“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ...ขณะนี้เรือของเรากำลังทำการเทียบท่าที่ท่าเรือเกาะเต่า ท่านผู้โดยสารท่านใดที่มีจุดหมายปลายทางที่นี่ ขอให้ใช้ประตูด้านหลังเรือเป็นทางออก สำหรับสัมภาระของท่าน เจ้าหน้าที่จะ... !@#$*&)(#%#&...." เสียงเจ้าหน้าที่บนเรือประกาศจุดหมายปลายทางแรก ขณะเดียวกัน ผมที่ตอนนั้นกำลังนั่งงัวเงียอยู่บนเรือ เหลือบไปเห็นวิวด้านนอกผ่านหน้าต่างเรือ ถึงกับตาลีตาเหลือก รีบวิ่งออกมาดูนอกเรือเลยทีเดียว

“เห้ยยย!!! เกาะเต่า ทำไมดูแล้วมันโคตรชิวเลยวะ" น้ำสีฟ้าคราม ตัดกับวิวเกาะที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีต้นมะพร้าวแทรกตามแนวเขาเป็นหย่อมๆ ให้ความรู้สึก Tropical มากกกกกกกกกกกกก


“สำหรับท่านผู้โดยสารที่มีจุดหมายปลายทางเป็นเกาะพะงัน กรุณานั่งอยู่กับที่ เกาะพะงันจะเป็นปลายทางต่อไป...."

และผมก็ต้องกลับมานั่งที่เดิม เพราะครั้งนี้ผมตีตั๋วมาเกาะพะงัน แต่ก็บอกกับตัวเองว่า จะต้องมาเกาะเต่าให้ได้ ชิวขนาดนี้ กลับจากทริปเกาะพะงันแล้วจะต้องรีบหาวันหยุดมาเกาะเต่าให้ได้เด็ดขาด!!!!!!


และทั้งหมดนี้เป็นที่มาของทริปชิวที่สุดในแปดล้านโลกของผมทริปนี้......

“เกาะเต่า"


แวะมาพูดคุยกันที่นี่นะครับ
https://www.facebook.com/gohangaround

หลังจากกลับจากเกาะพะงัน ผมก็เอาแต่ยุ่งวุ่นวายเช็คปฎิทิน หาวันหยุดกันจ้าละหวั่น ไอ้ที่มีมันก็หน้าฝน อีกทั้งรออีกเป็นเดือน ใจมันจะขาด มันกระวนกระวาย ไม่มีจิตใจจะทำอะไร (เวอร์จ๊าดดด 5555)


และแล้วก็....

.
.

เอาวะ!!!!!! ไปมันเสาร์-อาทิตย์เนี่ยแหละ ขึ้นรถศุกร์เย็น กลับวันจันทร์มืดๆ ลางานวันนึง จบ!!! ง่าย!!!!! ไม่ต้องเสียเวลารอ


สองอาทิตย์ให้หลัง

ปะ...ลุย!!!!


สำหรับการเดินทางไปเกาะเต่า ผมแนะนำให้อ่านกระทู้เกาะพะงันของผมนะครับ เหมือนกันเป๊ะ แค่เกาะเต่าถึงก่อน

http://pantip.com/topic/35232477



เกาะเต่า...วันแรก

วันนี้วันเสาร์ เรือเทียบท่าที่ท่าเรือเกาะเต่า แม่หาด ประมาณ 9.30 น. ผมก้าวเท้าออกมาจากเดิน แหงนหน้ามองฟ้า สูดหายเข้าเต็มปอด ค่อยๆ เดินจากท่าเรือไปที่ฝั่ง อารมณ์แบบ...ล่องลอยสุดๆ นี่มันเกาะอะไรกัน ยังไม่ทันทำอะไรเลย กลิ่นอายของความชิวผ่านหน้าผมตลอดเวลาตั้งแต่ที่ก้าวออกมาจากเรือ (ไอส๊าดดด โคตรเวอร์ 5555)


จนกระทั้ง...

.

.

“Taxi ?"

“แท็กซี่"

“แท็กสี้ ?"

“แต๊กซี่ ?"

“แท้กกกซรี่"

“แท็กซี่มั๊ยน้อง"

“Do you need taxi?" “

“แท็กซี่มั๊ยครับ"

“แท็กซี่มั๊ยพี่"

“!@#$%^&@#$$%^&*()(*&^%$#)_@#$%^&*(


หมู่มวลมหาพี่ๆ แท็กซี่ ทั้งไทย และพม่า ยืนชูป้ายหันหน้าเข้ามาทางท่าเรือคอยตะโกนเรียกลูกค้า ด้วยภาษาไทยในสำเนียงที่ตัวเอ็งถนัดกันอย่างคับคั่ง นึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงเวลาที่บรรดาติ่งๆ ทั้งหลาย มารอรับศิลปินในดวงใจที่สนามบินยังไงอย่างนั้น 5555 ต่างกันนิดเดียว ตรงที่พี่ๆ เค้าไม่กรี๊ด ไม่ขอลายเซ็นผม ฮ่าๆๆๆ (แซวเล่นนะคร้าบบบบ)


แต่ทุกคนใจดีนะครับ เท่าที่ผมสัมผัส ถามอะไรก็เต็มใจตอบ เต็มใจให้ข้อมูล บอกว่าไม่ ก็ไม่มีตื๊อให้อึดอัดใจครับ สบายๆ

หลังจากฝ่าวงล้อมพี่ๆ แท็กซี่มาแล้ว......


