แม้ว่าจะเป็นคนใต้แท้ๆ แต่ผมเองไม่ได้ไปเที่ยวสงขลานานมากแล้ว จำได้ว่าสมัยเด็กๆ ที่บ้านชอบพาไปเที่ยวหาดใหญ่เพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกกับขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่ราคาถูกกว่าภูเก็ตบ้านผมมากมาย … เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลเพื่อไปซื้อของเหล่านั้นอีกแล้ว ผมก็เลยไม่เคยได้ไปเที่ยวสงขลาอีกเลย
ส่วนพัทลุงนี่ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแค่ขับรถผ่านเท่านั้น ยังไม่เคยแวะเป็นเรื่องเป็นราวเลย อันที่จริงผมก็แอบมองๆ พัทลุงกับสงขลาไว้เหมือนกัน เพราะเห็นภาพ “ปากประ" กับ “มัสยิดกลางสงขลา" อยู่เนืองๆ เห็นทีไรวิญญาณช่างภาพเข้าสิง อยากจะไปเก็บภาพนั้นด้วยตัวเองทุกที เพราะเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยเหลือเกินสำหรับคนชอบถ่ายภาพแนว landscape … ทันทีที่เพื่อน ซึ่งชอบถ่ายภาพเหมือนกันชวนไปทริปท่องเที่ยว+ถ่ายภาพ “สงขลา-พัทลุง" โดยมี ททท. สำนักงานหาดใหญ่เป็นเจ้าภาพร่วมกับทางนกแอร์ ผมจึงตกปากรับคำทันที แม้วันหยุดวันลาแทบจะไม่เหลือแล้ว 555 … นี่แหละครับที่มาของรีวิวนี้
ก่อนไปเที่ยวกันฝากช่องทางติดตามผลงานของ “นายมด" ด้วยนะครับ
- fb : @9MotPhotography
- ig : @9mot
- youtube : @9MotPhotography
- blog : www.9mot.com
ทริปนี้ออกเดินทางกันตั้งแต่หกโมงเช้าจากดอนเมืองครับ ผมหนักกว่าคนอื่นหน่อย มารอที่นี่ตั้งแต่เที่ยงคืนเพราะต้องเริ่มเดินทางจากภูเก็ต ด้วยความที่มีเวลาต่อเครื่องเพียง 5-6 ชม. ก็เลยถือโอกาสลองนอนที่ Sleep box ในสนามบินดอนเมืองซะเลย … ราา 3 ชม.แรก 1000 บาท ผมซื้อเพิ่มอีก 1 ชม. 200 บาท โดยราคานี้มีคูปองอาหารเช้าให้ 200 บาทครับ … จะว่าไปห้องที่นี่โอเคเลยนะครับ ไม่ได้คับแคบจนอึดอัด จะว่าไปขนาดพอๆ กับโรงแรม 2-3 ดาวในญี่ปุ่นเลย เสียอย่างเดียวที่ในห้องได้ยินเสียงประกาศของสนามบินเป็นระยะ จึงไม่แนะนำสำหรับคนที่นอนหลับยากครับ
การเดินทางไปจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ (สงขลา) นั้นง่ายมากครับ Nok Air มีเที่ยวบินเยอะตลอดวัน ขาไปบินไฟลท์เช้าตรู่ ขากลับไฟลท์ค่ำนี่ได้เที่ยวคุ้มเลยนะ … อย่างรอบนี้ผมก็ไปถึงตั้งแต่เช้าครับ …
เอาบรรยากาศยามเช้าจากที่นั่งริมหน้าต่างน้องนกมาฝากครับ (ถ่ายภาพนี้เสร็จก็หลับเลย ขนงขนมไม่ได้ทาน 555)
พอถึงหาดใหญ่ก็ไม่รอช้าครับ เริ่มภารกิจ 8 ร้านอร่อย 9 พิกัดเที่ยวกันเลย อิอิ
โชคดีแต่เตี้ยม (ร้านอร่อย 1/8)
แต่เตี้ยมหรือติ่มซำเป็นอาหารเช้าขึ้นชื่อของหาดใหญ่ มาเยือนที่นี่ทั้งทีเลยต้องมาเช็คอินน์ร้านติ่มซำชื่อดังสงขลาเป็นอันดับแรก ร้านนี้คือโชคดีแต่เตี้ยมนั่นเอง เป็นติ่มซำสไตล์นึ่งสดตามแบบฉบับของหาดใหญ่ นอกจากนี้ก็มีเมนูเสริมอื่นๆ อาทิ บะกูดเต๋เป็นต้น
