1555 miles in Namibia
ออกจะดูบ้าบอที่ผู้หญิงคนเดียวจะขับรถรอบทะเลทรายอันเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างประเทศนามิเบีย แต่นั่นแหละเป็นสิ่งที่เติมเต็มสมุดบันทึกของเราให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของการผจญภัยมากขึ้น ด้วยระยะทาง 2500 กิโลเมตร หรือเกือบ 1555 ไมล์จากเหนือจดใต้ นี่เป็น Road trip แรกที่ขับรถไกลและนานขนาดนี้ ตลอด 14 วันของการเดินทางแบบค่ำไหนนอนนั่น เรามีเรื่องเล่ามาแชร์ต่อให้เพื่อนที่หลงรักการผจญภัยได้ติดตามกันค่ะ
[ข้อมูลสำหรับการเดินทาง ประเทศนามิเบีย]
ช่วงเวลา : ฤดูหนาวกลางเดือนกันยายน หนาวจนออกไปเต้นกลางแดดในตอนเช้า และอุณหภูมิแทบไหม้ในตอนกลางวัน
ภาษา (Languages) : ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และอีกหลายภาษา(มาก) ตามกลุ่มชน การออกเสียงในบางภาษาอย่าง Damara ต้องใช้สกิล Tongue twister ด้วย
วีซ่า (Visa) : Update September 2023
เขียนรายละเอียดไว้ในกระทู้นี้ https://th.readme.me/p/46905
สกุลเงิน (Currency) : Namibia Dollar(N$) แบงก์ 10 , 20 , 50 , 100 , 200 เหรียญ 1$ , 2$ , 5$(สีทอง) เหรียญย่อย 10c , 50c (สีเงิน)
สามารถใช้สกุลเงิน Rand จาก South Africa ได้ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ต่อ 1
Time Zone : ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง
การเดินทาง :
จากสนามบินเข้าเมือง ระยะทาง 40 กิโลเมตร ตามถนนเส้น B6 นักเดินทางส่วนใหญ่จะเช่ารถจากเวปบริษัทมาก่อน บางบริษัทมี Counter service ในสนามบิน บางบริษัทมี Free Shutter bus ไปส่งเพื่อรับรถ
สำหรับเราผู้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อนเลย และที่นี่ไม่มีขนส่งสาธารณะจากสนามบินเข้าเมืองอีก เดินสำรวจเคาน์เตอร์ Shuttle bus เจอราคา 250-350 NAD แต่เราโชคดีได้ราคาถูก 150 NAD กับบริษัท Tok tokkie shuttle bus ที่แวะมารับลูกค้าคนอื่นพอดี
(จองรถบริษัท Tok tokkie shuttle bus ผ่าน www.shuttlesnamibia.com หรือโทร +264 811 275 285 ราคา 150-250 NAD ตามช่วงเวลา)
รถและเส้นทาง : เลือกใช้รถประเภท Small car หรือ 2WD ได้ ถ้าเป็นเส้นทางสายหลัก เช่น จากเมืองหลวง Windhoek ไป Etosha national park หรือจากเมืองหลวง Windhoek ไป Swakopmund
แต่ถ้าเส้นทางในแผนที่ระบุเป็น Gravel road (สาย C และ D) หรือขับลงทางใต้ทั้งหมด ต้องเช่ารถ 4x4 เท่านั้น
ซื้อแผนที่ The Namibia tourist map และโหลดแผนที่ Off-line map ไว้ด้วย เราใช้ Maps.me สลับกับ Google maps
(Major : route B - Tarred road)
(Minor : route C - Gravel road ขรุขระ)
(District : route D - Super Gravel road โคตรขรุขระ เฉพาะรถ 4x4 )
ประกันการเดินทาง (Travel Insurance) : แนะนำบริษัทรถเช่า โดยรถต้องมีประกันชั้นหนึ่งเท่านั้นและต้องมีสัญญาระหว่างเรากับบริษัทกรณีเกิดอุบัติเหตุว่าจะชดเชยได้ส่วนแรกที่ทำสัญญากับบริษัทไว้
ชดเชยเฉพาะกรณีอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่คุ้มครองกรณีอื่น เช่น เครื่องยนต์เสียหาย
Simcard :
ซื้อตั้งแต่สนามบินเลย เราใช้ทั้งค่าย TN mobile และค่าย MTC แนะนำ MTC สัญญาณดีกว่า ศูนย์บริการเยอะกว่า (เช็คยอดกด *131# แล้วโทรออก)
กิจกรรมสำหรับนักเดินทาง และที่พัก :
Windhoek เราใช้เวลาไม่มากในเมืองหลวง ซึ่งที่พักอยู่ใกล้กับ Christ Church แลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียง แต่เราไม่ได้ไปเพราะต้องเช่ารถ ซื้อแผนที่ และเตรียมเสบียง
ถ้าใครมีเวลาจำกัด เมื่อถึง Windhoek ตุนน้ำไว้สามสี่ขวด แล้วขับออกนอกเมืองเลย เช่น Outjo (ติดกับ Etosha national park) หรือเมืองตากอากาศ Swakopmund เพราะเมืองใหญ่เหล่านี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
เราจองที่พัก Chameleon Backpackers & Guesthouse ใน Windhoek ห้องแบบ 4-Bed mixed Dormitory room ราคา 220 NAD ต่อคืน รวมอาหารเช้า
เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีบอกข้อมูลแผนที่ของสถานที่ที่น่าเที่ยว จัดทัวร์ด้วยนะคะ ใครไม่สะดวกเช่ารถขับ เราแนะนำให้ซื้อทัวร์กับทางที่พักเลย
กิจกรรมทางที่พัก มี 2 แบบ
1.Windhoek Day trips
•Free city walking tour (เฉพาะวันจันทร์ ถึงวันเสาร์)
•City & Township tour
•Game drives
•Carnivore feeding tour
•Ancient san skills tour
•Horse riding trails
•Hiking at Daan Viljoen
2.Multi day Safari
•3 days Etosha
•3 days Sossusvlei
•4 days Etosha & Swakopmund
•4 days Swakopmund & Sossusvlei
•6 days Dunes & Wildlife
(ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ www.chameleonsafaris.com หรือโทร 061 247 668 (Windhoek)
Etosha national park
Windhoek to Etosha national park to Outjo
Road : B1 , C38
Distance 514.5 km , Time 5 hrs
ขับรถออกจากเมืองหลวงในตอนสายด้วยความตื่นเต้น ถนนลาดยางยาวไปไกล เปิดวิทยุคลอให้ผ่อนคลายขึ้น เราผ่าน Okahandja และ Otjiwarongo ที่นี่มีปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาเก็ต
จนเมื่อเข้าสู่เขต Omatako มองเห็นกลุ่มทรายสูง บางกลุ่มหนึ่งเมตร บางกลุ่มสองเมตร มองใกล้ๆมันคือ จอมปลวกนี่เอง ใหญ่จริงใหญ่จัง จนอยากเห็นพญาปลวกด้านใน
ลดความเร็วบนถนนลง เพราะเริ่มมีสัตว์ป่าวิ่งข้ามไปมา เห็นครอบครัวหมูป่าเดินเล่นอยู่ริมถนน จากนั้นไม่นานแวะทานมื้อกลางวันที่เมือง Outjo ก่อนมุ่งหน้าเข้า Etosha national park
จาก Entrance gate ซึ่งเราขับเข้าทางประตู Anderson’s gate จอดลงทะเบียนก่อน แล้วขับเข้าไปจ่ายเงินที่ ENP Okaukuejo
ข้อเสียของ unplanned trip ทำให้เราพลาดอะไรหลายๆอย่าง ทั้งกิจกรรม Game drive ตามล่า Big five และเข้าพักในเขต Etosha ไว้มีโอกาสกลับมาอีกครั้งจะไม่พลาดเหมือนครั้งนี้แน่นอน
