***ข้อมูลต่อจากนี้เป็นเนื้อหาที่ลิ้งค์มาจากพันทิพย์เดิมค่ะในปี 2556 ค่ะ

นั่งรถตามรอยเราสองสามคนไปเรื่อยๆแบบไม่มีแผนใดๆ โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ทะเลทรายมุยเน่จ้าา

ความเดิมตอนแรก จากระทู้ >> รีวิว นั่งรถ ตามรอยเราสองสามคน ไปเวียดนามกลาง-ใต้ (เว้ ฮอยอัน ดาลัด มุยเน่ โฮจิมินห์) No Map No plan http://pantip.com/topic/33449287

 จากเว้ พวกเรานั่งรถไปฮอยอัน เมืองมรดกโลก อันโด่งดัง ประมาณ 4 ชั่วโมงคะ ผ่านดานังด้วยคะ เราสามารถดูว่าจะถึงดานัง ตอนผ่าน ริมชายหาดคะ และเราก็จะเห็นสะพานมังกรคะ

นี่แหละคะสัญลักษณ์ สะพานมังกร ของดานัง

     อีกแปปเดียวก็ถึงฮอยอันคะ พนักงานไม่บอกอะไรเลย ว่าคืออะไร ทุกคนลงจากรถหมด นักท่องเที่ยว งงหมดทุกคนคะว่า นี่ที่ไหน ไม่เห็นเขียนคำว่า hoi an เลยสักคำ เราเลยลงมา แบบงงๆ กันหมด จากนั้น เราก็เดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาโรงแรม จากท่ารถแนะนำนะคะว่าให้เดินออกมาจนเจอถนน และขวามาเรื่อยๆคะ เพราะว่าตอนแรกเดินหลงไปมา ไม่มีแผนที่ ตามเคยคะ เดินทางขวา เจอไปรษณีย์ และก็เดินตรงไปเรื่อยๆคะ จนเจอ ซอยที่มีร้านขายเสื้อผ้า หัวมุมเป็นร้านกาแฟ ซอยนั้นจะโรงแรมเยอะมากคะ เดินเข้ามา ละแวกนั้น จะมีโรงแรม หลายราคา เราเลือกโรงแรม อันแรกที่เจอเลยคะ เพราะว่าสามารถเดินไป เที่ยวตลาดเมืองเก่าได้ใกล้ๆ แถม ค่าห้องก็ไม่แพงมาก แถมห้องใหญ่ด้วยคะ สามารถนอนได้ถึงสี่คน แต่ว่าเราไปกันสองคน นอนเตียงใหญ่ได้สบายเลย

คำแนะนำ : โรงแรม ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องใช้จ่าย ส่วนใหญ่เขาจะคิดเงินเป็นดอลล่าเลยคะ ดังนั้น ควรแลกดอลล่าไปเยอะๆ หน่อยคะ เงินดองเอาไว้กินใช้ปกติ แต่ถ้าเป็นค่าที่พัก ค่ารถ มักจะต้องการให้เราจ่ายเป็นเงินดอลมากกว่า เพราะว่าเขาจะได้กำไร ตอนแลกคืน ซึ่งเราลองคำนวณดู เราก็ไม่ขาดทุนนะคะ แถมยังไม่มีเศษเงิน เล็กๆ ยิบย่อยให้ปวดหัวเหลือกลับไปไทยมากด้วย

      ส่วนทิป เอาเงินไทยเนี่ยแหละคะ แลกแบงก์ย่อยไป เยอะหน่อย เคยเอาไปให้ คนที่เกสเฮ้าที่ ดาลัด 40 บาท เขาถึงกับดีใจเผลอกอด พวกเราเลยทีเดียวคะ

