ทองผาภูมิ ไปทำไม! มีอะไรอยู่ที่ทองผาภูมิ ? รีวิวแบคแพคไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 2 คืน 3 วัน

*ภาพและวิดิโอจากบทความนี้ ถ่ายจากกล้องซัมซุง galaxy J7 เมื่อปี 2563  อาจจะมีความคมชัดไม่เท่ากับเวลาปัจจุบัน โปรดดูภาพประกอบและอ่านบทความเพื่อความอรรถรสนะคะ ขอบคุณค่ะ *

        แกร๊ !!! เราอยากจะเหลาให้ฟัง กับการไปเที่ยวแบ๊คแพ๊คแบบกากๆ ฉบับติ่งแบบเรา แต่เพื่อนไม่ติ่งสายเกา เพื่อนติ่งพี่ปูพงษ์สิทธิ์มากกว่าค่ะ
      นี่เป็นการเที่ยวแบบแบ็คแพ๊คครั้งแรกของเรา ปักหมุดที่ที่จะไปเที่ยวครั้งนี้ เป็น " อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ " ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ในส่วนของการเดินทางนั้น ก็เหมือนจะทุลักทุเลอยู่นิดหน่อย แต่ในเมื่อได้อะไรที่แปลกใหม่ในชีวิต เราว่าเราโอเค เราแฮปปี้มากๆเลยนะ เอาล่ะ แกฟังเราบ่นมาเยอะพอสมควรแล้ว ไปกันเถอะ เราจะพาแกไปเที่ยวในแบบมุมมองของเรา

   " Start !! อยู่ดี ๆ ก็มีทริปด่วนชวนเข้าป่า ในช่วงของวันหยุดยาว ของวันที่ 12- 14 ตุลาคม 2563 เก็บกระเป๋าพร้อมแล้วจ้า เรากับเพื่อนออกเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เลือกเส้นทางโดยรถสาธารณะแถวบ้านเนี่ยละจ้า ไปกันเลยจ้า go go "

 


" ไปนั่ง รถเมล์สาย 27 เวลา 6:30 ในวันหยุดยาว รถไม่ติดชิดในไปเลยเพ่!! "

     เอาจริง ๆ ในช่วงของวันหยุดยาว คาดว่าหลายๆ คนคงออกไปเที่ยวไปพักผ่อนกันตั้งแต่ช่วงวันศุกร์เย็นแล้วล่ะ พอมาถึงเช้าวันเสาร์ คนเลยไม่ค่อยเยอะ ดีงามมากจ้าาา นั่งสบาย ๆ ชิว ๆ ไปค่ะ



" ไปต่อกันที่ MRT เลือกลงสถานีหมอชิต เดินยาว ๆ ไปขนส่งค่ะ "

     ต่อจากรถโดยสารประจำทาง คราวนี้เรามาต่อกันที่ รถไฟฟ้า MRT ปักหลักลงสถานีหมอชิต แล้วเดินเรื่อย ๆ ไปจนถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 แต่กว่าจะถึงสถานี เล่นเอาหอบกันเลยจ้า หอบกระเป๋าเดินทางกับหอบเหนื่อย แยกไม่ออกแล้วว เอามือตบบ่าเพื่อนแล้วถามมันไปว่า ทำไมเราไม่นั่งวิน

" ไปนั่งรถเมล์แบบลูกทุ่ง ๆ หลังจากที่นั่งรถตู้หวานเย็น โชเฟอร์พอใจเปิดเลนส์เองตลอดทาง เสียเวลาไป 2 ชม. กว่าจะถึงขนส่งเมืองกาญจนบุรี ต่อด้วยการชิว ๆ กับรถเมล์แดงสายหลักประจำอำเภอ กระเป๋าบอก แค่ 2 ช.ม.ถึง ตัวอำเภอทองผาภูมิ นั่งไปจอดทุกป้ายไป ปาไป 3 ช.ม.ครึ่ง ร้องไห้แล้วนะ "

