สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้าสามารถไปตำกันที่ลิ้งก์นี้ได้เลยค่ะ https://th.readme.me/p/39977
วันนี้เราจะนั่งรถไฟเดย์ทริปไปกลับเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีจากเวียนนา ประเทศออสเตรียนะคะ เรานั่งรถไฟ ÖBB ไปตามเคย ตั๋วล่วงหน้าซื้อมาได้ในราคาขาละ 19.9 EU
ถึง ÖBB จะเป็นรถไฟของออสเตรีย แต่รถไฟที่เรานั่งไปกลับ คือรถไฟของฮังการีค่ะ จากที่สังเกต ถ้าซื้อตั๋วรถไฟ ÖBB นั่งรถไฟออกนอกประเทศออสเตรีย จะได้นั่งรถไฟของประเทศอื่นเสียส่วนมากไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วชอบรถไฟของ ÖBB มากกว่า สะอาดดี ส่วนรถไฟของฮังการีนั้น....เสียตรงห้องน้ำค่ะ ขาไป ชักโครกกดน้ำได้ แต่อ่างล้างหน้าไม่มีน้ำ ตอนที่เราไปเข้าห้องน้ำ คุณยายคนหนึ่งก็ยืนบ่นพลางเอาทิชชู่เช็ดมือไปด้วย คิดว่าแกน่าจะกดสบู่ตรงอ่างล้างหน้าก่อนจะรู้ว่าไม่มีน้ำ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจที่แกพูด พอแกถามว่า English เราก็พยักหน้า แกก็ส่ายหัวเป็ฯทำนองว่า แกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ขาไปยังดีนะคะ ในชักโครกมีน้ำ เพราะขากลับ เอิ่มมม ในห้องน้ำไม่มีน้ำเลยคร่า โอ๊ยยย ปวดหัววว
ภาพสถานีรถไฟ Keleti ที่เรานั่งรถไฟมาถึง
ภาพในสถานีรถไฟ หน้าจอเป็นบอร์ดตารางรถไฟพร้อมชานชาลาค่ะ
รถไฟฮังการี ภายนอกจะดูโบราณๆ คล้ายรถไฟไทยบ้านเรา แต่ภายในจะโมเดิร์นกว่าค่ะ
แพลนของเราในวันนี้คือ
- นั่งรถไฟไปบูดาเปสต์
- นั่งรถบัสสาย 5 จาก สถานี Keleti pályaudvar M ไป Dózsa György tér ทริปของวันนี้เราไปแบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก พอออกมาจากสถานีรถไฟปุ๊บ เห็นคนออๆ กันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ เลยขี้เกียจขึ้นไปเบียด ขึ้นไปงงบนรถ เลยตัดสินใจเดินไปที่ Buda castle แทนค่ะ เดินไปกลับเลย ขาละประมาณ 5 กม. ถือเป็นการเที่ยวชมเมืองไปในตัว
- Chain bridge – เพื่อดูวิวจากกลางสะพาน แต่ช่วงที่เราไป สะพานปิดซ่อมอยู่ เลยกินแห้วไปค่ะ
- Buda Castle – ข้างในจะมีพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง บางรีวิวบอกว่าไม่มีอะไรมาก เราลองหาข้อมูลว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอะไรแล้วก็ตัดสินใจไม่เข้าไปค่ะ แค่เดินเล่นถ่ายรูปข้างนอกเท่านั้น
- Fisherman's Bastion – อยู่ใกล้ปราสาท ดูรูปในเน็ตแล้วคือสวยมากกก เป้าหมายที่มาวันนี้คือที่นี่เลยย
- Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum – ใกล้ปราสาทเหมือนกัน ในเน็ตไม่ค่อยมีภาพ เพราะเขาห้ามถ่ายรูปข้างใน แต่หลายรีวิวบอกว่าแปลก ดี เลยว่าจะลองเข้าไปสักหน่อย
ลงท้าย เราได้ไปแค่ 3 ที่คือ Buda Castle/ Fisherman's Bastion และ Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum ค่ะ ซึ่งเราไม่อินกับ 2 ที่แรก 5555 Buda Castle เป็นปราสาทใหญ่ๆ ด้านบน ส่วน Fisherman's Bastion ก็ดูสวยน้อยกว่าที่เราเห็นในเน็ต เลยแค่ถ่ายรูป พอเป็นพิธีแล้วไป Hospital in the Rock ต่อเลยค่ะ
Buda Castle
คาดว่าน่าจะเป็นแค่ทางเข้าเฉยๆ เดินขึ้นบันไดตรงนี้ไปสักสองสามชั้นก็๗ะเจอโซนปราสาท ซึ่งเราไม่ได้เข้า
วิวจากตรงบันไดเลื่อน ถ่ายมาเพราะคิดว่ามันอาร์ทดี 55
Fisherman's Bastion
เราชอบมุมนี้นะ แต่เพราะไปคนเดียว เลยได้มาแต่รูปวิว ลองเซลฟี่แล้วรู้สึกภาพไม่โดนเท่าไหร่
Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum หรือ พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลใต้ดินและหลุมหลบภัยนิวเคลียร์
