ฮาโหลววววววว ตอนนี้เริ่มเปิดประเทศกันแล้ว ได้มีโอกาศออกไปท่องโลกกว้างอีกครั้ง
หลังจากห่างหายจากการเที่ยวต่างประเทศเกือบ3 ปี จุดหมายแรกของเราก็คือ เกาะปีนัง ซึ่งตั้งอยุ่ที่ประเทศมาเลยเซียนั้นเอง
โดยรายละเอียด
-การเตรียมตัวเข้าประเทศมาเลเซีย
-การใช้รถโดยสารในปีนัง
จะลงรายละเอียดไว้ท้ายรีวิวนะคะ
DAY 1
โดยเราโดยสารด้วยสายการบิน Airasia รอบเช้า 6.30 น ถึง เกาะปีนังประมาน 10.30 น โดยเวลาที่เกาะปีนัง จะเร็วกว่าที่ไทย 1 ชั่วโมง
เราได้ทำการ กดเงินที่ตู้ ATM ที่สนามบิน โดยจะอยู่แถวๆช่องขายซิมของสนามบิน ซึ่งกดออกมาเป็นเงินของมาเลเซียเลยจ้า เสียค่ากด 100กว่าบาท จำตัวเลขแป๊ะๆไม่ได้
เมื่อได้เงินมาแล้ว เราก็นั่งรถเมล์เข้าตัวเมือง โดยไปลงที่สถานี Komtar
แล้วก็เดินลากกระเป๋า เข้าที่พัก ซึ่งเราจองมาแล้วจาก Booking.com แต่ๆ ยังเข้าเช็คอินห้องพักไม่ได้ เช็คอินได้บ่าย3 จึงได้ฝากกระเป๋าไว้ที่ โรงแรมก่อน ระหว่างนี้ไปหาไรกินและ ไปเดินเล่นที่จอร์จทาวน์ ก่อน
เดินมาซักพัก เราก็มาถึงย่านจอร์จทาวน์
ไม่ต้องถามว่า เมนูแต่ละจาน ชื่อไรนะ จำไม่ได้ จิ่มๆจากรูปหน้าร้านเอา สั่งง่ายดี
ทริคเล็กน้อย สำหรับไปเที่ยวต่างประเทศ คือ เข้าทานร้านที่มีรูปภาพและราคาที่จัดเจน จะได้ไม่โดนฟันเด้อ
มีนักท่องเที่ยวบ้าง แต่ไม่เยอะ ไม่แออัด แต่ร้อนมาก ฉันมาทำอะไรตอนนี้เนี่ย
หลบแดด เข้ามากินไอติม กับ ตากแอร์เย็นๆ มองนาฬิกาก็จะ3โมงแล้ว จึงเดินไปที่ป้ายรถเมล์ วิธีการขึ้น-ลงรถเมล์ สายอะไรบ้าง จะอธิบายไว้ล่างสุดนะคะ เพราะขึ้นหลายสาย หลายที่มาก
เราเข้าพักที่ summer tree hotel penang โดยเราจองไว้ 3 คืน ที่จองที่นี่เพราะไกล้กับkomtar ซึ่งเป้นจุดที่รถเมล์จะแวะผ่านเกือบทุกสายของปีนัง (คิดว่าทุกสายแหละ) เวลาเดินทางไปไหนจะได้สะดวก ส่วนโรงแรมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ พอใช้ได้ หารูปจากในเน็ตนะ ราคาไม่แพง แต่ไม่เก็บเสียง ลุ้นเอาว่ามีห้องข้างๆมาพักไหม ไม่งั้นเสียงดังไม่ได้หลับ 555
หลับไปตื่นนึง 6 โมงก็เริ่มหิว จุดหมายคืนนี้ คือ ไปฝากท้องที่ Tai Tong Restaurant ร้านดังปีนัง ที่ใครๆมาเที่ยวก็เป็นต้องแวะมาฝากท้องกันที่นี่
ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าไปแล้วจะสั่งยังไง อันดับแรกเลยคือ เดินไปที่หน้าเค้าเตอร์ครัว อยากกินอะไรก็ชี้สั่งกับพนักงานได้เลย ขนมจีบ สาลาเปา หรือจะเป็นเมนูพวกราดหน้าก็มีหมด แล้วเค้าจะมาเซิร์ฟให้ที่โต๊ะจ้า