     จ้าา จะบอกว่าต่อจากหมอชิตนั้นนนนนน เรากับเพื่อนเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย จากที่เพื่อนเคยบอกว่า เราจะนั่งรถ บ.ข.ส เราเปลี่ยนไปนั่งรถตู้แทนค่ะ และแล้ววว ความหรรษาปาจิงโก๊ะ จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่นั่งรถตู้ออกมา เริ่มต้นที่รถติดแถวนครปฐม ต่อด้วยคนขับใจร้อนอยากเปิดเลนส์เอง ในช่วงจังหวะที่รถติด ก็วิ่งชิดซ้ายไปยาว ๆ แบบโนสนโนแคร์ ตามด้วยจังหวะไหนอยากจะอ้อยอิ่งขับช้า ลุงแกก็ทำได้ ตามอารมณ์ล้วน ๆ แต่ใจเรากับเพื่อนนี่ ขอให้ถึงที่หมายก่อนเที่ยงก็พอแล้ว แต่ไม่ใช่เลยจ้า กว่าจะถึงขนส่งเมืองกาญฯ ก็เที่ยงตรงพอดี   จากนั้นก็แวะเติมพลังกันนิดหน่อย เรามาต่อกันที่รถโดยสารประจำทางคันสีแดง เป็นสายเดียวที่เราจะเดินทางเข้าตัวอำเภอทองผาภูมิได้ ก่อนขึ้นก็ถามคนขายตั๋วได้ความว่า ประมาณไม่เกิน 2 ช.ม. ถึงตัวอำเภอ คราวนี้ใจชื้นขึ้นมาเลยจ้า ว่า 4 โมงนี้เราถึงที่หมายแน่นอน นั่นละค่ะทั่นผู้ช้มมมมมมรถแดงของเรานั้นจอดทุกป้ายที่มีคนโบก ผ่านจุดท่องเที่ยวหลายที่ เช่น น้ำตกไทรโยกน้อย อันนี้นอกเรื่องหน่อย สายฝ. เยอะมากกก อุทยานไทรโยกใหญ่ เหล่านักท่องเที่ยวก็พากันลงไปบ้าง ส่วนเรากับเพื่อนยังต้องนั่งเพลียตูดยาวๆ ไป 3 ชม.ครึ่ง กว่าจะถึงที่หมาย ง่วงนะแต่นอนไม่ได้ !!


" ไปติดรถชาวบ้านต่อเข้าป่า ประมาณ 39 กิโลเองแกร๊ พี่เค้าบอกแป๊บเดียวถึง สุดท้ายด้วยความเกรงใจให้ค่าน้ำมันและค่าน้ำใจจากพี่เค้าไปขอขอบพระคุณค่ะ "

     มาถึงทองผาภูมิ เรากับเพื่อนก็ตรงดิ่งไปหาคนขับรถเหมาเพื่อนเดินทางเข้าอุทยาน คนขับสองแถวบอกว่า ถ้าจะเข้าอุทยานหรือไปบ้านอิต่อง เหมา 1,500 บาท/คัน  โอ้วววว แล้วตอนนี้ มัน 16:30 แล้วนะ ที่มองๆดูเหลือกันอยู่ไม่กี่หน่อ ถ้าจะเหมาขึ้นดอยก็คงไม่คุ้มทุนแน่ๆ เลยต้องไปขออาศัยรถร้านค้าที่ขึ้นไปบ้านอิต่อง พี่คนขับก็ใจดี แบ่งที่นั่งให้ชนีน้อยสองคนติดรถไปด้วยค่ะ ตลอดเส้นทางมีแต่ธรรมชาติรายล้อม และบ้านคนมีบ้างประปราย พอขับเข้าไปลึกๆเข้า บ้านคนนั้นเริ่มห่างหาย กลายเป็นป่าไปตลอดทาง เลยพอจะเข้าใจที่คนขับรถสองแถวแล้วทำไมพี่เค้าถึงคิดในราคานั้น ระหว่างทางพี่โชเฟอร์ใจดีจอดรถให้เราและเพื่อนร่วมทางที่ติดรถมาประมาณ 7 คนนั้น ได้แวะซื้อของตุนเสบียงไว้กินยามดึก มื้อนี้อิ่มและเกือบฟรีค่ะ เพราะสุดท้ายด้วยความเกรงใจก็ให้ค่าน้ำมันรถพี่เค้าไปอยู่ดี 



" ไปชมวิวหลังเขื่อนกัน ทำตัวเหมือนชิว แต่ใจอยากไปถึงอุทยานไว ๆ "

     อย่างที่เล่าไว้ข้างต้น พี่โชเฟอร์ใจดี พาแวะหลายที่ ทั้งร้านอาหารข้างทาง และที่รู้สึกแฮปปี้ น่าจะเป็นจุดชมวิว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน หลังจากที่ฝนหยุดตกมาได้สักพัก เมฆหมอกเริ่มลงเกาะตามสันเขา ตอนนั้นเวลาจวนจะ 6 โมงเย็น ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ใจเรานี่อยากจะถึงที่หมายไวๆ กลัวไม่มีเต๊นท์นอน จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันอีกครั้งค่ะ ใกล้แล้ว