จากนั้นเราก็ออกมาเดินเล่นกันตอนเย็นๆคะ มีร้านอาหาร มากมายให้เลือกคะ แต่ที่แน่ๆ ที่อยากให้ชิม อาหารขึ้นชื่อของฮอยอันคะ นั่นคือ เกาเหลา (Cao lầu) ไม่ต้องแปลกใจนะคะว่า ชื่อนี้จริงๆ หรอ งั้นก็เหมือนเกาเหลาบ้านเราหน่ะซิ เรากับเพื่อน ก็ตอนแรกเข้าใจว่า เป็นแบบนั้นเหมือนกันคะ คิดว่าแม่ค้าพูดาภษาไทยใส่ แต่ที่ไหนได้ ไม่ใช่ สั่ง ข้าวด้วยสองจาน แต่เขาฟังไม่รู้เลยได้มาสองจาน เกาเหลาของฮอยอันนั้น เป็นก๋วยเตี๋ยวแบบเฉพาะของเมืองฮอยอันคะ 555 ใครที่ชอบกินผัก แนะนำเลยคะ เมนูนี้เราประทับใจมาก ขนาดกลับมายังอยากกินอีกเลย ร้านเวียดนามในไทยหาเมนูนี้ก็ไม่ค่อยมีคะ เรียกง่ายๆ ว่าอยู่ที่ฮอยอันกินเมนูนี้แทบทุกวันคะ เพราะว่าชอบกินผักสดๆ ของเขาอร่อยมาก กรอบๆ เข้ากับน้ำก๋วยเตี๋ยวคลุกคลิกๆ

อร่อย ฟินมาก ผักที่เวียดนามเด็ดจริงๆ สำหรับคนชอบกินผัก

           หลังจากกินอาหารเสร็จ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสนิท ทุกบ้านที่มีโคมไฟ ต่างพากันเปิดไฟ สวยมากๆ เลยคะ พร้อมกับลวดลายของโคมไฟ ที่มีลายดอกไม้ และมีหลากหลายสี อยากจะได้มาแขวนที่บ้านสัก สามสี่อัน ห้องนอนคงจะสวย เหมือนเมือง ฮอยอัน คลายแม็กซ์ ยังไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ แต่อยู่ที่อีกฝั่งนึงคะ นั่นคือเมื่อเราเจอสะพานญี่ปุ่น ชื่อดังที่ฮอยอันแล้ว เขามีการเปิดไฟเล่นกับสะพานด้วยคะ สวยประทับใจ แถม ตรงบริเวณน้ำ ใต้สะพาน มีคนเอาโคมไฟรูปดอกบัวลอยน้ำ เหมือนกระทงบ้านเราด้วยคะ สวยมากๆ

เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ จนข้ามฝั่งสะพาน ที่มีโคมไฟสวยๆ มีสาวเวียดนามนักท่องเที่ยวต่างชาติ กำลังนั่งถ่ายรูปกันเยอะแยะเลยคะ ซอยฝั่งตรงข้าม มีโคมไฟเยอะแยะมากมายมาต้อนรับนักท่องเที่ยว ฝั่งเมืองเก่าที่ว่าสวยแล้ว เมื่อข้ามสะพานมา ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่คะ บรรยากาศโรแมนติกมากๆเลย หลายคนซื้อโคมไฟเล็กๆ กลับบ้าน แต่เรา ต้องแบกเบ้ต่อไปอีกหลายเมืองเลยไม่ได้ซื้อคะ แต่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ดูเยอะเหมือนกันคะ บรรยากาศของฮอยอัน คล้ายๆ กับ เชียงคาน จังหวัดเลยบ้านเราเลยคะ เมื่อเทียบกันแล้ว


ต้อนรับกันด้วยรอยยิ้ม จากฮอยอัน

                   ที่ฮอยอันจะมีแม่น้ำที่สำคัญที่อยู่คือ แม่น้ำทูโบนนะคะ ตามโรงแรมจะพยายามขายทัวร์ ให้ล่องเรือชม Full moon พระจันทร์เต็มดวงคะ ถ้าคนไหนอยากล่องแม่น้ำ ดูก็ลองสอบถามราคาได้คะ ถ้าต่อรองได้เหมาะสมที่ต้องการก็ลองดูเลยคะ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงิน ก็เดินเอาก็ได้ ตรงสะพานนั่นแหละ แบบเรา ไม่ต้องนั่งแม่น้ำ แถมเดินชมได้รอบๆ อีกคะ  