“กรูต้องไปไหนต่อวะเนี่ยยยยยยยยยยยย"

มึนๆ งงๆ แต่ที่รู้คือหิวมากกกกกกกกกก สายป่านนี้แล้วยังไม่ได้กินข้าว เดินออกจากท่าเรือ กำลังงงๆ หาข้าวกิน ก็มีพี่แท็กซี่คนนึงกำลังเดินกลับบ้านพอดี เห็นผมท่าทางเพิ่งมาถึง แกเลยเดินมาถามไถ่ คุยไปคุยมา ที่บ้านพี่เค้ามีให้เช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ด้วยพอดี วันละ 200 บาทไทย ไม่มีมัดจำห้าพงห้าพันอะไรอย่างที่เลื่องลือมา ไม่มียึดบัตรประชาชน ไม่มีพิธีรีตรองอะไรเลย

เอาสิครับ รอไร!!!!!!

ไม่ทันได้เดินหา ไม่ทันได้ลำบากอะไรเลย เริ่มมาก็สวยละ


จากนั้นก็แว๊นเอากระเป๋าไปเก็บที่ที่พักที่จองไว้ อ้ออ!! ลืมบอกไป ผมพักที่หาดทรายรี หาดยอดฮิตของเกาะเต่า (ขออณุญาติข้าม ไม่พูดถึงส่วนของที่พักไปนะครับ ที่พักบนเกาะเต่ามีเยอะมาก ตั้งแต่โฮลเทลราคาหลักร้อย ไปจนถึงรีสอร์ทหรูราคาหลักหมื่น ต่อให้ไม่ต้องจอง วอร์คอินมารับรอง ยังไงก็ยังมีที่นอน) เช็คอินเสร็จ กินข้าวเสร็จ ได้เวลาลุยกันจริงๆ ละครับ


อย่างที่บอกตั้งแต่แรก ทริปนี้ผมไม่ได้เน้นอะไรมาก แค่อยากมาชิว ฉะนั้น พลงแพลนไม่ต้องถามถึง…ไม่มีจ่ะ ฮ่าๆๆๆ จะมีก็แต่ข้อมูลคร่าวๆ จากที่อ่านๆ มาตามรีวิวแทรกอยู่ในสมองเล็กๆ ปนกับขี้เลื่อยแค่นั้น กะมาจิ้มแผนที่เอาล้วนๆ แหะๆ


และจิ้มมาที่แรก…

Freedom Beach!!!


อ่านมาก็เยอะ ถามมาก็เยอะ ใครๆ ก็บอกเป็นหาดที่ชิวมากกก ไอ้เราก็ไม่คิดว่ามันจะอะไรขนาดนั้น ก็คงทั่วๆ ไป แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็ไปท้าพิสูจน์ซะเลย จากหาดทรายรี แว๊นมาประมาณ 10 นาที ไม่ไกลครับ เส้นทางก็ไม่ถือว่าลำบาก ทางเข้าอาจจะชันประมาณนึง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ผมยังพอรับได้ ฮ่าๆๆๆ


มาถึงจอดรถ ละเดินต่ออีกนิด...

….


และ...

ผ่างงงงงงงง!!!!!!!

ลมพัดกระแทกหน้า!!! คือมันดีมากกกกกครับคูณณณณผู้โชมมมมมม อยากให้อินกว่านี้ อ่านถึงตรงนี้ก็เปิดพัดลมจ่อหน้าไปด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ

.

.

.

ยืนดูวิวด้านบนนี้ก็ชิวอิ๊ปหายแล้วครับ


ปะ...ลงไปด้านล่างกัน


คือออกตัวก่อนนะครับ เจ้า Freedom beach เนี่ยยย ไม่ใช่ผืนหาดทรายสีขาวละเอียด ที่จะถอดรองเท้าเดินแล้วนุ่มละมุนเท้า อย่างที่ทุกคนกำลังจินตนาการเหมือนกับหาดทรายของทางฝั่งอันดามันนะครับ แล้วก็ไม่ได้โล่ง ทอดยาวสุดลูกหูลูกตานะครับ เป็นหาดส่วนตัวเล็กๆ เม็ดทรายก็จะเม็ดใหญ่ๆ ปนกับหิน แต่ภาพรวม องค์ประกอบของหาดนี้มันกลับครบองค์ คือทุกอย่างมาประกอบกันได้ลงตัวมาก ราวกับมีใครซักคนจับมันมาวางเรียงกันอย่างตั้งใจ