" ไปถึงอุทยานแห่งชาติแล้วจ้า เกือบ 1 ทุ่มตรง มีเจ้าหน้าที่ยังให้บริการอยู่ จ่ายค่าเข้าอุทยานเรียบร้อย ได้เวลาไปหาที่นอนกัน "

     ชั้นเหนื่อย ชั้นเพลีย แต่ชั้นดีใจที่มาถึงแล้ว ชั้นอยากนอนพักผ่อน แต่ชั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตเล่น ที่อุทยานสัญญาญโทรศัพท์ มีน้อยมากจนแทบไม่มี  อันนี้น่าเศร้ากว่า  หลังจากนั้นก็ไปติดต่อ เจ้าหน้าที่เพื่อขอเข้าพักที่อุทยาน โดยมีพี่สาวตัวเล็กอีกคนที่ติดรถมาด้วยกันกับเรา ไปค่า เราไปหาจุดกางเต๊นท์กันค่า



“ ไปขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ อช. กลางเต็นท์ให้ คืนแรกนอนหลังตึก พอมีที่ว่างอยู่จ้า ”

     หลังจากที่ด้อมๆมองๆหาที่พักแล้ว ถามเจ้าหน้าที่แล้ว บนเนินกูดดอยที่เต็ม ขึ้นไปกางไม่ได้ ดังนั้นเราก็ต้องมองหาที่ไกล้ ๆไว้ก่อนค่ะ ก่อนมากขนาดไหน นอนหลังตึกอำนวยการไปเลยจ้า ส่วนพี่สาวที่มาด้วยกันก็กางเต็นท์อยู่ข้าง ๆ เช่นกัน




“ ไปส่องเต็นท์ชาวบ้านเค้า พี่มิตติ้งหมูกระทะกลางดึกแบบนี้ ผมหิวตามนะคับ หอม”      

     กางเต็นท์เสร็จแล้ว ก็มาจัดแจงกับของในกระเป๋า แบกมาหนักมาก เตรียมชาร์ตแบตโทรศัพท์จากแบตสำรองที่เตรียมมา นั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่พี่โชเฟอร์ใจดีจอดแวะให้ แต่กลิ่นหอมๆจากเต็นท์ที่ตั้งมุมเนินตรงนั้นอ่า มันช่างหอมยั่วใจซะเหลือเกิน อยากตะโกนถามเค้าไปว่า หมูกะทะอร่อยมั้ยยยยยยยยยยยย



“ ไปดูพระจันทร์สวยๆที่เนินกูดดอย ระหว่างที่เดินมีแต่แสงสลัวๆจากท้องฟ้าและไฟข้างทาง ความฮาจึงบังเกิด  ”      

     เดินสวยๆชิวๆ หิ้วถุงผ้ากับขันอาบน้ำ ขึ้นไปเนินกูดดอย ด้วยความที่ระยะทางประมาณ 400 เมตรโดยปะมาณ ข้างทางที่มีแต่ป่า และแสงจากหลอดไฟนีออนสลัว ๆ บรรยายกาศมันช่างได้จริง ๆ และแล้วว พรึบบ!! ไฟดับเจ้าค่ะ อิชั้นจ้ำอ้าว ออกตัววิ่งเลยทันที และทิ้งเพื่อนไว้ตรงนั้น จนมันร้องตะโกนให้กลับไปรับมันด้วย เดินกลับไปจนไฟข้างทางกลับมาติดอีกครั้ง

      เมื่อจัดแจงอาบน้ำกันเสร็จ อากาศข้างบนหลังจากที่ฝนตกแล้วก็จะเย็นและชื้น คาดว่าหมอกคงเริ่มลงบ้างแล้ว พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นพระจันทร์สวยๆ เต็มดวงลอยตระง่านตาอยู่ข้างบน วิวที่นี่มันช่างดีจริง ๆ แจ่มม




“ ไปคุยกับพี่ อช.ที่ใจดี ชวนขึ้นเขาช้างเผือก พี่เค้าบอกถ้าอยากเที่ยวยืมรถพี่ได้นะ กราบงามๆพี่คนใจดี ”      

