หน้าฝนอากาศเย็นๆแบบนี้ อย่ามัวแต่นอนเพลินเคลิ้มไปกับบรรยากาศ ออกไปลุยฝน สูดกลิ่นธรรมชาติบนดอยอินทนนท์กันดีกว่า
ส่วนใหญ่เวลาพูดถึงดอยอินทนนน์ เรามักจะถึงถึง จุดสูงสุดแดนสยามพร้อมภาพที่คนมักไปถ่ายคู่กับป้าย(เราเองก็เช่นกัน) แต่จริงๆ แล้วดอยอินทนนน์นั้นมีที่เที่ยวธรรมชาติมากมายเลย เรียกได้ว่ามาดอยเดียว ได้ออกซิเจนล้างปอดกันเต็มอิ่ม สายตากลับมาสุขภาพดีด้วยความสบายตาจากการมองธรรมชาติสีเขียวแบบ 360 องศาเลยทีเดียว
ว่าแล้วมาดูกันดีกว่าว่าที่ดอยอินทนนน์ ช่วงหน้าฝนแบบนี้มีที่ไหนให้ไปเที่ยวบ้าง
ทริปนี้ไปกันสองคน ตั้งใจเลยว่าจะขึ้นดอย พวกเราเดินทางกันโดยรถยนต์ค่ะ ที่เลือกเช่ารถเพราะอยากลองขับรถขึ้นเขา แต่ก็ลืมคิดวา เอ๊ะ ขับรถขึ้นเขาไม่เป็นว่ะ เอ๊ะ นี่มันหน้าฝน เอ๊ะ แล้วที่เราจะไปมันอินทนนท์ขับยังไงวะ แต่ก็ลองขับไปดูชมบรรยากาศเขียวชะอุ่มไปตลอดทาง
#1 จุดแรกที่เราเข้าไปคือ "บ้านแม่กลางหลวง"
ภาพนาขั้นบันไดสีเขียวชะอุ่มทั้งเขาที่เคยเห็นตามรีวิวได้มาแข่งกันอวดความเขียวอยู่าตรงหน้า นาทีนั้นบอกเลยว่าดีมากๆๆๆ เขียวมากๆๆๆ สวยมากจริงๆ มีหมอกจางๆด้วย เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหวที่จะจอดรถลงไปสูดหายใจแรงๆ หันไปทางไหนก็สบายตาไปหมด
ความเขียวชะอุ่มนี้ก็โอบอุ้มไปด้วยน้ำในดิน ใครที่อยากเดินเล่นเข้าไปถ่ายรูปก็อย่าลืมเตรียมรองเท้าที่พร้อมเปรอะเปรื้อนธรรมชาติไปด้วยนา ส่วนของเราก็แตะหนีบสบายๆ เลย
หลังจากยืนถ่ายรูปกันพักใหญ่ก็เริ่มมีฝนโปรยลงมา เราก็ตัดสินใจเดินทางไปต่อ ระหว่างทางก็มีต้นไม้เขียวชุ่มฉ่ำเต็มไปหมด เปิดกระจกไปด้วย สัมผัสกับแอร์จากธรรมชาตินี้มันดีจริงๆ
#2 จุดที่สองคือสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
ที่ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ นั้นมีทั้งบ้านพัก น้ำตก สวนดอกไม้ ร้านอาหารสุดอร่อย และสวนผัก พอไปถึงอินทนนท์ก็รีบเดินดุ่มๆเข้าไปข้างใน ไม่ได้ถ่ายกับป้ายอินทนนท์เลย เดินเข้าไปข้างในก็เจอแต่ต้นไม้ใหญ่เขียวเต็มไปหมด
ภาพหน้าห้องพัก
สลัดผักที่โคตรจะสด เพราะเค้าปลูกกันเองตรงนั้นเลย
(อาหารอร่อยทุกอย่าง ชอบม๊ากกก)
#3 น้ำตกวชิรธาร
และถ้าเดินเลยจากแถวที่พักไป ก็จะมีป้ายทางชี้ไปยัง "น้ำตกวชิรธาร" เดินดุ่มๆ กันเข้าไปสักพักนึง แต่ตอนนั้นที่จริงก็พักใหญ่นะ เดินเลี้ยวไปมาหาไม่เจอ 5555 ในที่สุดก็จะเจอกันน้ำตกวชิรธาร ถือว่าสวยระดับนึงเลย ยิ่งไปช่วงหน้าฝนก็จะเจอกับน้ำเต็มๆนาจาาา
เดินทางต่อจากสถานีเกษตรหลวงอินทนนน์เราขับรถขึ้นเขาไปอีกสักพักก็จะเจอกับ ...
