ทักทายครับทุกคน รีวิววันนี้ผมจะพาไปสัมผัสธรรมชาติสุดฟินที่หมู่บ้านบนยอดดอยเมืองเหนือที่ห่างไกลความเจริญ แต่อุดมไปด้วยป่า เขา หมู่ดาวยามค่ำคืน และไฮไลท์ที่เป็นจุดหมายหลักของหลายๆนักเดินทางนั้นก็คือ ทะเลหมอก ที่เพียงออกมานอกระเบียงบ้านในยามเช้า ก็เหมือนอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์ และแน่นอนนักเดินป่าสายลุยอย่างผมก็คงไม่พลาดการเดินขึ้นยอดดอยผาสามเหลี่ยม ดอยที่ตั้งตระหง่านน่าพิชิต มองเห็นเด่นชัดจากหมู่บ้าน

หมู่บ้านที่ผมพูดถึงก็คือ หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ตำบลแก่งกื้ด อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับทริปนี้ผมพักที่ บ้านซุกกิ๊กโฮมสเตย์ เป็นบ้านพักที่ชื่อน่ารักมาก สะดุดตาจนต้องมาลองสักครั้ง บ้านพักนี้มีห้องพักเพียง 4 ห้องนอน ลักษณะบ้านจะเป็นบ้านไม้ไผ่ยกสูง ด้านนอกจะเป็นระเบียงกว้างที่เห็นทิวทัศน์สันเขาเรียงรายและเป็นจุดดูทะเลหมอกที่สวยมากๆในตอนเช้า นอกจากนี้ยังเป็นจุดรวมตัวรับประทานอาหาร ทำกิจกรรมสันทนาการยามค่ำคืน พูดคุยสังสรรค์กับนักเดินทางคนอื่นๆ ที่หมู่บ้านไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ทุกหลังคาเรือนจะใช้โซล่าเซลล์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เพราะฉะนั้นท่านใดที่ต้องการความสะดวกสบาย ที่นี้คงไม่เหมาะเท่าไร

ห้องพักและการจอง

  • ห้องพักเป็นแบบห้องเล็ก 2 ห้อง (2-4 คน) ห้องใหญ่ 2 ห้อง (6-8 คน) และจุดกางเต็นท์
  • ห้องอาบน้ำ 3 ห้อง ห้องส้วม 3 ห้อง อยู่นอกบ้าน ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะจ๊ะ
  • การจองหรือสอบถามวันว่างต้องติดต่อไปที่ เพจเฟสบุ๊ค บ้านซุกกิ๊กโฮมสเตย์ : ห้วยกุ๊บกั๊บ เท่านั้นเพราะข้างบนสัญญาณโทรศัพท์อ่อน ติดต่อได้ยาก ทำให้การจองนั้นตื่นเต้น รู้สึกถึงการแย่งชิงแข่งขันเข้าไปอีก โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์ อยากบอกว่าการแข่งขันสูงมากครับ เพราะฉะนั้นรีบเปิดดูวันว่างแล้วจองเลยครับ แต่รับรองว่าถ้าได้มาสัมผัสด้วยตาเนื้อ มันก็คุ้มสุดๆที่จองได้

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • พาวเวอร์แบงค์ ไฟฉาย เพราะที่นี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ กลางคืนมีไฟส่องสว่างจากโคมไฟโซล่าเซลล์เท่านั้น
  • อุปกรณ์อาบน้ำ และของใช้ส่วนตัว

การเดินทาง

  • หลังจองได้แล้ว แอดมินเพจบ้านซุกกิ๊กโฮมสเตย์ จะนัดรับเราช่วงบ่าย ที่ลานจอดรถร้านช้างยิ้ม ต.แก่งกื้ด อ.แม่แตง ค่าฝากรถ 50 บาท
  • ที่พักจะเอารถกระบะโฟวิลมารับ เพราะเส้นทางขึ้นไปที่ห้วยกุ๊บกั๊บมันไม่ง่ายเลย ทั้งลูกรัง ดินแดง หลุม ชัน และแคบ ใช้เวลา 20 นาที ก็ถึงหมู่บ้าน แต่ก็แลกมาด้วยความปวดระบมช่วงล่างเพราะกระโดด กระเด้ง และดีดมาตลอดเส้นทาง