     หลังจากที่เดินกลับลงไปที่พักอีกรอบเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัว ที่นี่ก็คือเวลาเดินเที่ยวเราและเพื่อนเดินกลับขึ้นไปที่เนินกูดดอยอีกรอบเพื่อ จุดประสงค์หลักคือมาหาทำเลการเต็นท์ในคืนพรุ่งนี้! และเมื่อมาถึงก็เดินดูรอบ แล้วจู่ ๆก็มีพี่ อช. ใจดีคนนึงพาเดินชม เนินกรูดดอยในเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ขอบคุณนะคะที่ให้ข้อมูลมากมายและเอ่ยให้ยืมรถเที่ยวในวันพรุ่งนี้ จัดไปค่ะ เตรียมตัวไปนอนน พรุ่งนี้เราจะแว๊น


" ไปดูทะเลหมอกในตอนเช้าที่เกือบสายแล้วว "

ตื่น 7 โมงเช้า เดินงัวเงียไปล้างหน้าแปรงฟันให้สดชื่นนนน พยายามทำตัวฟิตเข้าไว้ เพื่อที่จะเดินขึ้นเนินอีกครั้ง จะไปดูสายหมอกในยามเช้า วู้ววววว ส่วนพี่เต็นท์ข้างๆ หนูไม่รู้ว่าพี่อินดี้หรือยังไง พี่มาปลุกตอนตี 5 บอกกลับก่อนนะน้อง ๆ เป็นงงค่ะ พี่มาเที่ยวหรือมานอนป่าเล่นเฉยๆคะ แต่ดีใจที่ได้รู้จักกันนะคะ
หายเหนื่อยเลยเมื่อเดินมาถึงเนินกูดดอย ขึ้นมาสูดอากาศสดชื่น มองดูวิวไปรอบ ๆ ธรรมชาติรายล้อมรอบกาย มันช่างดีจริง ๆ แต่ที่ดีกว่านั้นคือตรงนี้มันสีสัญญาณโทรศัพท์จ้า หลังจากสูดสายลมสายหมอกให้เต็มปอดแบบเต็มที่แล้ว เรากับเพื่อนก็มองหาทำเลที่ดี ๆ สำหรับกางเต็นท์เช้านี้กัน


“ ไปเจอซุปตาร์คนดังประจำ อช. แต่ขอลายเซ็นไม่ได้ น้องไม่ได้หยิ่งแต่น้องหิวข้าว น้องชื่อแจ๋วแหวว ”

  ปักหมุดจองที่ไว้เรียบร้อย ก็พากันลงมาเก็บของ เก็บเต็นท์ ใช่ค่ะ เก็บเต็นท์ที่เรานอนกันเมื่อคืนนั่นละค่ะ เก็บมากองรวมๆกันไว้ แล้วเดินไปของยืมรถ ของพี่เจ้าหน้าที่แถวนั้น และแล้วเราก็ไปเจอกับซุปตาร์คนงาม น้องนางชื่อว่า แจ๋วแหวว ดาวเด่นประจำอุทยาน ถึงเวลาให้อาหารเช้าน้องพอดี คนสวยเลยมาปรากฏตัวให้เห็น น้องน่ารักกก เราทักน้องแต่น้องหันหน้าหนี 55555

“ ไปยืมรถพี่ๆ อช. แบกเต๊นท์ขึ้นดอย บรึ้นๆๆๆๆ แง๊นๆๆ ”

     เอาล่ะ ชมความงามของน้องแจ๋วแหววพอควรละ คราวนี้ก็ไปอ้อนขอยืมมอเตอร์ไซต์ เวฟ 100 ของพี่เจ้าหน้าที่ แบกของขึ้นดอยกัน แง๊นนนนนนนนนนนน ถนนก็ชันดีแท้ ใช้เกียร์ต่ำกันยาวๆๆ รอบแรกผ่านไป รอบ 2 ก็ตามมา ขนของทั้งกระเป๋า ที่นอน เต๊นท์ เอาไปกองไว้ที่ซุ้มพี่เจ้าหน้าที่ จากนั้นพากันเอารถไปคืน แล้วต้องเดินกับขึ้นไปอีกรอบ

" ไปกางเต๊นท์ก่อนนะ "

     ขึ้นมาแล้วจ้าาาา ได้มานอนที่นี่แล้วววว ปักหมุดจองที่ด้วยขันอาบน้ำ ใครจะแย่งให้มันรู้ไปสิมากางเต๊นท์กันเองครั้งแรก ดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่เลยย เสียบขาเต๊นท์ผิดชีวิตเปลี่ยน ลมแรงเต๊นท์พร้อมบินได้เลยจ้า แต่มีคุณลุงใจดีและน้องๆเต๊นท์ใหญ่ข้าง ๆ มาช่วยกางให้และยังใจดีให้ยืมตะขอบก ล๊อคเต๊นท์ไม่ให้บินไปไหนแล้วจ้าาา ก่อนขึ้นโครงขอเซลฟี่ วิวดี ทำเลดี แต่เซลฟี่ไม่ดี หน้าสด หน้าดำ ทำลายข้าวของ



