‑ 28.11.22 ‑

เกาะช้างเป็นหมายอันดับต้นๆของทะเลตะวันออก
ที่หลายคนอยากแวะไปเที่ยวพักผ่อน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพและเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยที่เต็มไปด้วยที่พัก
และที่เที่ยวมากมาย

📍 Fact about Ko Chang

1. เกาะช้าง อยู่ อ.เกาะช้าง จ.ตราด

2. เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ

3.สามารถมาเกาะช้างได้โดยเรียนเฟอร์รี่ จากท่าเรืออ่าวธรรมชาติ

4. สามารถนำรถยนต์ขึ้นเรือเฟอร์รี่ได้

5. เกาะช้างจะมี 2 ฝั่ง คือฝั่งตะวันตก หรือเกาะช้างเลี้ยวขวา และ ฝั่งตะวันออก หรือเกาะช้างเลี้ยวซ้าย

6. โดยฝั่งตะวันตก หรือเกาะช้างเลี้ยวขวาสำหรับฝั่งนี้จะเป็นโซนสำหรับการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ มีโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงชื่อดังมากมายที่แสนสะดวกครบครัน ในแต่ละปีโซนนี้จะคึกคักและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ มีชายฝั่งมากมายหาดทรายขาวที่สามารถลงเล่นน้ำได้ตั้งแต่เหนือจรดใต้

7. ส่วนฝั่งตะวันออก หรือเกาะช้างเลี้ยวซ้ายสำหรับฝั่งนี้จะเหมาะสายชิวชอบความสงบ ฝั่งนี้ไม่มีชายหาดที่สามารถลงเล่นได้เหมือนอีกฝั่งแต่ จะมีน้ำตกต่างๆ วิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน มีแหล่งท่องเที่ยวทางชุมชนมากมาย

8. ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวที่นี่ คือช่วงตุลาคม‑เมษายน

9. ถ้าใครจะมาดำน้ำ‑ตกปลา กับเพื่อนประมาณ 5‑8 คน แนะนำ คนทะเลทัวร์ เป็นโปรแกรมเช่าเรือ‑เหมาลำ ดำน้ำ ส่วนตัว เต็มวัน 4 เกาะ ราคา 5,500 บาท/วัน
Tel. 064‑930‑9055

__________________


Day 1 : ตราด

10.00 น. “สถานีขนส่งผู้โดยสารตราด”

เริ่มออกเดินทางโดยรถตู้จากขนส่งหมอชิตเวลา 05.00 น.

โดยราคาตั๋วจะอยู่ที่ 290 บาท/คน

พอถึงขนส่งจังหวัดตราดก็โทรหาเพื่อนที่เป็นคนตราดให้พาไปเที่ยว

น้ำตกคลองวังแก้ว

12.30 น. “อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองวังแก้ว”

หลังจากถึงตราดหมายแรกคือที่น้ำตกคลองวังแก้ว

ไม่ได้จะมาเล่นน้ำแต่เพียงแค่จะมาแวะปั๊มตราอุทยาน

พระจมน้ำ

16.00 น. “พระจมน้ำ เขาระกำ”

จังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยมีที่เที่ยวอื่นเลย

นอกจากทะเลและเกาะ ทำให้หาที่เที่ยวบริเวณตัวเมืองยากมาก

แต่เหมือนเคยเลื่อนผ่านเห็นอยู่ที่นึงที่เขาว่าคือ Unseen Thailand

นั่นก็คือ พระจมน้ำ เขาระกำ ซึ่งที่นี้เป็นที่ๆค่อนข้างสงบ

แต่เสียดายที่วันที่ไปฟ้าไม่ค่อยเปิด มีเมฆครึ้ม

Day 2 : เกาะช้าง

07.50 น. “ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ”

โดยเรือข้ามฝากไปเกาะช้างที่ท่าเรืออ่าวธรรมขาติจะออกเป็นเวลา

โดยค่าโดยสารจะอยู่ที่ คนละ 80 บาท รถยนต์ 120 บาท

โดยควรมาถึงก่อนเวลาเพื่อต่อคิวขึ้นเรือข้ามฝาก

เกาะช้าง

โดยการเดินทางจากท่าเรืออ่าวธรรมชาติมาท่าเรือเกาะช้าง

ใช้เวลาประมาณ 25‑30 นาที โดยประมาณ

โดยบนเรือจะมีห้องน้ำและร้านขายของ


เกาะช้างเลี้ยวซ้าย

08.40 น. “ท่าเรือเกาะช้าง”

หลังจากถึงเกาะช้างก็ทำการขับรถเลี้ยวซ้ายไปสุดเกาะ

โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อไปท่าเรือสลักเพชร

เพราะได้ทำการจองทัวร์ดำน้ำ‑ตกปลาไว้

ท่าเรือสลักเพชร

09.00 น. “ท่าเรือสลักเพชร”

เรือที่เราจองไว้(คนทะเลทัวร์) มารอรับเราที่ท่าเรือสลักเพชร

หลังจากขึ้นเรือกันครบ ก็ออกเรือไปยังเกาะคลุ้ม

เป็นเกาะแรกเพื่อดำน้ำ

เกาะคลุ้ม

เนื่องจากวันที่มาเป็นวันธรรมดา

ทำให้เหมือนทั้งเกาะและบริเวณที่ดำน้ำเป็นของเรากลุ่มเดียว

น้ำคือใสมากกก แต่พี่ที่ขับเรือบอกว่านี่ยังใสไม่สุด

คายัค

หลังจากดำน้ำที่เกาะคลุ้มและเกาะหวายแล้ว

ก็ได้ทำการแวะทานข้าวกลางวันที่เกาะเหลายา

โดยระหว่างทานข้าวก็เห็นคนกำลังพายคายัค

จากเกาะนึงมาเกาะเหลายาพอดี

อาหารกลางวัน แตงโม และสัปปะรด รวมอยู่ในราคา 5,500 บาทแล้ว

หลังจากทานข้าวก็ได้เวลานอนโง่ๆแช่น้ำทะเล

การแข่งขัน

13.30 น. “ที่ไหนสักที่ในทะเล”