ตลอด 17 กม.สู่ Okaukuejo วันนี้อย่างน้อยก็ได้เจอฝูงช้าง ยีราฟ ม้าลาย และสปริงบ็อก
( Burchell’s Zebra )
( Springbok )
ราคาตั๋ว ผู้ใหญ่ (Permit type : Overnight visitor) 80 NAD ต่อวัน รถยนต์คันละ 10 NAD ต่อวัน , ประตู Entrance gate จะเปิดเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และปิดเมื่อพระอาทิตย์ตก
ภายในอุทยานแห่งชาติ เขียนป้ายเตือนนักท่องเที่ยว ‘Wildlife is dangerous’ ไม่ใช่แค่สัตว์จะทำอันตราย แต่ยังแพร่โรคติดต่อสู่มนุษย์ได้อีกด้วย แนะนำให้อยู่ภายในรถหรือบนเบาะนั่งในรถกิจกรรม Game drive เท่านั้นนะคะ
ที่พักภายในเขต Etosha national park มี 6 ที่นะคะ Halali camp เป็นที่นิยมมากที่สุด , Dolomite camp , Namutoni camp , Okaukuejo camp , Olifantsrus camp , Onkoshi camp
(จองที่พักล่วงหน้า ที่นี่ https://www.etoshanationalpark.org/)
เดือนกันยายนถือเป็นช่วง High season ที่พักในและนอกเขตรอบ Etosha เต็มทั้งหมด ขนาดราคาต่อคืนแพงมากก็ยังเต็ม เราต้องขับกลับมาพักที่ Outjo สำหรับใครที่ประหยัดงบให้เข้าพักที่นี่ และจอง Game drive ผ่านที่พัก แต่ต้องตื่นเช้ามืด เพื่อขับไปจุดนัดหมายตรงประตู Anderson’s gate
ที่พัก Etotongwe Lodge แบบห้องเดี่ยว ราคา 640 NAD ต่อคืน รวมอาหารเช้า
Rock finger
Outjo to Rock finger
Road : C39 , D2743
Distance 249 km , Time 7 hrs
ก่อนถึง Twyfelfontein มีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยโด่งดังนัก ห่างจากถนนสายหลักเข้าไป 18 กิโลเมตร รถคันเล็กค่อยๆขับบนถนนลูกรังอย่างช้าๆ
มีชาวฮิมบาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย จริงๆสามารถเห็นชาวฮิมบาได้ทั่วไป ต้องขออนุญาตเข้าไปจ้องผิวสีแดงอิฐที่เนียนมากจากการรมสมุนไพรแทนการอาบน้ำ ถ้าใครอยากชมวิถีชีวิตแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ต้องไปที่เมือง Opuwo เลย
ถึง Rock finger หรือชื่อที่เสริชในแผนที่ว่า Fingerklippe (Vingerklip) เป็นหินตั้งตรงขนาดใหญ่คล้ายนิ้วมือสูง 35 m อยู่บนเนินเขา เดินขึ้นไปชมบนนั้นเองได้เลยค่ะ
ค่าเข้าชม Rock finger 10 NAD
Twyfelfontein
Rock finger to Twyfelfontein
Road : C39 , D2612
Distance 14 km , Time 1 hr
ต่อไปจนสุดถนน Khorixas จุดเติมน้ำมันใหญ่ก่อนเข้าเขตชนบท จากถนนลาดยางสู่ถนนลูกรัง ความกลัวเริ่มเข้ามาปะปนกับความตื่นเต้น เส้นทางไกลต่อไปจากนี้จะมีรถสวนชั่วโมงละคันสองคัน หน้าที่คือต้องขับไปเรื่อยๆ ให้คุ้มกับที่นั่งเครื่องข้ามทะเลมาไกล
ที่นี่ Twyfelfontein แห่งดินแดน Damaraland เป้าหมายของเราคือมาชม Rock-art บนหน้าผาหินทรายกลางหุบเขาที่มีอายุมากกว่า 2000 ปี
