เราออกเดินทางเพื่อใช้ชีวิต ไม่ใช่ให้ชีวิตมาใช้เรา ยังไงหว่า พูดเองงงเอง
ต่อเรื่องราวการเดินทาง 🚜 วันที่ 2 (วันที่ลงจากโป่งแง้นแล้วขึ้นห้วยกุ๊บกั๊บ)
และทริปนี้เราจะพาทุกคนออกเดินทางไป ใช้ชีวิตบนยอดดอย…บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ แห่งแม่แตง เชียงใหม่ นอนโฮมสเตย์กลางหุบเขา กลางคืนมองดาว เช้าดูทะเลหมอก ที่พักที่นี่ทำให้ได้สัมผัสความธรรมดาที่สุดแสนจะลำบากตั้งแต่เริ่มต้น ถือว่าคุ้มค่ามากกกก ที่สำคัญวิวอลังการสุดๆ ทั้งความหมอก ความบรรยากาศดีต่อใจมากกกกกก อีกหนึ่งจุดหมายที่หลายคนควรมา 5555 อยากรู้ว่าเป็นไง มาเดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง
คลิปวีดีโอรายละเอียดการเดินทาง
"หมู่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ" หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ "เป็นหมู่บ้านชาวเขาชนเผ่าลาหู่ หรือ มูเซอแดง" ที่อยู่อาศัยกันประมาณ 40 หลังคาเรือน ตั้งอยู่บนยอดดอยที่สูงและลาดชัน ถนนเข้าหมู่บ้านยังเป็นดินแดง อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านคือทำไร่ข้าวและปลูกผัก
ที่มาของชื่อ "ห้วยกุ๊บกั๊บ" สมัยก่อนหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเส้นทางเข้านั้นลำบากและกันดารมาก รถเข้าไม่ถึง ต้องเดินทางด้วยการขี่ม้าเข้าไป และเสียงฝีเท้าของม้าที่ดัง "กุ๊บกั๊บ" ก็กลายมาเป็นชื่อเรียกของหมู่บ้านนี้ไปโดยปริยาย สตอรี่ของที่นี่เยอะมากกกกก หมู่บ้านชาวมูเซอ ที่แค่เริ่มก็หัวโยกกันแล้วแกรร๊
เริ่มต้นการเดินทางนัดเจอที่จุดนัดพบ นั่งรถ ATV ขึ้นดอยที่บ้านกึ้ดช้าง ตรงนั้นร้านอาหารริมน้ำเพียบ เป็นร้านที่อยู่ตรงข้ามที่จอดรถ ที่รถจะมารับเราเลย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ตลอดทางขึ้นนั่งรถหัวโยกกันตลอดทางเลยทีเดียว ทั้งสนุกทั้งหวาดเสียว เกร็งสุดอะไรสุด ระหว่างทางก็นั่งคิดว่าทำไมต้องพาตัวเองมาลำบากด้วยวะ 5555
ถ่ายรูปกันหน่อย เดินทางด้วยรถ 4WD เปิดประสบการณ์ในการขึ้นเขา สนุกไปอีกแบบ (แต่แอบหวาดเสียวหน่อยๆ) จับให้แน่น เพราะทางค่อนข้างลำบากมาก
ถึงถนนหนทางจะลำบากสักหน่อย แต่มาถึงที่พัก ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง บรรยากาศดีมาก มองไปทางไหนก็ว้าว เจอแต่วิวเขาสวยงาม ธรรมชาติยังคงสวยงาม ไม่ต้องปรุงแต่ง วิถีชีวิตของชุมชุนยังคงเรียบง่าย คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์วิถีชาวดอยที่แท้จริง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น และสัญญาณโทรศัพท์มีเป็นช่วงๆ เรียกได้ว่าเป็นการมาพักกายพักใจ หยุดโซเชี่ยล และเสพบรรยากาศตรงหน้าได้แบบเต็มที่เลย