วิวภูเขาที่ทอดตัวยาวลงไปในทะเล มีก้อนหิน น้อยใหญ่ว่างสลับสับกันไปมา แนวหาดโค้งรับ โอบบริเวณนี้ให้ดูไม่เวิ้งว้างเกินไปนัก มีบาร์เล็กๆ ที่มีทั้งเครื่องดื่ม อาหาร รวมถึงอุปกรณ์ดำน้ำ คอยให้บริการ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ ไม่เงียบเหงาจนเกินไป


วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร แดดแรงมาก แต่อากาศกลับไม่ร้อนอย่างที่มันควรจะร้อนโดยปกติ คือกำลังดีเลยครับ เดินตรงแดดเปรี้ยงๆ ก็ชิว หรือหาที่นั่งหลบแดดร่มๆ ยิ่งชิวหนักเข้าไปอีก



....


ว่าแล้ว...หาอะไรดื่ม ดับกระหายกันหน่อยดีกว่าครับ

ได้นั่งห้อยขา จิบน้ำตาลสด (เชื่อผมปะ ฮ่าๆๆๆ)


ฮ๊า!!! ชื่นใจจริงๆ รู้สึกมีความสุขกับชีวิตตัวเองตรงนี้ และตอนนี้จริงๆ ครับ ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องคอยฟังคำสั่ง หรือเอาอกเอาใจใคร อยากทำอะไรก็ทำ และถึงแม้ว่าผมเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ ตอนนี้ แต่มันกลับไม่รู้สึกเสียดายเวลาเลยซักนิด

....

ออกจะมีความสุขซะด้วยซ้ำ

ผมติดแหง็กอยู่กับความชิวของที่นี่อยู่ 2 เกือบๆ 3 ชม. โดยไม่รู้ตัว ติดอยู่แบบที่ไม่ทำกิจกรรม ไม่เล่นน้ำ ไม่อะไรเลย

......

แค่นั่งเฉยๆ เดินไปเดินมา นั่งโง่ๆ อยู่อย่างนั้น

แค่นั้นจริงๆ....เพลินนน


พอเริ่มกรึ่มๆ ได้ที่ ก็เริ่มง่วง ฮ่าๆๆๆๆ บวกกับยังเพลียจากการเดินทางอยู่ ก็เลยกลับไปหลับซักงีบ แล้วค่อยออกมาดูพระอาทิตย์ตกกันตอนเย็น


คร้อก!!....Zzzzzz……..


5 โมงเย็น!!!!!!

เห้ยย!!! 5 โมงเย็นแล้ว ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากระวนกระวาย ตายๆๆๆๆๆ จะทันดูพระอาทิตย์ตกมั๊ยเนี่ยย รีบอาบน้ำ แต่งตัว ละจิ้มๆๆๆๆ ในแผนที่ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ไหนดี ลนลานกลัวจะไม่ทันถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก


สุดท้ายก็จิ้มมั่วๆ มาตกที่....อ่าวหินวง!!!!!

รีบแว๊นมอเตอร์ไซค์ไปตามแผนที่อย่างไว เส้นทางนี่โหดมากครับ มันจะเป็นทางเล็กๆ แคบๆ และก็ชันนนนนนนนนนนนนนนนนน น.หนูนี่ให้ไปเลยแปดสิบล้านตัว ผมนี่ขับไปหวิวไป ตอนขับไปก็ไม่เท่าไหร่ เพราะมันเป็นขาขึ้น

แต่ในใจตอนนั้นก็คิดอยู่ตลอดเวลา

“เดี๋ยวกรูจะลงยังไงวะเนี่ยยยยยยยยยยย"


ขับรถไต่เขามาเรื่อยๆ สุดท้ายมาเจอบาร์ บาร์นึงชื่อว่า Coco View Bar อยู่บนยอดเขา และทางข้างหน้าเป็นทางลงที่จะลงไปอ่าวหินวง ซึ่งชันมหาโหดมากกกกกกกกกกกกกก ผมเลยตัดสินใจยกธงขาวไม่ไปต่อ

เอาจริงๆ ไม่ใช่เพราะทางน่ากลัว

…..

แต่เป็นเพราะผมรู้ว่า มีบาร์ มันต้องมีเบียร์ เลยต้องแวะ ฮ่าๆๆๆๆ

แต่แล้ว...พอเดินมาที่บาร์


“พระอาทิตย์อยู่ไหน…หรือตกไปแล้วว??"

ถามพี่ที่บาร์

“อ่ออน้อง ฝั่งนี้เค้ามาดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นกัน อยากพระอาทิตย์ตก ก็หันหลังไปหาดฝั่งนู้น โน้นนนนน"

!@#$%^&*()(*&^%$#@*&^%$%^&*

....