#4 พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
ซึ่งวันที่่เราไปเนี่ย หมอกลงจัดมากกกกก ตั้งแต่ตอนขับรถขึ้นมา ทำให้มองไม่เห็นวิวอะไรเลยค่า เห็นทางแบบ 10 เมตรไม่เกิน และอากาศเย็นมาก ใส่ขาสั้นไปนี่สั่นเลย นี่คือสิ่งที่เราเห็น
ก็ดูคลังและมีพลังไปอีกแบบ ~.~
หลังจากกราบไหว้ และเดินดูดอกไม้รอบๆ นิดๆ หน่อยๆ เราก็เดินทางขึ้นไปกันต่อจุดต่อไปที่เราจะไปคือจุดสูงสุดแดนสยาม
#5 ยอดดอยอินทนนน์ "จุดสูงสุดแดนสยาม"
ตอนที่ไปถึงคู่ขาที่ไปด้วยถามว่าไหนวิวๆๆๆ จากจุดสูงสุดแดนสยาม คือเตรียมใจจะมาดูมาก แต่ทว่าคู่ขาหารู้ไม่ว่าสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นจุดสูงสุดแดนสยาม คือ ป้ายตะหาก วะฮาฮ่า (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ) เมื่อนางรู้ นางก็ดู Blank ไปชั่วขณะ แต่ตรงนั้นก็มีที่ให้เดินวนๆ นิดนึงนะ
โดยตรงจุดสูงสุดนอกจากจะมีป้ายแล้ว ก็ยังมี
"พระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์หรือที่เรียกว่ากู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์" ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรดาต้นไม้สูงใหญ่ วันนั้นที่ไปที่จุดสูงสุดนั้นมีเหมือน้ำฝน หรือน้ำค้างที่หยดมาตลอดเวลา อาจเพราะอากาศบริเวณนั้นมีความชื้นสูงมากๆ ทำให้เกิดหยดน้ำเกาะตามต้นหญ้า ต้นไม้เต็มไปหมด เป็นบรรยากาศของความเขียวชะอุ่มมากๆ ปกติถ้าเราไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวก็จะเป็นอากาศแห้งๆ ซะมากกว่าเนอะ
d
หลังจากเดินวนจบรอบส่วนของจุดสูงสุดแดนสยามที่สุดแสนจะเขียวชะอุ่มแล้ว เราก็อยากจะไปที่กิ่วแม่ปาน เพื่อไปเดินเส้นทางธรรมชาติที่เห็นคนอื่นถ่ายรูปชิคๆ คูลๆ ชู้ปี้ดูบ้าง แต่ ... ปิดจ้า เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ จะเปิดอีกทีก็พฤศจิกายน แต่ แต่ แต่ ... มีอีกเส้นทางธรรมชาตินึงที่ตั้งอยู่ตรงแถวยอดดอยอินทนนน์นั่นก็คือ
#6 เส้นทางศึกษาธรรมชาติ "อ่างกา"
ขอบอกเลยใครที่ว่ายอดดอยเขียวชะอุ่มแล้ว มาเจอเส้นทางเดินนี้ต้องแพ้ไปเลย เพราะอุดมสมบูรณ์ม๊ากมากกกกก น้ำหยดติ๋งๆ ตลอดทางเลยแหละแกรรร
มารู้จักอ่างกากันก่อนนะ (ข้อมูลจาก: emagtravel.com)
- "อ่างกา" เป็นแอ่งน้ำขนาดสิบกว่าไร่ อยู่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี ที่มาของชื่อ "อ่างกา" มีอยู่ประมาณ 3 ที่มา เช่นมีหินคล้ายรูปกาอยู่บริเวณนี้, ในสมัยก่อนเคยมีอีกามาเล่นน้ำบริเวณแอ่งน้ำ, และอันสุดท้าย เพี้ยนมาจากภาษาชาวเขา "อั่งกา" ที่แปลว่าภูเขาใหญ่