บรรยากาศชิวๆ ท่ามกลางความมืด ก็เริ่มมีแสงไฟมาเรื่อยๆแล้วคะ

ยิ่งเดินไปลึกๆก็ยิ่งเจอความสว่างของเมืองแห่งโคมไฟนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆคะ

สะพาน ข้ามแม่น้ำ เขาก็ตกแต่งด้วยโคมไฟนะ

ส่วนใครอยากลองชิมกาแฟเวียดนามที่เขาว่ารสชาติดี ก็มีขายข้างสะพานนะคะ เรียกว่า ขายง่าย ขายคล่อง ขนาดดึกแล้วคนเวียดนามก็ยังกินกาแฟกันอยู่ ซึ่งถ้าสังเกตุตลอดทาง ที่เวียดนามจะมีร้านกาแฟนั่งยองๆ คนจะนั่งกันตลอดเวลา จนเรากับเพื่อนสงสัยว่าเขาไม่ไปทำงานกันหรอ กินกาแฟกันตลอด

อันนี้กาแฟ ผสมโยเกิ์ต แปลก แต่ลงตัวแก้ร้อนยังไงไม่รู้ ที่ฮอยอันวันที่ไปอากาศอบอ้าว ยันดึกเลยคะ

ระหว่างทางเดินกลับ เราก็ถามราคารถ ที่จะไป ดาลัด มาตลอดทางคะ ว่า ราคาเท่าไหร่ ระยะเวลา ส่วนใหญ่เดินทางเวลา 5 โมงเย็นคะ ระยะเวลาเดินทาง 15 ชั่วโมงคะ ถามไปถามมาราคาเดียวกันหมด เราเลยมาซื้อที่โรงแรม เพราะว่าจะได้ให้รถมารับที่โรงแรมเลยคะ

ตอนดึกๆ เราเดินหาร้านขนมกิน ซึ่งที่ ฮอยอัน บริเวณโรงแรมจะมีร้านที่เขียนว่า Mini Mart อยู่หลายร้านอยู่เหมือนกันคะ สามารถหาขนม นมอร่อยๆ กินได้คะ เรานั่งกินขนมข้างล่างโรงแรม ก็ได้เจอกับเพื่อน ชาวจีนที่มา Back Pack ด้วยนะคะ เป็นมิตรภาพอย่างหนึ่ง ที่เราจะนั่งตามโรงแรมคุยกับนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่าไปเที่ยว เมืองไหน มา น่าสนใจไหมคะ

      ส่วนใครอยากได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปก็สามารถ ลองเอารอยสัก ปลอม ๆ ของเวียดนามไปเป็นที่ระลึกได้เลยจ้า ตลอดทาง เราก็สงสัย เอารูปวางไว้กับพื้นนี่คือขายอะไร พอถามเขาเขาก็บอกว่า tattoo ไหม เราก็อ้อ เข้าใจและ เลือกรูปตามนั้น ราคาจะขึ้นอยู่กับความยากง่าย และใหญ่เล็กนะคะ ทำแปป เดียว ก็ได้รอบสักเก๋ อยู่เกือบอาทิตย์นึงแหนะ

