VDOทริปนี้
สวัสดีค่ะ ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่ หลวงพระบาง ประเทศลาวค่ะ เรามาตะลุยเที่ยวกันที่นี่ถึง 4วัน 3 คืนเลย จากสนามบินเราเรียกแท็กซี่มาส่งที่ที่พักกันค่ะ ที่พักเราชื่อว่า Villa Sanesouk เป็นที่พักที่โลเคชั่นดีอยู่เหมือนกันนะ อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่เลยค่ะ
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยเราก็มาหาข้าวเย็นกินกัน ร้านนี้ชื่อว่า ตาติ๊บตาโต เป็นร้านหมูกระทะร้านเด็ดที่อยู่ใน ตลาดมืด ของหลวงพระบางค่ะ
ร้านเค้าจะเปิดช่วงเย็นค่ะ ร้านไม่ใหญ่มากนะ เค้าจะมีเก้าอี้ตัวเล็กๆให้เรานั่ง กินไปด้วยและก็ชมบรรยากาศของตลาดมืดยามค่ำไปด้วย คือบรรยากาศดีเหมือนกันนะ ส่วนเมนูเค้าจะจัดไว้เป็นจานๆ ก็จะมีหมู ทะเล และก็ผักต่างๆค่ะ ส่วนน้ำจิ้มก็จะมีอยู่ 2 อย่าง มีน้ำจิ้มแจ่วมะขาม และก็น้ำจิ้มแจ่วถั่วใส่งาค่ะ
กินหมูกระทะกันเสร็จเราก็มาหาร้านนั่งชิลกันต่อค่ะ ร้านนี้ชื่อว่า Tangor restaurant Bar & Lounge จะอยู่ใกล้กับตลาดมืดเลยค่ะ
ด้านในร้านเค้าจะตกแต่งแบบคลาสสิคดีค่ะ สวยดี เปิดเพลงเพราะ ส่วนเครื่องดื่มก็จะมี Cocktail และก็craft beer ต่างๆ
นั่งชิลเสร็จแล้วก็ถึงเวลากลับที่พักค่ะ เดินจากตลาดมืดประมาณ 600 เมตรเองนะ สะดวกมากๆเลย
DAY2
วันนี้จะเป็นวันที่เราตะลุยขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวกันทั้งวันเลย พอดีตอนเช้าร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ยังไม่เปิด เราเลยเดินไปกินข้าวเช้าที่ร้าน ประชานิยม กันก่อน เป็นร้านอาหารเช้าชื่อดังของหลวงพระบางค่ะ เราคิดว่าเราไปเช้าแล้วนะ แต่พอไปถึงคือคนเยอะมาก^^
อารมณ์เหมือนมานั่งกินกาแฟโบราณเลยนะ ร้านเค้าเปิดตั้งแต่ ตี4 ไปถึง 11โมง เลย เครื่องดื่มจะมี ชา กาแฟ โกโก้ และก็อีกหลายอย่างเลยค่ะ ส่วนอาหาร ก็มีโจ๊ก ไข่กระทะ หรือถ้าใครจะอยากได้เป็นอาหารตามสั่งก็มีเหมือนกันนะ
ที่ต่อมานะคะ เราขี่มอเตอร์ไซค์มาเที่ยวกันที่ น้ำตกตาดกวางสี ที่นี่เป็นหนึ่งในน้ำตกหินปูนที่สวยที่สุดในหลวงพระบางเลยค่ะ เราขี่มอเตอร์ไซค์มา ใช้เวลาประมาณเกือบๆชั่วโมง ขี่มาเรื่อยๆเพลินๆค่ะ
ก่อนถึงตัวน้ำตก เราจะผ่าน ศูนย์อนุรักษ์หมี ด้วย จากการอ่านประวัติ หมีพวกนี้จะเป็นหมีที่ได้รับการช่วยเหลือจากการค้าสัตว์ป่าในประเทศลาวค่ะ และเงินส่วนหนึ่งจากค่าเข้าชมน้ำตกก็จะนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลพวกเค้าด้วยนะ
ด้านในศูนย์เค้าจะจัดส่วนแสดงหมีให้เหมือนป่าขนาดย่อมๆเลยค่ะ และก็จะมีป้ายให้ความรู้อยู่ตลอดทางเดินเลย ด้านในมีหมีอยู่หลายตัวเลยค่ะ
น้ำตกหินปูนสวยงามอลังการมากเลยค่ะ จะมีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาด้านล่าง ด้านล่างก็จะเป็นแอ่งน้ำสีฟ้า ที่นี่มีน้ำอยู่ตลอดปีเลยค่ะ สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูเลย บริเวณรอบๆธรรมชาติก็ดูอุดมสมบูรณ์มากๆค่ะ ร่มรื่นเย็นสบายเลย