ติ่มซำของโชคดีลูกโต ได้เนื้อเต็มคำ รสชาติอร่อยโดยเฉพาะเมนูที่เป็นกุ้งนี่ของโปรดผมเลย เสียดายที่พวกเรามัว(บ้า)ถ่ายรูปกันไม่หยุด กว่าจะได้กินอาหารเลยติดเย็นไปหน่อย แป้งบางส่วนเริ่มแห้งแล้ว หากทานตอนร้อนๆ คงอร่อยกว่านี้อีก 28% อิอิ
อีกเมนูที่พลาดไม่ได้คือบะกูดเต๋หม้อไฟ กระดูกหมูและเนื้อหมูเปื่อยกำลังดี น้ำซุปเข้มข้น แต่อาจจะติดเค็มไปหน่อยสำหรับคนทานรสบางๆ แบบผม แนะนำให้ปรุงด้วยน้ำส้มสายชูกับพริกไทยเพื่อให้ได้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น
พิกัด 7.0018516,100.4752673ย่านเมืองเก่าสงขลา (พิกัดเที่ยว 1/9)
มาเที่ยวสงขลาหากพลาด “ย่านเมืองเก่าสงขลา" ก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะนี่คือตัวแทนความรุ่งเรืองของสงขลาในยุคอดีตที่ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน … ย่านเมืองเก่าสงขลาประกอบด้วยถนนหลักสามเส้นได้แก่ ถนนนครนอก ถนนนครในและถนนนางงาม ซึ่งเรียงตัวขนานกันโดยมีซอยเล็กๆ ตัดทะลุถึงกันทำให้สามารถเดินชมอาคารบ้านเรือนแบบชิโนโปรตุกีสที่วางเรียงตัวกันอยู่ตลอดแนวได้อย่างสะดวก หลายหลังแม้จะทำสีใหม่แล้ว แต่โครงสร้างและลวดลายนั้นยังคงเป็นแบบดั้งเดิมอยู่
สิ่งที่ทำให้ย่านเมืองเก่าสงขลา มีชีวิตชีวามากขึ้นคืองาน street art บนผนังอาคาร ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตผ่านงานศิลปะ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สนุกมากขึ้นกับการตามเก็บภาพเหล่านี้ให้มากที่สุด
เมื่อมาเยือนเมืองเก่าสงขลา อีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้คือหาของอร่อยๆ ทาน โดยเฉพาะที่ถนนนางงาม จะเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปายักษ์ ไอศครีม ขนมพื้นบ้านต่างๆ รวมถึงอาหารคาวอีกหลายชนิด … อ้อ อย่าลืมแวะไปชิมเข้าไปชมก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้วด้วยนะครับ amazing จริงๆ
พิกัด 7.192926,100.5896009 (บริเวณประตูเมือง จุดเริ่มต้นของย่านเมืองเก่า)ครัวม่านทะเล (ร้านอร่อย 2/8)
ครัวม่านทะเลเป็นร้านอาหารของทางสวนสัตว์สงขลาครับ เนื่องจากเรามีโปรแกรมชมสวนสัตว์กันช่วงบ่าย ที่นี่จึงถูกเลือกให้เป็นร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง เมนูเป็นอาหารพื้นบ้านเช่น แกงส้ม, ผัดเผ็ดปลาดุกทะเล, น้ำพริกแมงดา, ปลาทรายทอดขมิ้น, ผักเหลียงผัดไข่ ส่วนใหญ่รสชาติดีทีเดียว มีบางเมนูอย่างต้มไก่แมงดาที่ผมเองก็เพิ่งเคยทาน อร่อยดีเหมือนกัน … จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือวิวสวยครับ มองเห็นทะเลสาบสงขลา, เกาะยอและสะพานติณชัดเจนเลย
สวนสัตว์สงขลา (พิกัดเที่ยว 2/9)
สำหรับใครที่มีเจ้าตัวน้อยร่วมเดินทางมาเที่ยวสงขลาด้วย ไม่ควรพลาดที่นี่เลย “สวนสัตว์สงขลา" ซึ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา มีสัตว์ป่าที่หาดูยากมากมาย อาทิ เสือขาว, สิงโตขาว, นกเงือก เป็นต้น
