Hi มาแล้ว ทริปยาว ของเราปีนี้ ซึ่งจะพาไปเที่ยวกันที่ อินโดนีเซีย โดยรูทที่บินนั้น ก็ตามนี้เลยนะ
BKK>KUL>LOP>SUP>KUL>BKK หรือก็คือ
ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ>กัวลาลัมเปอร์>เกาะลอมบอก>โบรโม่>กัวลาลัมเปอร์>กรุงเทพ สุวรรณภูมิ
แค่ต่อเครื่องก็เหนื่อยแล้ว โดยค่าตั๋วทั้งหมดในทริปนี้ เราจ่ายไปคนประมาณ 5,0xx บาท ซึ่งเป็นตั๋วโปรSuper+ของ air Asia นั่นเอง โดยทริปนี้ เราตั้งงบกันคนละ 10,000 บาท รวมกัน 2 คน ได้ 20.000 บาท กับการเที่ยว อินโดนีเซีย จำนวน 9 วัน ในครั้งนี้
ป่ะลุยกันเลย แบบยาวๆ 9 วัน
DAY 1 BKK>KUL กรุงเทพฯ goto กัวลาลัมเปอร์
บินจากสุวรรณภูมิ เวลา 07.00 น ถึงกัวลาลัมเปอร์ประมาน 10 โมง จริงๆจุดหมายของเราคือไปเกาะลอมบอก แต่ไฟลท์ของairasia ไม่มีบินตรงไปลงเกาะลอมบอก เราต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ รอบบินจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังเกาะลอมบอก ก็มีแค่รอบเดียวคือรอบเช้า 8 โมง ไม่ทัน เราจึงต้องนอนกันที่ กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน โดยวิธีการเดินทางเข้าเมือง ได้เขียนรีวิวไว้แล้ว รอบนี้ไม่ได้เที่ยวเก็บที่ไหนในกัวลาลัมเปอร์ แค่ไปเดินเล่นที่ห้าง pavilion กับที่ Petronas towers
DAY 2 KUL>LOP กัวลาลัมเปอร์>เกาะลอมบอก
บินมาถึงสนามบินลอมบอก อินโดนิเซีย ประมานช่วงเที่ยง ซึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมในการเข้าประเทศอินโดนีเซีย ตอนนี้ จะใช้แค่ใบรับรองการฉีดวัคซีน อย่างน้อย 3 เข็ม ก็เข้าประเทศได้เลย แต่สนามบินที่นี่ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมาก ตรวจวัคซีน เข้าตม เขียนใบสำแดง ตรวจกระเป๋า เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง กว่าจะออกมาจากสนามบินได้
หลังออกมาจากสนามบิน เราก็จะเจอกับ มวลมหาบริษัทเช่ารถ แท๊กซี่ คนขับแกร๊ป โดยเค้าจะถามเราว่าจะไปที่ไหน ซึ่งเราจะไปนอนกันที่ KUTA Beach โซนนั่นฝรั่ง ร้านค้า และมีร้านเช่ามอไซต์ให้เราได้เช่า โดยจะทำเป็นเปิดapp grab ให้เราดูว่าจากสนามบิน ไปKuta Beach มันราคาเท่าไหร่ ซึ่งในapp มันประมาน 180.000 rp แต่เราต่อได้ราคา 100,000 rp พาไปส่งที่พักที่ Cewin's Homestay ซึ่งจะนอนที่นี่กัน2 คืน ราคา 1,050 บาท และก็เช่ามอไซต์จากที่พักเลย 2วันราคา 120,000 RP เอาไว้ขับเที่ยวรอบเกาะ
