การเดินทางที่ใช้เวลา 49 วัน ใน 12 ประเทศ 31 เมือง ได้สิ้นสุดลง ทริปแรกที่เดินทางไกลกับสมุดบันทึกเล่มเล็ก เราตั้งใจเขียนกระทู้นี้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลการเดินทาง
23 พฤศจิกายน สนุกแต่เริ่มเลย เราถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 3 ชั่วโมง กำหนดบิน 9 โมงเช้า เพื่อไปต่อเครื่องที่ Oslo ประเทศ Norway และในเช้าของวันนั้นเอง สายการบินแจ้งยกเลิกเที่ยวบิน เปลี่ยนไฟท์บินใหม่เป็น 2.30 ของวันถัดมา เลื่อนต่อไปอีก 3 ครั้ง จนเกือบค่ำก็ยังไม่ได้บินด้วยปัญหาล้านแปด เพื่อความปลอดภัยเราตัดสินใจซื้อตั๋วบินกับสายการบินอื่นแทน
กิจกรรมระหว่างรอ เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการชดเชยของสายการบิน ปกติไม่เคยได้หาข้อมูลอะไรแบบนี้มาก่อน ประสบการณ์ครั้งแรกที่โดนยกเลิกเที่ยวบินและดีเลย์ยาวขนาดนี้ ประกันการเดินทางจึงสำคัญอย่างมากในการเดินทางแต่ละครั้ง
มื้ออาหารที่ได้ชดเชยจากสายการบิน กับแพลนเที่ยวเมือง Oslo และเมือง Munich วันแรกที่ล่มสลายไป......
ร่างกายเริ่มล้าและเพลียที่ต้องนั่งรอไฟท์บิน ติดต่อขอคืนตั๋วเดิม และหาซื้อตั๋วใหม่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างหายแว้บทันทีเมื่อเครื่อง take-off เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้า
[เมืองที่ 1 : ข้อมูลสำหรับการเดินทาง เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน]
การเดินทางจากไทยมีสายการบินอะไรบ้าง :
•Emirates Airlines ต่อเครื่องที่เมือง Dubai ,United Arab Emirates
•Norwegian Airlines ต่อเครื่องที่เมือง Oslo ประเทศ Norway
•Aeroflot Airlines ต่อเครื่องที่เมือง Moscow ประเทศ Russia
•Thai Airways เที่ยวบินตรง
•Egypt Air ต่อเครื่องที่เมือง Cairo ประเทศ Egypt
•Oman Air ต่อเครื่องที่เมือง Masqaṭ ประเทศ Oman
•Etihad Airways ต่อเครื่องที่เมือง Abu Dhabi ,United Arab Emirates
•Turkish Airlines ต่อเครื่องที่เมือง Istanbul ประเทศ Turkey
ภาษา (Languages) : German , English พูดอังกฤษได้เยอะมาก
วีซ่า (Visa) : Schengen visa
สกุลเงิน (Currency) : Euro
การเดินทางภายในเมือง : S-bahn , U-bahn , Tram , Coach (Central bus station หรือ ZOB หรือ Busbahnhof จะเชื่อมต่อกับ S-bahn ที่สถานี Hackerbrücke)
เท้าแตะถึงสนามบินมิวนิค (Flughafen Munchen) ลงบันไดเลื่อนมาด้านล่างเพื่อซื้อตั๋วรถไฟ S-bahn (สาย S1,S8) ไปสถานีรถไฟ (Hauptbahnhof Central Station) ด้วย Airport city day ticket
ตู้ขายตั๋วอยู่ติดกับร้านหนังสือ Newspoint รถไฟออกทุก 10 นาที ใช้เวลาเข้าเมือง 35 นาที
•วิธีการซื้อตั๋วให้ Touch screen บนหน้าจอเลือก “MVV Münchner Verkehrs-and Tarifverbund” แล้วเลือก “Airport-City-Day-Ticket” ราคา 12.80 ยูโร จ่ายด้วยเหรียญ แบงก์ บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตได้
•เครื่องจะ Validated ตั๋วให้ทันที ใช้ได้จนถึง 6.00 น.ในวัดถัดไป ไม่แนะนำให้ซื้อล่วงหน้านะคะ
ข้อมูลจาก mvv-muenchen.de
ส่วนตู้จำหน่ายตั๋วในเมือง เราลองกดดูหน้าจอว่ามีอะไรบ้าง
•Day tickets มีแบบ 1 day กับ 3 days
เลือกจำนวนคนเดินทาง
1 person (from 15)
2-5 person (2-5 adults or 10 children)
Child (Between 6 and 14 Entire network)
Bicycle day ticket (only suburban railway and underground ,restricted time : Mon-Fri 6 to 9 a.m. and 4 to 6 p.m.)