" ไปอาบน้ำมาแล้ว พร้อมออกไปเที่ยวแล้วจ้า "

     ได้ฤกษ์ออกไปเที่ยวซะทีจ้าาาา เก็บของเรียบร้อย กางเต๊นท์เรียบร้อยย อาบน้ำเรียบร้อย หลังจากที่เต่าเปียกแฉะมาพอสมควร ก็ได้เวลาแล้วจ้า พร้อมแล้วว ไปหาข้าวกลางวันกิน แล้วก็ไปกันเล้ยยยยยย

" ไปถ่ายรูปสวยๆที่จุดชมวิวเขาช้างเผือก วิวสวยคนก็สวย หรือใครจะเถียง "

     ก่อนออกไปเที่ยว แวะถ่ายรูปกับวิวสวยๆ ที่ จุดชมวิวเขาช้างเผือก ซะหน่อย วิวสวยมากกกก ลมเย็นมากก ยังได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้องเป็นระยะ ๆ และเสียงจั๊กจั่นป่าร้องระงมไปทั่ว ได้ภาพวิวสวยๆกันแล้วก็ไปกันต่อกันเลยละกัน ครึ่งวันผ่าน
ไปแล้วจ้า


" ไปปล้นรถมอไซค์พี่ อช. มาจ้า จะไปเที่ยวจิงๆแล้วนะ ปิล๊อครอเราอยู่ "

     ก่อนลงจากลงจากเนินกูดดอย ก็ไปหา พี่อช. ใจดีคนเมื่อคืน เพื่อขอยืมรถเค้า พี่เค้าก็ให้กุญแจมา แง๊นนนนนนนนนนน ไปกันเลยจ้าาาา เติมน้ำมันรถเรียบร้อย เส้นทางก็ไม่ชิน แต่เรื่องแว๊นแล้ว เราไม่แพ้ใครเด้ออ แต่ในส่วนของเส้นทางนั้นน

 
     หลังจากที่ขี่รถมากับเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ตั้งไม่รู้กี่โค้งที่เจอมา แอบเสียวนิดๆ เพราะไหล่ทางมีแต่เหวและป่าไผ่ แต่เรื่องของบรรยากาศนั้น มันดีมากๆแก บางโค้งนั้นไม่เจอแสงแดดเลยด้วยซ้ำ เพราะมีป่าไผ่ปกคลุมจนทึบ มีมอสและขี้ตะไคร่ขึ้น บางโค้งเส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ขับผ่านทีนึกว่าอยู่บนดวงจันทร์ หยอกๆๆ เอาละ มาๆ มาเที่ยวกันต่อดีกว่า ไปปักมุดที่เที่ยวที่แรกกันเลยดีกว่า

" ไปเช็คอินที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่น กับนิยามคำว่า รูปแรกไม่เป็นไร รูปต่อไปเลยได้ท่านั้นมา อับอาย 555 "

      ขี่รถมอเตอร์ไซค์ของพี่ อช. มาได้สักพัก ก็ถึงเส้นทางเข้าชม น้ำตกจ๊อกกระดิ่น มีรถหลายคันมากที่ขับตาม ๆ กันเข้าไปสู้น้ำตก ว่าด้วยเส้นทางนั้น ยากลำบากไม่แพ้เส้นทางหลักเลยจ้า ทั้งทางสูงชัน แบบว่า ชันมาก ๆ ๆ ๆ และดิ่งลงเนินมาก ๆ ๆ ขับขี่ในเส้นทางที่ไม่ชำนาญยิ่งอยากลำบากไปอีก แตะเบรคยาวๆ เร่งเครื่องเปลี่ยนเกียร์ต่ำยาว ๆ สลับกันไปมา แบบนี้จนมาถึงที่หมาย


     พอไปถึงทางเข้าน้ำตก อยากจะร้องโอ้โหดัง ๆ คนเยอะมากค่ะ เยอะเป็นหนอนยั๊วเยี้ยเลยนิ แต่ด้วยความที่อยากเห็นน้ำตกมากกกกก จึงใช้ ตั๋วอนุญาตเข้าอุทยาน ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ป้อมดู แล้วก็พากันเดินเข้าไปในเขตพื้นที่ ตลอดข้างทางเดินมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มไปหมดเลย ทั้งไม้ป่าและพืชไม้ที่ทางเจ้าหน้าที่ปลุกขึ้นเอง เดินไปอีกนิด เราก็เจอเข้ากับป้ายขนาดใหญ่ มาถึงที่ต้องเซลฟี่กับป้าย ท่าแรกไม่เป็นไร ท่าต่อไปถอยหลังไม่ดูทางเลยได้ท่าเท่ ๆ มาอีกหนึ่งท่าโดยบังเอิน และผู้คนรายล้อมรุมมอง อับอายเป็นที่สุด 555

