ก่อนออกจากพื้นที่เสาปอมเปย์ เราสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงทางไปสุสานใต้ดิน เจ้าหน้าที่บอกให้เราเดินไปตามเส้นทางที่ตัดผ่านทางด้านขวาของเสาปอมเปย์ จากนั้นเดินไปเรื่อยๆประมาณ 5 นาทีก็จะถึง เส้นทางที่ว่านี่เป็นตรอกแคบๆที่มีรถสามล้อเครื่อง หน้าตาเหมือนรถตุ๊กตุ๊กในเมืองไทยวิ่งกันขวักไขว้ เพราะเป็นพาหนะที่ติดเครื่องยนต์เพียงประเภทเดียวที่สามารถวิ่งเข้าไปในตรอกแคบๆนี้ได้ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านผลไม้ และร้านชากาแฟ ที่หน้าร้านพบเห็นกลุ่มผู้ชาย โดยเฉพาะวัยคุณลุงหลายคนนั่งดูดชิชากันอย่างสบายอารมณ์



แล้วเส้นทางก็พาเรามาถึงสุสานใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacombs of Kom El Shoqafa) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า สุสานแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ปโตเลมี ซึ่งมีเมืองอเล็กซานเดรียเป็นเมืองหลวง แต่สร้างขึ้นหลังจากนั้น คือในสมัยที่อียิปต์ตกอยู่ใต้การปกครองของโรมันแล้ว หรือเมื่อราวปีค.ศ.100 เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของชาวโรมัน ซึ่งคาดว่าเคยมีศพถูกฝังอยู่ภายในสุสานใต้ดินนี้ถึง 50,000 ศพ ได้รู้เช่นนี้ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก จนอยากจะมุดลงใต้ดินเสียเร็วๆ



หลังจากซื้อตั๋วเป็นที่เรียบร้อย เราก็เข้าสู่เขตสุสานใต้ดิน พื้นดินบริเวณนี้โดยรอบดูแล้วไม่มีอะไรชวนให้รู้สึกว่ามีความสำคัญ ศพที่ฝังอยู่ในสุสานใต้ดินแห่งนี้จึงอยู่กันอย่างสงบปราศจากผู้รบกวน จนเมื่อปีค.ศ.1900 ลาตัวหนึ่งดันพลัดลงไปในโพรงใต้ดิน เจ้าของจึงออกตามหาจนเป็นที่มาของการค้นพบสุสานใต้ดินแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันปากโพรงนี้ได้มีการทำหลังคาครอบ และมีการลำเลียงโลงศพหินขึ้นมาจากสุสาน ให้คนยุคปัจจุบันได้เห็นกันราว 4 – 5 โลง พอให้เรียกความตื่นเต้นก่อนจะมุดลงใต้ดิน

เราเดินไต่บันไดที่เวียนลงสู่ใต้ดินที่ลึกลงไป ยิ่งลงลึกมากขึ้นใจผมก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น โดยปล่องที่บันไดวนรอบนี้ เป็นช่องทางลำเลียงโลงศพลงสู่สุสานที่อยู่ลึกลงไปเป็นชั้นๆกว่า 20 เมตร แล้วเราก็ลงมาถึงชั้นแรกฝั่งซ้ายมือเป็นห้องโถงโล่ง เชื่อกันว่าครั้งหนึ่งเป็นห้องที่ญาติผู้ตายมาร่วมรับประทานอาหารก่อนที่จะทิ้งร่างปราศจากชีวิตไว้ในโลงศพหินใต้ดินไปตลอดกลาล

เราเดินไต่บันไดลงไปอีกชั้นบริเวณนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุดของสุสานใต้ดิน นั่นคือห้องสำหรับทำพิธีศพ โดยมีแท่นหินตั้งอยู่ตรงกลาง พร้อมภาพแกะสลักหินจำนวนมาก ที่ผสมผสานความเชื่อของทั้งกรีก โรมัน และอียิปต์ ทั้งภาพมังกร ภาพนางเมดูซ่า ที่สองฝั่งของทางเข้า ซึ่งตำนานเล่ากันว่าหากใครได้เห็นหน้านางจะกลายเป็นหิน จึงน่าจะเป็นการสลักภาพนี้ขึ้นเพื่อป้องกันการบุกรุกสุสาน นอกจากนี้ผนังโดยรอบยังปรากฏภาพแกะสลักหินที่สวยงามอีกหลายภาพ ซึ่งแม้จะถูกสร้างในยุคที่อียิปต์อยู่ใต้การปกครองของโรมัน แต่ภาพแกะสลักที่ปรากฎยังคงเป็นภาพการประกอบพิธีศพตามแบบอียิปต์โบราณโดยมีเทพอนูบิส ที่มีศีรษะเป็นสุนัขกำลังทำพิธีศพให้ผู้ตาย จึงแสดงให้เห็นว่าแม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน แต่อารยธรรมความเชื่อของอียิปต์โบราณก็ยังคงอยู่สืบต่อมาได้อีกหลายร้อยปี กว่าที่อารยธรรมและความเชื่อในเทพเจ้าเหล่านั้นจะหายห่างไปจากชาวอียิปต์อย่างถาวร