ใช่ครับ...ผมมาผิดทิศ


แม่เจ้าประคู๊ณณณณณณณณณ อุตส่ารีบ ลนลานแทบตาย เพื่อมาดูพระอาทิตย์ตก แต่เจือกมาผิดฝั่ง!!!!!!

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพราะวิวบนบาร์ มันปัง!!! อลังการล้านแปดมาก!!!!!!!

วิวที่เห็นนั่นเป็นวิวอ่าวหินวง ที่ถ่ายจาก Coco View Bar มันดีงามมากครับ ได้ยืนกินลม ชมทะเลจากที่สูงแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอบ่อยนัก


....

ว่าแล้วก็....ขอเบียร์ป๋อง!!!! แหะๆ

Coco View Bar เป็นบาร์ที่เล็กๆ ค่อนข้างเงียบ อันนี้ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงที่ผมไป คนเค้ากลับกันหมดแล้วหรือยังไง แต่บรรยากาศบนนี้มันดีเอามากๆ ยังแอบคิดในใจ ถ้าเราวางแพลนมาเที่ยวเกาะเต่าแบบตั้งใจมาล่าแต่ที่สำคัญๆ ดังๆ เราอาจไม่มีโอกาสได้มาที่นี่ก็ได้

นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังมีอุปกรณ์ดำน้ำ ให้เราเช่าเอาลงไปดำน้ำที่อ่าวหินวงได้ด้วยนะครับ ถ้าใครขับมอเตอร์ไซค์แข็งหน่อย ขับลงไปที่อ่าวหินวง และสามารถดำน้ำจากฝั่งได้เลย ไม่ต้องนั่งเรือออกไปดำน้ำเหมือนที่อื่นๆ ทั่วๆไป


เจ๋งมั๊ยล่ะ...เกาะเต่า

.....


น่าเสียดายที่ผมนั่งซึมซับบรรยากาศอยู่ตรงนี้ได้ไม่นาน อย่างที่มันควรจะเป็น ต้องรีบลงมาก่อน อย่างที่บอกครับ ทางมันชัน และโหดมาก ถ้ารอให้มืดแล้วค่อยลง กลัวว่าจะลำบาก


.....


เสร็จจากตรงนี้ก็ลงมาหาข้าวกิน แถวๆหาดทรายรีนั่นแหละครับ ร้านเยอะมาก ทั้งร้านโลคอล และร้านสำหรับนักท่องเที่ยว ให้เลือกกันหลากหลายเลยทีเดียวครับ ราคาก็แตกต่างกันไป เท่าที่ผมเจอก็ราคาอาหารตามสั่งจะเริ่มต้นที่ 60 บาท

หลังจากท้องอิ่มเรียบร้อยก็มาเดินเล่นที่ถนนเลียบหาด หาดทรายรี หาบาร์ริมหาดชิวๆ นั่งจิบๆ อีกซักเล็กน้อยก่อนกลับเข้าที่พัก อยากอยู่ดึกๆ ก็กลัวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทัน พอดีจองทัวร์ดำน้ำรอบเกาะไว้พรุ่งนี้ รถจะมารับตอนเช้า ยิ่งเพลียจากการเดินทางอยู่แล้ว เกิดเมาหนักอีก มีโอกาสพลาดได้ง่าย ฮ่าๆๆๆ


......



ราตรีสวัสดิ์........

Zzzzzz……



เกาะเต่า...วันที่สอง

ผมตื่นแต่เช้าตรู่...ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกจะปลุกซะอีก รู้สึกวินมาก บอกเลย 55555 เข้าใจว่าทุกคนคงเป็นเหมือนกัน เวลาที่ต้องตื่นมาเที่ยวเนี่ย เช้าแค่ไหนก็ตื่นได้ ผิดกันกับตื่นมาทำงาน กว่าจะลุกขึ้นมาได้ กดเลื่อนนาฬิกาปลุกจนแบตแทบหมด (เวอร์อีก ฮ่าๆๆๆ) อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาเดินเล่นริมหาดทรายรี รอรถมารับ


...

วันนี้เราจะไปดำน้ำรอบเกาะกัน!!!!


อย่างที่บอกครับ หาดทรายรีเป็นหาดยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ตามความเข้าใจของผม ที่เป็นหาดยอดฮิตเพราะมีทุกอย่างครบถ้วนกระบวนความสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะร้านรวง ผับบาร์ แสงสีให้ได้สัมผัสกันในยามค่ำคืน รวมถึงที่พักต่างๆ มีหลากหลายรูปแบบ ราคาตั้งแต่หลักร้อย ไปจนหลักพัน (มีหลักหมื่นหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ แหะๆ) จะมาวอร์คอิน หรือจะจองมาก่อนล่วงหน้า ตามแต่จะสะดวกได้เลย


ขณะเดียวกัน ที่ริมหาด จะเป็นหาดที่เรียบ กว้าง และยาว ให้เราได้เดินหิ้วรองเท้าแตะ เอาเท้าจุ่มน้ำแบบในละคร หรือจะวิ่งกระโดดลงไปเล่นน้ำก็ไม่ลึกจนอันตรายเหมือนหาดอื่นๆ


แต่ถ้าคิดจะมาชิวแล้ว...

