Forth day

ผมตัดสินใจออกจากงานและมาทำตามสิ่งที่ใจบ้าๆเรียกร้อง

Part1:
ผมตื่น 7.30 น. ด้วยความสดชื่นเพราะเมื่อคืนหลับเต็มที่ไม่มีอะไรรบกวนต้องขอบคุณ Cactus Hostel ที่ดูแลอย่างดีครับ หลังจากตื่นนอนร่างกายมันรู้สึกมันกระสับกระส่ายเหมือนมันต้องการอะไรสักอย่างมาประทะและนั่นเองมันคือข้าวซอยอาหารท้องถิ่นของภาคเหนือ ตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่ได้กินมันเลยสักถ้วยเมื่อวานก็หลงทางวันนี้ต้องได้กิน มันจึงเกิดความต้องการอันแรงกล้าผมไม่รอช้าน้ำท่าหรือฟันอะไรปล่อยไว้ก่อนหยิบกุญแจรถได้ออกลุยตามล่าหาข้าวซอยทันที

รสชาติอร่อยมากสำหรับผม เข้มข้นกำลังดีราคาไม่แพงและให้เยอะร้านอยู่ก่อนถึงข้าวซอย กะโหล่ง

อากาศในตอนเช้าค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดอุณภูมิน่าจะ 18-19 องศา ผมตั้ง GPS ไว้ว่าข้าว
"ซอยกะโหล่ง"
(กะลา) เพราะเป็นร้านที่ได้รับคำบอกเล่าว่าหร่อยแรงในแถบนี้ ขณะขี่รถมอเตอร์ไซต์ในหัวก็คิดอยู่อย่างเดียวว่ายังไงเช้านี้ต้องซัดให้ได้ไม่งั้นไม่กลับ ผมขี่ไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกหนาวร่างกายไม่อยากไปแล้วแต่ว่าใจที่อยากกินมันพลักให้ผมก้าวต่อจะย่อถ้อไม่ได้ถึงแม้จะหนาวแค่ไหนก็ตาม เห็นไหมครับการที่เราให้ค่ากับอะไรสิ่งนั้นมักสำคัญเสมอ ผมไปเรื่อยๆตามทางที่ google Map บอกสายตาก็เสาะหาว่าร้านอยู่ไหน ขี่ไปขี่มาเริ่มหนาวอีกแล้วรอบนี้ชักมีอาการในใจก็เอาไงดีวะเนี่ย ผมกลั่นใจลุยต่อในที่สุดผมก็ถึงครับแต่ถึงร้านอื่นที่ไม่ใช่ข้าวซอยกะโหล่ง มันคือร้าน "ข้าวซอยราชา" ร้านที่อยู่ข้างทางพอดี HAhahaha ตอนนั้นก็แบบช่างมันยังไงมันก็ข้าวซอยเหมือนกันผมสั่งพิเศษ ความคิดเห็นส่วนตัวร้านนี้ รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับ เข้มข้น เยอะและที่สำคัญราคาไม่แพง ถ้วยที่เห็นนี้แค่ 50 บาทเท่านั้นอิ่มยาวยันเที่ยง กินเสร็จผมก็รีบกลับเพราะมันหนาว

กลับถึงที่พักก็เก็บของอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางต่อ "พี่จ๋า" พี่เจ้าของที่พักก็แนะนำว่าแถวนี้มีที่เที่ยวสวยๆเยอะเลย "ผาช่อ" "พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ" บลาๆ ผมจำได้แค่ผ่าช่อ ตั้ง GPS เสร็จร่ำลาพี่จ๋าและออกลุยทันที

