“ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยไปเกาะช้างหรือเปล่า"

มุกนี่น่าจะมีคนเล่นไปประมาณล้านคนได้แล้ว แต่ก็เอาเถอะ ขอเล่นเป็นคนที่ 1,000,001ก็แล้วกัน

เกาะช้าง เกาะที่ใครๆก็ไปกัน แต่เราคนนึงล่ะที่ไม่เคยไป พอได้ฤกษ์จะไปทีไร เพื่อนก็ไม่ว่าง

จะไปคนเดียวก็ไม่กล้าขับรถบนเกาะ สุดท้าย ก็ไม่วายมาตายรังอยู่แแถวพัทยา

ครั้งนี้เราได้ Voucher จากโรงแรม “THE DEWA KOH CHANG" 3 วัน 2 คืน พร้อมอาหารเย็น 1 มื้อ

ทริปเกาะช้างที่ถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชัก คงไม่เจอแล้วรักแท้ ก็ถูกหยิบขึ้นมาใหม่อีกรอบ

DAY 1

เราเดินทางออกจากบางแสน 10 โมง ตลอดทางทั้งรถติด ฝนตก ไปถึงท่าเรือก็ปาไปบ่าย 3 แล้ว

เราเลือกขึ้นเรือที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยท์ อย่าเรียกว่าเลือกเลยเรียกว่าเดาสุ่มเถอะ เจอป้ายไหนก่อนก็เลี้ยวไปเลยจ้า

เป็นไง! แค่เริ่มก็มั่วแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงไม่ต้องสืบ

เลี้ยวไปตามป้ายที่เขียนว่าทางลัด ต้องวิ่งผ่านสวนยาง ทางคดเคี้ยว และไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน

ถ้าฝนตกหนักๆ ไม่แนะนำให้มาทางนี้นะ เพราะมีกิ่งไม้หักตามข้างถนนเยอะมาก ไม่รู้แจ็กพอตจะลงที่เรามั้ย

นี่ไปกันสองพี่น้องขับกันเกร็งไปตลอดทาง กลัวธรรมชาติจะโน้มกิ่งลงมาเซย์ฮัลโหลเราถึงกระจกหน้ารถ


ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยท์จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่ารถ+ คน 2 คน ข้ามเรือ ไป-กลับ ราคา 500 บาท

เวลาเดินเรือก็ตามนี้เลย

เมื่อถึงท่าเรือให้เลี้ยวขวา แล้วขับไปประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าโรงแรมอยู่ตรงข้าม 7-11

อยู่ทางขวามือขับตรงเข้ามาสุดก็จะเจอกับ "THE DEWA KOH CHANG"

ห้องที่เราพักเป็นห้อง deluxe ชั้นล่าง อยู่ติดสระว่ายน้ำแบบกระโดดลงจากเตียง เทคตัว ลังกาหน้า 1 รอบครึ่ง

ลงสู่ผิวน้ำอย่างสวยงามได้เลย บ้า!!ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น แต่จริงๆหน้าห้องเราก็มีทางเดินเล็กๆ กั้นระหว่างสระว่ายน้ำเอง

ห้องน้ำใหญ่โตมโหฬาร แบ่งออกเป็นซ้ายขวา อ่างอาบน้ำ ชักโครก และที่อาบน้ำแยกส่วนกัน

เก๋ตรงที่เราใช้ห้องน้ำพร้อมกัน 2 คนได้ อีกคนนอนแช่อ่าง อีกคนจะปล่อยของเสียก็เข้าพร้อมกันได้เพราะมองไม่เห็นกัน

แต่เรื่องกลิ่นนี่ต้องตกลงกันเองนะ เหนือการควบคุมจริงๆ

หลังจากโยนข้าวของที่แบกมาอย่างกับจะย้ายบ้านใส่ห้อง ก็ออกไปเดินสำรวจชายหาดกัน

เพราะวันนี้เราจะดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมหาดกัน เรื่องกินนี่ถนัดค่ะ


และแล้วก็ถึงเวลาที่เรารอคอยยย ออยยย ออยยยย ดินเนอร์ซีฟู๊ดริมหาด

อาหารที่เราได้จะเป็นเซ็ต มีหมูทอดสมุนไพร ผัดเปรี้ยวหวานไก่กรอบ กุ้งผัดบล็อคโครี ต้มยำกุ้ง