เลือกโซนเดินทาง
Inner zone (1 zone ในเมือง)
Munich XXL (2 zone ในเมือง)
Outer zone (3 zone นอกเมือง)
Entire network (รวม 4 zone)
ถ้าเราเลือก 1 person - Inner zone จ่ายราคา 6.60 ยูโร ก่อนใช้งานต้อง Validated ตั๋วกับเครื่องด้านล่างนี้
อาหารการกิน (Food) :
บริเวณด้านในและรอบๆสถานีรถไฟ ราคาอาหารถูกมาก แซนวิช 2.50 ยูโร น่องไก่ทอด 60 cent มีร้าน Asia hung เมนูถูกสุดคือ Nippon nudeln (ผัดหมี่ใส่ผักกินกับน้ำส้มเผ็ด) 3.50 ยูโร แพงขึ้นหน่อยจะเป็น Sausage และซูชิ
กาแฟร้อน ด้านในสถานีรถไฟ ร้าน YORMA’S ถูกที่สุด แก้วละ 1.80 ยูโรเอง แต่ร้านอื่นก็ไม่ได้แพงกว่านี้นะ แก้วละ 2-2.50 ยูโรเท่านั้นเอง
เบียร์ถูกกว่าน้ำจริงๆ ขอบวกหนึ่งอีกเสียงค่ะ
น้ำดื่ม (Tap water) สามารถเปิดแล้วดื่มจากก๊อกได้เลย
ที่พัก (Accommodations) :
Wombat’s hostel ใช้บัตรประชาชนของเราเป็น ID card เปิดปิดตู้ล็อคเกอร์ในห้องพัก ถ้าไม่ได้พกไปแบบเราทางที่พักจะถ่ายสำเนาพาสปอร์ต พร้อมค่า Deposit บัตร 5 ยูโร โดยจะคืนทุกอย่างวันเช็คเอาท์
Euro youth hostel ราคาจะถูกกว่า แต่ต้องหากุญแจล็อคตู้ล็อคเกอร์เอง ห่างจาก Wombat’s hostel 300 เมตร
เดิน 10 นาทีไป REWE city supermarkt ตรงข้ามสถานีรถไฟ
กิจกรรมสำหรับนักเดินทาง : วันแรกเราเดินทางด้วยบัตร Airport city day ticket ส่วนที่เที่ยวเราจะไปอยู่ 2 โซนหลักๆ
โซนแรก แถว Hauptbahnhof ใกล้ที่พัก(เดินทางมาที่นี่ด้วย S-bahn สาย S1,S2,S3,S4,S6,S7,S8 หรือ U-bahn สาย U1,U2,U4,U5) ด้านในสถานีรถไฟผู้คนมากมาย เราเข้าไปจุดนั่งพักรอรถไฟใกล้เปียโนสีดำ มี free wifi 30 นาที พอให้ได้ส่งข่าวบอกที่บ้านว่าถึงโดยปลอดภัย รอบตัวตอนนี้ดูแปลกใหม่ไปหมด เราค่อยๆนั่งจิบกาแฟและฟังคนเล่นเปียโนเพลินๆ ช่วยให้การเริ่มต้นดูผ่อนคลายขึ้น
นั่งรถราง (Tram) รอบเมืองไปเรื่อย โดยป้ายและเสียงประกาศใช้ภาษาเยอรมันทั้งหมด ผ่านถนน Romanplatz สวยมากเหมือนชื่อถนน เราลงป้าย Rotkreuzplatz เดินรับอากาศเย็นหลังฝนตก แล้วค่อยนั่ง U-bahn สาย U1 กลับมาลงสถานีรถไฟ (Haupbahnhof)
เราชอบเข้าสวนสาธารณะ ชอบที่ที่ต้นไม้เยอะ ดูเงียบสงบ และสวนที่แรกของทริปตั้งอยู่ใกล้ Schloss Nymphenburg (เดินทางโดยนั่ง S-bahn สาย S6 มาลงสถานี Liam)
แพลนวันแรกออกจะดูวนไปมา นักเดินทางมือใหม่จะไปไหนก็ดูตื่นเต้นไปหมด เปิดแผนที่แล้วไปต่อโซนที่สอง Neo-Gothic town hall ย่านยอดนิยมในโซน Green area ชมหอนาฬิกาที่มีเสียงบรรเลงด้วย Glockenspiel เวลา 11.00 และเที่ยงวันในทุกวัน เพิ่มช่วง 17.00 ในฤดูร้อน (เดินทางโดยนั่ง S-bahn ลงสถานี Marianplatz หรือ U-bahn นั่งสาย U3,U6)
ถัดจากหอนาฬิกาจะเจอโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดชื่อ Church of St.Peter หรือ Alter Peter ซึ่งถ้าขึ้นบันไดไป 300 ขั้น จะเห็นวิวพาโนรามาของเมืองมิวนิคที่ล้อมรอบด้วยภูเขาแอลป์ในวันท้องฟ้าเปิด แต่.....ที่นี่เมื่อเช้าฝนตกและหลัง 15.30 น.โบสถ์ก็ปิดแล้ว แต่รอบโบสถ์ด้านล่างก็สวยไม่แพ้กัน
Christmas market เล็กๆในช่วงฤดูหนาว มีเบียร์ร้อน ไวน์ร้อน ไส้กรอกย่าง ให้ได้ชิมตามใจชอบ พอหอมปากหอมคอแล้วนั่ง S-bahn กลับที่พัก
