ลิ้งก์ตอนอื่นๆ ในทริปนี้อยู่ล่างสุดค่ะ
สำหรับสายไฮกิ้ง ที่ตุรกีจะแนะนำให้ใช้แอป Map.me ค่ะ ข้อแตกต่างจากกูเกิ้ลแมปคือ
- ประหยัดเน็ต เพราะขณะใช้เปิดแค่โลเคชั่นก็พอ ไม่จำเป็นต้องเปิด 3จีด้วย
- สามารถโหลดแผนที่ทั้งเขตได้เหมือนกูเกิ้ลแมป
- เส้นทางใน Map.me จะมีเส้นทางไฮกิ้งเยอะกว่าของกูเกิ้ลแมป หรือก็คือ เป็นเส้นทางตามขุนเขาที่ไม่อยู่ในแมปทั่วไปค่ะ 5555
- ข้อเสียคือ มันไม่ค่อยส่งเสียงออกมาว่าเราต้องเดินไปเส้นทางไหน เหมือนกูเกิ้ลแมป เราต้องคอยหยิบมือถือขึ้นมาดูเส้นทางเป็นระยะ ให้แน่ใจว่าไม่เดินผิด
- เจ้าของที่พักกล่าวว่า เส้นทางในกูเกิ้ลแมป บางทีไม่อัพเดท บางเส้นพอเดินไปแล้วพบว่าเป็นทางตัน หรือปิด ต้องเดินย้อนกลับไปทางเก่าเป็นกิโลๆ
ที่พักแนะนำให้เราใช้ Map.me เราลองเทียบเส้นทางระหว่าง Map.me กับ กูเกิ้ลแมปแล้วพบว่า เส้นทางใน Map.me สั้นกว่า เราจึงเดินตาม Map.me ไป....ก่อนจะมากรี๊ดร้องคนเดียวในภายหลังค่ะ 555
Map.me เดิน 6.6 กิโล
กูเกิ้ลแมป เดิน 7.4 กิโล
เส้นทางของ map.me ในช่วงแรกๆ จะ ปกติดี เพราะยังไม่ออกจากเกอเรเม่ เดินเลียบไปตามถนน...ที่ฝุ่นคลุ้ง ที่เกอเรเม่คือฝุ่น ทราย เยอะมากกก จนอยากหาอะไรมาปิดจมูกเลยล่ะ แต่บังเอิญว่าไม่มี เลยจำต้องสูดดมมันไป
ระหว่างทางเจอหมาน้อยขออาหาร ก็ให้อาหารแมวไป 555
วิวข้างทางหลังเดินเบี่ยงเส้นถนนเข้าไปยังทางชาวบ้าน
แผนที่พาเราลัดเลาะเส้นเมืองเล็กๆ แล้วไปออกหลังบ้านเขา...ในใจสงสัยว่า ใครเป็นคนสรรหาเส้นทางนี้กันค้า
แม้จะลังเล แต่มันมีรอยทางเดินแจ่มชัด แสดงว่าถูกทางเจ้าข้าเอ้ยยยย
สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น
เส้นทางเริ่มเป็นดินทราย คล้ายเดินอยู่กลางทุ่งนาอันแห้งแล้ง
บนพื้นมีทั้งรอยเท้าคน หมา และรอยรถยนต์
พอมาถึงตรงจุดนี้ เราสังเกตเห็นบนแผนที่ ขึ้นเตือนว่า เป็นถนนไม่ชัดเจน - unpaved road และมาเจอะเข้ากับ ทางตัน...แต่แผนที่บอกว่าทะลุไปต่อได้นะ อีนี่ก็งงเลยจ้า จะให้ฉันทะลุไปยังไงเหรอออ
มันดูเป็นทางตัน เราเดินวนในนี้ ลองหาทางไปต่อตามแผนที่แล้วก็ยังไม่เจอ เลยเหลือบมองบน และพอจะเห็นจุดที่เป็นทางเดิน....มันต้องปีนขึ้นไปข้างบนจ้า OMG
ถ้าเราจะไปอีกเส้นทางหนึ่ง ต้องเดินย้อนกลับไปอีกประมาณ 2 กิโล เราไม่อยากเดินย้อน เลยพยายามหาทางขึ้นแล้วปีนเนินทรายขึ้นไป....