กิจกรรมที่ห้วยกุ๊บกั๊บ คือการชิล พักผ่อน นั่งๆ นอนๆ เฮฮา ดื่ม เล่นดนตรี หรือใครอยากจะซึมซับวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าลาหู่ ก็สามารถเดินเล่นในหมู่บ้าน มี convenient store ประจำหมู่บ้านด้วยนะ ขาดเหลืออะไร หรืออยากได้ขนมขบเคี้ยวก็แวะไปอุดหนุนชาวบ้านได้

พอตกเย็น วิวพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับลงหลังเขา มองจากระเบียงบ้านนี้แหล่ะคือเดอะเบสท์ บรรยากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าสีส้มอ่อนๆ สันเขาและป่าเขียวขจี ไม่รอช้า ไม่ได้จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปนะ ท้องร้องสิครับ เหมือนเจ้าของบ้านจะได้ยิน เค้าเลยเตรียมอาหารรองรับนักเดินทางทุกคนไว้แล้ว อาหารเย็นประกอบไปด้วยไข่เจียว ต้มแซ่บไก่ น้ำพริก อาหารถือว่ารสชาติอร่อยถูกปากผม ก็ผมกินได้ทุกอย่างไม่เลือกครับ แต่ถ้าใครอยากได้บรรยากาศปิ้งย่าง ที่นี้เขามีอุปกรณ์ชุดหมูกระทะให้เช่า แต่วัตถุดิบต้องเตรียมมาเองครับ หรือที่ร้านสะดวกซื้อประจำหมู่บ้านก็มีขายของสดครับ

กิจกรรมยามค่ำคืนคือการสังสรรค์ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ หรือใครอยากเห็นดาวแบบเต็มฟ้า ที่นี้ก็เป็นทางเลือกที่ควรมาส่องดูดาวแบบอลังการให้เต็มตาครับ สำหรับสายดื่ม เครื่องดื่มสามารถนำมาเองได้จากข้างล่างหรือจะซื้อกับทางบ้านพักก็ได้ ซึ่งมีมากพอไม่ต้องห่วงครับ แต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปก็ต้องระวังเรื่องเสียงดังด้วยนะครับ เพราะอย่าลืมว่าเราพักอยู่กับแขกท่านอื่นและชาวบ้านที่นี้เข้านอนเร็วตั้งแต่หัวค่ำครับ

และแล้วไฮไลท์ของเราก็คือช่วงเช้า ทะเลหมอก แบบทะเลจริงๆ ที่ไหลผัดพาหมอกมาถึงระเบียงบ้านพัก พอ 7 โมงเช้าหมอกเริ่มหนามากขึ้น แสงอาทิตย์เริ่มทำงาน บรรยากาศคือฟินจริงๆ ไม่นานเจ้าของบ้านก็เสิฟอาหารเช้า มื้อนี้เป็นข้าวต้มหมูร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ทะเลหมอกสวยๆ แสงแดดยามเช้าอ่อนๆ นี้คือบรรยากาศความสวยงามที่หาไม่ได้ง่ายๆ