เทอ มากับฝน นั่นแหละห่ะ จริงๆ ช่วงนี้ เดือนตุลาคม ควรจะเป็นช่วงไฮซีชั่น แต่แหมมมม ฝนตกตั้งแต่เที่ยงยันเย็นเลย เพลนขับรถเทียวเลยล้มเลย เหลือแค่ขับไปชมพระอาทิตย์ตกที่ viewpoint Tanjung Aan เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยมาก
DAY 3 LOP
วันนี้เป็นวัน ที่เราจะได้ขับมอไซต์เที่ยว ชาดหาดต่างๆ ตามเพลนนี้คือไปหลายหาดมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ การเดินทางบนเกาะ ยังห่างไกลความเจริญ อยู่อีกมาก จะไปหาดแต่ละหาดใช้เวลามากพอสมควร
ใชเวลาประมาน 1 ชั่วโมง กว่าจะเข้ามายังหาดนี้ได้ Mawi Beach สภาพเส้นทางตรงทางเข้า 4 กิโลสุดท้าย ก็ตามนี้เลยห่ะ
มีเลื่อนบ้าง แต่เพราะเช่ารถเล็ก ก็ค่อยๆประคับประคองกันไป
แต่วิวระหว่างทางคือ แปลกตา เหมือนหลุดไปอีกโลก โลกไดโนเสาร์อะนะ มีเสียงร้องของน้องๆด้วย อย่างเหมือน
เป็นหาดที่เงียบมาก ความเป็นส่วนตัวระดับ 9/10 มีนักท่องเที่ยวมาเล่น เซิฟอยู่ประมาน 5 คน
ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะมีน้องมานั่งเป็นเพื่อน(กิน)
เดินขึ้นเนินเขา ไปตามทาง มาชมวิวจากด้านบน
แดดดี ไม่ไหว แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ แต่อย่าเย็นมากนะ เพราะทางเข้าลำบาก ขากลับออกไปจะมืดเอา
หาด Mawi beach จากมุมด้านบนเนินเขา
ตรงนี้เป็นเนินหิน ถ่ายรูปสวยอยู่นะ
เดินข้ามเนินเขาไป เราจะไปเจอกับอีกหาด ชื่อว่า Pantai Mawi Beach
ฝนเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง เราจึงตัดสินใจที่จะขับรถออกมาจากหาด กลัวถนนจะลื่นแล้วจะออกลำบากกว่าเดิม ขับมาถนนหลักมาสักพัก เราก็ไม่รอดฝนอยู่ดี จึงตัดสินใจเลี้ยวรถไปนั่งพักที่หาด Lancing Beach
เป็นหาดที่เข้าถึงง่าย ห่างจากถนนใหญ่ ไม่กี่ร้อยเมตร หาดยาว น้ำใส ถ้าไม่ติดว่าฝนตกอยู่ น่าจะใสได้อีก จริงมีอีกหลายหาด ที่เราตั้งใจจะไป แต่ด้วยดวงที่เราไม่ค่อยมีติดตัวกัน จึงทำให้นั่งรอฝนอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง
เราขับมอไซต์กลับมายังตัวเมือง kuta beach แวะถามพวกร้านทัวร์ รถ เพราะพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปท่าเรือ เพื่อที่จะข้ามเกาะไปยังเกาะกีลี่ โดยเราได้ทำการลองกดอยู่ในแอพเกรปแล้ว จากที่พัก ไปท่าเรือ มันราคาประมาน 550,000 rp ขับผ่านพวกร้านทัวร์เลยลองถามราคาดู ปรากฎว่าได้มาในราคาค่ารถไปท่าเรือ 350,000 รวมราคาตั๋วเรือข้ามเกาะด้วย ซึ่งถูกว่าราคาที่เราลองกดดูในเกรปแถมรวมค่าตั๋วข้ามเกาะให้ด้วย แต่รถที่ได้เป็นจอยทริปกับคนอื่นที่ไปลงที่ท่าเรือเหมือนกัน