วันที่ 4 เที่ยวฮอยอัน Sleeping bus ไปดาลัด

      วันนี้เรา Check Out ก่อนคะ เพราะว่า เรากะว่าจะเที่ยว ในตัวเมือง ให้ยันเย็นเลยคะ อากศที่ฮอยอัน ตอนกลางวันร้อนมากเลยคะ อบๆ เราเดินไปหาข้าวกินที่ร้าน อาหาร มีขายแบบเป็นเซตคะ ทุกเซตจะรวมอาหารพื้นเมืองของฮอยอันที่ได้กล่าวไว้เมื่อวาน นั่นคือ เกาเหลา ไว้แล้วคะ อร่อยเหมือนกันคะ แล้วเราก็เดินชมของฝากมาเรื่อยๆ ซื้อฝาก คนอื่นมั่ง เพราะว่า หลังจากนี้เมืองที่จะไป ของฝากไม่เยอะเท่าที่ฮอยอันแล้วคะ

เดินที่ฮอยอันอากาศร้อนมากเลยหาซื้อพัดมาคนละอัน สีสันสดใสมาก สามารถต่อราคา และแม่ค้าสามารถพูดภาษาไทยได้ เลยขอลดราคา มาได้สำเร็จ เลย เอามาพัดคลายร้อน เรียกได้ว่ากระพือทีเดียว เย็นเลยคะ อันใหญ่ ด้วย หลังจากที่ใช้ทดลองกับตัวเองมาครึ่งค่อนไว้เลย กลับมาซื้อพัดให้เป็นของฝากคะ เพราะว่า ทดลองมากับตัวแล้วว่าเย็น ทันใจดีคะ

            ร้านโคมไฟที่สวยๆ ตอนกลางคืน พอมาดูตอนเช้าไม่เท่าไหร่นะคะ บางอัน โคมไฟ ขาดๆ ด้วย ถ้าใครอยากจะซื้อโคมไฟ ให้ดูตอนไฟตอนดึกจำลายเอาไว้ แล้วมาซื้อตอนเข้าดีกว่า จะได้รู้ว่า โคมไฟของเราสภาพดีรึเปล่า

ต่อมาคือการนั่งรถที่ยาวนานที่สุด แบบไม่พัก ของทริปนี้ นั่นคือ นั่งรถจาก ฮอยอันไป ดาลัด เพราะว่า รถที่นี่จำกัด เรื่องความเร็วเลยทำให้ วิ่งได้ช้า ประมาณ 15 ชั่วโมงคะ     

      ตอนเย็นๆ รถ shatter bus มารับเราที่โรงแรมไปส่งที่ท่ารถที่ขาเรามาคะ ไม่ได้ไกลมาก ทั้งรถมีแต่ฝรั่ง พอรถ มาส่งถึงท่ารถ ก็ให้เราขึ้นรถที่ไป ดาลัดคะ เป็นแบบ sleeping bus เหมือนเดิมคะแต่คราวนี้ได้นั่ง ที่บน ริมหน้าต่าง ตอนนอนเหมือนจะตกยังไงไม่รู้ เวลากลางคืน เลยต้องรัด เข็มขัดที่เขามีให้ไว้ ถึงหลับได้คะ


            ตลอดกลางเดินทาง เราโชคดีที่เตรียมขนมไป เพราะว่ารถระยะทางยาวของเขาไม่มีอะไรแจกเหมือนรถทัวร์บ้านเราคะ มีให้แค่ ผ้าห่มอันเดียว แถมตอนดึกๆ รถจอด แบบไม่พูดอะไร นักท่องเที่ยว ทุกคน งงกันหมด คืออะไร ให้ลง หรือว่า ถึงไหน แล้วเสียงก็ลอยขึ้นมาขณะที่นักท่องเที่ยวทุกคนกำลังงง “40 Minutes” ทุกคนเลยลงไป เห็น คนเวียดนามนั่งกินข้าวกัน อย่าง สบายใจ ในคณะที่นักท่องเที่ยว งงกันหมด ไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำก็สกปรกมาก แถม อาหาร ที่เขากินกันคือฟรื หรือเสียเงินก็ไม่มีใครรู้ เลยเดินไปดู แบบงงๆ สรุปใจความได้ว่า ต้องเสียเงินซื้อกิน มีเมนูอาหารแบบภาพให้ชี้ว่าจะเอาอะไร ราคาไม่ถูกเท่าไหร่นะคะ และรถชาติก็ เรียกได้ว่า กินกันหิว อย่าได้หาความอร่อย สองคำเลิกกินคะ นี่ขนาดหารกับเพื่อนคนละครึ่งนะคะ กินเสร็จก็ยังมีเวเลาเหลือไปแปรงฟัน อะไรได้มากมาย พอจะขึ้นรถ ก็ตามๆกัน นักท่องเที่ยว ทุกคนก็ งงๆกันตามเคย