ต้องไม่พลาดตื่นเช้ามาเดิน สูดลมทะเลยามเช้า ริมหาดทรายรีเป็นอันขาด


แสงแดดยามเช้า จะสาดส่องมาจากอีกฝั่งของเกาะ อีกทั้งแนวต้นมะพร้าวและต้นสนริมหาดช่วยบดบัง ทำให้พื้นที่บริเวณริมหาดทรายรีในยามเช้า โดนแดดส่องแค่ประปราย ซึ่งนั่นหมายถึงอากาศจะไม่ร้อน ออกแนวเย็นสบายเพราะลมพัดตลอดซะด้วยซ้ำ ฟินเฟร่อ เวอร์หนักมากกกก


....

สบายใจจัง....


เดินไปเดินมา...ชักเหงาแฮะ


ทะเลยามเช้า ลมเบาๆ แสงแดดอ่อนๆ ภาพพระเอกจูงมือนางเอก เดินเอาเท้าจุ่มน้ำ คุยกันกระหนุงกระหนิง มักปรากฏณ์ให้เราเห็นอยู่เสมอๆ ในละครหลังข่าวตั้งแต่เด็กจนโต จนเป็นภาพที่ฝังอยู่ในหัวผมมาจนถึงตอนนี้

...

แต่ผมมาคนเดียว...เหงาเลย

ผมเดินกลับมานั่งรอรถตรงจุดนัดพบ ได้นั่งเฉยๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ เบียร์เย็นๆ ซักป๋อง....

ไม่ปงไม่ไปมันละ ดำน้ำ!!!

.

.

..

….


ผมล้อเล่น!!!! ฮ่าๆๆๆ


ซักพัก รถก็มารับไปที่ขึ้นเรือ

เย้...ได้ไปซักที


เรือที่เรานั่งไปดำน้ำกันวันนี้ก็จะเป็นเรือไม้แบบที่เห็นในภาพด้านบนนะครับ ก็จะพาไปดำน้ำบริเวณอ่าวต่างๆ รอบเกาะ ซึ่งอย่างที่บอกครับ หลายๆ อ่าวมอเตอร์ไซค์ป๊อกแป๊กมันเข้าไม่ถึง นั่งเรือจะปลอดภัย และเข้าถึงง่ายกว่า อีกอย่างเรือมันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แนวบู๊ๆ แบบสปี๊ดโบ๊ท ฉะนั้นในวันที่คลื่นลมสงบแบบนี้

....


ชิวสึส ยู้วฮูววววว......

เอาจริงๆ วิวรอบๆ เกาะเต่านี่มันสวยมากจริงๆ ต่อให้ใครที่ซื้อทัวร์มาดำน้ำรอบเกาะ แล้วไม่อยากลงไปดำน้ำ จะนั่งอยู่แค่บนเรือเฉยๆ ผมว่าก็ไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด คือแค่ได้นั่งอยู่ในทะเล แล้วมองเข้าไปที่เกาะเต่า เห็นก้อนหินน้อยใหญ่ที่วางเรียงสลับกันไปมา อย่างที่เราคิดว่ามันไม่น่าจะวางอยู่ได้ ตัดกับน้ำทะเลสีคราม และผืนป่าที่เขียว สดกำลังดี...


....

ผลงานศิลปะจากธรรมชาตินี่มันมหัศจรรย์จริงๆ



จุดดำน้ำแต่ละจุดก็จะมีเวลาให้เราได้แวะแตกต่างกันไปตามความน่าสนใจ บางจุดก็ 40 นาที บางจุดก็ 1 ชั่วโมง ไม่มากไม่น้อย กำลังดีเลยคัรบ ซึ่งหลายๆ จุด ต้องว่ายน้ำไปเกือบถึงฝั่งถึงจะได้เจอปะการังสวยๆ ไกลจากจุดจอดเรือพอสมควร อีกอย่าง บางจุดน้ำค่อนข้างตื้น ฉะนั้น แนะนำให้ใส่ชูชีพไว้ เผื่อหมดแรง หรืออย่างน้อยๆ เท้าเราจะได้ไม่ไปเตะปะการังน่ะ


....

เดี๋ยวแมร่งบาดตรีนนนน !!! ฮ่าๆๆๆๆ

.

.

....