ศิลปะถูกสร้างโดยนักบวช เป็นภาพความทรงจำของสถานที่ที่นักบวชท่านนี้จากมาแสนไกลและสิ่งที่ได้พบเห็นใหม่แห่งนี้ สัตว์ป่าอย่างพวกช้าง สิงโต แรดขาว แรดดำ ยีราฟ ม้าลาย ออริกซ์ นกกระจอกเทศ นกฟลามิงโก แมวน้ำ และรอยเท้าสัตว์อีกหลายชนิดถูกวาดจากอัญมณีสีขาวชิ้นเล็ก
มันมีวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับหมอผี โดยบทบาทของหมอผี จะเป็นทั้งแพทย์และนักบวช รักษาความเจ็บป่วย สร้างพลังสามัคคีให้คนในเผ่า ยังมี Animal school เพื่อสอนว่าสัตว์ไหนฆ่าได้หรือไม่ได้ หรือการฆ่าสัตว์เพื่อขอฝน
Twyfelfontein world heritage site ค่าเข้า 100 NAD ต่อคน
เปิดเข้าชมเฉพาะวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 8.00 - 18.00 และการเดินชมต้องมีไกด์ไปด้วยทุกครั้ง
เราแพลนย้อนกลับไปที่ Outjo เพื่อไปชม Game drive ในวันพรุ่งนี้ แต่เรากลับไปไม่ทัน เพราะต้องช่วยปฐมพยาบาลเด็กสี่คนจากแคนาดาที่เกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักหลุดโค้งจากการขับเร็วเกินกำหนด ต้องพักที่ Twyfelfontein ในคืนนี้
ที่พัก ABA-Huab camp แบบห้องเดี่ยว ราคา 330 NAD ต่อคืน รวมอาหารเช้า , กางเต๊นท์ ราคา 150 NAD ไปหาจอดตามต้นไม้ที่จัดไว้
เขต Damaraland ใช้เครือข่าย MTC ได้อย่างเดียว
มืดค่ำลง เราออกไปตั้งกล้องถ่ายดาวหน้าห้องนอน ลมเย็นพัดแรงแต่ดาวสวย หันไปมองกลุ่มนักเดินทางใกล้ๆ ขับรถมากันสี่ห้าคัน ทำกับข้าว กินข้าวและล้อมวงคุยรอบกองไฟ ใครง่วงก็ปีนขึ้นไปนอนเต็นท์บนหลังคารถ นี่แหละวิถีนักผจญภัยที่แท้จริง
Spitzkoppe
Twyfelfontein to Spitzkoppe
Road : C35 , C36 , D1930 , D3716
Distance 236 km , Time 8.5 hrs
จากถนนที่มีรถสวนชั่วโมงละคันสองคัน ตอนนี้เราขับบนถนนที่ทุก 60 กิโลเมตรจะเจอบ้านสักหนึ่งหลัง รู้สึกเริ่มปรับตัวเข้ากับดินแห้งทรายร้อนได้แล้ว การจิบน้ำบ่อยๆช่วยได้เยอะ
ผ่าน Uis 3 ชั่วโมงกว่า ก็ถึงที่หมาย นั่นคือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในนามิเบีย อาณาเขตของ Spitzkoppe campsites กว้างใหญ่มาก เราไม่เรียกอาณาเขต เรียกอาณาจักรจะเหมาะกว่า
จุดชมพระอาทิตย์ตกมีสองที่ แคมป์หมายเลข 5 และแคมป์หมายเลข 11A
The rock bridge ติดกับ Sugarloaf 1285 m
เบื้องหลังภาพถ่ายบนหินตรงแคมป์หมายเลข 5 คือ Gross Spitzkoppe 1728 m และ Pontok mountains 1629 m
และนี่คือ Spitzkoppe มีคนเปรียบเปรยความงามเหมือนงานแกะสลักจากลมธรรมชาติ
( วิวติดกับแคมป์หมายเลข 11A )
( วิวติดกับแคมป์หมายเลข 11A )
หลังพระอาทิตย์ตกนี่ เป็นอะไรที่หลอนสุดละ จากที่เราเกริ่นก่อนหน้า ว่าพื้นที่มันกว้างเป็นอาณาจักร เลยทำให้แต่ละแคมป์เป็นอิสระต่อกัน ตอนนี้รถของเพื่อนข้างแคมป์ที่ใกล้ที่สุดมีขนาดเท่าหัวไม้ขีด
หนึ่งทุ่มเสียงนกเงียบกริบ เป็นสภาวะหยุดนิ่ง ใครมากดปุ่ม Pause ตอนนี้น้อ....คืนนี้กว่าจะหลับลงก็ลุกขึ้นมาส่องดูเสียงเหยียบใบไม้ข้างเต็นท์อยู่หลายรอบ หลอนทั้งคนทั้งผี ฮ่า....