" ไปเที่ยวน้ำตกที่มีผู้คนมากมาย มีแต่คน และ คน และ คน เต็มไปหมด "

     มาถึงน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ทั้งที ต้องเอาขาไปจุ่มน้ำ แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละค่า โอ้ บร๊ะเจ้ามีแต่คนเต็มไปหมดเลยยย เปลี่ยนใจไม่จุ่มขาแล้วก็ได้ ไม่มีพื้นที่ให้ชั้นเลยยย ข้อดีของการมาเที่ยวในวันหยุดยาว คือสนุกและครึกครึ้นดี คนเยอะมากมาย อาจจะได้เพื่อนใหม่ ๆ จากที่ตรงนี้ แต่ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้เลี่ยงมาเที่ยวช่วงเทศกาลนะคะ มาวันธรรมดาแทน คนน้อยกว่าและเข้าถึงธรรมชาติได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ชอบและความสะดวกค่ะ อิอิ

" ไปแอ๊บท่าสวย ๆ เท่ ๆ ที่น้ำตกสักหน่อย คนเยอะแล้วไงพี่จะแอ๊บบ อย่าห้ามมมม "

     ก่อนจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ ขอเก๊กท่าสวย ๆ เท่ ๆ ไว้เป็นที่ระลึกหรือที่ระทึกก่อนได้มั้ยคะ 55555555 มุมดี ๆ มีไม่เยอะ เพราะคนเยอะ ต้องแบ่ง ๆ กันถ่าย ให้ว่องให้ไว แอคท่าแล้วกดชัตเตอร์รัว ๆ ค่ะ อย่าได้ถามถึงแดดเลย เวลาบ่าย ๆ นั้น มันร้อนมาก ๆ ๆ เต่าเปียกกันไปข้างนึง รีบถ่ายแล้วก็รีบไป ชิ่ว ๆ


" ไปอิต่อง "
" ไปส่องปลา "
" ไปสิงป้ายไม้ "
" ไปยิ้มกว้าง ๆ "
ไปหาความสุขให้ตัวเอง Love your self ลองไปฟังเพลงของเค้าสิคะ วงบีทีเอส ( BTS )

มีเพลงเพราะ ๆ ความหมายดี ๆ ฮิลใจเราได้นะคะ ลองดูสิ

      ออกจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่น เรากับเพื่อนก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์ ยิงยาวหมู่บ้านอิต่องทันที ระยะนั้นจำไม่ได้ แต่ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศและธรรมชาติตลอดเส้นทาง ทุกโค้งที่ขับผ่าน อุทานได้แต่คำว่า "โอ้โห , สวยยยย , ชอบบบ , ดีงามมม , คือดี , อยากมาอีก , ทับจายย " แบบนี้ไปตลอดเส้นทาง เจอเพื่อนร่วมทางบ้างบ้างประปราย ไปเรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้านอิต่องเป้าหมายที่สอง หลังจากหาที่จอดรถเสร็จ สัญญาณอินเตอร์เน็ตของเราก็กลับมาา ชั้นรอดตายแล้ว ขอเช็คอินที่เที่ยวแพ๊บบบบ หามุมเซลฟี่ เก็บภาพสวย ๆ ให้ตัวเอง เก็บรอยยิ้มของตัวเองไว้เป็นความทรงจำ แล้วก็ไปหาร้านกินข้าว อยากนั่งจิบชาชิว ๆ แต่ทำไม่ได้ คนเยอะและเวลาเที่ยวเริ่มเหลือน้อยลงทุกที เรากับเพื่อนพากันแยกย้ายออกไปหาเสบียงของกินเตรียมไว้คืนนี้ เข้าร้านชำซื้อเครื่องดื่มชูกำลังไปฝากพี่ อช. เจ้าของรถด้วย เค้ามีน้ำใจให้มา เราก็ต้องมีน้ำใจให้กลับ มิตรภาพดี ๆ สร้างได้ง่าย ๆ แค่นี้เองค่ะ 

" ไปคืนรถมอไซค์แล้วไปเฝ้าโรงอาหารสั่งข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว ที่อร่อยที่สุดในอช."