แล้วผมก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นว่าผนังหินที่อยู่ลึกเข้าไปนี้ถูกเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมจำนวนมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าช่องสี่เหลี่ยมเหล่านี้ถูกเจาะไว้เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อบรรจุโลงศพหิน
“หมดแค่นี้เองหรอ คิดว่าสุสานจะลึกกว่านี้เสียอีก” พี่น้องทรงรำพึงออกมา และก็จริงดังนั้น สุสานใต้ดินยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะยังมีบันไดที่ดำดิ่งลงใต้ดิน แต่มีป้ายห้ามเข้า แต่ไม่ได้วางไว้ตรงๆหน้าบันได แต่วางไว้ข้างๆจนเราไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตให้สามารถลงไปต่อได้หรือไม่

“พี่เอ๋นำลงไปสิ เดี๋ยวหมีช่วยเปิดไฟฉายจากมือถือส่องนำทางให้ ข้างล่างต้องอลังการกว่านี้แน่” น้องหมีกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของผมได้เป็นอย่างดี ผมจึงเปิดไฟฉายจากมือถือแล้วเดินลงไปตามขั้นบันได โดยมีเพื่อนๆเดินเรียงแถวตามลงมา
ทางเดินค่อยๆดิ่งลึกขึ้น ความตื่นเต้นก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเช่นกัน แล้วอยู่ๆก็เกิดเสียง “จ๋อม” เมื่อขาขวาผมก้าวลงไปยังน้ำที่ขังอยู่เบื้องล่าง และแทนที่ขาซ้ายจะหยั้งไว้ทัน ขาซ้ายของผมกลับก้าวลงไปในน้ำนั้น เวลานี้สองเท้าจนถึงหน้าแข้งของผมจึงจมอยู่ในน้ำ ในขณะนี้เพื่อนๆที่เดินตามหลังต่างวิ่งหนีขึ้นข้างบนโดยไม่คิดชีวิต

ผมกลับขึ้นมาบนพื้นดินในสภาพที่เปียกทั้งรองเท้า ถุงเท้า จนถึงขากางเกง โดยได้รับเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมทางเป็นการปลอบใจ ไหนว่าเพื่อนไม่ทิ้งกัน นี่ทิ้งกันตั้งแต่วันแรกเลย
“ก็แหม ไม่รู้ว่าในน้ำมีอะไรบ้าง มีงูหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นใครก็ต้องรีบวิ่งใช่ไหมพี่”
น้องหมีซึ่งเป็นคนที่เดินตามหลังผมมาติดๆรีบยกเหตุผลขึ้นมาแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่ก็คงจริงอย่างที่น้องหมีว่า ไม่รู้ว่าในน้ำนั้นมีอะไรบ้าง ดีนะที่ไม่โดนงูหรือสัตว์มีพิษกัดเอา แต่สิ่งที่ผมกลัวมากไปกว่านั่นคือ น้ำที่ขังอยู่ในสุสานใต้ดินนี้ไม่รู้ขังมานานเท่าไหร่ เพิ่งมาขังในช่วงการขุดค้น หรือขังมานานตั้งแต่เมื่อพันกว่าปี หากเป็นเช่นนั้นน้ำที่ขังนี้น่าจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค คิดได้เช่นนั้นผมจึงไม่รอช้าที่จะรีบเดินไปห้องน้ำ เพื่อล้างเท้า แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงต้องใส่รองเท้าที่เปียกนั้นต่อไป เพราะคงไม่สามารถเดินเท้าเปล่ากลับโรงแรมได้ เหตุการณ์นี้จะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองที่ดื้อ อยากรู้อยากเห็นจนเกินขอบเขต

อย่าที่บอกว่าเส้นทางหน้าสุสานใต้ดินนั้นเป็นตรอกแคบๆที่ไม่มีรถใดนอกจากรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งผ่าน เราจึงเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปหารถแท็กซี่ที่ถนนใหญ่ แต่ก็ไม่มีวี่แววแท็กซี่สักคัน จึงเดินไปสั่งน้ำส้มคันสดๆมาดื่มดับกระหายกันคนละแก้ว แต่ก็ยังไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาสักคัน มีแต่รถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งกันขวักไขว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงต้องแยกวง เพื่อแยกกันขึ้นรถตุ๊กตุ๊กคันละ 2 กับ 3 คน ในราคา 2 คัน 30 ปอนด์ เท่ากับการนั่งรถแท็กซี่เลย แต่ที่ได้มากกว่านั้นคือความเสียว เหมือนกำลังนั่งอยู่ในรถที่กำลังเล่นเกมส์รถซิ่งตะลุมบอน


กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.11 น.