และวัดถุดิบหลักของเราในวันนี้คือเช็ตซีฟู๊ดเผา ที่ยกขบวนมาทั้งกุ้ง ปู หอย ปลาหมึกและปลา

จากน่านน้ำอ่าวไทยยยยยย นี่อยากจะถ่ายวิดีโอหมุนจานไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำบรรยายแบบเชฟกระทะเหล็ก

อาหารจะค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟ เพราะฉะนั้นขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าได้สบตา

หมู ไก่ ผัก อะไรมากนัก เหลือพื้นที่กระเพาะไว้กินซีฟู๊ดตอนท้ายเยอะๆนะ

เพราะเดี๋ยวอิ่มแล้วจะได้แต่นั่งมองเจ้าปู้ตาละห้อยแบบยัดไม่ไหวแล้วแบบพวกเรา

ยาดองของไทยเราก็มีนะ แต่ไม่กล้าลอง แก่แล้วร่างกายเริ่มอ่อนไหวกับแอลกอฮอล์ ขอผ่านไปก่อนละกัน

กินเสร็จก็ออกไปปาร์ตี้กันดีกว่า อ่านผ่านๆ เห็นตามรีวิวเค้าไปบาร์ นั่งจิบเบียร์ชิลๆ นั่นแหละ สิ่งที่เราต้องการ

ตัดภาพมาที่เรา 2 พี่น้องขับรถไปตามหาดไก่แบ้ พร้อมกับไฟสีชมพูนีออนจากบาร์ข้างทางที่สาดเข้ามาในรถซึ่ง

ไม่ใช่บาร์แบบที่เราตามหาแน่นอน จนตัดสินใจกลับรถ แต่ลองเสิชดูโลนลี่บีชที่เค้าร่ำลือ

“4 กิโลเอง" เอาวะ ลองดูซักหน่อย ไหนๆก็ออกมาแล้ว

แต่โห!!! เป็น 4 กิโลเมตรที่ทรหดมาก ทางชัน มืด ขึ้นลงเขาตลอด เลี้ยวโค้งหักศอก ป้ายก็ไม่ค่อยมี

ไฟข้างทางนี่เลิกคิดไปเลย ขอบทางก็มีพวกแผ่นสะท้อนแสงที่โดนฝุ่นจับจนลืมกำพืดไปแล้วว่าเกิดมาเพื่อสะท้อนแสง

กว่าจะคลำทางไปถึง 4 กม เราขับกันไปเกือบ 20 นาที

แต่พอมาถึง 20 นาทีที่แสนทรมานที่ผ่านมาก็เปลี่ยนเป็นความหวัง แสงไฟสีๆ ฝรั่งเดินไปมา และเพลงเสียงดัง

แต่!!! แต่อีกแล้ว ดีใจไม่ถึง 5 นาที ก็คอตกอีกรอบ ไอ้บาร์ที่เค้าว่ากันว่าดีน่ะ เราเจอทุกร้านเลยแก

แต่เราไม่เจอบรรยากาศที่เค้าร่ำลือกันเลย ไอ้ที่ว่าฝรั่งครึกครึ้นเต็มร้าน แบบเดินถือเบียร์ไปเซย์ไฮคนโน้นคนนี้

ไม่มีเลยยยยยยยย แต่ละร้านมีลูกค้าสิริรวมแล้ว 2 โต๊ะถ้วน ฝรั่งแต่ละโต๊ะนั่งกินเบียร์กันอย่างสงบเสงี่ยม

อย่างกะประชุมประจำปีของบริษัท เรา 2 คนเลยเดินไปมา หมุนตัว 2-3 รอบ ทำหน้าลังเลพอเป็นพิธี

ก่อนจะมองหน้าแล้วพูดพร้อมกันว่า “กลับเหอะ"

ชีวิตเราต้องไม่ยอมแพ้ดิวะ มาถึงเกาะช้างให้กลับไปนั่งกินเบียร์ในห้องที่โรงแรมเหรอ ไม่มีทาง!!! ดูปากนะคะ

ไม่มีทางงงงงงง ขับย้อนไปดูทางหาทรายขาวกันดีกว่า

ตัดภาพมา 2 พี่น้องนั่งกินเครื่องดื่มมึนเมากับขนมขาไก่ที่ซื้อมาจากเซเว่นตรงข้ามทางเข้าโรงแรมกันอยู่ในห้อง

พร้อมกับทีวีที่ไม่มีอะไรดู จะเรียกปรากฏการณ์นี้ความซวยหรือความโง่ดี


DAY 2

…. สูญเสียไปแค่ไหนกับคำว่าขอเวลาอีก 5 นาที....