แต่สิ่งที่จะทำให้เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการแสดงวิถีสัตว์ป่าน่ารักๆ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง มีสัตว์ออกมาโชว์ความสามารถต่างๆ เรียกเสียงฮือและเสียงหัวเราะได้ตลอดการแสดง
ส่วนไฮท์ไลต์ของที่นี่เห็นจะเป็นพาเหรดนกแพนกวิ้นครับ ผมเองยังชอบเลย แม้อายุจะเลยวัยเด็กมาหน่อยนึง อิอิ … เจ้านกแพนกวิ้นเวลามันเดินนี่น่ารักน่าชังเป็นที่สุด แถมทางสวนสัตว์ยังเปิดโอกาสให้ชมและให้อาหารกันอย่างใกล้ชิดเลย หากใครจะถ่ายภาพเซลฟี่กับน้องแพนกวิ้นต้องระวันโดนงับกล้องเหมือนผมนะ 555
การแสดงต่างๆ นั้นจะมีให้ชมวันละ 2-3 รอบแล้วแต่วัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่เวปไซต์ของทางสวนสัตว์ www.songkhlazoo.com ครับ
พิกัด 7.1426986,100.6022922
CONTAINER Coffee House (ร้านอร่อย 3/8)
ระหว่างรอเวลาไปถ่ายภาพแสงเย็นของวันแรก เรามานั่งตากแอร์เย็นๆ ชิมเค้กกับกาแฟกันที่ Container Coffee House … ร้านนี้ออกแบบได้น่ารักดี หน้าร้านตกแต่งด้วย containerสีสันสดใส ภายในสูงโปร่ง ผนังปูนเปลือยสลับอิฐมอญออกแนว industrial หน่อยๆ เก๋ดี
สำหรับกาแฟและเค้กก็รสชาติดีครับ สั่งกันมาลองหลายอย่าง เกลี้ยงทุกจาน
พิกัด 6.9964123,100.491245มัสยิดกลางสงขลา ทัชมาฮาลแห่งสยามประเทศ (พิกัดเที่ยว 3/9)
มัสยิดกลางสงขลาหรือชื่อเต็มมัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม เป็นศาสนสถานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างภาพ ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่า มีสระน้ำด้านหน้าทอดตัวยาวกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูละม้ายคล้ายคลึงกับทัชมาฮาลที่อินเดีย โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่จะงดงามตระการตามากเป็นพิเศษ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าที่นี่จะเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาช่างภาพทั้งหลาย …
ผมกับเพื่อนๆ มาถึงที่นี่ค่อนข้างเร็วเลยถือโอกาสเข้าไปชมภายในของมัสยิดด้วย ยอมรับเลยว่าสวยงามอลังการจริงๆ
เมื่อฟ้าช่วงเย็นเริ่มมีสีสัน ผมจึงมาปักหลักอยู่ที่ปลายสระน้ำร่วมกับเพื่อนช่างภาพอีกหลายชีวิต พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงใกล้ขอบฟ้า ฟ้าที่เคยหม่นเมื่อช่วงบ่าย ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและส้ม ลมที่พัดก่อนหน้านี้ก็สงบลงทำให้น้ำนิ่งจนสามารถเห็นเงาสะท้อนของมัสยิดได้อย่างชัดเจน สวยงามจนช่างภาพแต่ละคนกดชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยทีเดียว …
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้สักครู่ไฟในมัสยิดก็ถูกเปิดขึ้นทำให้เราได้แสงสีที่สวยงามไปอีกแบบ นับเป็นโชคดีของผมและเพื่อนๆ มากที่ฟ้าเป็นใจขนาดนี้
พิกัด 7.0766987,100.4924575
ร้านเก้าอี้ขาว (ร้านอร่อย 4/8)