DAY 4 LOP>Gili Trawangan Beach ข้ามเรือไปเกาะกีลีทราวานกัน หรือเรียกสั้นว่า เกาะกีลีที
แปดโมงครึ่ง รถมารับเราจากที่พัก ไปส่งที่ท่าเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาน 2 ชั่วโมง ข้ามเขาอยู่หลายลูก
ในที่สุดเราก็มาถึง ท่าเรือ Bangsal หรือ Bangsal Beach นั่นเอง ที่นี่เป็นท่าเรือใหญ่ของเกาะลอมบอก
เป็นท่าเรือที่จะพาเราข้ามไปยังเกาะกีลีทั้ง3 เห็นว่ามีเรือไปยังเกาะนูซ่าเปอรนิดาและก็มีเรือกลับบาหลีด้วยนะ แต่เรื่องรอบเรือกับราคา เราไม่ทราบเหมือนกัน สอรี่ๆ
ค่าเรือข้ามไปยังเกาะกีลี่ทั้งสาม ราคาอยู่ที่คนละ 35,000 rp แต่รอบนี้เราไม่ต้องจ่าย เพราะราคาตั่วเรือรวมกับรถอยู่แล้ว พนักงานจะเดินไปซื้อบัตรเรือมาให้เรา ปล.เรือที่เราใช้ในการข้ามเกาะเป็นเรือแบบ public boat ขาวบ้านสไตย์
หลังจากวุ่นวายกับตั๋วเสร็จ พนักงานบริษัทรถก็ถามต่อกับเราว่าจะอยู่เกาะกี่วัน ซึ่งเราก็ตอบไปว่าจะอยู่เกาะ 2 คืน แล้วก็บินกลับ นางจึงมาขายตั๋วเรือ พร้อมคนขับรถนำไปส่งที่สนามบิน โดนไป 400,000 rp แต่เป็นรถแบบ private บวกกับความ ขี้เกียจหาตอนกลับจากเกาะ เลยรับข้อเสมอไป
การนั่งเรือชาวบ้าน public boat จะเป็นการนั่งรอให้คนเต็มเรือ เต็มจำนวน เรือถึงจะออก เท่าทีสังเกตจะประมาน 40 คน เรานั่งรอกันอยู่ประมาน 30 นาทีได้ พนักงานเรือก็เรียกให้ขึ้นเรือ
บรรยากาศบนเรือก็จะประมานนี้
นั่งประมาน 30 นาที เราก็เดินทางมาถึง เกาะกีลีทราวานกัน แต่ เอ๊ะ!! เด๋วนะ ไหงเปิดแมฟขึ้นมาแล้ว บอกว่าอยู่เกาะกีลี่แอร์ งานเข้า เรานั่งเรือมาลงผิดเกาะ น่าจะผิดตรงบริษัทรถ ตอนซื้อเมื่อวานก็บอกแล้วว่าจะไปเกาะกีลีที ไอ้เราก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้เดินไปซื้อตั๋วเอง ดันโผล่มาเกาะกีลีแอร์เฉย โอ้ยหัวจะปวด
ถ้าไม่ได้ซื้อแบบรวมตั๋วเรือ ให้เดินไปซื้อที่อาคารใหญ่นี้เด้อ ซื้อที่สถานีเลยจะได้ไม่พลาด
ไหนๆมันก็ผิดแล้ว รอบเรือที่จะไปเกาะกีลีที ก็ไม่มีแล้ว เราจึงตัดสินใจ ไปนั่งคาเฟ่หาวายฟายแล้วก็หาจองที่พักใหม่
น้ำคือใส มาก น้องๆพีพี ได้เลย
เราจองที่พักใหม่ ไกล้ๆท่าเรือ ที่ B52 hotel giliair ห้องสะอาด มีสระ เตียงนุ่ม ไกล้ท่าเรือ ร้านอาหาร และที่สำคัญ ไวฟายแรง นอนพักกันสักแปป ตกเย็น เราก็ออกเดินสำรวจเกาะกีลีแอร์ เกาะที่ไม่ได้ตั้งใจจะมา