•ที่พัก Spitzkoppe campsites Dome tent 300 NAD ต่อคืน
•Spitzkoppe campsites ค่า Permit 165 NAD ต่อคนต่อวัน
•Guided tour ราคา 55 NAD ต่อคน
(ข้อมูลที่นี่ http://www.spitzkoppe.com/ )
ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากหน้าเต็นท์ในเช้าวันใหม่ เราซื้อทัวร์และมีไกด์นำทางที่น่ารักมาก ชื่อ Ana carter ส่วนภาพแรกที่เห็นเช้านี้คือซากวัวที่เสือดาวลากขึ้นมากินบนต้นไม้เมื่อสองเดือนก่อน นี่เสียวสันหลังวาบเลย เพราะห่างจากเต็นท์เมื่อคืนไม่ถึงโล
Cave paintings ภาพวาดบนผาหินคล้ายกับที่ Twyfelfontein ใน Damaraland
Golden snake เคยเป็นที่อยู่ของงูขนาดใหญ่สีทองมีพิษ ความใหญ่ของเจ้างูถูกวาดบนผาหินแห่งนี้ และยังได้ชมต้นไม้ที่งอกออกมาจากหินอีกด้วย
จะเห็น Rock pool ได้ทั่วไปโดยรอบ เป็นแหล่งน้ำดื่มของสัตว์
Swakopmund
Spitzkoppe to Swakopmund
Road : D1918 , B2
Distance 152.2 km , Time 3 hrs
กลับเข้าสู่เขตเมืองใหญ่ศิวิไลซ์อีกครั้ง มันน่าตื่นเต้นที่ได้ขับรถบนเส้นทาง Skeleton Coast เสพย์วิวมหาสมุทรแอตแลนติกกับวิวทะเลทรายคู่ขนานทอดกันสองฝั่ง ยาวไปเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
ที่นี่เป็นเมืองเดียวที่เราสามารถเที่ยวแบบวิถีสโลว์ไลฟ์ได้ นั่งกิน Fish and chips ในร้าน Food Truck ริมทะเล จิบกาแฟอุ่นๆริมชายหาด
แก้วกาแฟมาคว่ำก็ตอนเดินชมสะพานนี้นี่แหละ ลมแรงมาก ชนิดที่ว่าหมวก แว่นตา ผ้าพันคอของคนข้างหน้า ปลิวว่อนลงทะเลหมดเลย ไม่ใช่แค่ลมแรงแต่ยังหนาวจนมีเลือดออกจมูกเรานิดหน่อย
เดินไปที่ปลายสุดของสะพาน แล้วมองกลับมา ภาพพาโนรามาที่จำติดตาจากซ้ายไปขวาคือ ถนนเลียบชายหาดเมือง Swakopmund >> สะพานโคมไฟที่ทอดเข้าฝั่ง >> เนินทะเลทรายสีครีมเรียงตัวกันเป็นแนวยาว ช่างเป็นวันดูพระอาทิตย์ตกที่สวยจับใจ
ที่พัก The Backpackers ห้องแบบ 12-Bed mixed Dormitory room ราคา 612 NAD ต่อ 2 คืน รวมอาหารเช้า
Swakopmund to Cape cross
Road : C34
Swakopmund to Dune 7
Road : C28 , D1984 (ถนนลาดยาง)
Total Distance 349 km , Time 7 hrs
เช้าวันอากาศขมุกขมัว เราขับรถจาก Swakopmund ไปเยือนอาณาจักรอุ๋งอุ๋งที่ Cape cross
ระหว่างเดินทางเราขับผ่าน Hentiesbaai เห็นคนปั่นจักรยานเลียบถนนริมชายหาด สำหรับสายปั่นนะคะ สามารถเช่าจักรยานปั่นได้หลายจุดตั้งแต่เหนือจดใต้ในนามิเบียเลยถ้าปั่นกลางอากาศร้อนไหวนะ...บางที่มีแบบ E-bike ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วย
The Zeila shipwreck - Henties Bay
ด้วยกระแสลมแรงพัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก ความรุนแรงนั้นคว่ำเรือในทะเลหลายต่อหลายลำ บางลำเมื่อเกิดความเสียหายก็ถูกพัดมาที่ชายหาด ผ่านแดดผ่านฝนวันเวลาหลายปีจึงเกิดเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
Cape cross seal colony
Cape Cross ค่า Permit 80 NAD ต่อคน และค่ารถ 10 NAD ต่อคัน
อาทิตย์ก่อนเราก็ได้ชมเหล่าบรรดา Fur seals บนเกาะของเคปทาวน์ แต่ยังไม่ใกล้ชิดและตื่นตาตื่นใจเท่าที่นี่เลย สามารถชมเจ้าแมวน้ำขนปุยนอนอาบแดดตลอดเส้นทางเข้ามาจนถึงจุดจอดรถเลย
ปล.เจ้าแมวน้ำมีกลิ่นที่คาวสุดๆ เตรียมผ้าสำหรับปิดจมูกด้วยนะคะ และกลิ่นจะติดเสื้อผ้าหน้าผมและติดจมูกไปอีกหลายวัน
...’ กินแล้วนอนจะอ้วน ฝึกโยคะดีกว่า ‘
...เฮ่นโหลว
... อุ๋ง อุ๋งน้อย ยิ้มละมุน
... ‘ ถ่ายยังไง ให้ดูเผลอ ‘
เจ้าสุนัขจิ้งจอก ที่มาคอยวนเวียนอยู่กับฝูงแมวน้ำ
Dune 7
จาก Cape Cross ย้อนกลับมาที่ Swakopmund มุ่งหน้าต่อไปจุดชมพระอาทิตย์ตกบนเนินภูเขาทรายที่สูงที่สุดในประเทศนามิเบีย
บนจุดสูงสุดของเนินทราย มองเห็นเสน่ห์ความสวยงามที่เหมือนพาเราไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
Swakopmund to Sesriem
Road : C28 , D1984 , C14 , C19
Distance 296 km , Time 7 hrs
Solitaire
อีกหนึ่งจุดพัก ก่อนเริ่มลงทางใต้ สภาพถนนขรุขระมาก เราต้องเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ขึ้น ขับช้าลง เพราะอุบัติเหตุเกิดบ่อยมากในเส้นทางนี้
รถคันเก่าถูกนำมาตั้งให้โดดเด่น ดูเป็น Signature ของที่นี่ ด้านหลังเป็นที่พัก ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมัน
ทริปนี้ได้พักโรงแรมห้าดาวบ้าง เราเลือกที่ Gondwana Namib Desert Lodge ราคาห้องพัก 1350 NAD ต่อคืน รวมอาหารเช้า ซื้อ Wifi เพิ่ม 100 NAD ต่อ 500 Mb
มีโอกาสรู้จักกับคุณแฟรงค์ผู้จัดการของโรงแรม พาขับรถชมบรรยากาศรอบที่พัก ได้ฟังข้อมูลในหลายเรื่อง อย่างสาธารณสุขในประเทศ เล่าไปเล่ามาเลยได้ฟังเรื่องภาษี คอรัปชั่นไปด้วย นามิเบียเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีผลผลิตอะไรมากนัก นำเข้าจากแอฟริกาใต้เกือบทุกอย่าง แม้กระทั่งอาหารและน้ำดื่ม ทำให้ข้าวของราคาแพง อันนี้เราเห็นด้วย มื้อไหนอยากกินข้าวต้องจ่ายอย่างต่ำห้าร้อยบาท เลี้ยวกลับไปหยิบขนมปังกินแทบไม่ทัน
Deadvlei
ตั้งอยู่ในเขต Namib-Naukluft Park ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ถนนก็เป็นทรายล้วน ต้องนั่ง Shuttle bus เข้าไป
ราคาตั๋ว Shuttle service day ticket ไป-กลับ 170 NAD
ถนนทราย ที่ Deadvlei
