ห่างหายไปนานหลายปี...
เพราะโควิดทำให้เราไม่ได้พิชิตที่ใดเลย...
รีวิวนี้ เราเที่ยวฟิวพักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ
ขอนำทุกท่านเข้าสู่การเล่าเรื่องของทริป
"พักผ่อนริมนา...แล้วตื่นมาขึ้นเขาโปกโล้น
เริ่มกันเลย....
จากการศึกษารีวิวของคนที่เคยไปมาแล้ว พบว่า การเดินทางด้วย "รถยนต์ส่วนตัว" น่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด และเราได้มีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าไว้ ...... (หนึ่งเดือนเท่านั้น) 55555555
- ว่าด้วยเรื่องการหาที่พัก
จากการอ่านรีวิว พบว่า ส่วนมากของคนที่เดินทางไปที่นี่ มักจะเลือกพักแบบ โฮมสเตย์ โดยการไปใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าของบ้าน ใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดกับเจ้าของบ้าน ซึ่งราคาก็หลักร้อยต่อคนเท่านั้น และนอกจากที่พักแบบโฮมสเตย์แล้ว ยังมีที่พักอีกแบบ จะเชิงโฮมสเตย์แต่ก็ไม่โฮมสเตย์นะ เป็นลักษณะมีห้องพักในบริเวณบ้านของเจ้าของบ้านนั่นแหละ แต่เราจะได้อิสระในการพักผ่อนกว่าการพักอยู่ในบ้านเดียวกันกับเจ้าของบ้าน ... - ตัดสินใจเลือกที่พัก
ติดต่อสอบถามไปหลายที่ จนพบว่า พักเชิงโฮมสเตย์แต่ก็ไม่ใช่โฮมสเตย์ นี่แหละ เหมาะกับการพักผ่อนในทริปนี้แล้ว จึงตัดสินใจเลือกพักที่ "บ้านสวนริมนา ร่องเขาแห่งนครชุม" เป็นที่พักแบบริมนาจริงๆ มีห้องพักทั้งหมด 3 ห้อง เป็นแอร์ 1 ห้อง และพัดลม 2 ห้อง หากใครสนใจก็เข้า Facebook ติดต่อสอบถามได้เลย https://www.facebook.com/bansu... - บรรยากาศที่พัก
ระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพไปยัง "ร่องเขานครชุม" (พี่เจี๊ยบ) เจ้าของที่พัก ได้โทรมาแจ้งกับเราว่า การไฟฟ้าได้เข้ามาปรับปรุงระบบไฟ ทำให้ไฟฟ้าจะใช้ได้ประมาณ 4 โมงเย็น เราก็ไม่มีปัญหา เพราะน่าจะถึงที่พักช่วงนั้นแหละ และก็มาถึงช่วง 4 โมงเย็นจริง ๆ เมื่อเรามาถึงก็พบว่าทั้งตำบลนครชุม ยังใช้ไฟฟ้าไม่ได้ ระหว่างรอก็เก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักกันไป ประมาณ 5 โมงเย็น ไฟฟ้าก็ใช้ได้เป็นปกติ ไปชมบรรยากาศที่พักในยามเย็นกัน....
- ว่าด้วยเรื่องบรรยากาศระหว่างการพักผ่อน
หลังจากที่ไฟฟ้าใช้ได้เป็นปกติได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ประสบการณ์ธรรมชาติก็มาถึงแล้วจริงๆ ประมาณ 6 โมงเย็น ฝนได้ตกมาอย่างหนักพร้อมกับลมที่แรงพอสมควร แน่นอนค่ะ "ไฟดับ" ทั้งตำบลอีกรอบ (สงสารคนในชุมชนนี้มากๆ) และนี่ก็เป็นเหตุให้เมนูมื้อค่ำท่ามกลางวิวสวยๆ ได้พังทลายลงไป แต่สิ่งที่เราได้รับและสัมผัสจริงๆ คือการได้อยู่กับธรรมชาติท่ามกลางความมืดมิดและกลิ่นไอสายฝน กลิ่นธรรมชาติมันทำให้เรานอนและนั่งดูมันได้อย่างสงบจริงๆ ช่วงนั้นแม้แต่มือถือก็ไม่จับ การนั่งนิ่งๆ ดูฝนที่ตกในทุ่งนามันสงบจริงๆ ระหว่างที่นั่งนิ่งๆ ก็แอบคิดว่า คนที่นี่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าทั้งวันเลยนะ ไฟเพิ่งมาได้แค่ชั่วโมงเดียวก็ดับอีกแล้ว แต่พี่เจี๊ยบก็ไม่ปล่อยเราไว้เพียงลำพัง ระหว่างนั้นได้หาหลอดไฟไร้สายมาเปิดให้ก่อน พร้อมกับมื้อค่ำของเรา คือ หมูกะทะ ก็จัดหมูกะทะหน้าห้องพักแบบ ชิวๆ ไปสิคะ และไฟฟ้าก็กลับมาใช้ได้เป็นปกติ คืนนี้ก็นอนฟังเสียงฝนสบายๆ ไปจ้า...