บนเกาะ กีลี ทั้ง3เกาะ จะใช้ม้า จักรยาน เป็นพาหนะในการ เดินทางทั่วทั้งเกาะ จะไม่มีการการใช้เครื่องยนต์ มอเตอร์ไซต์ รถยนต์บนเกาะเลย แต่มอเตอร์ไซตไฟฟ้าเห็นมีคนใช้อยุ่นะ
เกาะกีลีแอร์ มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เราจึกเลือกที่จะใช้การเดิน ชิวๆ วนเป็นวงกลมรอบเกาะ
น้ำคือใสมาก แต่ตื้น ถ้าจะลงเล่นน้ำ ต้องเดินออกไปไกลหน่อย
เดินเลาะชาดหาดไปเรื่อย ก็จะเจอกับ ร้านอาหาร ที่พัก รีสอร์ท เรียงรายติดกัน แต่ก็ยังคงเงียบเหงา อาจจะเพราะโควิดด้วยแหละ อาจจะยังไม่ฝื้นเต็มที่
เรานั่ง ทานอาหาร ชมพระอาทิตย์ตก กันที่ร้าน Cafe Queen Sunset อาหารถูกปาก ราคาไม่แพง
เราตกลงกันว่า พรุ่งนี้ จะไปเที่ยวเกาะกีลีทีกัน เพราะเป็นเกาะที่เราตั้งใจจะมากันตั้งแต่แรก เราเดินกลับไปที่ท่าเรือ เพื่อสอบถามรอบเรือ
ตารางรอบเรือชาวบ้าน public boat และราคา ระหว่าง 3 เกาะ รอบเรือชาวบ้านนี้ จะใช้เหมือนกันหมดทั้ง 3 เกาะ ออกตรงตามเวลาแบบว่า แป๊ะๆ ถ้าขึ้นก่อนเด๋วจะโดนไล่ลงมา 555 ซึ่งเราจะไปเที่ยวเกาะกีลีทีกันพรุ่งนี้ รอบ08.30 น สามารถชื้อตั๋วเรือตรงท่าเรือได้เลย อันนี้ไม่ต้องรอให้คนเต็ม ออกตามรอบเวลา(แบบเป๊ะๆ)
DAY 5 Gili Trawangan Beach
มอนิ่ง วันใหม่ 8โมงเช้า เราก็เดินมาถึงท่าเรือ ซื้อตั๋วเรือรอบ 08.30 น จากกีลีแอร์ไปยังกีลีทราวานกัน
นั่งรอเวลาขึ้นเรือ ชาวบ้านก็เล่นน้ำกันแต่เช้าเลยห่ะ
08.30 เรือออกจากท่า เห็นเขาด้านหลังโน่นไหม นั่นแหละห่ะ ภูเขาไฟรินจานิ ที่ใครๆก็มาที่ลอมบอก เพื่อไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้
ใช้เวลาประมาน 20 เรือก็แวะมาจอด รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่เกาะกีลีมีโน ก่อน
น้ำคือใสยืน1 นึกว่ากำลังเข้าสู่เกาะพีพี
เกาะกีลีมีโน เห้อเหนื่อย ใจมันจะอ่านว่าเกาะกีลีนีโม้ ตลอด เป็นเกาะที่อยู่ตรงกลางระหว่างเกาะกีลีแอร์กับกีลีทราวานกัน เป็นเกาะที่เงียบที่สุด ความเจริญน้อยสุด แต่แลกมาด้วย น้ำใสที่สุด สงบที่สุด เหมาะแก่การมาฮันนีมูน
แวะจอด รับส่งผู้โดยสารประมาน 5 นาที เรือก็ออกเดินทางต่อไปยังเกาะกีลีทราวานกัน
ถึงแล้ว เกาะกีลีทราวานกัน แหม่!! มันช่างแตกต่างกับทั้ง2 เกาะที่ผ่านมาจริงๆ นักท่องเที่ยวคือเยอะมาก ครึกครืนสุดๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ตู้ATM ใดๆคือเยอะเต็มไปหมด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาทั้ง 3 เกาะ ถ้าจะเทียววนรอบเกาะคงต้องเช่าจักรยาน แต่เราตัดสินใจที่จะเดินไปเรื่อย ไม่ต้องถึงกับวนทั่วรอบเกาะ