เราหาทางปีนขึ้นไปทางเดินทรายด้านขวามือของรูป แล้วเดินตรงขึ้นไป ข้างๆ ถ้ำหินจะมีร่องว่างๆ ด้านขวา อันนั้นแหละค่ะทางขึ้น...ถ้าจำไม่ผิด จะชันประมาณ 45-60 องศา และเป็นทางขึ้นที่มีดินทรายผสม ต้องรีบซอยเท้าอย่างไว เพราะถ้าช้าอาจลื่น และร่วงได้ แถมยังไม่ค่อยมีที่จับอี๊กกกกก
**ต้นไม้ข้างทางเป็นหนามมม กรุณายึดจับอย่างระมัดระวัง**
วิวจากด้านบน
เรื่องปีนน่ะพอได้ แต่การเดินลงทางชันมากๆ นี่สิ ไม่ค่อยถนัด เลยคิดในใจว่า ขากลับต้องเลี่ยงไปกลับเส้นทางอื่น ไม่กลับเส้นนี้แน่นอลลลล
วิวระหว่างเดิน ตอนนั้นเป็นเวลา 10 โมงกว่าๆ แล้ว แต่บอลลูนก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
เดินไปตามเส้นทางสักพัก...โดนหมาไล่กัดจ้า มันวิ่งลงมาจากบนเนินลิบๆ นู่น 5 ตัวพร้อมกัน แล้วเราต้องเดินอ้อมไปทางด้านซ้าย ลงท้ายเดินไปไม่ทันมัน เลยใช้ไม้โพลในมือยื่นไปกันมันไม่ให้เข้ามาใกล้ หมาพวกนี้น่าจะเคยโดนตีมาก่อน เพราะค่อนข้างกลัวไม้โพล เราเดินถอยหลัง ยื่นไม้โพลออกไปด้านหน้า พวกมันหยุด แล้วเดินกลับไป อาจจะพ้นเขตพวกมันแล้วก็ได้
เดินต่อไปตามทาง จนมาถึงจุดนี้...The standing man looking at the valley เป็นแลนด์มาร์กที่สวยดี...แต่เราไม่ค่อยมีอารมณ์ถ่ายเท่าไหร่อะคะ เพราะหาทางเดินไปต่อไม่เจอเพราะมันเป็นเนินหิน แบบที่ไม่ค่อยอยากให้คนข้าม และถ้าก้าวผิด ก็หลุนๆ ลงหลุม ไม่ก็ไหลลงร่องไปเลยจ้า เราถึงกับกรีดร้องออกมาเลยว่า แล้วนี่ตรูต้องไปทางไหนต่อฟระ5555
อีนี่ก็นึกว่าปีนขึ้นไปข้างบน ก็ดันขึ้นไป พอขึ้นไปจนถึงพงหญ้า กลับไม่เจอเส้นทางเดินต่อ ก็เหลียวซ้ายแลขวา จนพอจะมองเห็นเส้นทางเดินอยู่ฝั่งตรงข้าม ไกลออกไป เลยพยายามหาทางเดิน โดดไปจนถึง แล้วเดินต่อไป
The standing man looking at the valley - เป็นแลนมาร์กที่อยู่ใน map.me เท่านั้น ไม่มีในกูเกิ้ลแมปค่ะ
เส้นทางหลังจากนั้นคือ....สบถแทบทุก 5 นาทีเลยเจ้าค่ะ เพราะเส้นทางมันเอิ่ม เป็นเส้นทางประเภทที่เราไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังเดินอยู่คนเดียว ยิ่งเสียวหนักเข้าไปใหญ่
เดินริมผาบ้างล่ะ ทางลงชันเกือบ 90 องศาบ้างล่ะ แถมถ้าลงผิดคือบุ้งงงง ไถลลงไปไหนก็ไม่รู้ เห็นแต่พื้นลิบๆ 55
รูปนี้ทางลงอยู่ไหน บอกททททที
ถ่ายกว้างขึ้นมาหน่อย สิ่งที่เราเห็นในตอนนั้นคือ มีรอยล้อจักรยาน ไถลงไปตามร่องยาวๆๆๆๆ และก็ก้อนหินมากมาย ที่หาทางเดินลงไม่เจอ
