"พงพาเพลิน" ขอแนะนำจังหวัดที่ไม่เคยมีใครไปถึง (ตึ่งโป๊ะ) "จังหวัดเลย"
จังหวัดเลย - ทริป 4 วัน 3 คืน (ขับรถพาพ่อและแม่เที่ยวยามเกษียณ)
จังหวัดเลยมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้านคือ สปป.ลาว เป็นจังหวัดที่น่าหลงไหลอีกจังหวัดนึง มีภูเขาสวยๆ มีวัดที่งดงาม และ สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เลย อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 500 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 7-8 ชั่วโมง เลย มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา เพราะฉะนั้นท่านใดที่อยากขับรถไป(เช่นตัวกระผม) ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งรถยนต์ และ ร่างกาย เมื่อทุกคนพร้อมแล้วไปลุยกัน "เลย"
วันที่ 1 กทม. > ภูพระ > วัดเนรมิตวิปัสสนา > โรงแรม ภูผาน้ำรีสอร์ท แอนด์สปา
วันแรกเราขับรถจากถนนพระราม 2 มุ่งหน้าตรงไปจังหวัดเลย โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่าน จังหวัดนนทบุรี > จังหวัดปทุมธานี > เข้าสู่จังหวัดสระบุรี > ผ่านลพบุรี > เข้าเพชรบูรณ์ และ เข้าสู่จังหวัดเลย เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเรา
สถานที่แห่งแรกที่เราไปคือ "ภูพระ" บ้านหมากแข้ง เราขับรถไปจนถึงจุดพัก เราจอดรถและนั่งรถที่ศูนย์ขึ้นไปชมความงามของภูพระ ค่ารถไปกลับ ราคา 300 บาท
เมื่อขึ้นไปพบกับความอลังการของพระพุทธรูป (ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยน้า)
มาจังหวัด "เลย" ควรขึ้นมาชม "ภูพระ" ซักครั้ง เราถ่ายรูปจนพอใจก่อนจะนั่งรถกลับลงมายังด้านล่าง
เราเดินทางต่อไปยังสถานที่ต่อไป นั้นคือ "วัดเนรมิตวิปัสสนา" (การเดินทางของผมจะเป็นแบบล่องขึ้นแล้วผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียงต่อๆ กันจนไปถึงที่พัก เพราะ ฉะนั้นใครเดินทางตาม Route ผมสบาย) เดินทางช่วง หมดน่าท่องเที่ยว(28-31 ม.ค. 65) ดีมากรถไม่ติดถ่ายรูปง่าย
วัดเนรมิตวิปัสสนา เป็นวัดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง สำหรับคนที่จะมาเที่ยวจังหวัดเลยไม่ควรพลาด
เสร็จจาก"วัดเนรมิตวิปัสสนา" วันนี้เรานอนกันที่โรงแรม ภูผาน้ำ รีสอร์ท แอนด์สปา
เราเดินทางจาก กทม. 6 โมงเช้า แวะเที่ยวที่ต่างๆ และแวะกินข้าวข้างทางเรามาถึงโรงแรมประมาณ 4 โมงเย็น วันนี้ปล่อยให้ 2 คนตา ยายได้พักผ่อนเต็มที่ พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางต่อ
ไปดู รีวิว "โรงแรม ภูผาน้ำ รีสอร์ท แอนด์สปา" กัน
ราคาต่อคืน 1,500 บาทพร้อมอาหารเช้า
ห้องอาหาร
พื้นที่สวนกลางของที่พักเป็นไม้ ได้บรรยากาศร่มรื่น
สระว่ายน้ำกว้างขวาง
โรงแรมกว้างใหญ่ ห้องสวยได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ
ห้องน้ำใหญ่
เป็นอันจบการเดินทางในวันแรกของเรา...
