นนิดนึง ช่วงเทศกาลน่าจะปรับวิธีการเก็บค่าเข้าเพื่อแก้ปัญหารถติดสะสม ติดตรงเส้นประสีแดงๆ นี่หละ เกือบชั่วโมง
พระอาทิตย์บอกขอไปต่อ ไม่รอแล้วนะ เลยไม่ได้ดู ไปเอาคิวเดินกิ่วแม่ปานก็ได้ ไม่รอก็ไม่รอ อุณหภูมิเช้านี้ที่ 5 องศา ดีที่แดดออกแล้ว ได้คิวเดินตอน 7 โมงเช้า ช่วงนี้คนเดินยังไม่เยอะเพราะยังกระจุกกันอยู่ตรงจุดชมพระอาทิตย์ กลุ่มเรา 5 คน ได้ไกด์ 1 คน ไม่ต้องรอให้รวมตัวเป็นกลุ่มให้ครบ 10 คน น้องไกด์ชื่อ น้องพงษ์ศักดิ์ (ถ้าจำไม่ผิดนะ เดินเหนื่อยอยู่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะจำอะไรไม่ค่อยได้ละ) คราวนี้ นอกจากไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ยังไม่ทันแม่คะนิ้งอีกด้วย น้องบอกว่า เมื่อวานนี้มีเต็มเลย ในกิ่วตอนประมาณ 6 โมงกว่า ๆ วางแผนไว้ละว่ารอบหน้า จะมาเดินคิวแรก (ถ้ายังมีแรง)
แดดแรง แต่ลมดี สรุปคือไม่ร้อน เดินเรื่อย ๆ ขยันเหนื่อยหน่อยก็พัก
จุดไฮไลท์ถ่ายรูปมีรอคิวถ่ายกันนิดหน่อยไม่หนาแน่น แดดแรง ลมแรงเลยไม่ค่อยมีหมอกเท่าไหร่ แต่ได้วิวภูเขาสูง สวยไปอีกแบบ
กุหลาบพันปียังไม่ออก หรือกำลังจะบานนี่หละ เอาต้นไปดูก่อน ดูดอก แนะนำกระทู้อื่น ๆ น่าจะมีถ่ายได้
ผาแง่มน้อย ลักษณะเป็นแท่งหินที่พิงกันตามธรรมชาติ แต่ก็พอดิบพอดีให้ดูเป็นรูปหัวใจ
เดินกันไปเรื่อย ๆ เมื่อย ๆ เหนื่อย ๆ เดิน ๆ หยุด ๆ เป็นระยะ ๆ
อยู่ 2 ชั่วโมงกว่าก็ออกจากกิ่ว ด้านนอกคนรอคิวเข้าไปเดินเยอะมาก รอไกด์นำทางเห็นว่ามีไม่พอ น้องพงษ์ศักดิ์บอกว่าถ้าคนเยอะ ๆ บางวันก็เดิน 3-4 รอบ แต่ที่เราไปน้องบอกมาเดินรอบเดียว เพราะจะเตรียมตัวสำหรับวิ่งเทรลอาทิตย์หน้า ยาวไปเลยจ๊ะ น้องเอ๊ยยยย
ขามายังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย รีบจัด ออกจากกิ่วได้เลยลงกันที่ก๋วยเตี๋ยวร้านตรงลานจอดรถ ทริปนี้ก๋วยเตี๋ยวอร่อยทุกร้านที่แวะนะ
ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไปกันต่อที่พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ไม่อนุญาตให้ขับรถเข้าไปเอง ให้ไปรอขึ้นรถบริการที่จัดไว้ให้ตรงลานจอด ฮ. ค่ารถไม่เสีย เสียแต่ค่าเข้าคนละ 40 บาท ด้านในจัดสวนดอกไม้ไว้สวย เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่ดอกไฮเดรนเยียร์ดูดอกไม่สวย เหมือนกลีบดอกไม่สด ไม่ใช่อยู่นานแล้วใกล้จะโรย แต่เป็นเพราะมีน้ำค้างแข็งมาเกาะที่ดอกทำให้กลีบดอกไม้ไหม้ อ๋อ....เป็นอย่างนี้นี่เอง
ออกจากพระมหาธาตุฯ เดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไป น้ำตกวชิรธาร ยังคงความยิ่งใหญ่ ฟรุ้งฟริ้ง กระจุยกระจายของสายน้ำ น้ำด้านล่างแรงแนะนำว่าถ้าตกลงไปแล้วไหล น่าจะเจอกันอีกทีที่ตัวเมืองเชียงใหม่
กลับมาที่พักอีกทีเที่ยงนิด ๆ เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางกันต่อเพื่อจบการ Road Trip ในครั้งนี้ แวะเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ซื้อของฝาก แวะกินมื้อบ่ายเกือบเย็นที่ร้านประจำ “ข้าวซอยเสมอใจ” รสชาติเข้มข้นเหมือนเดิม
ก่อนกลับจริง ๆ ละนะ ขอแวะอีก 2 วัดแล้วกัน กับวันเจ็ดยอด วัดสำหรับคนเกิดปีมะเส็ง ทริป 5 คน มีเกิดมะเส็งกันถึง 3 คน แต่เป็น 3 ที่คนละรอบกันทั้งหมด (3 gen จะไม่ให้แก่ยังไงไหว) และวัดพระธาตุลำปางหลวง เสียดายตอนที่ไปถึงวัดปิดแล้วเลยได้แต่รูปหน้าวัดมาแทน เป็นการปิดทริปการเดินทางจริง ๆ ละนะ ทริปหน้าไปไหนไว้มาเล่าต่อนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบน้า...
รีวิวละเอียดลออตามอ่านได้ที่นี่ แต่ถ้ารีวิวความฮาฝากติดตามต่อในเพจนะคะ
เพจ “ไปกินไปเที่ยว” >>> https://m.facebook.com/goestogether/
ไปกินไปเที่ยว - หญิงเฮเทกระจาด
วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 21.10 น.