แผนที่วางไว้ก่อนมาคือจะมาวิ่งริมหาด ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าแล้วถ่ายรูปเก๋ๆ ลงไอจี ก็พังครืน

กว่าจะงัดร่างออกจากเตียงก็ 8 โมงกว่าแล้ว

อาหารเช้าของทีนี่จะมีทั้งอาหารไทย พวกข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ข้าวผัด ABF สลัด ขนมปังอีกมากมาย

เยอะมากจนเลือกไม่ถูก เราเลยกินให้ครบทุกอย่าง เดี๋ยวอาหารจะน้อยใจ เรียกได้ว่ากินตอน 9 โมง อิ่มยันบ่าย 3

แผนวันนี้คือขับรถเที่ยวรอบเกาะ แล้วไปเล่นน้ำตกกัน

เราออกจากโรงแรมไปตามทางเดิมเมื่อคืนกับที่ไปโลนลี่บีช โอ้โห เมื่อคืนเราขับรถมามืดๆกันทางนี้เนี่ยนะ

ตอนมันมืดรู้แค่ว่ามันชันมากแต่ก็กลัวความมืด มากกว่าความสูง

โลนลี่บีชตอนกลางวันต่ากับเมื่อคืนลิบลับ ไหนบอกหาดนี่เป็นแหล่งท่องราตรีของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์

ทำไมตอนกลางวันมันครึกครื้นผิดหูผิดตากับเมื่อคืนแบบนี้ล่ะ

ขับไปเรื่อยๆแบบไม่เปิดแมพ เพราะมันมีทางเดียว ชะล่าใจไง ใครจะหลงล่ะทางแค่นี้ นี่จ้าคนหลง

ขับเข้าไปในป่าแถวหาดอะไรไม่รู้ ทางก็แคบ สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ต้นไม้ก็รก

อย่างกับในหนังฆาตกรรม คือคิดว่าถ้ายังใส่เกียร์เดินหน้าอีก 500 เมตร

อาจจะมีคนถือเลื่อยไฟฟ้าทีเปื้อนเลือดรออยู่ที่กลางถนนก็ได้

สำหรับคนที่มากันแค่ 2 คน เราแนะนำ ให้เดินทางด้วยรถโดยสารแล้วมาเช่ารถมอเตอร์ไซค์บนเกาะดีกว่า

เพราะท้ายๆ เกาะหาที่จอดยาก อย่างหาดคลองพร้าว เราก็หาที่จอด หาทางเข้าไม่เจอ

สุดท้ายก็อดเข้าไป หรือมันมีแต่เราหาไม่เจอเอง นอกจากไม่มีแผน ไม่มีเซ้นส์ด้วยจ้า

พอวืดจากหาดคลองพร้าว ก็เลยไปหมู่บ้านชาวประมงบางเบ้า เสียค่าจอดรถยนต์ 60 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท

หมู่บ้านบางเบ้าก็จะมีร้านอาหารทะเล ทัวร์ดำน้ำ ร้านค้ามากมายยาวไปสู่ท่าเรือ

ซึ่งของส่วนใหญ่ที่ขายก็จะคล้ายๆกันหมด เป็นเสื้อที่ระลึก ของเล่นจากไม้ กางเกงลายผ้าถุง

ซึ่งเราไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือไปเลยนอกจากยาระบายจากร้านขายยา และน้ำอัดลมจาก 7-11 สิ้นค้าพื้นเมืองมั้ยล่ะ

เดินไปจนสุดทางจะเจอกับท่าเรือที่ออกไปดำน้ำตามเกาะต่างๆ ทริปนี้เราตัดสินใจไม่ดำน้ำ