และแล้วผมก็ได้กิน "ข้าวซอยกะโหล่ง" จริงๆ ร้านนี้มันอยุ่ใกล้ๆกับร้าน "ข้าวซอยราชา" แค่ขี่รถไปอีก 300 เมตร ก็ถึงบรรยากาศของร้านดีมากครับโปร่งโล่งสบายมีมุมถ่ายรูปให้ด้วย ความ gimmick (กลไก) ของร้านนี้ก็คือภาชนะทุกอย่างภายในร้านทำจากกะลาทั้งหมดมันน่ารักและสร้างสรรค์ ผมสั่งข้าวซอยเนื้อพิเศษราคา 90 บาท ความคิดเห็นส่วนตัว รสชาติน้ำซุปเค็มไปหน่อยแต่เนื้อนุ่มและไม่เหนียวเลย ผมรู้สึกประทับใจห้องน้ำครับเพราะมันสะอาดและก็กว้างดี ภาพรวมแล้วก็โอเคเลย

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางต่อระยะทางจาก Hostel ที่ผมอยู่มาผาช่อไม่ไกลเลยแค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้น ผมขี่มอเตอร์ไซต์คู่ใจมาด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กที่พ่อแม่กำลังจะพาไปซื้อของเล่น ผมร้องเพลงของ oasis วงในดวงใจมาตลอดทาง ณ ช่วงเวลานั้นมันมีบางอย่างที่ไม่รู้เรียกว่าอะไรเข้ามาในใจมันคล้ายกับการที่ได้รับการปลดล็อคอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถู และ ในที่สุดผมก็มาถึง

ที่นี้มีค่าบริการ 40 บาท "ผาช่อ" ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ "แม่วาง" ท่านใดทีต้องการหาสถานที่กางเต็นท์สามารถติดต่อเจ้าหน้าทีได้เลย ผมเดินสำรวจรอบๆและอ่านข้อมูลก่อนออกผจญภัย วนเวียนอยู่สักพักเมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็ออก start (เริ่ม) 

 ผมเดินศึกษาเส้นทางอย่างสนุกสนานและไม่ลืมที่จะแสดงตัวตนว่าผมเป็นใครผมจึงได้คาดผ้าพูกศรีษะเพื่อให้เห็นว่าผมคือแสงอุษาผมผ่านจุด check point ไปหลายจุด ผ้าคาดหัวที่ทุกท่านเห็นมาจากการ์ตูนชื่อ "นารูโตะ" นินจาจอมคาถา 

ซึ่งผมชื่อชอบมาก 

ฝึกวิชาเซียน

ผาช่อมีลักษณะเป็นชั้นๆเกิดจากการทับซ้อนกันของทรายหินเป็นเวลานานจนกลายเป็นความสวยงามที่ใครหลายๆคนอยากมาสัมผัส นี้คือของขวัญล้ำค่าที่โลกได้มอบให้กับมนุษย์ เมื่อมองแบบนี้แล้วมันรู้สึกมีความหมายและยิ่งใหญ่ จากคำอธิบายที่ผมได้อ่านเมื่อหลายล้านปีก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์แต่เมื่อกาลเวลาผันผ่าน จากแหล่งน้ำก็กลายเป็นพื้นดินจากสิ่งที่ไม่มีค่ากลายเป็นความสวยงามที่น่าพิศวง

ที่นั้นเต็มไปด้วยเหล่าอาม่าอากงที่มาผจญภัยเช่นเดียวกัน พวกเขาเหล่านี้รวมอายุกันแล้วมี 500 แน่นอน ผมลัดเลาะเส้นทางไปเรื่อยๆเพื่อรอที่จะถ่ายรูปทันใดนั่น 1 ในอากงอาม่าก็ได้ทักผมว่า "หนูไอ้ที่หนูคาดหัวใช่แผงโซล่าเซลหรือเปล่าเห็นมันสะท้อนแสงไปมา" ผมจึงตอบกลับไปว่ามันคือที่ซับเหงื่อรูปแบบใหม่ครับเดี่ยวนี้เขาฮิตกันแบบ fashion hahahaha (อย่างปั่น) เราก็มีการแลกเปลี่ยนบทสนทนากันจนสุดท้ายอากงอาม่าก็กลายเป็นพันธมิตรของผมและบอกว่าหนูมาถ่ายรูปกัน นี้คงเป็นรสชาติของการเดินทางที่ถ้ามองดูผ่านๆแล้วอาจจะเป็นเรื่องทั่วไปแต่สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่สวยงามและประสบการณ์น่าจดจำ