ร้านอาหาร ริมหาดคือเยอะมาก ชอบร้านไหนก็แวะเข้าไปนั่ง ได้เลย
น้ำคือใส เหมาะแก่การลงเล่น
สามโมงครึ่ง เราก็เดินมาซื้อตั๋วกลับไปยังเกาะกีลีแอร์ รอบ 16.00 น เรือจะแวะ รับส่งผู้โดยสารที่เกาะกีลีมีโนก่อนเหมือนเคย
DAY 6 Gili Air > SUB
วันนี้เป็นวันเดินทาง ซึ่งจะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากนัก เราตื่นกัน 8 โมง เก็บของ เช็คเอ๊าท์ แล้วเดินไปที่ท่าเรือ ยื่นตั๋วที่เราซื้อไว้ พนักงานก็จะออกตั๋วเรือใหม่มาให้ รอคนเต็มเหมือนเคย 40 คน พนักงานก็จะมาเรียกให้ขึ้นเรา เพื่อข้ามฝั่งกลับไปยังเกาะลอมบอก
เราข้ามมาถึงเกาะลอมบอกปรมานช่วง 10 โมง พี่พนักงานที่ขายตั๋วรถเรือ ให้เรา ก็มายืนรอที่ท่าเรือ แล้วก็มารับเราเดินไปส่ง ที่รถ คนขับรถก็จะพาไปส่งที่สนามบิน ใช้เวลาเดินทางประมาน 2 ชั่วโมง ทางแคบ ขึ้นเขาลงเขา ต้องเผื่อเวลาดีๆ เรามีไพลท์บินรอบ บ่าย2 ไปยัง สุราบายา
บะบายยย ลอมบอก จากริมหน้าต่างฝั่งขวา มองลงมาจะเห็น เกาะกีลีทั้งสาม เอาจริงๆเกาะลอมบอกเนี้ย เป็นเกาะที่ใหญ่มาก เราเที่ยวไปได้แค่10เปอร์เซ็นของเกาะเองมั้ง มีที่ที่ไม่ควรพลาดอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เดินภูเขาไฟรินจานิ น้ำตกต่างๆ ไว้ถ้ามีโอกาส จะกลับมาแก้ตัวใหม่นะ
นั่งเครื่องประมาน ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึง สนามบินสุราบายา ลงเครื่องมาพร้อมกับฝนตกหนัก เราลองกดเกรปจากที่สนามบินไปที่พัก ราคาประมาน 150,000rp พอเดินออกมาจากสนามบิน ก็มีบรรดาเทกซี่เข้ามาเสนอราคา จบราคาไปที่ 100,000 rp ถ้วน รวมค่าทางด่วนกับค่าเข้าสนามบิน
เราจองที่พัก แถวตัวเมือง สุราบายา แล้วก็ทักหา บริษัทเช่ารถ ซึ่งก็ค้นหาเอาจาก google map นี้แหละ พิมพ์ว่า motobike rental มีหลายเจ้าอยู่ แต่ที่นี่เค้าใช้ Whatapp กัน ทักไป เมล์ไป ไม่ค่อยมีใครตอบกลับมา มีอยู่เจ้าหนึ่งเราได้ลองทัก DM IG ไป แล้วปรากฎว่าเค้าตอบกลับมา ชื่อร้าน
@rizalmotorrentalsurabaya
DM IG ไปโล่ดดดดดด ได้ทำการเช่ามอไซต์ NMAX 2 วัน ราคารวมมาส่งรถและมารับ ที่โรงแรมเลย ตกลงราคากันที่ 400,000 rp ประมานเกือบๆพันบาท เงือนไขในการเช่า
จะมี 1.เอกสารการจองโรงแรม 2.ใช้ 3 ID card (พวกบัตรประชาชน ,ใบขับขี่ หรือพาสปอรท์ อะไรก็ได้ให้ครบ3) เมื่อถึงเวลานัด พนักงานก็จะขับมอไซต์มาส่งให้ที่โรงแรม