บ้า เดี่ยวปะการังพังหมด กว่าจะโตได้ ใช้เวลานานนะครับ (จำเค้ามาพูด ไม่ได้รู้อะไรขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆ)


จริงๆ ผมพยายามถ่ายรูปใต้น้ำมาเยอะนะครับ แต่พอมานั่งไล่ๆ ดูแล้ว ถึงกับต้องสบถกับตัวเองอย่างเซ็งๆ


“เชี่ยย กรูถ่ายไรมาวะเนี่ยยยย!!!!"


ถ่ายไม่เป็นจริงๆ ไม่รู้ต้องถ่ายมุมไหน เล็งกล้องอะไรยังไง ยากแฮะ ที่เห็นของจริงสวยๆ ดันถ่ายรูปออกมาห่วย เลยมีรูปใต้น้ำที่พอเอามาให้ดูได้แค่ 2 รูปถ้วนนนนนน!!!

....

กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบบบบ...กราบบบบบบบบ

อีกเรื่องที่ผมอยากจะเอามาฝากสาวๆ คือบรรยากาศบนเรือ เนื่องจากเกาะเต่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ฉะนั้นบนเรือในวันนี้ก็คือ สั้นๆ เลย….


ฝ. ทั้งลำ!!!!!!!!!!!

ทั้งลำมีคนแค่ไทย 4 คน จากทั้งหมดประมาณ 25 คน คือลุงกัปตัน ผม และคู่รักคู่นึง

ไกด์ก็เป็นลุงฝรั่ง จากสำเนียงน่าจะอเมริกัน มุกแกเยอะครับ ช่วยสร้างบรรยากาศบนเรือ และเรียกเสียงหัวเราะให้พวกเราตลอดทั้งทริปเลยทีเดียว

บางส่วนก็จับกลุ่มนั่งคุยสัพเพเหระกันข้างล่าง หรือบางส่วนก็ขึ้นมานั่งชิวข้างบนอย่างที่เห็นในภาพ


เจ๋งปะล่ะ....

ส่วนสาวๆ คนไหนจะบวกฝ. ก็ดูดีๆ นะครับ มีทั้งมาคนเดียว มากันเป็นกลุ่ม และมากับแฟน เอาเป็นว่าที่มากับแฟนถึงจะทำอะไรไม่ได้อย่างน้อยอย่างที่หวังก็ส่องวนๆ ไปครับ ฮ่าๆๆๆๆ ส่วนผมไม่ใช่สายนั้น

....

ขอส่องเมียฝ. เงียบๆ ไปคนเดียวละกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

.

.

.

.

.

ล้อเล่น!!!! บรรยากาศบนเรือตอนนั้นมันสนุก ทุกคนเป็นกันเอง ราวกับรู้จักกันมานาน อีกทั้งวิวรอบๆ เกาะเต่ามันดึงดูดใจกว่านั้นเยอะครับ


ผมลืมบอกไป ทัวร์รอบเกาะส่วนใหญ่ (ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดรึเปล่า) นอกจากจะพาดำน้ำรอบเกาะเต่าแล้ว ยังพาเรามาสัมผัสกับธรรมชาติที่แสนงดงามเกาะนางยวนด้วยนะครับ (งดงามจริง แต่ร้อนอิ๊บหายยยยย) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันเดย์ทริปในวันนี้ โดยทัวร์จะให้เวลาเรา 2 ชั่วโมงเต็มๆ กับที่นี่

.....

เชิญ...ตามอัธยาศัย!



นักท่องเที่ยวต่างก็กระจัดกระจายไปกันตามเรื่องตามราว บางส่วนก็เล่นน้ำ ผมไม่แน่ใจว่าน้ำลึกหรืออะไรยังไง (ผมไม่ได้เล่น แหะๆ) แต่เห็นไกด์ย้ำนักย้ำหนาว่าลงน้ำให้ใส่ชูชีพด้วย แต่บรรยากาศการเล่นน้ำที่นี่เท่าที่เห็น จะคึกคักมากกว่าเกาะเต่าแฮะ


หรือจะมานอนเล่นเก้าอี้ชายหาดก็ไม่เลวนะ บางคนถึงกับหลับจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวเลยก็มี เพราะถึงอากาศมันจะร้อน แต่ก็มีลมพัดตลอด เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ แต่ก็อีก...ผมก็ไม่ได้นอน


....

นอนได้ไง!!! View point รออยู่!!!!


ระหว่างทางเดินไปจุดชมวิว View point จะเป็นทางเดินระแนงไม้ทอดไปตามแนวหิน ดูดีโคตรๆ ผมนี่ชอบมาก แวะนั่งห้อยขา ชมวิวอยู่พักใหญ่....มันช่างดีอะไรปานนั้น



อ้อ! ลืมบอกไป บนเกาะนางยวนมีบ้านพักด้วยนะครับ จากที่ฟังๆ มา ตอนเย็นหลังจากที่นักท่องเที่ยวขาจรกลับกันหมด เหลือแต่แขกที่มาพักบนเกาะ บรรยากาศเปลี่ยนไปราวกับเป็นเกาะส่วนตัวไปเลยครับ เงียบ และสงบมาก เหมาะกับคู่รักมาพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอผมมาเห็นของจริง ผมก็เห็นด้วยครับ

ใครลองทะลึ่งมานอนบนเกาะนางยวนคนเดียว


….