เรามากันอีกหนึ่งน้ำตกค่ะ น้ำตกนี้ชื่อว่า น้ำตกตาดแก้วมุงคุน จะเป็นน้ำตกสายเดียวกับน้ำตกตาดกวางสีค่ะ ก็คือสีน้ำตกเค้าสวยเหมือนกันเลย แต่ที่พิเศษคือที่นี่เค้าจะมีคาเฟ่และร้านอาหารให้เรานั่งชิลริมน้ำตกด้วย ที่นี่ถ้าใครเอารถส่วนตัวมาก็สามารถขับเข้ามาได้เลย จะมีที่จอดรถค่ะ
เป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น บรรยากาศดีค่ะ นั่งกินไปด้วยฟังเสียงน้ำตกไปด้วย เหมือนเป็นร้านอาหารกลางป่า คือเหมาะกับการมานั่งพักผ่อนมากๆ เมนูอาหารเค้าก็มีหลากหลายอยู่นะ
ขากลับจากน้ำตกเรามาแวะกิน ไอศครีมนมควาย กันค่ะ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราจะลองมาชิมกัน ร้านชื่อว่า Laos Buffalo Dairy ค่ะ ที่นี่เป็นฟาร์มควายนมแห่งเดียวของหลวงพระบางค่ะ
รสชาติไอศครีมจะคาวๆนิดหน่อย แต่ก็อร่อยอยู่ค่ะ เค้ามีให้เราเลือกหลายรสชาติเลย และก็ที่นี่นอกจากจะมีไอศครีมอร่อยๆแล้วนะ เค้าก็ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำควาย รีดนมควาย การทำชีส หรือโยเกริตจากนมควาย ถ้าใครมีเวลานะ ส่วนเราคงต้องเป็นคราวหน้าแล้วค่ะ
เรามาต่อกันที่ OCK POP TOK Living Craft Centre ค่ะ ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมของงาน Crafts ที่ให้ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งทอและผ้าพื้นเมืองของหลวงพระบางค่ะ
ด้านในเค้าก็มีมุมเวิร์คช็อป ที่พัก คาเฟ่ และก็มีร้านขายของให้ช็อปกันด้วยค่ะ เรามานั่งอยู่ตรงส่วนของคาเฟ่ที่ติดริมน้ำค่ะ อากาศเย็นสบายและก็วิวสวยมากเลยค่ะ
ตกเย็นเรามาเดินเล่นกันที่ ตลาดมืด ค่ะ ช่วงเย็นตลาดเค้าจะปิดถนน กลายเป็นถนนคนเดิน ก็จะเริ่มขายกันตั้งแต่ประมาณ 5โมงเย็น ไปจนถึง4ทุ่มเลย สองข้างทางก็จะเต็มไปด้วย เสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก และที่สำคัญของกินเยอะมากค่ะ
เดินแป๊บเดี๋ยวเราก็ได้ของกินมาเพียบเลยค่ะ นอกจากขนม ก็ซื้อผ้าถุงมาไว้ไส่ ตักบาตรด้วยค่ะ
หลังจากช้อปกันเสร็จเราก็หาร้านนั่งเล่นกันต่อ เราอยากได้ร้านอาหารที่มีการเต้นบาสโลปด้วย เพราะว่าอยากเห็นของจริงบ้าง เคยเห็นแต่ในหนัง ก็เลยเสริจข้อมูลมาเจอร้านนี้ชื่อว่า ร้านกอไผ่ ค่ะ
พอมาถึงที่ร้านเราเลือกที่นั่ง อยู่แถวหน้าเวทีเลย จะได้เห็นชัดๆ55 ด้านในร้านเค้ากว้างอยู่ค่ะ และก็จะมีด้านนอกด้วยนั่งรับลมชิลๆดูบรรยากาศยามค่ำคืนได้
DAY3
วันนี้จะเป็นวันเดินเที่ยวของเราค่ะ เพราะว่าสถานที่เที่ยวในวันนี้ แต่ละที่จะอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัด ที่แรกที่เรามาคือร้าน Zurich Bread Factory & Cafe ค่ะ
เรามากันที่วัดแรกของวันนี้ค่ะ วัดแสนสุขาราม จากร้าน Zurich เดินข้ามถนนมาก็ถึงเลย เป็นวัดเก่าแก่ของที่นี่ค่ะ สร้างตามแบบศิลปะหลวงพระบางตอนกลาง
ภายในวัด ที่เราเห็นก็จะมีรอยพระพุทธบาท มีภาพพุทธประวัติต่างๆ และก็มีพระเจ้า 18ศอก พระยืนองค์ใหญ่องค์เดียวในหลวงพระบางด้วยค่ะ สวยงามมากๆ