มื้อค่ำหลังการเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เรามานั่งฟังเพลงเบาๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างสนุกสนานที่ร้านเก้าอี้ขาว … อันที่จริงร้านนี้เหมาะกับการมาทานข้าวแกล้มเบียร์มากกว่า อิอิ เพราะบรรยากาศมันให้มาก แต่ด้วยความหิวโหย เราเลยสั่งอาหารหนักล้วนๆ ผมชอบหลายเมนูเลย ไม่ว่าจะเป็นโป๊ะแตก, ปลาสำลีเผา, หมูสามชั้นทอดพริกเกลือ โดยเฉพาะเมนูแนะนำปลากระพงม้วน แต่ละชิ้นเต็มปากเต็มคำและรสชาติกลมกล่อมมาก
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมไม่มีภาพเลย … คือมันมืดมากครับ ผมนี่เคี้ยวพริกในโป๊ะแตกไป 3 รอบเลยเชียวล่ะ ก็เลยวางกล้องไว้เฉยๆ 555
พิกัด 7.20748,100.5932259
หาดสมิหลา (พิกัดเที่ยว 4/9)
คืนแรกของทริปสงขลา-พัทลุง ผมพักที่โรงแรมบีพีสมิหลาบีชซึ่งตั้งอยู่ตรงรูปปั้นนางเงือกตรงแหลมสมิหลาเลย โดยเรามีนัดถ่ายภาพแสงเช้าตรงรูปปั้นนางเงือกตอนตี 5 ครึ่ง … ห้องพักคืนนี้ถือว่ากว้างขวางพอดู มีระเบียงชมวิวทะเลด้วย แม้ภาพรวมโรงแรมจะค่อนข้างเก่าแล้ว แต่ก็สะอาดและสะดวกสบายดีครับ … ด้วยความที่คืนก่อนหน้าผมได้นอนราว 3 ชมเศษก็เลยเบลอจัดไปเปิดโหมด do not disturb ในมือถือไว้ ทำให้ไม่มีเสียงปลุก รู้สึกตัวอีกทีก็หกโมงกว่าแล้ว รีบกระวีกระวาดคว้ากล้องลงไป แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น คงได้ภาพแสงเช้าและกลับไปนอนต่อกันหมดแล้ว
แต่พอเจอบรรยากาศตรงหน้าแล้วก็ไม่เสียใจเลย ไออุ่นของแดดยามเช้าทำให้หาดสมิหลาสวยสดชื่นมากๆ … ก่อนมาผมไม่ได้ตั้งความหวังเรื่องถ่ายภาพที่นี่นัก เพราะดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจนัก นอกจากรูปปั้นนางเงือกกับเกาะหนูที่ผมเคยมาเยือนแล้วสมัยเด็กๆ … แต่การได้กลับมาครั้งนี้ลบภาพเดิมในสมองของผมไปหมดสิ้น ผมรู้สึกว่ายามเช้าที่นี่เหมาะกับการออกมาสูดอากาศ ออกกำลังมากๆ ทรายก็ขาวแม้จะไม่ละเอียดเท่าฝั่งอันดามัน แต่พื้นที่บริเวณนี้สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยจริงๆ ต้องยอมรับว่าหน่วยงานที่ดูแลทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม …
ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคนไทยไม่ค่อยมีวินัยนักเรื่องการทิ้งขยะ ชายหาดบ้านเราจึงเต็มไปด้วยสิ่งรกหูรกตาเต็มพื้น โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะ … แต่สำหรับหาดสมิหลาแล้วผมรู้สึกเลยว่าสะอาดตามากๆ
มีภาพสระว่ายน้ำโรงแรมกับวิวจากห้องพักของผมมาฝากด้วยครับ
พิกัด 7.2156227,100.5910172เกาะยอ : สำนักสงฆ์เขากุฏิ-วัดพระนอนแหลมพ้อ-วัดท้ายยอ (พิกัดเที่ยว 5/9)
เช้าวันนี้เป็นโปรแกรมสายบุญครับ 555 … เราจะไปเที่ยวเกาะยอของสงขลากัน ซึ่งจุดท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดเป็นวัด ลองไปดูกันครับว่ามีที่ไหนบ้าง