เดินอ้อมไปถนนด้านหลังโฮสเทล ชมบรรยากาศยามเย็นเส้นถนน St.Paul เย็นจนหนาว หนาวจนสั่น ลมพัดแรงจนต้องเดินลงไปหลบในสถานี Metro หน้าโบสถ์ St.Paul
เดินแก้หนาว เดิน เดิน เดิน จนเจอสวนสาธารณะ Spielplatz ด้านข้างมีจัดงานใหญ่ Tollwood market ปีนี้จัดในช่วง 23 พฤศจิกายน ถึง 23 ธันวาคม ถึงหน้าหนาวจะมืดเร็วแต่มีสถานที่แสงสีให้เดินเพลินจนดึกดื่นเต็มไปหมด
ความเป็นตลาดของที่นี่ จะมีโดมหลายๆโดมตั้งรอบๆ แต่ละโดมจะขายของแตกต่างกัน เช่นโดมเสื้อผ้าชุดบาวาเรีย โดมเครื่องหนังทำมือ และโดมขายเบียร์
โซนด้านนอก มีบาร์ขายเครื่องดื่ม ขนมปัง แซนวิช มื้อค่ำวันนี้เราฝากท้องไว้กับขนมปังก้อนใหญ่ที่แข็งๆเย็นๆเค็มๆ และการปรับตัววันแรกก็เป็นไปแบบสบายๆ
...
..
.
7 โมงเช้าวันถัดมา อากาศหนาวสุดๆ เข้าไปซื้อกาแฟร้อนในสถานีรถไฟ แล้วเดินจิบกาแฟชมเมืองไปเรื่อยๆ ชมตึก Karlsplatz/Stachus ย่านนี้เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังย่าน Marienplatz ได้ (เดินทางมาที่นี่ด้วย S-bahn : S1,S2,S3,S4,S6,S7,S8 หรือ U-bahn : U4,U5)
อ้อมมาทางด้านหลังมีสวนสาธารณะให้ได้นั่งพัก ตอนเช้าอากาศดีมีคนวิ่งรอบสวนรอบเมืองเต็มไปหมด
เข้าสู่ย่านช้อปปิ้งในเมืองอีกครั้ง เห็นโบสถ์ที่มีตัวตึกโดดเด่นด้วยสีเหลือง ชื่อว่า Theatine church St.Cajetan โบสถ์คาทอลิคที่มีลักษณะเป็นตึกสูงใหญ่อลังการ สถาปัตยกรรมสไตล์ Baroque ที่ออกแบบโดยชาวอิตาเลียน เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิคเลย ใหญ่โตจนไม่รู้จะเก็บภาพยังไงหมด
ฝั่งตรงข้าม มีสวนใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค ชื่อ im Hofgarten ในความเป็นจริงสวนที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามแห่งนี้ มีประวัติที่ไม่ได้สวยงามนักในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาได้ถูกทำลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นมีการสร้างสวนแห่งนี้ขึ้นใหม่ให้ชาวเมืองและนักเดินทางได้เข้าชมฟรี (เดินทางมาที่นี่โดย S-bahn สถานี Odeonsplatz)
แวะ Mittelaltermarkt Munchen พ่อค้าแม่ค้าในตลาดจะสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์บาวาเรียขายของกัน ดูแล้วน่ารักมาก
โซนที่สอง เดินเที่ยวที่จตุรัส Marientplatz ย่านยอดนิยมที่สุดของเมืองมิวนิค ติดกับ New town hall และ Old city hall ชมสถาปัตยกรรมใต้แสงไฟยามค่ำคืน
ในเมืองมิวนิคมีร้านเบียร์เยอะทุกย่าน ทั้ง Beer halls และ Beer gardens สมกับเป็นเมืองเบียร์จริงๆ
ด้านหลังจตุรัส Marienplatz เป็นย่านช้อปปิ้งตึกสูงไฟสวยละลานตารอบทิศทาง
48 ชั่วโมงในเมืองมิวนิคผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราหาของกินนิดหน่อยก่อนเดินกลับที่พัก เตรียมตัวเดินทางไปเมืองฟุสเซ่นวันพรุ่งนี้
ไปไหนต่อ (Where to go next) : จากเมืองมิวนิค
•นั่งรถไฟไปเมือง Fussen , Rothenburg ob tauber , Nuremberg
•นั่งรถบัสไปเมือง Salzburg ประเทศ Austria
And...More great things to do in Munich? แนะนำเราได้เลยนะ
อีกหลายเส้นทางของเรา ที่นี่ www.facebook.com/Inspiremyjourneys
InspireMyJourneys
วันพฤหัสที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 01.17 น.