เค้าก็จะให้เอกสารรถมาให้ และก็ใบเสร็จการจอง เราก็เช็ครถ เช็คเบรค เช็คน้ำมัน เสร็จก็จ่ายเงินให้กับพนักงาน ก็ถือเป็นอันเรียบร้อย
DAY 7 SUB>Bromo
ตื่นสายแล้ววววว เราได้ทำการเก็บของ เช็คเอ๊าท์จากโรงแรม และขอฝากกระเป๋าไว้ที่เค้าท์เตอร์ของโรงแรม เพราะวันนี้ จะขับรถไปเที่ยวโบรโม่ แล้วก็กลับมานอนที่โรงแรมนี้ต่อ เตรียมเอาของ เสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น จะได้ไม่ต้องแบกหนัก จากตัวเมือง ขับไปโบรโม่ ใช้เวลาประมาน 3 ชั่วโมง ไม่รวมกับแวะพักทานข้าว เราขับออกจากโรงแรม 8โมงครึ่ง
และแล้ว ที่นึกว่าจะรอด ก็ไม่รอด แวะจอดหลบฝน ช่วงขึ้นเขา ก่อนถึงโบรโม่ อีกนิดเดียวก็จะถึงที่พักที่โบรโม่อยู่แล้ว
จากถนนหลัก ขับขึ้นมาโบรโม่ ให้อารมณ์เหมือน ขับขึ้นภูทับเบิก แต่ทางแคบกว่า และก็ระยะไกลกว่าเท่าตัว
ใช้เวลาในการไต่ขึ้นมาประมาน 1 ขั่วโมง (ฝนตก) เราก็มาถึงที่พัก ปล.มีจ่ายค่าเข้าหรือค่าผ่านทางของหมู่บ้านด้วยนะ อันนี้ไม่ใช่ค่าเข้าอุทยานโบรโม่ 2 คน 63,000 rp
เช็คอินที่พัก เรานอนกันที่ cafe lava hostel 1 คืน ราคาประมาน 1400 บาท รวมอาหารเช้า ที่เลือกที่นี่เพราะว่า สะอาดและก็ไกล้กับทางลงที่ไปโบรโม่ คือเดินไปไม่กี่ก้าว ก็จะเจอกับภูเขาไฟโบรโม่แล้ว
ฝนหยุดตกแล้ว ได้เวลา ออกไปตามหาภูเขาไฟโบรโม่ สะที แต่เด่วววว
ชำระเงินค่าเข้าอุทยาน 2 คน 440,000 rp เหมือนมันจะใช้ได้วันต่อวันนะบัตร แต่เราก็ถามเจ้าหน้าที่ว่า บัตรยังใช้ได้ถึงวันพรุ่งนี้นี้ไหม เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าใช้ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจสำหรับคนที่จะอยู่ 5-6 วัน หรือเป็นweek ว่าต้องจ่ายค่าเข้ากี่ครั้ง เพราะราคาไม่ใช่ถูกๆเลย พยายามคุยกับเจ้าหน้าที่เยอะๆให้แก เห็นหน้าจำเราได้ เพราะถ้าเราขับผ่านบ่อยๆ นางก็จะเลิกตรวจแล้วปล่อยผ่านไปเเอง 555
ขับออกจากด่านตรวจ หายใจเข้า ยังไม่ทันได้หายใจออก ก็เห็น เทอคนนั่นละ คนที่ตามหา มันช่าง สวย อลังการงานสร้างจริงๆ
ขับมอไซต์ ลงไปด้านล่างกันดีกว่า
ตอนนี้แยกไม่ออกแล้ว ที่เห็นขาวๆนั้น หมอกลงหรือฝนตก
มาจอดรถ ตรงที่จอดรถjeep เพื่อที่จะเดินไปต่อยังภูเขาไฟ
นักท่องเที่ยวคือ น้อยมาก เดินสวนกันอยู่ สิบกว่าคนได้ และที่สำคัญ อากาศดี เย็นๆ ไม่มีแดด และฝุ่นก็ไม่มี
ทางเดินในช่วงแรก จะเป็นทางเดินเรียบๆ ยาวๆ จนเลยวัด