มองด้านบนอาจไม่ชัด เลยถ่ายจากด้านล่างด้วย ถามว่าเราลงมายังไง อืม รองเท้าน่าจะเกาะอยู่นะ แต่มันเป็นทรายอ่ะเจ้าค่ะ แถมที่ยืนก็มีอยู่จึ๊งนึง ถ้ารองเท้าลื่นคือจบเห่ ไถลงไปไหนก็ไม่รู้ยาวๆ เลย
ลงท้ายเลยไถตูดสิคะ ไถ เพื่อความปลอดภัย 55
วิวระหว่างทาง นี่ชั้นมาทำอะไรที่นนนนี่
เดินไปเรื่อยๆ จะมาเจอรั้ว จากแผนที่ในแมป เราจะต้องเดินทะลุรั้วเข้าไป แต่ลองมองแล้วมองเล่า ก็ไม่เห็นทางเข้าเลย ในใจคิดว่า สงสัยอาจจะเคยมีอุบัติเหตุคนตกเหวที่นี่ เขาเลยกั้นรั้วเอาไว้ เพราะพอลองมองรั้ว จะเห็นว่ามันเป็นเหว เราเลยใช้แมปกะเส้นทางคร่าวๆ แล้วเดินออกนอกเส้นทางในแมป และเดินต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึง Zelve open air museum
บนแมปไม่มีทางบอก แต่มีคนวาดลูกศรนำทางให้ รู้ใจจัง 55
ถ่ายมาเพราะสงสัยว่า สิ่งนี้คืออะไรกันนี่ ทำไมถึงเอากิ่งไม้แห้งปักลงดิน แถมมีเยอะเลยด้วย
พอกลับไปโฮสเทลก็ถามคนที่นั่น เขาบอกว่า อ๋อออ มันคือต้นองุ่นนน เพียงแต่ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ใบเลยร่วงหมด
Zelve open air museum
เราชอบที่นี่มากกว่าที่เกอเรเม่ มันมีอะไรให้ดูมากกว่าแค่โบสถ์ และใหญ่กว่าด้วย ใช้เวลาเดินอยู่ในนี้ประมาณ 2 ชม. แล้วก็เดินกลับ แต่ เราจะไม่เดินกลับเส้นทางเดิมอีกต่อไปแล้วว ม่ายยยยยยย รอบเดียวพอ เราเลยเดินเลียบเส้นทางถนน มันจะไกลกว่า แต่จะเดินถึงได้อย่างปลอดภัยแน่นอน 55
ระหว่างอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นี้ คนชอบเดินมาคุยเพราะเห็นถือไม้โพลอยู่ พอรู้ว่าเทรกมาจากเกอเรเม่ ทุกคนก็บอกว่า สตรองมาก อ่าจ๊ะ ยังต้องเทรกกลับอี๊ก คืนนี้น่าจะสลบ
ก่อนเดินต่อ ขอนั่งพักขา และให้อาหารเจ้านายหน้าขนสัก สาม สี่ ห้า ตัวหน่อยนะ
จากที่สังเกตมา สัตว์จรที่่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเด็กจนถึงรุ่นวันกระเต๊อะ รุ่นแก่ๆ ไม่ค่อยมี
ที่นี่จะมีเส้นทางกำหนดให้เดินชัดเจน ค่อนข้างจะเดินเป็นวนกลม เพราะงั้น ไม่มีหลงค่ะ
จากรูปจะเห็นขั้นบันไดเป็นระยะๆ นั่นคือทางเดินชมค่ะ
ได้แต่ยืนถ่าย เขาไม่ให้เข้า 555
Zelve-Paşabağları Archaeological Site - ปล่องไฟนางฟ้าหุบเขาพาซาแบค
ไม่ได้ตั้งใจมา แต่เจอระหว่างทางกลับ ขากลับเราเดินเส้นถนนปกติ ไม่ป่ายปีนแล้ว(โว้ย) และจำได้ว่าอาคารทางเข้า เป็นอาคารที่มองเห็นตอนป่ายปีนอยู่ เลยอยากมาดูใกล้ๆ กับตา 555
ตอนดูในแมป เห็นว่าเป็นร้านขายของ แต่พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็เจอป้ายชี้ไป พิพิธภัณฑ์ เราจึงเดินตามไปแบบคนใจง่าย ปรากฏใช้มิวเซียมพาสเข้าได้ เลยเข้าไปแบบชิวๆ