ประมาณ 8 โมง หลังหนังท้องตึงยามเช้า ก็ได้เวลาทำกิจกรรมสุดพิเศษ นั้นคือการเดินขึ้นยอดดอยผาสามเหลี่ยม การขึ้นยอดดอยต้องแจ้งกับที่พักล่วงหน้าก่อนเพราะต้องมีไกด์นำทาง ซึ่งสามารถติดต่อหาคนนำทางจากหมู่บ้านได้ ถือว่าเป็นการช่วยให้ชาวบ้านที่นี้มีรายได้พิเศษ มีคนเดินนำทางที่ชำนาญและปลอดภัยสำหรับนักเดินป่าด้วย สำหรับทริปนี้เราก็ได้ไกด์สุดพิเศษ นั้นก็คือลุงเจ้าของบ้านนั่นเอง การเดินทางไปยังตีนดอยผาสามเหลี่ยมหรือจุดเริ่มเดินขึ้นดอย คือ เดินไปจากหมู่บ้าน หรือ นั่งรถโฟวิลไป เราเลือกนั่งรถโฟวิล ซึ่งขาขึ้นมายังหมู่บ้านโหดเท่าไหน นั่งรถไปจุดเริ่มเดินคือโหดกว่านั้น 2 เท่า กระเด้ง กระโดด ลงหลุม ปั่นป่วนสุดๆ ปวดระบมช่วงล่างจากเมื่อวานยังไม่หายดี ก็ต้องมาซ้ำเช้านี้อีก

หลังจากนั่งรถมาได้ 10 นาทีก็ถึงจุดเริ่มเดิน บรรยากาศทางเดินป่าที่นี้จะเป็นป่าสน อากาศแห้ง และเย็นสบาย แต่ความชันและความสูงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพื่อความปลอดภัยควรฟิตร่างกายพอประมาณ และประเมินตัวเองว่าไหวหรือไม่ ลุงไกด์ของเราค่อนข้างใจเย็นถ้าไม่ไหวก็พัก กินน้ำ ถ่ายรูป ป่าสนบนยอดดอยจะโปร่งสบาย อากาศถ่ายเท พักแปปเดียวบวกกับอากาศสดชื่น ร่างกายที่เหนื่อยก็หายและพร้อมเดินทางต่อไปยังจุดสูงสุด

  • ความสูงจากระดับน้ำทะเล: 1,600 เมตร
  • ความสูงจากจุดเริ่มต้นถึงยอดดอย: 1,200 เมตร
  • ระยะทาง: 1.7 กิโลเมตร (ไป-กลับ 3.4 กิโลเมตร)
  • เวลาเดิน: 3 - 4 ชั่วโมง

หลังจากเดิน พัก ถ่ายรูป วนไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินขึ้นมาถึงยอดดอยผาสามเหลี่ยม ซึ่งเป็นจุดชมวิวเขาที่สวยงามสลับซับซ้อนสุดสายตา มองไปไกลๆทะเลหมอกยังคงปกคลุมแต่บางเบาลง ทั้งๆที่ตอนนั้นก็ 10 โมงเข้าไปแล้ว วิวด้านบนคืออลังการ 360 องศา และยังสามารถชมวิวดอยหลวงเชียงดาวได้อีกด้วย

หลังจากที่เก็บภาพประทับใจเสร็จแล้ว ก็ได้เวลากลับ การเดินลงยอดดอยคือลงเส้นทางเดิม แต่ต้องเซฟหัวเข่าและระวังลื่นเป็นพิเศษ ไม่นานเราก็กลับมายังบ้านพัก เก็บกระเป๋าสัมภาระ เตรียมตัวลงห้วยกุ๊บกั๊บตอนบ่าย ด้วยรถโฟวิลเจ้าเดิมอีกแล้ว

สรุปราคา

  • ที่พัก 900 บาท/คน (รวมรถรับ-ส่ง อาหาร 2 มื้อ)
  • ค่าฝากรถ 50 บาท
  • ค่าไกด์นำทางดอยผาสามเหลี่ยม 500 บาท/1-5 คน
  • ค่ารถไปกลับจุดเริ่มเดินขึ้นยอดดอย 200 บาท/คน
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มเย็นๆ ขนมขบเคี้ยว ของใช้ส่วนตัว

ก่อนเจอกันทริปหน้า ถ้าใครชอบรีวิวนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และสามารถติดตามผลงานได้ช่องทางอื่นๆ เพื่อเป็นกำลังใจดีๆ ให้ผมเข้าป่าเข้าเขา มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีกนะครับ

Travel Aguncy - ทราเวล เอกันซี่

 วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 00.52 น.

ความคิดเห็น