พี่ม้า เดินตามมาถามว่า สนใจขี้ม้าไหม ราคา 300,000 เอง ไม่ไหวๆ เราเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ชมวิว ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
เดินมาได้สักพัก ก็เหมือนจะถึงจุดพักแรก มีร้านค้าชาวบ้าน และๆๆ มันขับมอไซต์เข้ามาจอดตรงนี้ได้ OMG ก็เดินมาตั้งไกล หนทางยังอีกยาวไกล แวะซื้อน้ำดื่มก่อน อย่าลืมพกน้ำดื่มขึ้นไปด้วย
ช่วงที่2 ทางเดินจะเริ่มขึ้นเนินและชันมากขึ้น
ช่วงสุดท้าย จะเป็นบันได ขันๆขึ้นไปจนถึงปากปลองภูขาไฟ
ถึงแล้ว ภูเขาไฟยังไม่ดับ ยังคงปะทุอยู่จนถึงทุกวันนี้ กลิ่นคือแรงมาก ยอมใจคนที่อยู่บนนี้ มีราวกั้นยาวประมาน 50 เมตร นอกนั้นก็เพียวๆเลย ไม่มีราวกั้นใดๆ กระผมที่กลัวความสูง มองลงไปนี้ขาสั่นเลย ไม่กล้าเดินออกจากราวเลย ไม่ไหวจริงๆ แค่เดินขึ้นมาขาก็สั่นแล้ว ถ้าจะให้เดินไปตามปากปล่อง คงไม่มีร่วง ระวังๆกันด้วยเด้อ
ภูเขาไฟโบรโม่ มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,392 เมตร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะชวาตะวันออก
เมฆ ฝนมาพอดี มองอะไรไม่เห็นเลย เราจึงมีเวลาถ่ายรูปอยู่ด้านบน ได้แค่แปปเดียว เสียดาย ฟ้าไม่เปิด
ลงมาปุ๊ป ฝนหยุดตกปั๊ป
หมอกด้านหลังคือ อลังการงานสร้างมาก
ฝนจะตกอีกรอบ รีบจั๊ฟเท้าไปที่รถ
อากาศหนาวมาก 14 องศาห่ะ
เอาเบียร์ เข้าสู้
DAY 8 Bromo
วันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่บนโบรโม่ ที่เห็นแสงแดดจ้าอยู่ จริงๆแล้วตอนนี้ เวลาตี5 โอ้วยแนาะ แดดยังกะแปดโมงบ้าน เรา
ตื่นเช้าของเรา แต่ไม่ใช่สำหรับที่นี่ ขับมอไซต์ไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ seruni point ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านมากนัก ขับไปประมาน10 นาที
วิวจากจุดชมวิว ด้านบน
ขับมอไซต์ ลงไปด้านล่างอีกครั้ง วันนี้มีเป้าหมาย ที่จะไปที่ Teletubbies hill Bromo ก่อนที่จะกลับเข้าที่พัก และอำลา โบรโม่ แห่งนี้
พาชม รถ jeep น่ารักๆ ช่วงเช้าๆขับพานักท่องเที่ยว ไปเที่ยวยังจุดต่างๆ วิ่งกันเป็นร้อยๆคันเลย
วิวที่นี่ ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก
ทรายกระซิบ
หลังจากที่แวะ จอด ถ่ายรูปกันอยู่หลายที่ เราก็ขับมาถึง Teletubbies hill Bromo