- ระบบนิเวศน์ของอ่างกาเป็นระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนที่ไหน เนื่องจากอยู่บนที่สูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีหมอกปกคลุมตลอด อุณหภูมิเฉลี่ย 12 องศา มีความชื้นสูง พืชที่อยู่ในบริเวณนี้ก็จะมีพืชที่หาชมได้ยาก อย่างเช่น ข้าวตอกฤาษี กุหลาบพันปี บนต้นไม้ใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยมอส เฟิร์น จนแทบหาที่ว่างตามกิ่งไม้ไม่ได้
- โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะมีระยะทางประมาณ 300-400 เมตร เป็นพื้นที่ราบไม่อันตราย
ตอนที่เดินเข้าไปเราสองคนรู้สึกเป็นคนอ้วนที่กลายร่างเป็นตัวจิ๋วในป่ายักษ์ เอาสี๊ ธรรมชาติทำให้เราตัวเล็กได้ล่ะ
คือธรรมชาติมันยิ่งใหญ่จริงๆ ส่วนตัวยังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนแล้วเจอความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้นเหมือนที่นี่เลย และตอนที่ไปเดินเข้าไปกันแค่สองคน เพราะไปวันธรรมดาตอนหน้าฝนคือเงียบมากกก และพระอาทิตย์ก็ไม่ได้สาดแสงแรง มีความหลอนแบบ จะมีอะไรออกมาแว่บๆ ไหม ถ้ามีก็วิ่งลั่นแน่นอน
มาดูกันดีกว่าว่าเขียวขนาดไหน
เขียวแค่ไหนลองถามใจเธอดู
เส้นทางเดินด้านในเป็นสะพานไม้
เพื่อไม่ให้เราไปรบกวนธรรมชาติ เดินตามทางด้วยนะ
เราเดินถ่ายรูปเล่นดูธรรมชาติเพลินๆ ในนั้นกันประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็เดินครบรอบเส้นอ่างกาแล้ว รู้สึกชอบมาก เพราะมันธรรมชาติมากจริงๆ ทำให้รู้สึกสงบและอินกับฟีลนี้มาก เดินแล้วอยากไปเดินเส้นทางธรรมชาติทุกที่เลย เพราะว่ามันมีอะไรที่เราไม่เคยเห็นเยอะมาก ใครไปดอยอินทนนน์ก็ลองไปเดินที่อ่างกากันดูนะแล้วจะตื่นเต้นกับความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่
สิ่งที่เราได้จากการไปเที่ยวอินทนนน์รอบนี้ก็คือ
- ไม่เปียก ไม่ฝน ไม่มีความเขียวให้เห็นนะแจ๊ะ
- โปรดศึกษาเส้นทางและฝึกขับรถก่อนขึ้นเขา เพิ่งเคยขับขึ้นเขาครั้งแรกที่นี่ตื่นเต้นมากกกก คือทางที่อินทนนน์ดีมาก แต่ว่าทางลงเป็นเส้นชันยาวหลายกิโล ควรระวังเบรคไหม้ และ ระวังหมอกลง!
- *ถ้าไปหลายคนเช่ารถสองแถวน่าจะโอเคเพราะหารกันได้ แต่ถ้าไปน้อยคนเราว่าเช่ารถเวิร์คกว่าเพราะแวะได้ทุกจุด และราคาไม่แพง ตอนไปเราหาตั๋วรถเช่าราคาโปรโมชั่นได้มาคันละไม่ถึงพัน ไปได้ชิวๆ เลย
- อาหารและที่พักของสถานีเกษตรหลวงอินทนนน์อร่อยเริ่ดและนอนสบายๆ
- อากาศและบรรยากาศในสถานีเกษตรหลวงอินทนนน์น่าไปขอทำงานมาก ....
- จุดสูงสุดแดนสยาม ไม่มีวิวภูเขาให้ดู หรือถ้ามีก็บอกเลยว่าตอนนั้นไปไม่เห็น
- อ่างกา ทำให้เราตัวเล็กลงได้ เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตในขวดโหลเลย
ลาละนะ
AS A TRAVELLER
FB: https://www.facebook.com/asatraveller/
As a Traveller
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.28 น.