     หลังจากที่รีบขี่เวฟ 100 คันสีแดงของพี่อช. กลับมายังอุทยานให้ทันเวลาก่อน 4 โมงเย็น เพราะพี่เค้าจะออกเวรแล้ว ถ้าไม่มีรถกลับบ้านจะซวยเอาา เช็คน้ำมันรถที่เติมก่อนออกไป กับปริมาณที่ลดลง  ไม่น่ามากเท่าไหร่ บวกกับเครื่องดื่มชูกำลังเย็น ๆ อีกหลายขวด เป็นค่าน้ำใจตอบแทน อิอิ
     พากันอาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินลงเนินไปที่ โรงครัว จะเรียกว่าร้านค้าสวัสดิการขนาดเล็ก ๆ ก็ได้ ตรงนั้นจะมีเมนูอาหารตามสั่งขาย แต่แม่ครัวเปิดเป็นเวลา เรากับเพื่อนไปนั่งรอคิวแรกก่อนร้านเปิด 6 โมงเย็น เพื่อสั่งข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว เมนูที่แม่นางอวยหนักหนาว่าอร่อยที่สุด แล้วก็อร่อยจริง ๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรืออะไร กินหมดจนลืมได้มารีวิว 55555

และแล้ว Part สุดท้ายก็มาถึงซะที ก็ยังคงมีคำถาม ทองผาภูมิ ไปทำไม!!! ไปแล้วชั้นหลงรักได้ขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสดีๆ สัญญาว่าจะมาเที่ยวอีก


" ไปซื้อตะเกียงมอญ มาแขวนสวย ๆ
ในคอนเซ็ป เพื่อนของฉัน กับตะเกียงของนาง "

     พอฟ้าเริ่มมืดลง พระจันทร์กำลังลอยเด่นเต็มดวงสวยสว่างตา ก็ได้เวลาจุดตะเกียงมอญที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดในหมู่บ้านอิต่อง เอามาแขวนสวย ๆ ไว้หน้าเต๊นท์ แสงสวยแข่งกับพระจันทร์ไปอีกจ้า คืนนี้เราได้พรีเซ็นเตอร์เป็นเจ้าของตะเกียงนั่นแหละค่า ท่านผู้ชมมมมมมมมม

" ไปรูดซิบเต๊นท์ลงดูพระอาทิตย์ขึ้น "

      เช้าแล้วจ้า ตื่นเช้ามาพร้อมกับความชื่นแฉะและเต๊นท์เปียก เพราะเจ้าเมฆฝนก้อนใหญ่เมื่อคืน พาฝนเม็ดใหญ่เทกระหน่ำลงมาตั้งแต่ ตี 4-5 เช้า ถึงแม้ว่าน้ำฝนจะซึมเต๊นท์ แต่เราก็ยังนอนต่อกันได้ จน 6 โมงเช้า ก็ได้เวลารูดซิบเต๊นท์ลงแล้วจ้าวินาทีแรกที่กวาดสายตามองออกไปนั้น ลืมความง่วงงันไปเลย เพราะหมอกที่ลงหนา หนามากกว่าเช้าเมื่อวาน บวกกับแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาแข่งกับสายหมอก บอกได้เลยว่าบรรยายกาศยามเช้าดีมาก ๆ มากจนอยากให้อยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ 


" ไปถ่ายรูปหมอกสวย ๆ ไว้อวดคนที่บ้าน "

     ด้วยความที่หมอกสวยมาก มากเกินจนต้องหยิบกล้องมือถือมาถ่ายรัวๆ อัพรูปอวดคนที่บ้าน แต่ด้วยที่ฝนเพิ่งตกไปตอน ตี 5 ความชื้นในอากาศมีมาก หมอกหนาจนแทนมองไม่เห็นทางเดิน กับสายลมอ่อนๆที่โชยมามาเป็นระยะ พอยืนนานๆเข้า เอ้าาาา หัวเปียกกก หมอกเกาะจนผมชื้นน โว้ยย ฉ่ำแฉะไปหมดแล้วจ้าาาา



" ไปเก็บกระเป๋า กลับบ้านแล้วนะ "