จุดแรกเลยเราขึ้นไปชมวิวกันก่อนที่สำนักสงฆ์เขากุฏิ ที่นี่ตั้งอยู่บนที่สูงจะเห็นทะเลสาบสงขลา โดยมีสะพานติณฯ เป็นพระเอก ผมว่าถ้ามาช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกน่าจะสวยไปอีกแบบ แต่พวกเรามาตอนกลางวันจึงได้แค่ชมวิวและไหว้พระเพื่อเป็นศิริมงคล พิกัด7.170918,100.5411529
ลงจากจุดชมวิวที่สำนักสงฆ์เขากุฏิแล้ว เราแวะนมัสการพระนอนวัดแหลมพ้อเชิงสะพานติณฯ กัน ที่นี่มีพระนอนสีทองรูปใหญ่ประดิษฐานอยู่ มีนักท่องเที่ยวไทยและจีนมาแวะชมเยอะทีเดียว … แดดจัดๆ แบบนี้ได้ไอศครีมในลูกมะพร้าวด้วย ช่วยคลายร้อนได้เยอะเลย เอ๊ะเกี่ยวกันไม๊เนี่ย พิกัด7.1585099,100.5565618
วัดสุดท้ายที่เราแวะชมคือวัดท้ายยอครับ เป็นวัดที่มีโบสถ์เก่าแก่และเป็นศูนย์รวมจิดใจของคนที่นี่ เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นวันหยุดและกำลังจะถึงวันเข้าพรรษาจึงมีญาติโยมไปทำบุญกันที่วัดเยอะเลย ใกล้ๆ กันมีศาลาชมวิว บรรยากาศดีเหมือนกัน พิกัด7.1551029,100.5319747
Bistro Cafe นั่งเล่นหน้าเล (ร้านอร่อย 5/8)
ก่อนมื้อเที่ยงเราแวะนั่งพักกันที่ร้านกาแฟซึ่งใช้บ้านเก่ามาตกแต่งใหม่ กลายเป็นร้านกาแฟเก๋ไก๋ใต้ถุนเรือนไม้ เข้ากับบรรยากาศบ้านสวนริมทะเลมากๆ … สำหรับรสชาติเค้กนั้นอร่อยดีครับ ไม่หวานจนเกินไป ส่วนลาเต้ที่ผมสั่งก็รสชาติกำลังดีครับ
พิกัด 7.1521812,100.546569
ร้านอาหารศิรดาเกาะยอ (ร้านอร่อย 6/8)
ออกจะแปลกสักหน่อยที่มื้อเที่ยงของเรามาทีหลังของว่างที่ร้านกาแฟ แต่เส้นทางมันพาไป 555 … สำหรับมื้อนี้เราตั้งใจมาทาน seafood กับอาหารพื้นเมืองให้สมกับมาเที่ยวจังหวัดริมทะเล โดยร้านที่เราเลือกคือศริดาเกาะยอ ซึ่งถือว่าเป็นร้านดัง ยืนยันด้วยจำนวนลูกค้ามากมาย … สารพัดเมนูถูกสั่งมาลิ้มลอง เริ่มจากยำสาหร่ายผมนางใบชะพลูที่ทางร้านแนะนำ (ผมเฉยๆ กับเมนูนี้ เส้นสาหร่ายมันเหมือนหมี่ขาวทั้งรูปลักษณ์และรสชาติ) ส่วนเมนูอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปูนิ่มทอดกระเทียม, ปลากระพงนึ่งซีอิ้ว, แกงส้มปูไข่ รวมถึงกุ้งศิรดา วัตถุดิบสด รสชาติเข้มข้นสมเป็นอาหารใต้ดีครับ
พิกัด 7.1722384,100.5456261
วัดพะโคะ (พิกัดเที่ยว 6/9)
ส่งท้ายโปรแกรมสายบุญของวันด้วยการแวะนมัสการรูปจำลองหลวงปู่ทวดกันที่วัดพะโคะ ซึ่งเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของหลวงปู่ นอกจากนี้ยังได้ชมพระธาตุที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาด้วย
พิกัด 7.6015487,100.392422ตลาดริมน้ำคลองแดน (พิกัดเที่ยว 7/9)
ช่วงเย็นของวันเราเดินทางไปยังตลาดริมน้ำคลองแดนซึ่งตั้งอยู่ชายแดนสองจังหวัดคือสงขลาและนครศรีธรรมราช เรียกได้ว่าเดินข้ามคลองไปมาระหว่างสองจังหวัดเลยทีเดียว … ความไม่ธรรมดาของตลาดริมน้ำแห่งนี้คือกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น เพราะนอกจากสินค้าหลากหลายที่นำมาวางขายกันอย่างครึกครื้นแล้ว ยังมีเวทีหมุนเวียนแสดงศิลปะท้องถิ่นสร้างสีสันอยู่ตลอดเวลา ดูจากจำนวนคนที่หลั่งไหลมาเดินเที่ยวที่นี่ผมว่าตลาดริมน้ำแห่งนี้ประสบความสำเร็จสูงทีเดียว อีกอย่างผมว่าที่นี่มีระบบการจัดการที่ดีมากๆ ดูเป็นระบบระเบียบ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังเห็นป้ายแสดงว่าตลาดแห่งนี้เป็นตลาดปลอดแอลกอฮอล์ด้วย