ผมพูดคุยและแบ่งปันทัศนคติกับพวกท่าน พวกท่านแก่แล้วแต่ไม่ต้องการอยู่เฉยๆจึงได้ออกผจญภัยเดินทางไปที่ต่างๆอย่างสนุกสนาน อยู่บ้านนานๆเดี่ยวเฉา อาม่าถามว่าแต่งงานหรือยังผมก็ยังครับ ท่านก็พูดถึงลูกชายที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วให้ฟังว่าคนเป็นแม่ก็อยากเห็นลูกๆเติบโต ในใจก็อยากให้ลูกกลับมาดูแลแต่นั้นมันชีวิตของเขาเราไม่สามารถบังคับและกำหนดได้ปล่อยให้เขาไปตามทางของเขาและดูเขาเติบโตอย่างมีความสุขดีกว่า ครับจากนั้นพอคุยเสร็จเราก็แยกย้ายล่ำลากันท่านชวนให้ไปพักในสถานที่ที่อากงมีหุ้นส่วน
แกบอกฟรีๆแต่ว่ามันอยู่นอกแผนการเดินทางก็เลยไม่ได้ไป หลังจากผจญภัยที่ผาช่อเสร็จในใจมีความสุขมากเพราะผมได้ปลดปล่อยตัวตนของตัวเองที่ไม่ต้อง keep look แอ็คอาร์ทเป็นคนอื่นที่คนมากมายมายอยากให้เป็น ผมก็เป็นผมนี้ละ

Part2:
หลังจากจบการผจญภัยที่ผาช่อผมก็มีแพลนจะเข้าเมืองแต่คิดไปคิดมาถ้าเข้าเมืองตอนนี้ต้องเสียค่าที่พักอ่วมแน่เลย ผมจึงเสาะหาที่กางเต้นท์แถวนี้จนได้มาพบกับ "อุทยานแห่งชาติออบขาน"

ที่นี้สวยมากไม่แพ้ออบหลวงเลยเพราะมีลำน้ำธรรมชาติและเส้นทางเดิน trail เมื่อผมมาถึงก็รู้สึกหิวทันทีผมจึงสอบถามคนแถวนั้นว่ามีอาหารขายไหมเจ้าหน้าที่บอกมีแต่ปิด 4 โมงน้องต้องรีบไปไปซื้อ ตอนนี้ 15.20 น. แล้ว ถ้าไม่รีบไปซื้อตอนนี้คงไม่ได้กินแน่ ผมรีบแจ่นไปที่ร้านอาหารทันทีและก็สั่งข้าวผัดหมูพิเศษขอข้าวเยอะๆแต่ไม่เพิ่มตังค์ เจ้าของร้านหัวเราะแต่พวกก็จัดให้ตามคำขอ ผมขอบคุณกับแกแล้วก็จากไป

ตอนนี้ผมเหนื่อยมากพอซื้อข้าวกางเต้นท์เสร็จผมหลับเลย ตื่นมาอีกทีตอน 5 โมง ว่าจะกินข้าวเพราะโคตรหิว เปิดมาเจอกองทัพไม่ทราบหน่วยเข้าโจมตีมดไม่รู้มาจากไหนแต่มันก็แค่มดทำไรคนอย่างผมไม่ได้อยากขึ้นดีนักงั้นก็ลงไปอยู่ในท้องผมให้หมดเลยละกัน Hahaha สุดท้ายวันนี้กินข้าวผัดกับมดครับ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่สนุกมากๆครับ

Mr.Electric

 วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566 เวลา 12.59 น.

ความคิดเห็น