เชื่อว่าน้อยคนมากที่จะรู้จักที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ค่อยมีรูปภาพหรือข้อมูลอะไรในเน็ตมากนัก ด้วยความสงสัย เราเลยตัดสนิใจเสียเงินเข้าไปดูค่ะ
ที่นี่ต้องเข้าชมกับไกด์ทัวร์เท่านั้น มีให้เลือกหลายภาษา และมีทัวร์ทุกชั่วโมง แต่ห้ามถ่ายรูปข้างใน รอบของเรามีคนไม่เยอะ รวมเราแล้วทั้งหมดมี 1 คนถ้วนค่ะ เป็นทัวร์ส่วนตัวไปเล้ยย ส่วนค่าทัวร์ก็มีให้เลือกหลายราคาไปอี๊ก เราเลือกแบบถูกสุดซึ่งจะรวมหลักสูตรเรียนออนไลน์พร้อมประกาศนียบัตรเมื่อเรียนจบหลักสูตรด้วย(งงมะ) แต่มันก็ถูกสุดล่ะ เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก 55
ค่าทัวร์+หลักสูตรเรียนออนไลน์: 5,688 HUF/คน หรือประมาณ 600 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
บนใบเสร็จแต่ละใบจะมีรหัสสำหรับคอร์สเรียนออนไลน์ เราต้องลงทะเบียนภายใน 3 วันหลังจากวันที่ซื้อตั๋ว คอร์สออนไลน์จะเป็นเนื้อหาประวัติศาสตร์ของฮังการีที่เกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ หากเรียนจนจบ ทำแบบทดสอบผ่าน ก็จะได้ประกาศนียบัตรซำติงด้วยค่ะ และแน่นอนว่า เราเรียนไม่จบจ้า เนื้อหามันค่อนข้างจะประวัติศาสตร์ฮังการีจ๋าไปหน่อย ชื่อคนใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นเยอะ เราเลยอ่านข้ามๆ ทำให้เราทำบททดสอบไม่ผ่าน 555 ก็เลยช่างมันล่ะ อ่านจับประเด็นให้พอรู้เรื่องราวพอ
พอถึงเวลา ก็มีไกด์มาพาเราเข้าไปชมคลิปวีดีโอเล่าถึงความเป็นมาของที่นี่ ทำให้เรารู้ว่าประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์คือประตูฉุกเฉินขนย้ายคนไข้ขึ้นรถพยาบาลในสมัยก่อน เมื่อดูจบ ไกด์จึงพาเราเข้าไปเดินชมข้างใน
ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ที่เคยเป็นที่ขนผู้ป่วย
ทางเ้านี้ซ่อนอยู่ใต้ Castle district เราต้องเดินตัด Castle district ลงมาข้างล่างก่อน ถึงะเจอ
พิพิธภัณฑ์ใต้ดินนี้ตั้งอยู่ใต้ Buda castle และ Castle district ที่มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง (และเดินเหนื่อย) ตั้งอยู่ในฝั่งเมือง Buda เก่า และด้วยชัยภูมิที่ดีหรืออะไรสักอย่าง ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางการปกครองและการทหารด้วย
ชื่อเมืองบูดาเปสต์นั้น มาจากการนำชื่อเมืองสองฝั่งแม่น้ำดานูปมารวมกัน คือเมืองบูดา และเมืองเปสต์ ทุกคนคงพอจะเดาได้ว่า Buda Castle นั้นจะต้องอยู่ฝั่งเมืองบูดาอย่างแน่นอน
ใต้ Castle district จะเป็นถ้ำตามธรรมชาติความยาวหลายกิโลเมตร คดเคี้ยววกวนอยู่ข้างใน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งแรกขึ้น โรงพยาบาลมีเตียงไม่เพียงพอ บางส่วนของถ้ำนี้ถูกเปลี่ยนเป็นที่รักษาคนไข้ อาหารจะถูกส่งมาจากโรงพยาบาลข้างบน ใต้ดินจึงมีเพียงห้องอุ่นอาหารเท่านั้น อกจากนี้ก็ยังมีห้องน้ำ ก้องผ่าตัด ห้องเอกซเรย์ ห้องวิทยุสื่อสารของกองทัพ และมีอุปกรณ์ปรับอากาศใต้ดินให้อยู่ได้ และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังสงคราม โรงพยาบาลนี้ถูกปิดลง แล้วพอมีสงครามมันก็ถูกเปิดขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง มีการขยายโรงพบาลาลเพิ่มขึ้นไปอีกนิดหน่อย เดิมทีโรงพยาบาลนี้สร้างสำหรับคนไข้ประมาณ 60 คนเท่านั้น แต่ในช่วงสงครามที่นี่เคยจุคนไข้เข้าไปมากประมาณ 600 คน! เรียกได้ว่า ทุกที่มีแต่ทหารบาดเจ็บนอนเรียงราย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โซเวียตบุกบูดาเปสต์อย่างหนัก ที่โรงพยาบาลนี้รอดจากสงครามครั้งนั้นมาได้เพราะ Castle district ไม่ถูกโซเวียตตีแตก แต่ฝั่งเปสต์คือเละเป็นโจ๊ก รวมถึงสะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งนี้ด้วย