วันที่ 5 ดาลัด

   เรายังคงอยู่บน รถ sleeping bus เช่นเคยคะ ยัน 6 โมงเช้า รถมาจอดที่ท่าร แห่งหนึ่ง ชาวเวียดนามลงจากรถกันหมด คนขับรถก็ลงคะ แต่คราวนี้ไม่มีเสียงเรียกบอกเวลาเหมือนตอนแรกๆคะ เล่นเอานักท่องเที่ยวทุกคนงงเลยคะ ว่าที่นี่คือที่ไหน และทุกคนเลยเข้าใจว่ายังไม่ถึง เลยนอนต่อ แต่ นานไป รถไม่ไปต่อสักที เลยลงไปทีละคนๆ ถึงได้รู้คะ ว่า นี่เรามาถึง นาตรัง (Na Trang) และยังไงต่อละคะ เราไม่ได้จะไปนาตรัง เราจะไปดาลัด ทุกคนงง กันหมด ในใบหรือว่าบริษัทจองตั๋วรถที่โรงแรมไม่มีบอกว่าจะต้องเปลี่ยนรถ เราไปถามพนักงาน เขาบอกว่า ให้ไปท่ารถที่อยู่ใกล้ๆ ไปรอรถที่จะไปดาลัด ซึ่งรถจะออก 8 โมง เลยพอมีเวลาเที่ยวละแวกนั้น หาของกินยามเช้าคะ

นี่แหละ เจ้ารถที่เรานั่งมาทั้งคืน

   คำแนะนำ:ก่อนขึ้นรถ เราจะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงนะคะ ซึ่งเขาจะมีไว้ให้หน้ารถข้างๆคนขับ ถ้าคนไหนฟังไม่รู้เรื่องก็จะโดนร่ายยาวมาเป็น ภาษาเวียดนาม และในรถ จะมีที่นั่งระบุไว้แล้วนะคะ หากสงสัยก็รอก่อน ถามเขาได้ ถ้าไปแย่งที่ก็จะโดนคนเวียดนามมองแปลกๆ ส่วนใหญ่ด่านล่าวจะเป็นคนเวียดนามซะส่วนใหญ่ส่วนด้านบน ต่างชาติล้วนๆจ้า

เมื่อถึงเวลา 8 โมงรถ van คันเล็กไม่ใหญ่เท่ารถบัส แบบนั่ง ก็มาพร้อมกับแขกที่มีอยู่บ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อันนี้ไม่มีที่นั่งระบุ อยากนั่งตรงไหนก็นั่งได้เลย ที่ต้องเปลี่ยนเป็นรถที่เล็กกว่าเพราะว่า เป็นทางขึ้นเขาคะ เนื่องจากดาลัด มีลักษณะภูมิศาสตร์ที่สูง จะต้องผ่านเขาขึ้นไปคะ ตอนไปอากาศร้อนอบอ้าวมากๆ คะ นั่ง แบบหลับ ตื่นๆ มาสักพัก พนักงานก็จอดที่พักรถ และบอกว่า “20 minutes” เป็นอันเข้าใจคะ ว่าแวะพักแปปนึง เพื่อเข้าห้องน้ำและหาขนมกิน  จากนั้นก็เดินทางไปต่อ เนื่องจากอากาศในรถแอร์ ไม่เย็น ประกอบกับ ทางวกวนที่ขึ้นเข้า จึงทำให้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เวียนหัวถึงกับอาเจียนคะ แต่ว่า ในรถมีถุงให้ทันเวลา