หลังจากท้องอิ่ม ก็ออกมาเดินเล่น ยามค่ำคืน กะว่าจะหาที่นั่งชิว จิบเบียร์เย็นๆ แต่หาร้านยากมาก ที่นี่คนเค้าไม่ค่อยกินแอล กัน
แล้วเราก็นั่งรถเมล์กลับที่พัก โดยที่คอตก หาร้านนั่งชิวไม่เจอเลย
DAY 2
ตื่นมาชิวๆ วันนี้มีแค่ 2 โปรแกรมคือไปเที่ยววัด Kek Lok SI กับ ไปเที่ยว Penang Hill
โดยเราจะไปขึ้นรถเมล์ที่ Komtar ระหว่างรอรถเมล์ ก็นั่งทานข้าวแถวท่ารถ
มาฝากท้องกับพี่เฮียร้านนี้ข้างๆท่ารถเมล์ จิ้มรูปที่อยากกินเลยย
แล้วเราก็นั่งรถเมล์ ไปลงที่ปากซอย วัดKek Lok SI
ถึงวัดแล้วววว เดินสู้แดดมากๆ ร้อนไรเบอร์นี้
เป็นวัดที่ใหญ่และสูง มีหลายชั้นมาก ใครที่เดินไหวก็สามารถเดินขึ้นไปได้ (เหมือนจะให้เข้าฟรี) แต่สำหรับคนอ่อนแอ่อย่างเรา ก็มีรถรางให้นั่งขึ้นไป
ค่ารถราง 16 RM ต่อคน ซึ่งจะนั่งขึ้นไป 3 ต่อ จนถึงยอด
เมื่อขึ้นต่อแรก พอไปต่อที่2 จะเป็นการนั่งรถกอฟล์ขึ้นไป
แล้วก็นั่งรถรางอีกรอบ จุดสุดท้าย
ก็นึกว่านั่งทีเดียว ยาวไปถึงยอด แต่ไม่ใช่ 555
เมื่อถึงบนยอด ชั้นสุดท้าย เดินออกมาก็จะเจอกับ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ขนาดใหญ่มาก ใหญ่สุดเท่าที่เคยเห็นเลยแหะ
อลังการงานสร้างมาก
ในแต่ละชั้นที่ขึ้นมา จะมีจุดขายของที่ระลึก ซึ่งของเยอะมาก หลายแบบหลายแนวเลย ไม่ได้ขายแต่ของมู
เกือบลืมบอกไป รถรางรอบสดท้าย 5 โมงเย็น แต่วัด ไม่แน่ใจว่าเปิดตลอดทั้งคืนไหม
จบภารกิจแรกกับการเที่ยววัด สถานีต่อไปคือ penang hill
รอรถเมล์ ไปลงที่ penang hill
หลังจากรอรถเมล์อยู่นาน เราก็นั่งมาถึง สุดสาย ที่ Penang hill ค่าตั๋วรถรางไป-กลับ คนละ30RM
แต่ถ้ารีบมาก ก็ซื้อตั๋วแบบ fast lane จะแพงกว่าตั๋วปกติ แต่ได้ขึ้นเลย ไม่ต้องรอ ต่อคิว
ถ้าเลือกได้ แนะนำให้นั่ง แถวหลังสุด ระหว่างที่รถไฟวิ่งขึ้นเขา จะได้ชมวิวที่สวยมาก
เอาจริงๆ อยากมาปีนัง เพราะ ไปเลี่อนเจอรูป ไอ้รถราง ขึ้นบนยอดเขานี้แหละ
นั่งไม่ถึง 10 นาที เราก็มาถึงยอดแล้ววว ไมจะรีบ
วิวเมืองจากด้านบน
มองเห็นวิวสะพาน ข้ามเกาะปีนัง
ตั้งใจจะ ตั้งกล้องรอพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูปเมืองตอนกลางคืนสวยๆ แต่! แต่! สกายวอค์ก ปิด!! WTF++
ปิดปรับปรุงจ้า ปิดหลายส่วนเลย เดินไปไหนแถบไม่ได้ เฟลมาก แต่ชั่งมัน มาให้รู้ ส่วนสวนที่เค้าไปเดินกัน เราไม่ได้เข้าไปจ้า มันเสียตังงงง เยอะอยู่ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรว้าว ดนใจอะไรขนาดนั่นเลยไม่เข้าไปดีกว่า สรุป ถ่ายรูปเมือง นานสองนานแล้วก็ไปนั่งกินน้ำแข็งใส แล้วก็ลง แค่นั่น 555