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮังการีเห็นว่าญี่ปุ่นโดนระเบิดนิวเคลียร์เล่นงาน จึงกลัวว่าตัวเองจะโดนบ้าง พอถึงช่วงสงครามเย็น ฮังการีจึงสร้างหลุมหลบภัยต่อจากโรงพยาบาลใต้ดิน ทำให้ทั้ง 2 โซนรวมกันยาวประมาณ 1 กม. มีการวางแผนการไว้อย่างชัดเจน มีการเพิ่มที่เก็บน้ำ บำบัดน้ำ ที่ผลิตไฟฟ้า อุปกรณ์ตรวจรังสี บลาๆๆ และยังใช้งานได้จนถึงตอนนี้ แผนที่รัฐบาลในตอนนั้นเตรียมไว้คือ เมื่อบูดาเปสต์โดนนิวเคลียร์ปุ๊บ จะย้ายแพทย์ พยาบาลมาไว้ข้างใต้ ผ่านไปสามวันค่อยออกจากที่หลบภัยไปหาผู้รอดชีวิตจากข้างบนมาทำการรักษาในนี้ ซึ่งดูเป็นการเตรียมพร้อมที่ดี เว้นเสียแต่ว่า โรงพยาบาลใต้ดินนี้อยู่ลึกลงมาแค่ 5 เมตรเท่านั้น....ไม่น่าจะรอดจากรังสีนิวเคลียร์ได้เลยน
พวกห้องหับ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราเล่ามา คือสิ่งที่เราได้เห็นในพิพิธภัณฑ์นี้ค่ะ อุปกรณ์ทุกอย่างยังใช้งานได้หมดเลย เพิ่มเติมคือจะมีหุ่นขี้ผึ้งประกอบในแต่ละห้องเท่าที่จำเป็น
ในพิพิธภัณฑ์นี้ยังมีของใช้ของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นด้วย และที่อึ้งสุดคือ ภาพเปรียบเทียบความรุนแรงของนิวเคลียร์ระเบิดที่ญี่ปุ่น กับนิวเคลียร์สมัยใหม่ อะโหห ล่าสุดนี่คือมีนิวเคลียร์ที่พอตกถึงพื้นแล้วจะแตกตัวเป็นนิวเคลียร์ย่อยๆ หลายลูกด้วยนะ OMG สงสัยจังว่าพัฒนากันไปทำอะไรรรร
รีวิวทั้งหมดในซีรีส์นี้มีทั้งหมด 10 ตอนค่า
1 การเดินทางในออสเตรีย และโปแลนด์ https://th.readme.me/p/39977
2 เมือง UNESCO ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เช้าไปเย็นกลับก็ทำได้ https://th.readme.me/p/39994
3 เดย์ทริป Wachau Valley และ Melk Abbey UNESCO 2 แห่งระหว่างเมือง Melk Dürnstein และ Krems https://th.readme.me/p/39997
4 เดย์ทริปไป Budapest เยี่ยมชม Buda castle และโรงพยาบาลใต้ดิน Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum https://th.readme.me/p/39998
5 เดย์ทริปไป Kutna Hora แวะชม Sedlec Ossuary โบสถ์โครงกระดูกอันโด่งดัง กับประสบการณ์ตกรถไฟคนเดียวที่เช็ก! https://th.readme.me/p/40003
6 สองวันในเวียนนา ลัลล้าใน Museum of natural history และ ทำความรู้จักกับ Sisi ใน Hofburg palace และ Schonbrunn palace https://th.readme.me/p/40004
7 ยินดีต้อนรับสู่เมืองคราคุฟ เมืองที่ถูกย้อมด้วยเลือดของชาวยิว เยี่ยมชม Oskar Schindler's Enamel Factory Rynek Underground ใน Kraków โปแลนด์ https://th.readme.me/p/40102
8 ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์แห่งความตาย Auschwitz and Birkenau concentration camps และเหมืองเกลือ Wieliczka Salt Mine https://th.readme.me/p/40103
9 เดย์ทริปไป ปราสาทมาลบอร์ก UNESCO ปราสาทยุคกลางที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก Malbork castle Poland https://th.readme.me/p/40104
10 2 วันในวอร์ซอ เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิวที Polin Museum และเดินเล่นที่ Łazienki Park https://th.readme.me/p/40105
Duck's journey
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 15.55 น.