บรรยากาศยามค่ำริมน้ำมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ทั้งนี้ตลาดคลองแดนจะมีเฉพาะวันเสาร์นะครับ … พิกัด 7.9139374,100.3092235
สามกั๊กทะเลน้อย (ร้านอร่อย 7/8)
ค่ำนี้เราเดินทางมาถึงจังหวัดพัทลุงแล้ว ประเดิมด้วยมื้อเย็นกันที่สามกั๊กทะเลน้อย ร้านดังประจำถิ่นกันเลย
เมนูคืนนี้หลากหลายทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมือง อาทิ ปลาดุกนาทอดขมิ้น (เนื้ออร่อยมากๆ) ตำรากบัวหมี่ลวก, แกงส้มปลากด+รากบัว, แกงเลียงกุ้งสด,ปลาทับทิมผัดเปรี้ยวหวาน, หมูสามชั้นทอดน้ำปลา, ยำสามกั๊ก (อันนี้ก็อร่อย) … หลายเมนูจะมีรากบัวหรือสายบัว, กลีบดอกบัวซึ่งหาได้ในท้องถิ่นมาประกอบ สามารถทานได้ รสชาติอร่อยด้วยโดยเฉพาะสายบัว
พิกัด 7.767805,100.1218324
คืนนี้เราพักกันที่ City Park Hotelในตัวเมืองพัทลุง ห้องกว้างขวางดูทันสมัยดี แต่ผมหมดแรงจากการเดินทางตลอดวันและรุ่งขึ้นมีโปรแกรมต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่กว่าเพื่อไปถ่ายภาพจึงไม่ได้เก็บภาพห้องพักมาฝากครับ
ปากประ-ทะเลน้อย (พิกัดเที่ยว 8/9)
ต้องบอกว่าปากประคือ highlight ของทริปนี้สำหรับผมเลยก็ว่าได้ เพราะเคยเห็นภาพยอยักษ์เรียงรายอยู่ในผืนน้ำกว้างใหญ่ มีฉากหลังเป็นแสงสียามเช้าของที่นี่มานานแล้ว และอยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง สิ่งเดียวที่กังวลคืออากาศ เพราะค่ำคืนนั้นฝนตกตลอด ไม่แน่ใจว่าเช้าวันรุ่งขึ้นอากาศจะเป็นอย่างไร
ผมกับเพื่อนๆ ออกเดินทางจากตัวเมืองพัทลุงตอนตี่สี่ครึ่ง เราใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายที่สะพานข้ามคลองปากประ ตอนนั้นไม่มีใครนอกจากกลุ่มของพวกเรา ต่างคนต่างจับจองพื้นที่ตั้งกล้องถ่ายภาพ … บริเวณโดยรอบยังมืดอยู่ มีเพียงขอบฟ้าบริเวณที่พระอาทิตย์ขึ้นเริ่มมีแสงเรืองๆ …
ผมไม่รอช้าเริ่มบันทึกภาพโดยต้องใช้ชัตเตอร์สปีดต่ำราว 30 วินาทีกับ ISO 400 เพื่อให้ได้แสงที่พอดี … แค่เพียงภาพแรกก็ทำให้ผมหัวใจพองโตแล้วเพราะมันสวยงามมาาก ยิ่งเมื่อแสงยามเช้าค่อยๆ ปรากฎยิ่งทำให้ภาพตรงหน้างดงามอย่างบอกไม่ถูก ภาพถ่ายที่ได้แต่ละใบเหมือนภาพเขียนที่ถูกบรรจงวาดด้วยสีน้ำโดยศิลปินชั้นครู
ราวตีห้าเศษ เริ่มเห็นเรือหางยาวนำนักท่องเที่ยวออกไปถ่ายภาพยอกันอย่างใกล้ชิด เรือที่แล่นไปมาอยู่ในทะเลสาบสร้างระลอกคลื่นให้ภาพที่สวยงามไปอีกแบบ
ผมเก็บภาพอยู่จนราวหกโมงกว่าก็เดินทางไปขึ้นเรือหางยาวเพื่อถ่ายภาพยอในระยะใกล้ โดยจะนั่งเรือไปชมทะเลน้อยที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย … เรือหางยาวนำเราโฉบเข้าไปใกล้ๆ บริเวณที่มีการยกยอ เพื่อเก็บภาพอย่างใกล้ชิด