มีหวังนั่งกอดเข่าร้องไห้ตาย ฮ่าๆๆๆ



แต่แล้วเมื่อสุดทางเดินระแนงไม้ ความชิวเมื่อกี๊ของผมก็ต้องหมดลง ตอนที่มาถึงทางขึ้น View point



ผมต้องเดินลุยเข้าไปในป่า!!!!

ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาที่ชันมากกกกกกกกกกกก คือทางเดินเค้าก็ทำเป็นบันไดคอนกรีตไว้แหละครับ แต่ปัญหาคือมันชัน อากาศก็ร้อนอยู่แล้วด้วย หยุดพักซะหลายรอบเลยกว่าจะถึง และที่สำคัญเมื่อสุดทางเดิน มันจะต้องปีนหินก้อนใหญ่ๆ สูง แบบชิ่งไปชิ่งมา เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิว ซึ่งมันจะไม่ค่อยยากเท่าไหร่ถ้าวันนั้นผมใส่รองเท้าที่ไม่ใช่รองเท้าแตะ ที่คอก็ไม่มีกล้องถ่ายรูปคล้องอยู่ ไหล่ขวาไม่ได้ห้อยกระเป๋า

….


ทุลักทุเลโคตร!!!!

ป๊าดดดดดด....และแล้วผมก็มาถึงจุดชมวิว View point ของเกาะนางยวนนนนนนแล้วครับโผมมมมมมม


ฮู้เร่!!!!! ความรู้สึกตอนนั้นคือ อยากยืนแอ๊คเท่ห์ๆ ละโบกมือรับเสียงกรี๊ดเกรียวกราวจากคนข้างล่างอย่างที่คนดังเค้าทำกันเวลาขึ้นเวทีอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งผม...ไม่ใช่ ฮ่าๆๆๆ


ข้างบนนี้พื้นที่ไม่ได้เยอะ พอแค่ให้คนยืนกันคร่าวๆ ประมาณ 7-8 คนก็แน่นละ ฉะนั้นอย่าหวังว่าขึ้นมาถึงแล้วจะได้นั่งพักชมวิวชิวๆ เป็นชั่วโมงๆ เพราะคนทยอยขึ้นกันมาเรื่อยๆ ข้างบนที่อยู่อยู่แล้วก็ต้องรีบๆ ถ่ายรูป ถ่ายเสร็จก็รีบลง ได้อยู่ซัก 5-10 นาทีผมว่าก็เยอะละครับ


หลังจากลงมาจุดชมวิว ด้วยอากาศที่ร้อนมาก ผมก็เดินเล่นดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยอีกนิดหน่อย ก็หลบมานั่งพักที่ศาลาละครับ สู้แดดไม่ไหว ขนาดควักตังเดินไปจะซื้อเบียร์มานั่งจิบ ยังต้องยอมเปลี่ยนใจเป็นน้ำอัดลม ยอมแพ้จริงๆ ฮ่าๆๆ



จบจากเกาะนางยวนก็นั่งเรือกลับไปถึงเกาะเต่าซักประมาณสี่โมงครึ่ง ผมก็รีบอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวจะต้องออกตามล่าหาที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกเกร๋ๆ ให้ได้

...

หลังจากที่วันแรกผมไปผิดฝั่ง -.-

ซักประมาณห้าโมงครึ่ง ผมรีบแว๊นมอเตอร์ไซค์ออกหาที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกอย่างที่บอกไว้ตอนแรก ขับออกมาจากที่พัก เหลือบไปเห็นป้ายอะไร ซันเซ็ทๆ บาร์ๆ เนี่ยแหละ จำชื่อไม่ได้ แต่จากชื่อแล้วมันต้องใช่แน่ๆ ขับขึ้นไปเลยจ้า ทางนี่ชันโหดมากกกกกกก ชันแบบตรงๆ ขึ้นไปยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาอีกแล้ว ในใจคิดอีกแล้ว


“แล้วกรูจะลงยังไงฟระเนี่ยยยยยย"

ขึ้นไปถึง...ไหนวะ บาร์????


เห็นแต่ป่า กับรั้วไม้เก่าๆ หันไปเจอพี่คนนึง ถามไถ่ได้คำตอบแบบปวดร้าวสั้นๆ ว่า....

“เค้าปิดไปนานแล้วน้อง"

ไอส๊าดดดด กูโดนอีกแล้วววว เสี่ยงตายขึ้นมา ร้านเจ๊งงงง!!!!!!!!!!!