       ตลอดทางเรามีแค่น้ำเปล่าขวดเดียวที่วางประจำที่ไว้คอยบริการเท่านั้น เมื่อเริ่มเข้าใกล้ตัวเมืองดาลัด เราจะสามารถเห็นได้จาก ไร่สตอเบอร์รี่ ตามข้างทาง ที่จะเขียนป้ายโฆษณาดึงดูดนักท่องเที่ยวคะ และเมื่อเปิดหน้าต่างไป อากาศเย็นกว่า ในรถหลายเท่าคะ เพราะว่าดาลัดอยู่บนพื้นที่สูง อากาศจะเย็นกว่าที่อื่น ข้างทางเริ่มมีชาวบ้าน ออกมาขัยรถมอไซต์กันให้คึกคักอีกแล้วคะ แต่ละคนใส่เสื้อกันหนาว หนาๆ เลยทีเดียว ซึ่งต่างจาก นาตรัง ที่เรามาเมื่อเช้ามากๆคะ

       รถมาจอดที่บริษัทแห่งหนึ่ง ที่ไม่ใช่ท่ารถสาธารณะ เล่นเอานักท่องเที่ยวทุกคน งงกันหมด ว่าจอดที่ไหน สรุปได้ว่าเป็นบริษัทรถที่เรานั่งมาคะ เมื่อลงไป พนักงานเยอะแยะมากมาย ต่างช่วยเหลือนักท่องเที่ยว พร้อมกับสอบถามว่ามีที่พักแล้วรึยัง แต่ในขณะนั้น ทุกคนกำลังงงกับสถานที่ที่จอดว่า เราถึงดาลัดแล้วจริงๆ หรอ พนักงาน ภาษาอังกฤษดีใช้ได้ รีบเสนอที่พักให้กับคนที่ยังไม่มีที่พัก เป็นแบบ Hostel ราคาไม่แพง รวมอาหารเช้า หลังจากฟังๆ มาก็ตัดสินใจ ซ้อนท้ายมอไซด์ พนักงาน ไปดูที่พัก แต่ต้องถามเพื่อความแน่ใจ ว่า พาไปดูนี่ฟรีใช่ไหม? ถ้าพวกเราไม่เอา คุณจะโอเคไหม? เมื่อเงื่อนไขที่คุยกัน ทุกอย่างฟรี รอการตัดสินใจของพวกเรา เราเลยตัดสินใจไปดูก่อนคะ

ที่พัก คิดราคาเป็นเงินไทย ต่อหัวก็คนละ 150 บาท แถม อาหารเช้าอีกด้วยนะ ถูกและดีก็มีในโลกนะคะ

        ที่พักน่ารักกว่าที่คิดมาก สำหรับราคาเท่านี้ เป็นแบบ dormitory นะคะ  คือนอน รวมกัน ห้องละ 4 คนคะ แต่ว่า เรากับเพื่อนเราโชคดี เขาให้นอนสองคน เพราะไม่มีแขก เป็นเตียงสองชั้นคะ ในห้องมีเพียงกับ พัดลมตัวเดียว ห้องน้ำใช้ส่วนรวมที่อยู่ด้านนอกซึ่งสกปรกมากคะ สำหรับราคาเท่านี้ก็โอเค เพราะว่า สถานที่ตั้งเราสามารถเดินไปเที่ยวได้ แถมพนักงานยังเป็นกันเอง พูดภาษาอังกฤษเก่ง สามารถช่วยเหลือแนะนำเราได้ทุกอย่างคะ