เรานอนกันที่บ้าน "ม่อนทะเลหมอก โฮมสเตย์" มีระเบียงนั่งเล่นด้านหน้าให้นั่งเล่นรอบกองไฟ นอนดูดาวสวยๆกันฟินๆเลย และก่อนพระอาทิตย์ตกจะมองเห็นวิว "ดอยผาสามเหลี่ยม" ที่แสงแดดส่องเป็นสีเหลืองทองสวยงามมาก
สิ่งที่ต้องเตรียม
•พาวเวอร์แบงค์
•ไฟฉาย
•อุปกรณ์อาบน้ำ
•ผ้าเช็ดตัว
•ปลั๊กเอียร์
•ยารักษาโรคประจำตัว
•ร่ม, เสื้อกันฝน
•รองเท้าแตะ
ค่าใช้จ่าย
•นอนเต็นท์ 500 บาท/คน
•นอนห้องพัก 800 บาท/คน
•ค่ารถรับ-ส่งขึ้นโฮมสเตย์ จากจุดฝากรถแก่งกึ้ด 200บาท/คน
นี่ที่พักของเรา มีอยู่ 4 ห้องนอน / ห้องน้ำแยกออกยากตัวที่พัก (มองเห็นวิวได้ดีสุดๆ)
ห้องนอนมีทั้งหมด 4 ห้อง มีที่นอนหมอน ผ้าห่มให้พร้อม หลับสบายเลย
ที่พักที่นี่ทำให้เราได้สัมผัสความธรรมดา มีความสุขกับธรรมชาติ เสพความน่ารักและวิวสวยแบบสุดฟิน นั่งกินขนมมองวิวชิลๆ หรือว่าจะไปเดินเล่นในหมู่บ้านออกกำลังขาก็ได้น้า เหมาะแก่การมาพักผ่อน ฮีลใจ สุดๆ คุ้มค่าแก่การเดินทาง
ที่พักที่นี่ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น สัญญาณโทรศัพท์มีเป็นช่วงๆ
เรียกได้ว่าเป็นการมาพักกายพักใจ ปล่อยใจให้กลืนไปกับความเรียบง่ายของที่นี่
หยุดโซเชี่ยล และเสพบรรยากาศตรงหน้า วิวพาโนรามา 360 องศา ได้เต็มที่เลย
นั่งกินขนมมองวิวชิลๆ หรือว่าจะไปเดินเล่นในหมู่บ้านออกกำลังขาก็ได้น้า
เหมาะแก่การมาพักผ่อน ฮีลใจ สุดๆ คุ้มค่าแก่การเดินทาง
ไม่ว่าใครได้มาที่นี่ ก็ต้องมีแต่ความประทับใจที่คิดถึงทีไรก็ยิ้มออกมาได้ทุกที
เอาของเก็บเสร็จ เลือกที่นอนกันเรียบร้อยก็ออกมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศกัน
ที่นี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ ก็จะเปิดปิดเป็นช่วง เย็นๆ-6โมงเช้า ห้องน้ำรวม น้ำเย็นมากกก อยู่บ้านว่าอาบน้ำยากแล้วนะ มาที่นี่ กว่าจะราดน้ำขันแรกได้คือยืนทำใจเกือบ 5นาที ขันต่อไปก็เย็นเหมือนเดิม555
ตกกลางคืนก็มาล้อมวงกินข้าว กับข้าวของทางที่พักอร่อยมากๆ (ที่หมู่บ้านมีร้านค้าด้วยน้า เดินไปซื้อเพิ่มได้ หรือจะโทรสั่งให้มาส่งก็ได้ แต่รอนานหน่อย)
กินข้าวเสร็จก็นั่งผิงไฟเม้าท์มอยกันตามเรื่อง หยิบกีตาร์มาดีด นั่งร้องเพลง
ตื่นแต่เช้าตรู่ กับบรรยากาศโคตรรดี หมอกหนามาก แทบละสายตาไม่ได้เลยอยากให้มาเห็นด้วยตา มากๆ
บรรยากาศดีมาก แถมได้เห็นทะเลหมอกปัง ๆ แบบ 180 องศา อีกด้วย ที่นี่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์น้า เหมาะกับคนที่อยากปลีกวิเวกหนีมาพักกายพักใจ อยู่กับตัวเองและธรรมชาติ เป็นที่ที่เหมาะกับการเอาร่างกายและจิตใจมาพักผ่อนจากการเดินทางตลอดทั้งปี เพียงแค่มานั่งเล่น พูดคุย กับเพื่อนๆ พักผ่อนกับบรรยากาศสุดฟิน