เพราะเพิ่งไปดำน้ำที่เกาะแสมสารมาอาทิตย์ที่แล้ว แล้วก็ไม่อยากไปลุ้นฟ้าฝนกลางทะเล

เลยเที่ยวบนเกาะพอแล้ว เอาจริงๆคือขี้เกียจนั่นแหละ ยอมรับกันตรงๆเลย

ออกจากบางเบ้าเราก็ขับรถย้อนไปทางเดิมเพื่อไปน้ำตกคลองพลู ระหว่างทางเจอจุดชมวิวที่เล็งตั้งแต่ขามาแต่จอดไม่ทันเลยขอแวะซักนิด

ยืนตากลมซักพักก็ไปน้ำตกคลองพลู จุดหมายของเราต่อดีกว่า ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท

ก่อนเข้าไปก็เตรียมน้ำไปเผื่อด้วยก็ดีนะ เพราะต้องเดินจากทางเข้าไปตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร

แต่เป็น 500 เหนื่อยใช่เล่น

เดินมาเหนื่อยๆ ก็ถึงแล้ว นะ นะ นะ น้ำตก อืมมมมม นี่ก็คาดหวังไง เห็นฝนเพิ่งตก เห็นมีป่าเขา

ตอนเข้ามาก็ถามพี่เจ้าหน้าที่ว่ามีน้ำมั้ย เค้าก็บอกว่ามี หนูผิดเองแหละ ที่ไม่ถามพี่ต่อว่าน้ำเยอะมั้ย

แต่ก็นั่นแหละ แล้งมาตั้งนาน มีน้ำแค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว

เรานั่งพักตากเหงื่อกันซักพัก แล้วก็ไปหาชัยภูมิตั้งมั่นในการเล่นน้ำกัน เดินไปเดินมาก็มาจบลงตรงน้ำตื้นๆ

เอาเท้าจุ่มน้ำให้ปลาตอดเล่นกัน แต่เอาจริงๆ ปลาตอดเท้านี่ไม่เล่นเลยนะ คือตอดจริงจัง ว่ายพุ่งชนด้วยความเร็วสูง

จนเกินคำว่าจั๊กกะจี้ไปมากแล้ว ไปๆมาๆเริ่มเจ็บเท้า ต้องนั่งขยับขาไปมาตลอด

เพราะถ้านิ่งเมื่อไหร่จะตกเป็นเป้าหมายของพวกนางทันที

พอหาวิธีรับมือกับปลาทั้งหลายที่คอยวอแวได้แล้วก็จุ่มก้นลงไปบนผิวน้ำเย็นเฉียบๆ

เท่านั้นแหละ เปาะ แปะ เอ่อ!! ฝนฟ้าช่างเป็นใจให้กางเกงเปียกเล่นๆ แต่ไม่ได้เล่นน้ำ

เราเลยเก็บข้าวของขึ้นไปหลบฝนกันตรงศาลาที่เราเพิ่งจากมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

รอซักพัก ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตกแรงขึ้นหรือเบาลง เลยตัดสินใจเดินฝ่าฝนกลับไปข้างนอกกัน

เพราะถ้ารอต่อ ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน

สรุปคือการมาเที่ยวน้ำตกของเราคือเดินไปครึ่งชั่วโมง นั่งพัก 15 นาที เอาเท้าจุ่มน้ำ 5 นาทีแล้วก็กลับ

เฮ้ออออ !!! ที่สุดของความวืดตลอดทั้งทริป เอาน่า คิดซะว่าเป็นเสน่ห์ของการเที่ยวแบบไม่วางแผนเนอะ

ก่อนเข้าน้ำตก เล็งอาหารอีสานไว้หลายร้าน เพราะกะว่าเข้าไปเล่นน้ำเหนื่อยๆ

ออกมากินอะไรแซ่บๆน่าจะดีแต่สุดท้ายน้ำไม่ได้เล่น ร้านที่เล็งไว้ก็ขับเลยมาจนจะถึงรีสอร์ทแล้ว สุ่มร้านเข้าเลยละกัน

ชื่อร้านน้องแทนอาหารอีสาน อยู่ตรงโค้งก่อนถึงรีสอร์ทประมาณ 500 เมตร รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพง

กลับมาถึงโรงแรมก็ไปเดินเล่นชายหาด แอบดูลาดเลาว่าจะพายคายัคดีมั้ย

เพราะทั้งพี่ทั้งน้องไม่มีใครพายเป็นพายครั้งเดียวตอนไปวังเวียงก็ได้แต่นั่งถือพายกินแรงให้พี่ไกด์พาย