เราได้นั่งรถเมล์กลับมายังแถวที่พัก ก็ไปสะดุดตา เจอเข้ากับเหมือนเป็น ศูนย์อาหาร มีอาหารให้เลือกมากมาย มีอาหารไทยด้วยนะ
พิกัด https://www.google.com/maps/pl... แนะนำที่นี่เลย ของกินไม่แพง ไม่แพงนี้คือราคาเท่าบ้านเรา 50-60 บาท มีให้เลือกเยอะ
DAY 3 เพลนวันนี้ ไม่มีอะไรมาก ตอนแรกกะจะนั่งรถเมล์ เล่นๆ ชิวๆ ทัวร์รอบเกาะปีนัง
เติมพลังก่อนออกเดินทาง ที่ศูนย์อาหารเดิม
หลังจากอิ่มท้อง เราก็เริ่มออกเดินทาง โดยจุดหมายแรกเรานั่งรถเมล์ไปลงที่ มัสยิด Masjid Terapung Tanjung Bungah
วันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรทางศาสนาของเค้า มีรถจอดเยอะมาก เต็มไปหมด
ถ้ามีโดรน บินมุมสูง จะเห็นมัสยิดเป็นรูปดาว เสียดายเราไม่มีT-T
นั่งรถเมล์ มาลงที่หาด Pantai Batu Ferrinhi ซิ่งจริงระหว่างนั่งรถเมล์ ก็เลียบชายหาดและผ่านหลายหาดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ลงแวะ
น้ำตรงริมหาด ดำมาก แต่กลางๆทะเลใสนะ ไม่รู้ทำไม ริมหาดน้ำถึงดำ
นึกภาพ ถ้าน้ำทะเลที่นี่ใส เหมือนภาคใต้บ้านเรา คงได้บินมาเที่ยวที่นี่ทุกปีเป็นแน่ๆ
นั่งพักอยู่นาน ฝนก็เริ่มตก เราจึงตัดสินใจไม่ได้นั่งรถเมล์ รอบเกาะต่อ
นั่งรถเมล์มาลงที่ จอร์จทาวน์ Street art อีกครั้ง
หลังจากเดินถ่ายรูปจนเหนื่อย ก็แวะทานข้าว ร้าน Tai Tong Restaurant เหมือนเดิม ติดใจ
Day 4 เราต้องนั่งเครื่องแต่เช้า
โดยเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ รอรถเมล์ไปลงสุดสายที่สนามบิน กลับดอนเมือง
การเตรียมตัวเข้า ประเทศมาเลเซีย
ให้ทำการ โหลด app ที่ชื่อว่า MySejahtera แล้วเข้าไปที่เมนู Traveller
1.กรอกTravel ข้อมูลส่วนตัว
2.กรอกOverseas Vaccination Details ข้อมูลการรับวัคซีน
เมื่อกรอกเสร็จ ผ่านเรียบร้อย ให้เข้าไปดูที่หน้า Profile บน app จะแสดงข้อมูล ส่วนตัวของเราและข้อมูลการรับวัคซีน Digital Certificate ก็เป็นอันเรียบร้อย
ปล.เอาจริงๆตอนเข้าประเทศ ตม ไม่ได้ขอตรวจอะไรเลย T-T ปั้มๆเปิดแมส แล้วเข้าประเทศเลย
การเดินทางภายในเกาะปีนัง
-สามารถใช้บริการ APP Grab ในการเรียกใช้บริการ รับ-ส่ง ได้ (แต่เราไม่ได้สมัครไว้ 555)
-นั่งรถเมล์ ง่าย และสะดวกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โดยวิธีการการก็คือ