การเดินทางวันที่ 2 โรงแรม ภูผาน้ำ รีสอร์ท แอนด์สปา > วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง > วัดป่าห้วยลาด > กินข้าวล่องเรือห้วยกระทิง > โรงแรมเลยพาเลช > ตลาดกลางคืนเมืองเลย
ขับรถจาก โรงแรม ภูผาน้ำ รีสอร์ท แอนด์สปา ไปยังวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง ห่างกันไม่ไกล
เป็นอีกวัดนึงที่ห้ามพลาด ข้างในสวยดี แถมได้ทำบุญร่วมกับ พ่อ-แม่
วิวจากวัดมองลงมาก็สวยมากน้า
อีกวัดนึงที่เป็น ไฮไลท์ในการมาเมืองเลย ก็คือ "วัดป่าห้วยลาด"
ตัววัดและรูปปั้นมีความสวยงามและด้านหลังเป็นภูเขา เป็นวัดอีกแห่งของเมืองเลยที่มีความสวยงามลงตัว
ด้านหน้าของวัดมีทะเลสาบและรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม
เริ่มใกล้เที่ยง ผมขับรถพาพ่อกับแม่ไปล่องเรือกินข้าวที่ห้วยกระทิง มีหลายร้านให้เลือกนั่ง แต่เราเลือก "แพพ่อบ้านระเริงชล" เพราะเป็นแพแรกๆ ราคาอาหารไม่แพง
ค่าเช่าแพปกติอยู่ที่ 350 บาท (เหมาะสำหรับครอบครัวที่มาไม่เกิน 4-5 คน)
ค่าเช่าแพใหญ่อยู่ที่ 600 บาท (เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีจำนวนคนมากกว่า 6 คนเป็นต้นไป)
พอเช่าแพเสร็จ ทางร้านก็จะให้สั่งอาหาร หลังจากนั้นก็จะมีเรือหางยาวลากแพเราออกไปที่กลางห้วย เป็นประสบการณ์กินอาหารกลางวันที่แปลกใหม่
ไม่นานเรือก็ขับเอาอาหารมาส่ง อาหารอร่อยใช้ได้เลย!!!
หลังจากกินเสร็จนอนเล่นจนพอใจแล้วก็สามารถโทรไปแจ้งที่ฝั่งให้เรือมาลากแพเรากลับไป พร้อมกับจ่ายค่าเสียหายที่ฝั่งได้เลย มื้อนี้ประมาณ 1,100 บาทเท่านั้น (รวมค่าเช่าแพแล้วนาจา)
ขับรถต่อไปยังตัวเมืองเลยเพื่อเข้าพัก ที่ "โรงแรมเลยพาเลช" เป็นโรงแรมอยู่ในตัวเมืองเลยและใกล้ๆ กับตลาดถนนคนเดินเมืองเลย
รีวิว "โรงแรมเลยพาเลช"
ราคาคืนละ 1,200 บาท
ห้องกว้างขวาง นอนกัน 3 คนสบาย
ห้องน้ำใหญ่ แยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง มีน้ำอุ่นให้ใช้คราบบ
โรงแรมใกล้กับถนนคนเดินแบบที่เดินไปได้ประมาณ 450-500 เมตร (ถนนคนเดินจะมีทุกวันเสาร์) แต่ตอนที่เราไปโควิดกำลังระบาดหนักทำให้ไม่ค่อยมีร้านขายของเลย
สะพานคนข้ามจากสวนสาธารณะใกล้โรงแรมข้ามไปตลาด
ลานพญานาคกัณหาโคตมะ
ตลาดเปิดกันน้อยมากจนเหมือนไม่มีอะไรขายเลยจึงไม่ได้ถ่ายรูปมา
บรรยากาศโดยรอบ
เป็นอันจบวันที่ 2 ไปเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เราจะขับรถขึ้นไปเชียงคานกันแล้ว!!!