เลยไปเดินสำรวจริมหาดกันก่อน แต่หาดที่นี่ลาดมาก เดินกันไปตั้งไกล น้ำยังไม่ถึงครึ่งแข้งเลย นี่พระอาทิตย์จะตกแล้ว

กว่าจะลากเรือมา กว่าจะพายออกไป กว่าจะเสียเวลาทุลักทุเลกับสองพี่น้องที่พายไม่เป็นอีก

เราอาจจะต้องพายวนอยู่ในทะเลรอพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นได้

สุดท้าย มาทะเลทั้งทีก็เล่นน้ำในสระสิพวกแกกกกกก

คืนที่ 2 ค่ำคืนปาร์ตี้ อาบน้ำแต่งตัวออกไปท่องราตรี ปาร์ตี้ เราจะไปปารฺ์ตี้!!!! ยังไงก็ต้องปาร์ตี้ให้ได้

โลนลี่บีขที่ครึกครื้นเมื่อวานวัน คืนจะต้องต้องไม่พลาดซ้ำสอง

……ยอมรับเถอะว่าอะไรที่มันพลาดไปแล้ว ก็พลาดอีกได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก เงียบอะไรขนาดนี้

เมื่อวานว่าเงียบแล้ว วันนี้สงัดเลยค่ะ ถ้าเมื่อวานประชุมประจำปีของบริษัท

วันนี้ถ้าปิดเพลงจากบาร์ก็เงียบจนนั่งวิปัสสนาได้เลย ที่เห็นในรูปคือจุดที่ครึกครื้นที่สุดแล้วนะ เท่านี้แหละ

แต่ขับมาถึงนี่ทั้งที ก็ขอหาอะไรกินรองท้อง โดยโจทย์คือ ยังจะมีโจทย์อีก!

“อยากกินอะไรแบบสตรีทฟู๊ดแบบนักท่องเที่ยวอะ" เลยตามล่าหาร้านเบอร์เกอร์

ซึ่งมีอยู่ 2-3 ร้าน เลยกินร้านนี้เพราะดูสตรีทสุด

เบอร์เกอร์ไก่ราคา 100 บาทไทย พอสั่งเบอร์เกอร์แล้วคุณฝรั่งถือมีดเดินไปปาดไก่เคบับที่เสียบไว้ฉับๆ

นี่ใจสลายเลย มองซ้ายมองขวาก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นสั่งเคบับ นั่นเบอร์เกอร์ไก่ของเราสินะ

อยากจะเฟดตัวออกไปจากตรงนั้นแบบเงียบๆ ไอไม่ได้อยากกินเบอร์เกอร์ไก่แบบนี้อะยูววววววว

บาร์ก็ไม่ได้นั่ง เบอร์เกอร์ก็ทรยศ สุดท้ายก็ต้องไปหาดทรายขาวอีกแล้ว

ทริปนี้ขับรถวนบนเกาะก็เป็นร้อยโลได้แล้ว คราวนี้ไม่พลาด เสิชมาอย่างดี (แกควรจะเสิชข้อมูลตั้งนานแล้วมั้ยล่ะ)

ชื่อร้าน “สบายบาร์" คนไทยรีวิวเยอะ ร้านอยู่บนหาดเลย ขอนั่งจิบเบียร์คนละขวดเพลินๆซักนิดละกัน

ถึงจะไม่ใช่บาร์แบบที่คิดไว้ก็เถอะ

ออกจากร้านประมาณเที่ยงคืน เจอคุณลุงขายเบอร์เกอร์อยู่ฝั่งตรงข้าม เลยมองหน้าน้องชายแบบรู้กันว่า

แก้มือหน่อยมั้ยล่ะ ร้านลุงมีออปชั่นเพิ่มไข่ เพิ่มชีสด้วย แต่นี่สั่งเบอร์เกอร์ไก่เลย

เอามาวัดกับเบอร์เกอร์ไก่คุณฝรั่งเมื่อค่ำกันไปเลย

ระหว่างรอก็มีพี่ หรือน้องก็ไม่รู้ ผู้หญิง 2 คน บอกว่าขับมอเตอร์ไซค์จากท้ายเกาะมากินทุกวัน