.

.

ลงๆๆๆๆๆ หันหัวรถกลับ...ผ่างงงงง!!!!!!!!


วิวบนนี้มองกลับไปได้เรื่องอยู่นะครับ เห็นขาวๆ ด้านล่างนั้นเป็นทะเลหาดทรายรี นี่ถ้าร้านไม่เจ๊งซะก่อน ผมกับวิวพระอาทิตย์ตกคงได้ลงเอยกันดีกว่านี้


แต่เดี๋ยวนะ...เห็นเมฆครึ้มมาไกลๆ หลังภูเขาลูกนั้น ตายละหว่า ฝนกำลังมา เอาเข้าจริงๆ ไม่ใช่ฝนหรอกครับ มันพายุชัดๆ เห็นท่าไม่ดีผมก็เลยรีบบึ่งลงกลับที่พักก่อนที่ฝนห่าใหญ่จะมาถึง เห็นทางลงมั๊ยครับ ของจริงมันชันถึงขนาดผมกำเบรคจนจมสนิทรถก็ยังไหลลงเร็วราวกับลูกบอลกลิ้งลงจากเนิน กดดันโคตรๆ กว่าจะถึงข้างล่าง ฮ่าๆๆๆ

และแล้ว...ผมมาจบที่บาร์ของรีสอร์ทที่ผมพัก เนื่องจากสภาพลมพายุตอนนั้น ไม่กล้าเสี่ยงขับออกไปไหนละ แต่ในความโชคร้ายผมก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่พอให้ได้ยิ้มกรุ้มกริ่ม


....

เบียร์ที่นี่ราคาถูกที่สุด เท่าที่ผมตระเวนตามล่ามาบนเกาะเต่า มีของดีอยู่ใกล้ตัวแท้ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


สุดท้าย...ลมพายุห่าใหญ่ก็พัดผ่านไป เหลือแค่ฝนโปรยปรายให้ผมได้นั่งมอง....
ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบเวลาฝนตก ชอบกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ชอบอะไรที่มันชุ่มชื้น ถึงแม้บางครั้งมันจะเฉะแฉะก็เถอะ


บ่อยครั้งที่ฝนตก หลายๆ กิจกรรมที่เราคิด เราวางแผนไว้ก็จำเป็นต้องหยุด หยุดเพื่อรอฝน....

สำหรับผมในตอนนั้นก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรที่ฝนตก

.

.

บางทีได้หยุดบ้าง...ก็ดีเหมือนกัน


ภาพพระอาทิตย์ตก สาดทอแสงย้อมสีท้องทะเลให้เป็นสีทอง สิ่งที่ผมคาดหวังว่าจะต้องได้เห็นในตอนท้ายสุดก่อนบอกลาเกาะเต่าในวันพรุ่งนี้ กลับกลายเป็นเพียงแค่ภาพท้องฟ้าสีครึ้มหม่น...


ฝนกำลังตกแข่งกับพระอาทิตย์...ลมแรงปะทะหน้าผมตลอดเวลา

ผมนั่งมองมันอยู่อย่างนั้น....


บรรยากาศตอนนี้คงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านั่งคิดถึงเรี่ยวราวที่ผ่านมา อะไรคือความสุข ความพึงพอใจ และทำไมต้องเป็นเราที่มานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว...คิดถึงใครบางคน


หลายๆ ครั้งที่บรรยากาศโดยรอบ ก็ทำให้เรารู้สึกเหงาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผมก็เชื่อมาตลอดว่า

.....

“ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร....ความคิดถึงต่างหากที่ทำร้ายเรา"



ผมนั่งอยู่ตรงนี้จนดึก ก็กลับเข้าไปเก็บของ เตรียมตัวบอกลาเกาะเต่าในวันพรุ่งนี้ พูดตรงๆ หลงรักเกาะเต่าหัวปักหัวปำจริงๆ สัญญากับตัวเองว่ายังไงก็จะต้องกลับมาอีก ใครไม่เคย...อย่ามัวรอ

....

ลองไปดูแล้วจะคิดแบบเดียวกับผม


สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบ ขอบคุณที่ให้กำลังใจกัน

หวังว่าวันนึงเราคงได้เจอกัน....ที่เกาะเต่า



จนกว่าจะพบกันใหม่....สวัสดีครับ



ปล. ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ที่จำเป็น

ค่ารถ+เรือจากกรุงเทพ ไป-กลับ: 2,200 บาท

ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์: วันละ 200 บาท (เช่า 2 วัน)

ค่าที่พัก(รีสอร์ท): ประมาณคืนละ 1,000 บาท (พัก 2 คืน) [โฮสเทลจะแค่หลักร้อย]

ค่าอาหาร: ตีว่ามื้อละ 70-100 บาท (อาหารตามสั่ง)

Go hang around

 วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.27 น.

ความคิดเห็น