ข้อดีของห้องพักที่ดาลัด คือ ไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศ ก็ให้ความรู้สึกเย็นมากกว่า ติดเครื่องปรับอากาศอีกคะ ต้องนอนห่มผ้าทั้งๆที่ไม่ได้เปิดแม้กระทั่งพัดลม  และการท่องเที่ยวของดาลัด จากที่สอบถามมา ส่วนใหญ่ ทุกคนจะขี่มอไซด์เที่ยวคะ เพราะว่าจักรยานไม่สามารถ ปั่นขึ้นเขาได้ ทางชัน พอๆ กับเชียงใหม่บ้านเราเลยทีเดียว

ที่พักของเรา เล็กๆ น่ารัก อากาศเย็นๆ ตอนดึกนี่คือเย็นมาก จนคิดว่าเสื้อที่เตรียมมาไม่ได้คิดว่าจะหนาวแบบนี้

           เมื่อเราไปถึง เราวางแผนเที่ยวกันโดยปรึกษาไกด์ประจำที่พัก พร้อมกับขอแผนที่ขนาดพกพาไว้เรียบร้อยคะ จากการสอบถามพนักงาน เราได้ผลสรุปว่า เราจะเช่ารถมอไซด์จากที่พักคะ ราคาไม่แพง แต่ต้องเช็คสภาพรถให้ดีก่อนนะคะ ว่าก่อนไป มีอะไรเสียหายรึเปล่า เพราะเราจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดจากเรื่องมอไซด์ ตอนไปมุยเน่คะ เลยอยากให้เพื่อนๆ ดูสภาพรถให้ดีก่อน  

           รถเช่าจะมีน้ำมันให้น้อยนิด ดังนั้นควรจะหาที่เติมน้ำมัน ก่อนนะคะ ถ้าเจอ ขอให้เติมไว้เลย ของเราขับไประหว่างทางกลับจาก valley of love น้ำมันหมดกลางทางคะ เพราะเราหาปั้มน้ำมันไม่เจอ เลยไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแถวนั้น เขาเลยใส่น้ำมันมาให้ ให้เงินเขาไปแทนคำขอบคุณคะ ซึ่งตอนหลังถึงได้รู้ว่า ปั้มน้ำมันเขามีน้อยมาก ถ้าน้ำมันเราจะหมดเราสามารถมองหา เครื่องสูบน้ำมัน แบบร้านต่างจังหวัดบ้านเราได้เลยคะ ที่เป็นถังสูบเป็นลิตรๆ ถึงว่าละ หาปั้มไม่เจอ เพราะเขาใช้กันแบบนี้

    ระยะทางของสถานที่ท่องเที่ยวในดาลัด มักจะอยู่คนละทาง ควรเลือกเส้นทางที่จะไปให้ดีๆคะ เพราะว่าอาจหลงได้ แต่ก็ไม่ต้องกลัวคะ สามารถถามคนแถวนั้นได้ตลอด บางคนพูดไม่ได้ ก็ขับรถมาส่งถึงที่ก็มีคะ

เรามาแวะดูบ้านสวยๆ เดินบนหลังคาที่ Crazy House กัน

หากใครหิว สามารถแวะกิน อาหารพื้นเมืองของดาลัดได้คะ นั่นคือ พิซซ่าเวียดนามคะเป็นแผ่นแป้งแหนมเนือง แบบไมได้แช่น้ำ เอามาปิ้งบนเตาถ่าน ใส้ทำจาก ไข่และผัก อร่อยดีคะ อากาศเย็นๆ กินของว่างแก้หิว ชาววัยรุ่นเวียดนามนิยมกินคะ และยังเป็นของกินพื้นเมืองของเมืองนี้อีกด้วย ที่อื่น หากินไม่ได้ ใครกินแล้วติดใจกินที่เมืองนี้ให้อิ่มเลยนะคะ

ราคาอยู่ที่ 17 $ ต่อคนคะ เราจองกับทางโรงแรมที่พักที่ ฮอยอัน เพราะว่า รถจะมารับที่ รร เลยคะ


http://pantip.com/topic/33471980

อันนี้ PArt 3 จ้า หากใครยังสนใจ

Mallibell

 วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 23.37 น.

ความคิดเห็น