โดนก่อนเริ่มตกปลาได้มีการเดิมพันว่า

“ใครตกปลาได้ตัวเล็กสุด ต้องเลี้ยงข้าวเย็น”

ตัวแรกในชีวิต

หลังจากตกปลาได้เกือบชั่วโมง

โดนทุกคนบนเรือสามารถตกปลาได้หมดแล้ว

ยกเว้นผมอยู่คนเดียว ตอนนั้นคือเริ่มรู้สึกท้อแล้ว

แต่อยู่ดีๆเบ็ดก็กระตุก เลยตัดสินใจกระตุกเบ็ดขึ้นมา

สรุปได้ปลานกเหยี่ยว ตัวประมาณ 2 กิโลกรัม

ไม่ต้องไปแข่งกับใครเลย ชนะฮะ😎

ซาชิมิ

หลังจากตกปลาเสร็จ พวกพี่ๆก็นำปลาที่ตกได้มาทำซาชิมิ

ให้กินสดๆบนเรือ ถือว่าเป็นปลาที่อร่อยที่สุด

เนื่องจากหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง

เริ่มออกล่าหมึก

เนื่องจากมีคนบอกว่าอยากกินหมึกสดๆ

พี่ๆเขาเลยเริ่มออกล่าหมึกให้

หลังจากเปลี่ยนหมายตกหมึกมาเรื่อยๆ

ในที่สุดเราก็ได้ปลาหมึกแต่ได้แค่ตัวเดียว

เนื่องจากวันที่ไปมีคนมาตกหมึกก่อนแล้ว

ทำให้ตกหมึกยากมาก

นี่คือปลาทั้งหมดที่ตกได้โดยคน 8 ตัว

ตัวเล็กตัวน้อย แต่ถึงจะตัวเล็กแต่ก็มีปลาเก๋านะ

พี่เขาเริ่มนำปลาหมึกที่ตกได้มาขึ้นเขียง

เพื่อทำหมึกสดให้เรากิน

หมึก 1 ตัว ใช้เวลากินไม่ถึง 1 นาที

หลังจากพี่เตรียมปลาหมึกเสร็จปลาหมึกก็หายไปอย่างรวดเร็ว

จากการกินปลาหมึกครั้งนี้ได้ลองลูกตาปลาหมึกด้วย

พึ่เขาบอกว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดของปลาหมึก

ซึ่งเวลากินลูกตามันจะมีน้ำทะเลบริสุทธิ์ทะลักออกมาจากลูกตา

ภาพลักษณ์อาจจะไม่ได้แต่บอกก่อนเลยว่าอร่อยมากกกก

สิ้นสุดการเดินทาง

17.30 น. “มุ่งหน้าสู่เกาะช้าง”

หลังจากดำน้ำที่เกาะคลุ้ม เกาะหวาย พักทานข้าวที่เกาะเหลายา

ตกปลาและได้ทานมันสดๆ และปิดท้ายด้วยเกาะทรายขาว

หลังจากจบทริป 4 เกาะ พวกพี่ก็พาพวกเรากลับมาส่งที่ท่าเรือสลักเพชร

ส่วนตัวคิดว่าไป 8 คน ราคา 5,500 บาท เป็นอะไรที่คุ้มมากๆ

สำหรับทริปนี้ ได้ลองอะไรหลายๆอย่างและพี่ๆก็เป็นกันเองมาก

Day 3 : เดินทางกลับ

06.30 น. “ครัวแสงอรุณ”

เราพักที่ครัวแสงอรุณเนื่องจากใกล้กับท่าเรือสลักเพชร

ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการขึ้นเรือ

แต่เช้านี้มีเรื่องแปลกประหลาดใจอยู่ 1 อย่างคือ

การเจอหมอก ซึ่งถ้าเรามาทะเลเราก็ไม่น่าที่จะเจอหมอก

แต่ที่เกาะช้างมีหมอกอยู่บนยอดเขา แต่หมอกขึ้นไม่นาน

หมอกขึ้นเพียง 1 ชั่วโมงก็เริ่มจางหายไป

น้ำตกธารมะยม

09.00 น. “น้ำตกธารมะยม”

ก่อนจะกลับตัดสินใจว่าจะแวะน้ำตกธารมะยมก่อน

เนื่องจากเป็นทางผ่านระหว่างกลับไปที่ท่าเรือเกาะช้าง

รูปสุดท้ายก่อนที่จะออกจากเกาะช้าง

เกาะช้างมีอะไรอีกมากที่พวกเรายังไม่ได้ไป หรือยังไม่ได้ทำ

เช่น เดินป่าพิชิตยอดเขาแหลม หรือพายคายัคข้ามเกาะ

เกาะช้างเป็นอีกเกาะที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก

และธรรมขาติทั้งทะเลและน้ำตกยังคงมีความอุดมสมบูรณ์

และสวยงามอยู่รอให้ทุกคนได้มาสัมผัสมัน

นิรัชพร รุจิรัตนากร

 วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 23.07 น.

ความคิดเห็น