เรามาพักจิบกาแฟกันต่อที่ร้าน Le Banneton Café French Bakery ค่ะ เป็นร้านสไตลฝรั่งเศส ด้านนอกจะเป็นแบบ open-air ค่ะ ก็คือนั่งชิลๆชมวิวหลวงพระบางกันได้เลย และเค้าบอกว่าร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องครัวซองค์ที่อร่อยที่สุดในหลวงพระบางเลยค่ะ
เข้ามาในร้านเค้าคือได้กลิ่นครัวซองค์หอมๆเลยนะ คือของกินส่วนใหญ่ในนี้จะเน้นไปทางฝรั่งค่ะ แซนวิช พิซซ่า และก็มีอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งเศสด้วยค่ะ และร้านเค้าเปิดตั้งแต่ 6โมงเช้าถึง3ทุ่มเลย
วัดต่อมาที่เรามากันนะคะ คือ วัดเชียงทอง เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของหลวงพระบางค่ะ คือถ้าใครมาหลวงพระบางก็ต้องไม่พลาดเลย วัดนี้มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนเหนือค่ะ
ด้านในที่นี่มีจุดเด่นคือสิม หรือ พระอุโบสถที่เป็นแบบหลวงพระบางแท้ เป็นอุโบสถเก่าแก่ของที่นี่ค่ะ และอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน ก็คือหอไหว้พระพุทธไสยาสน์หรือหอไหว้สีกุหลาบค่ะ ที่ผนังจะเป็นสีชมพูคล้ายสีกุหลาบเลย ประดับดาด้วยกระจก มีการเล่าเรื่องราวผ่านงานศิลปะทั้งภายนอกและภายในสวยงามมากๆค่ะ
เรามาทานข้าวเที่ยงกันที่ร้าน ป้าติ๋ม ร้านตำหมากหุ่งชื่อดังกันค่ะ ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามวัดสีควนเมือง มองจากหน้าร้านเนี่ยคือลูกค้าเยอะมาก ดูเหมือนจะมีทั้งคนไทย คนลาวและก็ฝรั่งเลย
คิวเยอะจริง แต่โชคดีที่รอไม่นานค่ะ ระหว่างรอคิวก็ดูลีลาป้าติ๋มตำส้มตำไปพลางๆค่ะ ส่วนเมนูก็จะมีให้เราเลือกหลายอย่างเลย เราสั่งเป็นเมนูแนะนำของที่นี่ค่ะ ก็จะมี ส้มตำหลวงพระบาง ไก่ย่าง ไส่อั่วค่ะ ส้มตำหน้าตาเค้าจะต่างจากส้มตำบ้านเราอยู่หน่อยก็คือ เค้าจะฝานมะละกอเป็นแผ่นๆบางๆ ส่วนรสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ
สำหรับคอกาแฟอย่างเราก็ต้องไม่พลาดร้านนี้ค่ะ Saffron Coffee เค้าบอกว่าทางร้านมีการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพมาให้ลูกค้าได้ลองชิมด้วย
ตัวร้านจะเป็นอาคารไม้เก่า 2ชั้น ได้ฟีลหลวงพระบางมากๆค่ะ มีที่นั่งทั้งด้านในร้าน และก็ด้านนอก เราเลือกได้โตีะนั่งด้านนอกติดริมน้ำโขงบรรยากาศชิลๆ เมนูกาแฟ เค้าก็จะมีเมล็ดกาแฟลาวให้เลือกหลายหลายเลย มีขนมด้วยค่ะ
เรามาถึงวัดที่สามของวันนี้แล้วค่ะ ชื่อว่า วัดวิชุนราช เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของหลวงพระบางค่ะ วัดนี้จะตั้งอยู่ใจกลางหลวงพระบางเลย
วัดนี้จะมีเอกลักษณ์ ที่ต่างจากวัดอื่น ก็คือจะมีพระธาตุทรงกลมคว่ำที่คนที่นี่เรียกว่า พระธาตุแตงโม จะมีรูปทรงแตกต่างจากวัดอื่นๆค่ะ และก็ด้านในยังมีพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบางด้วยค่ะ