ทะเลหมอกสวยขนาดนี้ พวกเราก็ไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศกันสักหน่อย
ทางที่พักมีกาแฟ โอวันติล น้ำร้อน พร้อมขนมปังให้เราทานในตอนเช้า
อยากขึ้นยืนด้านบน แต่ไม่กล้า ก็ต้องช่วยกันละสิทีนี้
เอ้า ... ถ่ายรูปหมู่กันหน่อย ต่างคนต่างมาคนละที่ แต่มาสนิทกันเพียงแค่ข้ามคืน
ต่อด้วยอาหารเช้า กับข้าวต้ม และ ไข่ต้ม กับ แตงโมหวานฉ่ำ กินกันแบบจุกๆ
เช้าๆ มีพระมาบิณฑบาต ตรงที่พักเราเลย สั่งชุดใส่บาตรกับทางที่พัก ชุดละ 50 บาท
ส่วนใครที่ไม่อยากอยู่เฉยๆ อยากออกกำลัง เค้าก็มีกิจกรรมสำหรับผู้ที่มีพลังเหลือล้น อย่างการพาไปเดินขึ้นดอยผาสามเหลี่ยม สามารถขึ้นรอบเย็นไปดูพระอาทิตย์ตก หรือขึ้นตอนเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้
ส่วนการขึ้นดอยผาสามเหลี่ยมนั้น มี 2 แบบ
- เดินจากโฮมสเตย์เลย ระยะทางประมาณ 4-5 กิโล ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ค่าไกด์ 700บาท/ทริป
- เริ่มเดินจุดสตาร์ท ระยะทางประมาณ 1.7 กิโล ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ค่าไกด์ 500บาท/ทริป ค่ารถรับและส่งจุดสตาร์ท คนละ 200 บาท
ใครที่หลงรักธรรมชาติ แนว ป่าเขา อยู่แบบไม่มีไฟฟ้า ออกจากแสงสีแสง มาอยู่ท่ามกลางความสงบ กับบรรยากาศที่เย็นสบาย พร้อมกับดูแสงยามเช้า ทะเลหมอกที่สวยงาม ต้องไม่พลาดที่นี่เลย พกเงินคนละ 800 บาท มีอาหารเช้าและเย็นให้ พร้อมทั้งมีรถรับ-ส่งที่ตัวหมู่บ้านขึ้นมาด้านบน ถือว่าคุ้มค่ามากกกก ที่สำคัญวิวอลังการสุดๆ ทั้งความหมอก ความบรรยากาศดีต่อใจมากกกกกก อีกหนึ่งจุดหมายที่หลายคนควรมา นอนโฮมสเตย์กลางหุบเขา กลางคืนมองดาว เช้าดูทะเลหมอกหน้าที่พัก ได้มิตรภาพที่ดี ได้เพื่อนใหม่ที่ต่างคนต่างยังไม่รู้จักกัน แต่มาเที่ยวด้วยกันบอกเลยว่าสนุกมาก
Facebook : ม่อนทะเลหมอก ห้วยกุ๊บกั๊บ โฮมสเตย์
Tel : 096 068 5618
เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองไปเที่ยวดู
ช่องทางการติดต่อ :-
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ
Facebook https://www.facebook.com/EnvyJ...
Website : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
Instagram : https://instagram.com/king_journeys
YouTube : เที่ยวให้คนอิจฉา
#บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ #กุ๊บกั๊บ #บ้านกุ๊บกั๊บ
#เชียงใหม่ #แม่แตง #ม่อนทะเลหมอกโฮมสเตย์
#ห้วยกุ๊บกั๊บ #เชียงใหม่ #มีความสุขทุกครั้งที่ได้เที่ยว
เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า
วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 16.22 น.