Day 3 โรงแรมเลยพาเลช > สกายวอล์ค เชียงคาน > ปางช้างเผือกเชียงคาน > แวะ Check-in โรงแรม River Tree Resort > ร้านอิ่มสุขเชียงคาน > แก่งคุดคู้ > วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน > โรงแรม River Tree Resort
เราเริ่มเดินทางกันตอนเช้า สถานที่แรกที่ไปคือ สกายวอล์ค เชียงคาน จอดรถยนต์ไว้ด้านล่างและนั่งรถสองแถวขึ้นไป ค่าใช้จ่าย 60-80 บาทตามรูป เราเลือกชมปางช้างเผือกด้วย
แถมถุงเท้าให้ด้วยน้าเอากลับบ้านได้เลย
บรรยากาศริมฝั่งโขง
สกายวอล์คเป็นครึ่งวงกลมสั้นๆ เดินแป๊บเดี๋ยวก็จบ
เสร็จแล้วเรานั่งรถลงมาด้านล่างมาเที่ยวปางช้างเผือกต่อ
ข้างในไม่ค่อยมีอะไรมากครับ เหมาะสมกับราคา 20 บาทที่เพิ่มมา
มีที่ให้เลี้ยงช้างด้วย
ไปกันต่อที่ โรงแรม River Tree Resort เราแวะ Check-in ก่อนเก็บกระเป๋าก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ
รีวิว โรงแรม River Tree Resort
ราคาคืนละ 2,500 บาทรวมอาหารเช้า
ห้องกว้างขวาง
มีห้องน้ำในตัวและติดริมแม่น้ำโขงเลย
สระว่ายน้ำใหญ่
มีอาหารเช้าให้น้า
สำหรับผมโรงแรม River Tree Resort เป็นโรงแรมที่ใหม่ สภาพห้องพักจึงยังใหม่มาก แลกมาด้วยการจัดการที่ยังไม่เข้าที่เท่าไร จองห้องพักให้ผมผิดเดือนที่ต้องการจะไป ยังดีที่ยังแก้ไขให้ทำให้สามารถเข้าพักได้โดยไม่ต้องเพิ่มราคา การจองคงต้องทบทวนกับผู้จองให้ดีก่อนครับสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปพัก
หลังจากเราเก็บของเสร็จก็ไปทานอาหารกลางวัน ณ ริมฝั่งโขงที่ "ร้านอิ่มสุข"
มีที่จอดรถที่ร้านเลย เนื่องจากไปไม่ใช่น่าเทศกาลมันก็จะดีหน่อยๆ บรรยากาศริมฝั่งโขง
อาหารอร่อยทุกอย่าง ค่าเสียหายอยู่ที่ 800 กว่าบาทเท่านั้นเอง
เสร็จจากร้านอิ่มสุข เราไปเดินเล่นต่อที่แก่งคุดคู้
ไม่ได้ไปล่องเรือแค่ไปเดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศก็มีความสุขแหละ
สถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ "วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน" ใกล้ๆ กับแก่งคุดคู้
รอยพระพุทธบาท
วันนี้หลังจากชมวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ผมก็ปล่อยให้พ่อ และ แม่พักผ่อน วันพรุ่งนี้เราก็จะกลับ กทม. กันแล้ว เจอกันใหม่วันสุดท้ายของการเที่ยว
วันที่ 4 โรงแรม River Tree Resort > สวนหินผ่างาม > ฟูจิเมืองเลย > กทม.
วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเราตื่นเช้ามาเก็บบรรยากาศที่ River Tree Resort กัน
เราเดินทางต่อไปยัง สวนหินผางาม
และสถานที่สุดท้ายก่อนลาจากเมืองเลยจบทริปของเราลงก็คือ "ภูป่าเปาะ-ฟูจิเมืองเลย" เราขับรถขึ้นไปจนถึงจุดที่ไม่ให้รถยนต์ขึ้น แล้วเดินต่อไปเล็กน้อยก็ถึง
วิวสวยไรผู้คนเช่นเดิม
เราเดินทางกลับจาก จังหวัดเลย ผ่าน เพชรบูรณ์ >ลพบุรี >สระบุรี > ปทุมธานี > นนทบุรี > จนถึง กทม.เช่นเดิม เป็นอันจบทริปเลย 4 วัน 3 คืนของเราลง
หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ
Pongpaplearn
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 18.33 น.