จากวัดวิชุนราชเราเดินมากันที่บันได้ทางขึ้นวัด พระธาตุพูสี เราตั้งใจว่าจะไปสักการะพระธาตุและชมพระอาทิตย์ตกกัน แต่ว่าเราต้องผ่านบรรได 300กว่าขั้นนี่ขึ้นไปก่อนค่ะ เดินขึ้นเขาสูงประมาณ 150เมตร ที่นี่มีค่าเข้าชม 20000กีบค่ะ
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวพระธาตุพูสีค่ะ เป็นอีกหนึ่งมุมมหาชนนะที่พลาดไม่ได้ จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นวิวของเมืองหลวงพระบาง แม่น้ำโขง และแม่น้ำคาน ได้แบบพาโนรามาเลยค่ะ เดินขึ้นมาอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พอมาเห็นวิวด้านบนแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ
DAY4
วันนี้เป็นวัดสุดท้ายของทริปเราแล้ว เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อมารอทำกิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่กันค่ะ ก็คือ การตักบาตรข้าวเหนียว จุดตักบาตรก็จะอยู่หน้าวัดแสนสุขาราม ตรงข้ามกับที่พักเราเลย หน้าวัดก็จะมีชาวบ้านมาปูเสื่อ มีเก้าอี้ พร้อมสไบให้เรานั่งรอพระใส่บาตรได้เลย กระติ๊บละ 100 บาตรค่ะ
ตักบาตรเสร็จเราก็มาเดินเล่น ตลาดเช้า กันค่ะ ที่นี่มีของขายหลากหลายมากนะ ทั้งของสด ของแห้ง ผักผลไม้ ของพื้นบ้านที่ไม่เคยเห็นหลายอย่างเลย รวมไปถึงของกินที่น่าตาน่ากินทั้งนั้นเลย
ของกินในตลาดมีเยอะจริงๆค่ะเลือกไม่ถูกเลย
เรามาแวะกินข้าวกันที่ ร้าน ร้านข้าวปุ้นแม่อุ๊ ค่ะ
จากตลาดเราเดินย้อนกลับมานิดเดียว เรามากันที่ พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ค่ะ ที่นี่มีค่าเข้าชม 30,000กีบ ด้านในที่จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่าต่างๆของราชวงศ์ เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เราถ่ายภาพด้านในค่ะ
ด้านในตัวอาคารต่างๆคือมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากๆเลยนะ เป็นการผสมผสานกันกับแบบยุโรปค่ะ พระราชวังในปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญเลยค่ะ ด้านในก็จะมีห้องบรรทม ห้องทรงงาน และก็ห้องสำคัญอื่นๆอีกหลายห้องเลยค่ะ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ด้วย ก็คือดีมากๆเลยได้เดินชมความงามและก็ได้รู้ถึงประวัติต่างๆด้วยค่ะ
เรามาแวะจิบกาแฟกันต่อที่ Joma Bakery Cafe ค่ะ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงของหลวงพระบางค่ะ จะเป็นอาคารไม้สวยๆ มี2ชั้น บรรยากาศดีมากๆค่ะ
บรรยากาศด้านในเปิดโล่งกว้าง จัดที่นั่งไว้เป็นสัดส่วน ส่วนเมนูก็จะมี อาหารเช้า เบอร์เกอร์ เบเกอรี่ และก็ชากาแฟมีครบเลยค่ะ
ได้เวลากลับกันแล้วค่ะ ทริปนี้เราได้มาปั่นจักรยานชมเมือง ซึมซับวิถีชีวิต ประเพณี ศิลปะวัฒนธรรม ธรรมชาติสวยๆ รวมไปถึง ได้ชิมอาหารท้องถิ่นอร่อยๆหลายอย่างเลยค่ะ
ยังไงฝากเพื่อนๆ กดLike กดติดตามพวกเราด้วยนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ บ๊ายบาย^____^
we journey
วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 19.34 น.