ตึกที่มีหลังคาทางด้านขวา คืออาคารที่เรามองเห็นบนเขา เดินอยู่เป็นชม. ทำได้แค่ให้อาคารนี้ย้ายจากข้างหน้า มาอยู่ด้านข้าง มันชีช้ำใจยิ่งนัก
ปล่องไฟนางฟ้า....เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาตั้งชื่อแบบนี้ มันเหมือนตรงไหนก็ไม่รู้
และมาถึงบางอ้อว่า ขาไปเราเดินอยู่บนพิพิธภัณฑ์นี้นี่เอง 555 บนยอดจะเห็นว่าเขากั้นรั้วอยู่ เป็นทางผ่านตอนขาไป
ก่อนที่เขาจะกั้นรั้ว เส้นทางนี้น่าจะเคยใช้เป็นทางไฮกิ้งมาก่อน
ยอดเขาเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ลิบๆ นั่นล่ะค่ะ ที่ๆ เราเดินผ่านมาในตอนเช้า
ตอนทั้งหมดในทริปบินเดี่ยวเที่ยวตุรกี
ตอน 1 เปิดทริปด้วยการเคลมกระเป๋าเดินทางเสียหายกับ เตอร์กิชแอร์ไลน์ Turkish Airline https://th.readme.me/p/44227
ตอน 2 Turkey Museum Pass กับ GOREME OPEN-AIR MUSEUM https://th.readme.me/p/44228
9อน 3 เลือกทัวร์ไหนดีนะ รีวิวกรีนทัวร์ของคัปปาโดเกีย ชม Underground City, Ihlara Valley และ Selime Monastery https://th.readme.me/p/44229
ตอน 4 เดินไฮกิ้งจากเกอเรเม่ไปยังพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Zelve Open Air Museum แวะชมปล่องไฟนางฟ้าที่หุบเขาพาซาแบค https://th.readme.me/p/44230
ตอน 5 เดินไฮกิ้งใน Red -Rose Valley ที่คัปปาโดเกีย แถมหมานำทางหนึ่งอัตราฟรี https://th.readme.me/p/44231
ตอน 6 เปิดประตูสู่เมโสโปเตเมีย Yazılıkaya อารามศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรฮิตไทต์ AlacaHöyük เมืองดั้งเดิมของชาวฮิตไทต์ https://th.readme.me/p/44252
ตอน 7 UNESCO Hattusa เมืองหลวงอาณาจักรฮิตไทต์โบราณ ณ Boğazkale, Turkey สาวกคำสาปฟาโรห์ และตะวันรักที่ปลายฟ้าห้ามพลาด https://th.readme.me/p/44273
ตอน 8 ชมพิพิธภัณฑ์อารยธรรมอนาโตเลีย และโรงอาบน้ำโรมัน ที่อังการา Ankara ประเทศตุรกี https://th.readme.me/p/44274
ตอน 9 วางแผนเที่ยวในอิสตันบูลยังไงให้จ๊าบ เดินง่ายๆ ชิวๆ ไม่ต้องเดินวนไปมา เก็บครบ https://th.readme.me/p/44275
ตอน 10 เที่ยวอิสตันบูลกันดีกว่า มีอะไรให้เที่ยวบ้างนะ https://th.readme.me/p/44279
ตอน 11 การซื้อตั๋วและการเดินทางด้วยรถบัส Kamil Koç ในตุรกี เดินทางจากเกอเรเม่ คัปปาโดเกีย ไปยังอังการา และอิสตันบูล https://th.readme.me/p/44276
Duck's journey
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 11.19 น.