Big daddy เนินทรายที่สูงสุดในเขต Sossusvlei ส่วน Big mama จะอยู่ตรงกันข้าม
ซากต้น Camel thorn สีดำตัดกับสีขาวของพื้นดินที่แห้งแล้งและเนินทรายใหญ่สีแดง ยูนีคไม่เหมือนใคร ถือว่าเก็บได้อีกที่ลงใน Bucket list ของเรา
กำลังตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเอง พายุทรายก็พัดเข้ามาเฉย กล้องร่วงไปกับขาตั้งกล้องต่อหน้าต่อตา อวสานเลนส์ไปหนึ่งอัน
Sossusvlei
ความหมายของ ‘vlei’ คือแอ่ง แอ่งนี้ไม่มีฝนผ่านมาปีที่ 7 แล้ว เรานั่งมองแล้วนึกถึงว่า ถ้าตรงนี้เป็นทะเลสาปที่มีภูเขาทรายอยู่เบื้องหลัง คงจะดูน่าอัศจรรย์
Sesriem
กว่าจะถึงก็เกือบเย็น ระยะทางไม่ได้ไกลจาก Solitaire เลย แต่ทางลำบาก ความเร็วลดเท่าเต่าคลาน มาถึงก็เจอเจ้าหน้าที่ป่วยเลย เธอบอกว่านอนพักมาสองวันแล้วไม่ดีขึ้น และพื้นที่แบบนี้ไม่มีคลินิกหรือแม้แต่ร้านยา เราเลยแบ่งยาแก้ปวดกับลดน้ำมูกให้ เช้าวันต่อมาหายเป็นปกติ คือที่เล่าให้ฟังถึงเจ้าหน้าที่คนนี้ เพราะคนนี้แหละที่ช่วยเราไว้อีกวันถัดมา
บัตรที่เราพกไปมีแค่ Master card ใบเดียว ระบบการเงินเราแกว่งตั้งแต่บริษัทเช่ารถรับแต่เงินสด การใช้ Master card กดเงินสดจะใช้ในเมืองใหญ่ๆ เช่น Windhoek และ Swakopmund เท่านั้น ออกเมืองเล็กๆต้องใช้ Visa กดเงิน แล้วบัตรเราก็ยังมีข้อจำกัดอีกคือ ต้องใช้รูดจ่ายมากกว่า 200 NAD เท่านั้นอีก ต้องขอให้เจ้าหน้าที่คนที่เล่าให้ฟังช่วยรูดบัตรเครดิต แลกเป็นเงินสดออกมา
จากแผนที่ มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่ 4 จุด ได้แก่ Sossusvlei , Dune45 , Elim dune และ Sesriem canyon
•ค่าเข้า Namib-Naukluft Park 200 NAD ต่อ 2 วัน
•ค่าที่พัก Sesriem camp site 440 NAD ต่อ 2 คืน , wifi 50 NAD ต่อ 300 Mb
เช่าเต็นท์ 300 NAD ต่อคืน
•ATM ใน Sesriem มี 2 จุด ในปั๊ม Engen และใน Sossusvlei lodge
•ในปั๊ม Engen มี Internet Cafe Free wifi
ท้องฟ้าสลัวขมุกขมัวก่อนพายุจะเข้าคืนนี้ พายุทรายที่จะมาเดือนละครั้ง ตรงกับคืนที่เราพักพอดี
เต๊นท์เช่าที่กางไว้ก่อน เต็มไปด้วยทราย ท่ามกลางพายุทรายครั้งแรกในชีวิต เราหนีเข้าไปนอนในรถ และรถสั่นตามแรงลมตลอดทั้งคืน
Dune 45
กว่าจะถึงเช้าวันสดใส หลังพายุทรายผ่านไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เราตัดสินใจขับรถไปดูพระอาทิตย์ขึ้น Dune 45 ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด เพราะเมื่อคืนได้นอนแค่สองชั่วโมง
บนนั้นหนาวมากและลมพัดแทบปลิว ทรายกระจุยกระจายเข้ามาเต็มปากเต็มหน้า เช้านี้ไม่ต้องกินข้าวก็ได้นะ อิ่มทราย ฮ่า...
เราขับรถกลับมาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่อีกครั้ง จุดเดิม แต่บรรยากาศไม่เหมือนเดิม ลมสงบขึ้น อุ่นขึ้น และนักเดินทางมากขึ้น
Canyon ห่างจาก Sesriem 4.5 กม. ใช้เวลาขับรถ 30 นาที
Elim dune ห่างจาก Sesriem 7 กม. เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอีกที่ที่ใกล้กับที่พัก แต่เราอยากแนะนำไปดูที่ Dune 45 ดีกว่า
คืนนี้พายุสงบ และเป็นคืนที่ไม่ต้องคิดต่อว่าพรุ่งนี้จะไปไหน จะนอนไหน ไม่แพลนอะไรแล้ว คืนสุดท้ายของการผจญภัยในดินแดนทะเลทราย
Sesriem to Windhoek
Road : C19 , C24 , B1
Distance 333.3 km , Time 7 hrs
ถนนต่อถนน เป็นเส้นทางกลับที่ยาวนานมาก พอมีเวลาทบทวนการเดินทางในครั้งนี้ได้นานเลยทีเดียว
แล้วทำไมต้องนามิเบีย...คำถามในเมืองสุดท้ายของทริป บางทีคำตอบอาจต้องย้อนกลับไปนึกถึงหนังสือเล่มโปรดอย่าง ‘The Little Prince’...“ ดวงดาวอะไรประหลาดเช่นนี้ มันช่างแสนจะแห้งแล้ง แหลมคม และเค็ม “
Emergency contact : สถานเอกอัครราชทูตไทย ตั้งอยู่ที่กรุงพริทิเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งดูแลคนไทยในประเทศนามิเบียด้วย
(ประเทศที่ดูแล: แอฟริกาใต้ มอริเชียส ซิมบับเว เลโซโท โมซัมบิก แซมเบีย บอตสวานา แองโกลา สวาซิแลนด์ นามิเบีย และมาลาวี)
428 Pretorius/Hill Street Arcadia, Pretoria 0083 P.O. Box 12080 Hatfield, Pretoria 0028
โทรศัพท์: +2712 342-4600, 342-5470
โทรสาร: +2712 342-4805
อีเมล์: [email protected]
เว็บไซต์: http://www.thaiembassy.co.za/
เวลาทำการ: Monday - Friday 9.00 - 12.00 / 14.00 - 17.00 hrs.
Visa and Consular section: 9.00 - 12.00 / 14.00 - 16.00 hrs.
(ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ http://sameaf.mfa.go.th/th/embassies/royal-thai-embassy-consulate/africa/)
Emergency number (Update Sep 2018)
City Police (Free) 061 303 302
City Police Anonymous SMS 4444
Town ambulance service 061 203 3282
Windhoek central hospital 061 203 9111
Fire Bridge 061 211 111
EMED 24 Tel. 061 299 9924
And...More great things to do in Namibia? แนะนำเราได้เลย และถ้าใครอยากได้รายชื่อแคมป์ในแต่ละเมืองพร้อมเบอร์ติดต่อ เราจะลงข้อมูลเพิ่มให้อีกที
Tips : เช่า 4x4 ไม่ขับเร็วบนถนนลูกรัง (Gravel road) ของมีค่าเก็บใต้ช่องที่นั่ง ถึงที่พักก่อนค่ำ จำเป็นต้องเปิดกระจกรถให้ลดลงนิดเดียว อย่าให้มือล้วงเข้ามา ปกติไม่มีตำรวจโบกให้จอด ยกเว้นเข้าเขตเมือง สนุกในการเดินทางและขอให้ปลอดภัยค่ะ
อีกหลายเส้นทางของเรา ที่นี่ www.facebook.com/Inspiremyjourneys
InspireMyJourneys
วันพฤหัสที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 22.29 น.