     เวลาแห่งความสุขช่างสั้นมากกก ได้เวลาเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันแล้ว เหมือนผ่านไปแค่แป๊บเดียวเอง จากที่สูดอากาศเต็มปอดแล้ว ก็พากันไปอาบน้ำแต่งตัว เก็บเต๊นท์ ไปคืนอุทยานกันแล้วจ้าา ขามาแบกเต๊นท์กันมายังไง ขากลับก็บกันไปอย่างนั้นจ้าา และเช่นเดิม ยืมรถพี่ ๆ อช. แว๊นไปกลับเหมือนเดิม รวมๆแล้ว 2 รอบได้ พอเก็บทุกอย่างเสร็จ ก็เป็นอันลงจากเนินกูดดอย เพื่อไปโบกรถลงจากอุทยาน เพื่อออกจากตัวอำเภอทองผาภูมิอีกที แต่ก่อนอื่นนั้น เราต้องแวะทานข้าวเช้า กับร้านประจำซะก่อน เมื่อท้องอิ่มเราก็จะได้มีแรงไปต่อ ป่ะ! ได้เวลาเข้ากรุงกันแล้ว ป่ะ! ไปเก็บตังค์เปย์บังทัน (BTS) ของเรา และเก็บตัวค์มาเที่ยวต่อกัน เย่!!!


" ไปกับรถชาวบ้านอีกแล้ว ขอบคุณพี่ๆใจดีทุกคนให้ติดรถเข้าเมืองนะคะ"

      แวะทานข้าวเช้าที่ศูนย์อาหารเสร็จแล้ว เรากับเพื่อนก็พากันเดินต่อไปจนถึงหน้าอุทยานเพื่อรอโบกรถโดยสารที่มาจากหมู่บ้านอิต่อง - ทองผาภูมิ รอแล้วรอเล่ารถก็ไม่มีผ่านมาสักคัน จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงประมาณ 9 โมงเช้า ถ้าตามจริงแล้วถือว่าสายมากๆ แทบจะไม่มีรถโดยสารผ่านแล้ว เรากับเพื่อนจึงเดินย้อนกลับไปหาพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อถามหารถที่จะลงไป แต่กลับไม่มีรถไหนที่ผ่านไปเลย เมื่อไม่มีรถลงไป ความกังวลทั้งหลายก็เกิดขึ้น แล้วสายตามองเป็นเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่มากันเป็นครอบครัวใหญ่ 3 คันรถ เราละเพื่อนจึงเข้าไปคุยด้วยและขอพวกพี่ ๆ เค้าติดรถลงจากอุทยาน ซึ่งพวกพี่ๆ ก็ใจดีมาก ให้นั่งรถมาด้วย และขับมาส่งถึงยังท่ารถตู้เมืองกาญฯ ทั้งๆที่เราขอพี่้เค้ามาส่งแค่ตัวอำเภอเท่านั้นเอง
     ลงจากเขาก็เข้าตัวเมืองมารอรถตู้เข้ากรุงเทพที่ คิวรถตู้ท่าม่วง รอตั้งแต่บ่าย 2 นิดๆ กว่ารถคันที่จองคิวไว้จะมา ก็ประมาณ 4 โมงเย็น แล้วก็นั่งรถยาวๆเข้ากรุงเทพ อันยาวนาน เพราะเป็นวันหยุดสุดท้ายแล้ว รถเข้าเมืองติดมากกกก กลับถึงบ้าน5 ทุ่มกว่า อาบน้ำ พักผ่อน เพราะเช้าอีกวันคือการทำงานที่แท้จริง พูดแล้วมันเศร้า ไว้เราจะกลับมาใหม่นะทองผาภูมิ ขอเวลาไปสะสมวันหยุด สะสมเงินก่อนเด้อออ บายย
     ถึงพี่ ๆ ชาวแก๊งครอบครัวใหญ่จากนครปฐมนะคะ ถ้าได้มาอ่านบทความนี้ เราและเพื่อนขอบคุณมาก ๆ อีกครั้ง สำหรับน้ำใจที่มอบให้ ไม่ใช่แค่พี่คนขับรถใจดีกับแฟนสาวเท่านั้น แต่ขอบคุณไปถึงสมาชิกครอบครัวของพี่จากรถอีก 2 คัน ที่พากันมาส่งผู้โดยสารตาดำ ๆ 2 คนนี้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

สุดท้ายนี้
อยากบอกทุกคนว่า.......
ทองผาภูมิ ไปทำไม!!! เราได้คำตอบแล้วนะ ไปหาความสุขให้ตัวเองกันเถอะค่ะ
ความสุขหาได้ไม่ยาก อยู่ที่ใจเราเปิดรับมันแค่ไหน ลองไปหาอะไรใหม่ๆทำดู ให้เป็นสีสันของชีวิต และอย่าลืม #LoveYourselfSpeakYourself รักตัวเองให้มากๆนะคะ



ฟฟ.สตอรี่

 วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 17.58 น.

ความคิดเห็น