1.เปิดgoogle map ขึ้นมาก่อน เลือกจุดหมายกับปลายทาง
เมื่อเรากดแล้ว google map จะแสดงให้เราเลือกว่า จะนั่งสายอะไร ซึ่งแต่ละสายที่เราเลือก จะต้องขึ้นตามป้ายแตกต่างกันไป บนMap สามารถบอกได้ด้วยว่า รถเมล์จะมากี่โมง อีกกี่นาที เวลาของรถเมล์บนmap จะเป๊ะมาก ซึ่งเราสามารถใช้วิธีนี้ เดินทางได้รอบเกาะปีนัง เวลาจะลงป้ายไหน ก็พยายามหาจุดที่มันใหญ่ๆจุดที่เป็นที่สนใจ คนขับรถเมล์เค้าจะได้รู้ว่าเราลงไหน ถ้าลงตามสถานที่ท่องเที่ยวจะง่ายหน่อย แต่ถ้าลงแถวที่พัก จะต้องหาจุดที่เป็นสถานที่สะดุดตา ในการบอกจุดลงให้แก่คนขับ
ทริค เล็กๆน้อย และข้อควรรู้ในการมาเที่ยว ปีนัง
1.บัตร ATM มากดเงินที่ ปีนังเลย ถ้าขี้เกียจแลกเงินมา โดยจะเสียค่าธรรมเนียมในการกดประมาน 100 กว่าบาท/ครั้ง ไม่เกิน200บาท แล้วแต่เรทของบัตร ธนาคารนั้น โดยตู้ที่กดได้ ให้สังเกตว่า มีสติ๊กเกอร์ติดว่า Visa หรือ Master card ไหม ถ้ามีแปะบอก ก็กดได้ จริงๆก็กดได้ทั่วโลก สูตรนี้ ใช้มาแล้วหลายประเทศที่เคยไปเที่ยวมา จอร์เจีย เวียดนาม ลาว กดได้หมด
2.นั่งรถเมล์ ให้แลกแบงค์ 1 RM เก็บไว้เยอะๆ เพราะเวลาเราขึ้นรถเมล์ เค้าไม่ทอนเงิน แล้วถ้าเรามีแต่แบงค์ใหญ่ๆ เราจะเสียในส่วนนี้ไปหนักมาก
3.ของกิน ความรู้สึกแรกที่มาปีนังคือ กูหิวว ไหนร้านข้าว หาของกินยากมาก ไม่เหมือนบ้านเรา แถมแพงมากด้วย แต่ละร้านก็ไม่มีรู้อะไรให้เราชี้เลย ตัวราคาก้ไม่บอก กว่าจะหาร้าน แหล่งที่ราคาโอเค ก็ปาไปวันที่ 2 แล้ว ใครจะเที่ยวแนะนำ ที่นี่เลย https://www.google.com/maps/pl... จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินเยอะ
4.เมืองปีนัง ให้อารมณ์เหมือนมาเที่ยวภูเก็ตบ้านเรา ใครที่อินกับเมืองเก่าภูเก็ต จะอินกับที่นี่มาก แต่ถ้าใครไม่อินกับตึกเก่าภูเก็ต มาที่นี่ก็อารมณ์นั่นแหละ 555 ไม่ได้ว้าวซ่า ขนาดนั้น ถ้าถามว่ามาอีกไหม ก็ไม่ ครั้งเดียวพอ มาให้รู้ เป็นประสบการณ์การเดินทางใหม่ ที่เราไม่เคยมาพอ ไม่ต้องซ้ำ
5.ผู้คน ที่นี่ต้องรับนักท่องเที่ยวดี ส่วนใหญ่จะพูดจีนกันเกือบ 90%
จบการรีวิว มาเที่ยวปีนัง หลังเปิดประเทศ 2022 ช่วงนี้น่าจะเที่ยวบ่อยหน่อย
ทริปหน้าไปที่ไหน ฝากกดติดตามได้ที่เพจ https://www.facebook.com/CanGo...
ขอบคุณคุณท่านที่อ่านกันจนจบ เลิฟๆ
ใจมันได้
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 13.13 น.