แสดงว่าต้องอร่อยแน่ ตอนแรกไม่ถ่ายรูปลุงแล้ว เลยวนรถกลับมาถ่ายลุงใหม่อีกรอบ

ใครไปแนะนำเลย ลุงจะขายตอนดึกๆตรงข้ามสบายบาร์ ราคาเบอร์เกอร์ไก่แบบไม่เพิ่มอะไรเลย 60 บาทเอง อร่อยมากกกก


DAY3


จนวันสุดท้ายก็ยังมิวายตื่นสาย นี่เวลาบนเกาะกับเวลาบนฝั่งเท่ากันมั้ย จำได้ว่าภาพตัดไปตอนตี 1 เองนะ

รู้ตัวอีกทีก็ 8 โมงแล้ว ในระหว่างนั้นน้องชายผู้แสนดี เลยออกไปเดินเล่น

ถ่ายรูปมาฝากอีพี่สาวที่นอนอืดอยู่บนห้องโดยที่ไม่ล็อคประตูห้องด้วย นี่แกหวังดีกับชั้นใช่มั้ย

** ภาพที่เห็นหาใช่หมอกลงแต่อย่างใด แต่ทริปนี้เราเจอปัญหาเลนส์เป็นฝ้าตลอดเลย กว่าจะถ่ายได้แต่ละรูปนี่รอจนเหนื่อย T^T


พอจะออกไปพายคายัค ฝนก็ออกมาแซ่ซ้องต้อนรับอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้ว่าคนอย่างพวกแกพายไปก็ไม่รอดหรอก

ตกขนาดที่ว่าจะไม่ให้ออกไปไหนกันเลยทีเดียว ในเมื่อออกกำลังกายไม่ได้ ก็ไปกินกันเหอะ

ออกกำลังกายมันคงไม่ใช่ทางของเรา

นั่งกินไป โล๊มมมมม ก็พัดตึ้งไป เลยต้องคอยยกจานย้ายโต๊ะหลบฝนกันวุ่น

แต่ก็ยังคงยัดเข้าไปเต็มกระเพาะเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวันนี้กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อด้วย

กว่าจะกินรอฝนหยุดก็เกือบ 10 โมงแล้ว เลยรีบอาบน้ำเก็บของแล้วเช็คเอาท์ กันดีกว่า

เพราะเราต้องเดินทางอีกเกือบ 400 กิโล กลับอิสานบ้านเฮาต่อ

ออกจากโรงแรมก็ไปขึ้นรีบไปขึ้นเรือ ได้เรือรอบบ่ายโมง อากาศร้อนๆแบบนี้ ขอนอนเล่นในรถรอละกันนะ

ขี้เกียจออกไปนั่งข้างนอก

ไปแล้วนะ เกาะช้าง ไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่ มาในวันที่คนเยอะๆ บ้าง วันนี้มันเงียบเหงาเกินไป

การไปเที่ยวทริปนี้เหมือนไม่ได้ลุยๆ ไม่มีกิจกรรมให้ทำอะไรมากมายเหมือนที่อื่น

แต่เราชอบตรงที่เกาะช้างคือ เป็นเกาะที่กว้างมาก คนเลยกระจายอยู่ตามหาดรอบๆเกาะ

ไม่ไปกระจุกหนาแน่นตามหาด โรงแรมส่วนใหญ่ก็ติดหาด ค่าครองชีพบนเกาะก็ไม่แพงมาก

เพราะฉะนั้นถ้าใครมองหาทะเลไม่พลุกพล่านสำหรับพักผ่อนในวันหยุด เกาะช้างเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

บางทีก็เก็บกระเป๋า คว้ากุญแจรถ แล้วไปเที่ยวแบบไม่มีแผนก็สนุกไปอีกแบบนะ ไม่เชื่อลองดู

*** ข้อมูลการเดินทาง และ ค่าใช้จ่าย เนื่องจากทริปนี้เราขับรถกันไปเอง

แผนการเดินทางก็ไม่มี ที่พักก็ไม่ต้องเสีย เลยไม่รู้จะสรุปข้อมูลอะไรให้

เอาเป็นว่าเกาะช้างมันมีตัวเลือกให้เที่ยวเยอะมาก มีงบแค่ไหน ชอบแนวไหน ก็เลือกตามสะดวกกันเลยเนอะ

ความคิดเห็น