จากนั้นลุงคนขังเรือนำไปชมการทำนาริมน้ำ … แสงสีทองยามเช้ากับลมเย็นๆ ที่โชยผ่านตอนเรือแล่นไปในทะเลสาบเป็นช่วงเวลาที่สดชื่นจริงๆ … ภาพวิถีชีวิตแท้ๆ ที่เห็นรอบตัว ทำให้เหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ต้องเร่งรีบ โลกที่เรียบง่าย ทำมาหากินแบบไม่ต้องแย่งไม่ต้องแข่งกับใคร
เรือค่อยๆ แล่นนำเราลอดผ่านสะพานเอกชัยไปยังทะเลน้อย ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเที่ยวที่นี่ด้วย นับว่าโชคดีมากๆ ที่คุณลุงคนขับเรือพามา เพราะอีกสองลำไม่ได้ตามมาด้วย … ที่ทะเลน้อยจะมีนกนานาชนิดอาศัยและหากิน ดังนั้นจึงเป็นสวรรค์สำหรับคนดูนกจริงๆ … ขนาดผมไม่ได้เชี่ยวชาญยังรู้สึกชอบเลยเพราะมีนกชนิดต่างๆ เต็มไปหมด ทิวทัศน์ก็สงบสวยงามมากๆ โดยเฉพาะตอนเช้าแบบนี้
แม้ฤดูที่เหมาะสำหรับการชมทะเลน้อยคือราวเดือนกพ. เพราะเป็นช่วงที่ดอกบัวบานเต็มทุ่ง แต่สำหรับผมแค่นี้ก็สวยมากๆ แล้วครับ
โปรแกรมนั่งเรือของเราใช้เวลาราวสองชั่วโมงครับ ค่าเรือตกชั่วโมงละ 600 บาท ลำนึงน่าจะนั่งได้ 7-8 คน
สำหรับคนที่ไม่อยากตื่นเช้ามาก ผมแนะนำให้หาที่พักริมทะเลสาบอยู่ใกล้กับจุดถ่ายภาพเลย นั่นคือศรีปากประ รีสอร์ท หรือ Wetland camp เสียดายที่ทั้งสองแห่งเต็มในวันที่เรามา จึงต้องไปพักไกลถึงในเมืองพัทลุง ยังไงถ้ามีแผนเดินทางก็ควรจองล่วงหน้านานๆ ครับ เพราะสองแห่งนี้เห็นวิวยอได้จากที่พักเลย
พิกัด 7.7271515,100.1442838 (บริเวณสะพานซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพ)
หลาดใต้โหนด (พิกัดเที่ยว 9/9)
หลาดใต้โหนดเป็นตลาดนัดวันอาทิตย์ของพัทลุงที่มีมาสักระยะแล้ว แต่เพิ่งมาโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้ด้วยความที่มีของพื้นบ้านน่ารักๆ และอาหารท้องถิ่นที่ใช้แพ็คเกจจิ้งเก๋ๆ จากธรรมชาติ ถูกจริตกับนักท่องเที่ยวยุคนี้ที่มองหาวิถีย้อนยุค … ยังไม่ทันถึงตลาดเราก็รับรู้ได้ถึงความ HOT ของที่นี่เพราะรถติดตั้งแต่ 2 กม.ก่อนถึงตัวตลาด จนในที่สุดเราต้องยอมเดินกันเกือบกิโล เพราะดูสถานการณ์แล้วด้านในคงหาที่จอดรถยากและอาจเสียเวลามากไปกว่านี้ …
อาจเป็นเพราะเรามาถึงสายไปหน่อย หลายร้านของหมด บางร้านแพ็กเกจจิ้งแบบเก๋ๆ หมดไปแล้ว ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตรงกับวันหยุดยาวด้วยนั่นเอง หากเป็นวันอาทิตย์ธรรมดาก็ไม่หนาแน่นขนาดนี้
พื้นที่ของหลาดใต้โหนดก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ครับ เดินเรื่อยๆ ราว 30-40 นาทีก็ทั่วแล้ว มีของขายหลากหลายประเภทตั้งแต่อาหาร, ของสด, ของฝาก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเวทีการแสดงที่นำศิลปะพื้นบ้านมาโชว์ด้วย … โดยรวมต้องบอกว่าเป็นตลาดนัดที่คึกคัก ได้อารมณ์พื้นบ้านมาก ๆ สภาพแวดล้อมสะอาดไม่ค่อยมีขยะให้เห็น ที่ชอบอีกอย่างคือมีโครงการคัดแยกขยะครับ