ลาแล้ว โบรโม่ ไว้จะมาอีกนะ เราขับกลับไปทานอาหารเช้าที่พัก เก็บของ เช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ช่วง 11 โมง ขับลงเขา ตอนแรกว่าจะแวะน้ำตกระหว่างทางลงโบรโม่ แต่ฝนตกหนัก จึงตัดสินใจไม่แวะดีกว่า ขับรถหนีฝนลงเขามา มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง สุราบายา นึกว่าจะรอดแล้ว ช่วงไกล้เข้าตัวเมือง ฝนตกหนัก นั่งรออยู่ชั่วโมง ฝนก็ยังไม่ลดลง เลยตัดสินใจใส่เสื้อกันฝน ขับลุย ถึงตัวเมืองประมานช่วง 4 โมงเย็น เข้าเช็คอินโรงแรมอีกรอบ รับกระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็เรียกบริษัทรถ ให้เข้ามารับรถได้เลย
DAY 9 SUB>KUL>BKK
วันนี้เป็นวันแห่งการเดินทางกลับ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปไว้ เราตื่นเช้ากันตี3 เรียกรถไปสนามบินสุราบายา เพื่อนังเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์รอบ ตี5 ถึงกัวลาลัมเปอร์ 8 โมงเช้า และรอต่อเครื่องบินกลับสุวรรณภูมิ รอบ 2ทุ่ม
ระหว่างรอเวลาบินกลับ เราก็นั่งรถเข้าเมือง ไปเดินเล่น ช๊อปnike ที่ห้าง pavilion แล้วก็นั่งรถบัสกลับมาสนามบิน ช่วง6 โมง เพื่อเช็คอิน รอไฟลท์กลับกรุงเทพฯรอบ 2 ทุ่ม
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้ 9 วัน
ค่าตั๋ว จอง5 flight ของ air Asia ด้วยราคาสมาชิค super+ คนละ 5,0xx บาท
เงินเที่ยว คนละ 10,000 บาท 2 คน 2หมื่นบาท
ค่าที่พัก 8 คืน 6 พันกว่าบาท ส่วนใหญ่ กดจองและจ่ายหน้างาน มีแค่โบรโม่ที่ตัดบัตรจากไทย
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็หมดไปกับการเดินทางสะส่วนใหญ่ ค่าเรือ ค่ารถ ค่าเช่ามอไซต์ ค่าเข้าอุทยาน
ส่วนค่ากิน กินกันไม่เยอะ วันละ 2 มื้อ มื้อละ 300-500 บาท โดยประมาน
จบทริปพาเที่ยว ลอมบอก เกาะกีลี โบรโม่ ประเทศอินโดนีเซีย 9 วัน
เป็นทริปที่เพลนทริปยากมาที่สุดเท่าที่เคยไปเที่ยวมา หาข้อมูลยากมาก ไม่ค่อยมีใครเขียนรีวิว วันนี้เราเลยเขียนรีวิวให้ชม หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่มีเพลนเที่ยวเกาะลอมบอก เกาะกีลี และการขับมอไซต์เที่ยวโบรโม่ เป็นการเที่ยวที่ยังรู้สึกว่า เห้ย !! เรามีเวลาอยู่ในแต่ละที่น้อยเกินไปหรือเปล่า มันไม่อิ่มเลย ยิ่งโบรโม่ อยู่แค่ 2 วัน 1 คืน เป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก ถ้ามาเที่ยวตามรอยนี้ แนะนำว่าควรมานอน 2 คืน เป็นอย่างต่ำเลย ที่แห่งนี้ ฟินมากๆ ท้ายนี้ มีอะไรอยากจะสอบถาม ก็ติดต่อได้ทาง
https://www.facebook.com/CanGo...
ฝากกดไลท์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
ใจมันได้
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 11.20 น.