- รายละเอียดการขึ้นเขาโปกโล้น
ถ้าพักที่นี่สามารถแจ้งพี่เจี๊ยบเจ้าของที่พักได้เลยนะคะ การขึ้นเขาโปกโล้นสามารถเลือกได้ 2 วิธี คือ ไปโดยรถแต๊ก และไปโดยรถเครื่อง (จักรยานยนต์) ซึ่งค่าบริการรถแต๊กพร้อมไกด์ ราคา 500 บาท (ราคาต่อกรุ๊ป) แต่ถ้าขับรถเครื่องได้ค่าบริการจะอยู่ที่ 300 บาท โดยใช้รถเครื่องของพี่เจี๊ยบนั่นแหละค่ะ ซึ่งการตัดสินใจของเรานั้น แน่นอนค่ะ.....ใช้บริการ "รถแต๊ก" เพราะคิดว่ารถแต๊กน่าจะได้สัมผัสบรรยากาศระหว่างทางได้มากกว่า โดยสามารถเลือกเวลาที่จะเริ่มขึ้นเขาโปกโล้นได้ แต่เวลาที่เหมาะกับการชมทะเลหมอก คือ ตี 5 ครึ่ง เมื่อได้นัดหมายเวลาเรียบร้อยแล้ว ไกด์จะขับรถแต๊กมารอรับหน้าที่พัก.... ระยะทางของการเดินเขา ตั้งแต่ลงจากรถแต๊ก ระยะทางในการเดินขึ้นเขาประมาณ 1.5 กม. ถ้ารวมทั้งไปและกลับประมาณ 4 กม.
- บรรยากาศก่อนขึ้นเขาโปกโล้น
05.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกทำงาน เราก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝน ซึ่งตกหนักซะด้วย.... เอาแล้วไง ขึ้นเขาตอนฝนตกหนักได้ด้วยเหรอ? แต่เราก็ล้างหน้าเปลี่ยนชุดรอไกด์นะ ... และเมื่อถึงเวลา 05.30 น. ฝนก็ยังคงตกและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด พี่เจี๊ยบได้โทรเข้าพร้อมกับถามเราว่ายังจะไปอยู่มั๊ย ถ้าไปไกด์บอกให้รอจนกว่าฝนจะหยุด และถ้าฝนหยุดแล้ว กลัวทากกันมั๊ย? ห๊ะ!!!! ทากกกกเหรอ? กลัวนะ ไม่ชอบด้วย 55555+++ ซึ่งถ้าตัดสินใจไป ไกด์บอกไปได้ตอนฝนหยุดตกแต่ให้ใส่เสื้อกันฝนกันทากไว้ คำตอบของเราตอนนั้นก็คือ.... "ขอรอฝนหยุดก่อนนะคะ" และบรรยากาศระหว่างที่รอฝนหยุดตก ก็ดีมากๆ หมอกก็ลอยมา วิวตอนนั้นเราถอดใจที่จะขึ้นเขาโปกโล้นแล้ว....
- ตัดสินใจขึ้นเขาโปกโล้น
มาถึง "ร่องเขาแห่งนครชุม" ทั้งที ไม่ขึ้นเขาโปกโล้นได้ไง เมื่อฝนหยุดตก เอาว่ะ โทรหาพี่เจี๊ยบ ตัดสินใจ "ไปค่ะ" ขณะนั้นเวลาประมาณ 10 โมง พี่เจี๊ยบก็จัดการเรียกไกด์ให้อย่างรวดเร็ว ไกด์ชื่อ "พี่ตั้ม" มาพร้อมกับ รถแต๊ก จอดรอหน้าที่พัก สิ่งที่พี่ตั้มเตือนว่าจะต้องเจอ คือ อาจจะลื่นนิดหน่อยและอาจจะโดนทากกัด ระวังให้มากที่สุดนะครับ และขอให้เราใส่เสื้อกันฝน ซึ่งจะช่วยกันฝนได้และมีส่วนช่วยกันทากได้นิดหน่อย เราก็เขาร้านสวัสดิการของชุมชนจัดชุดกันฝนมา 2 ตัว แล้วกระโดดขึ้นรถแต๊กทันที บรรยากาศระหว่างทางมันดีจริง ๆ
- บรรยากาศขึ้นเขาโปกโล้น
การขึ้นเขาโปกโล้นครั้งนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ.... "ทาก" พี่ตั้มได้อธิบายลักษณะของทากก่อนการเดินขึ้นเขา พร้อมแนะนำวิธีสังเกตตัวเองตลอดการเดินทาง ต้องทำใจยอมรับการถูกทากกัดให้ได้.... พร้อมแล้วก็ถลกขากางเกงแล้วก็......ลุย!!!!!
- ถึงแล้ว....ยอดเขาโปกโล้น
ระหว่างทางสนุกมากๆ เห็ดที่เจอระหว่างทางกินได้ และแกงได้เป็นหม้อเชียวนะ 555555++ และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ คือ เราไม่โดนทากกัดเลยสักกะตัวเดียว พี่ตั้มเองก็แปลกใจ เพราะปกติทากจะยั๊วเยี๊ยะเต็มไปหมดหลังฝนตก ซึ่งพี่ตั้มนั้นโดนไป 1 (ยิ้มอ่อน) สำหรับการตัดสินใจขึ้นเขาครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองมากๆ ถึงเราจะไม่ได้เจอทะเลหมอก แต่เราได้วิวที่สวยมากๆ ไปชมบรรยากาศบนยอดเขาโปกโล้นกัน....
ธรรมชาติมันสวยงามจริงๆ จบการเล่าเรื่องของทริปพักผ่อนริมนา...แล้วตื่นมาขึ้น "เขาโปกโล้น"
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านการเล่าเรื่องของทริปนี้จนจบ 🥰🥰
ขออนุญาตฝากเพจ "จ๊ะจ๋า-ตาตีบ"
Facebook : www.facebook.com/JaaTarTeeb/
Youtube: https://www.youtube.com/user/J...
Readme : https://th.readme.me/id/JaaTarTeeb
จ๊ะจ๋า - ตาตีบ
วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 21.26 น.