พิกัด 7.7353523,99.9564967
ร้านหลานตาชูสเต็กเฮ้าส์ (ร้านอร่อย 8/8)
สำหรับมื้อส่งท้ายทริปสงขลา-พัทลุงเราทานกันที่ร้านหลานตาชูริมถนนสายหลักจากพัทลุงไปหาดใหญ่นั่นเอง ร้านนี้เป็นอีกร้านดังของจังหวัด มีลูกค้าแน่นร้าน อาหารหลักคือสเต็กต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทยด้วย
มื้อนี้ผมสั่งแซลมอนสลัดกับสเต็กหมูกอดองเบลอ สำหรับสลัดอร่อยถูกปากครับ แต่สเต็กนี่สั่งด้วยความเข้าใจผิด เพราะไปดูตัวเลขกำกับภาพมันเป็นสเต็กอีกตัว พออาหารมากลับเป็นสเต็กหมูห่อชีส อันที่จริงทางร้านไม่ได้ทำผิดนะ แต่รูปในเมนูทำให้สับสนไปหน่อย ส่วนรสชาติก็อร่อยดีครับ จะสั่งใหม่แบบที่อยากทานก็คงรอนานเพราะลูกค้าเยอะมากเลยต้องทานจนหมดจาน 555
ส่วนหนึ่งที่ลูกค้าเยอะคงเป็นเพราะราคาที่ถือว่าไม่แพงครับ แต่ละจานใหญ่ที่เห็นนี่ราคาราวๆ 100 กว่าๆ ไม่ค่อยจะมีเกิน 200 บาทครับ
พิกัด 7.7106308,99.9903187
จากร้านหลานตาชูเรานั่งรถยาวตรงไปสนามบินหาดใหญ่เพื่อนั่งเครื่องกลับไปกรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ … เดิมเรามีโปรแกรมไปเดินซื้อของฝากกันที่หาดใหญ่แต่เนื่องจากรถติดหนักตรงหลาดใต้โหนดทำให้โปรแกรมนี้ต้องยกเลิกไป แต่ไม่เป็นไรครับเพราะตลอด 3 วันที่ผ่านมาก็ทำให้ผมกับเพื่อนๆ อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจมากๆ … เป็นการเปิดมุมมองใหม่ของสงขลากับพัทลุงให้กับผมจริง ๆ … พูดแบบไม่ได้เวอร์นะครับ ผมให้คะแนนทริปนี้เต็ม 10 เลย เพราะได้เดินทางกับเพื่อนๆ ที่มีจริตคล้ายๆ กัน คุยกันถูกคอแม้บางคนจะเพิ่งพบหน้าแต่เหมือนรู้จักกันมาแล้วหลายปี … ได้ชิมเมนูท้องถิ่นหลากหลาย ที่สำคัญได้ถ่ายภาพ มัสยิดกลางสงขลา กับ ปากประสมใจเสียที
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานหาดใหญ่ ที่อำนวยความสะดวกตลอดทริป ขอบคุณสายการบิน Nok Air ที่นำเราลัดฟ้าไปยังหาดใหญ่โดยตลอด 4 flights (รวมที่มาจากภูเก็ตด้วย) ไม่มี delay เลยมีแต่ถึงก่อนเวลา แฟนคลับนกแอร์ทั้งหลายกลับมายิ้มกว้างๆ ได้เหมือนเดิมแล้วครับ … นอกจากนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคนที่ทำให้ทริปนี้เป็นช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับผม สุดท้ายขอขอบคุณเจ้าบ้านที่น่ารักทั้งสงขลาและพัทลุง สัญญาว่าจะกลับไปเที่ยวใหม่แน่นอนครับ
ปิดท้ายด้วยภาพจากริมหน้าต่างเครื่องบินครับ ฝนตกปรอยๆ แอบกลัวว่าลมจะแรงไหม แต่โชคดีเครื่องขึ้นแบบราบรื่น แถมมีรุ้งงามให้เห็นด้วย เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นรุ้งตัวใหญ่เป็นวงเกือบ 360 องศาเลยทีเดียว …
สุดท้ายขอฝากช่องทางติดตามผลงานของ “นายมด" อีกครั้งครับ
- fb : @9MotPhotography
- ig : @9mot
- youtube : @9MotPhotography
- blog : www.9mot.com
นายมด
วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.04 น.