Day 1 เริ่มต้นทริป โอซาก้า เกียวโต 2024 ไปดูซากุระกัน 

ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 20.00 วันที่ 2/04/2024 รอบนี้เราบิน Japan Airlines นะคะ เป็นสายการบิน Full Service เป็นครั้งแรกเลยที่นั่ง JAL ประทับใจเลย เวลาบินดี บินตรง ได้นํ้าหนักกระเป๋า 23 กิโล 2 ใบ / คน ไม่รวมถือขึ้นเครื่องอีกคนละ 7 กิโล จุใจมาก อาหารเช้าก็ตามสไตส์ญี่ปุ่น โจ๊กเบา ๆ อร่อยดีค่ะ จอไม่ได้ดูเลย หลับตั้งแต่เครื่องยังไม่ออก ยันเครื่องลง ที่นั่งสบาย แถวเชคอินก็ไม่ยาวทั้งไปและกลับ

ถึงสนามบินคันไซเช้าวันที่ 03/04/2024 ประมาณ 07.30 รับกระเป๋า ตม ไปจนถึงศุลกากร น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ทุกอย่างเร็วมาก ตอนนี้การลง Visit Japan ก็ยังสะดวกสบายกว่าไม่ลงนะคะ การเดินทางจากสนามบินคันไซ ไปในเมืองโอซาก้า เราจองเป็น JR Haruka ที่เป็นรถไฟ Kitty จาก App Trip ที่จองอันนี้เพราะอยากนั่งรถไฟคิตตี้แค่นี้เลย: )

พอจองแล้วเราจะได้ QR Code มา ก็มาออกตั๋วที่ตู้ตรงนี้นะคะ Scan QR code ของเราที่ตู้ ขึ้นมาชั้น 2F หลังผ่านทุกอย่างมาแล้ว และเดินตามป้ายรถไฟได้เลยค่ะ สนามบินคันไซไม่ใหญ่เท่านาริตะ หาไม่ยากค่ะ 

จากสนามบินคันไซ เราลงที่สถานี Tennoji Station นะคะ แล้วก็เปลี่ยนสายไป Midosuji Line ไปลงสถานี Yodoyabashi Station เพื่อไปโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Yodoyabashi การเดินทางในโอซาก้าเราไม่ได้ซื้อพาสใดๆ ใช้บัตร Pasmo ที่มีอยู่แล้ว มาครั้งนี้ก็เติมเงินเอา ค่ะ

ที่เราเลือกโรงแรมนี้ สาขานี้ เพราะ พอขยับย่านมาหน่อยราคา รร ก็จะไม่แพงมาก เพราะช่วงที่ไปเป็นไฮซีซันด้วยและก็ไม่ไกลจากนัมบะ แถมย่านนี้ก็มีความสงบไม่พลุกพล่าน เหมาะกับพักผ่อน บรรยากาศดี คาเฟ่ย่านนี้เยอะ รร เชื่อมกับสถานีใต้ดินเลย ไปไหนสะดวก ไปเกียวโตต่อก็ง่าย ที่นี่เช็คอินด้วยตัวเอง ผ่านตู้อัตโนมัติได้เลยค่ะ 

เริ่มต้นเที่ยววันแรก ฝนก็ตกฉํ่า มาญี่ปุ่นทุกครั้งฝนตกทุกครั้ง พยากรณ์บอกว่าตกทั้งวัน เลยเปลี่ยนแผนเที่ยวในร่มแทน เราไปที่ห้าง Parco นั่งมาลงที่สถานี Shinsaibashi Station ค่ะ ในห้างนี้ที่ชั้น 6 ก็จะมีพวก Pop mart , Ghibli 

แต่ Pop mart สาขานี้เราว่ามันไม่อลังการเท่าตอนไป Pop mart ที่เกาหลีเท่าไหร่

ส่วนตัวไม่ได้อะไรจากที่นี่เพราะไม่ได้เป็นคนสะสม พาแฟนมาซื้อให้หลาน จากนั้นเราก็ลงไปชั้นล่างค่ะ ไปหาข้าวกินก็สุ่ม ๆ ร้านเอา ก็เลือกร้านนี้ ข้าวผัดเนื้ออร่อยมาก หอมเนยสุดๆ เนื้อนุ่มฉํ่า

ไหน ๆ ก็อยู่ย่าน Shinsaibashi แล้ว เราก็ไปเดินไปตรงที่มันเป็นแหล่งช้อปปิ้ง โชคดีที่ญี่ปุ่นถึงแม้ฝนตก แต่ย่านต่าง ๆ ในโอซาก้า หรือทั่วญี่ปุ่น ก็จะมีหลังคา หลบฝนหลบแดดได้ มันเลยเดินได้ในหลาย ๆ จุด

เดินมาเรื่อย ๆ ก็จะมาเจอกับป้ายกูลิโกะ ที่ใครมาโอซาก้าก็ต้องมาถ่าย มาตอนนี้และวันที่ฝนตก ก็คนน้อยไปเลย ถ่ายรูปไม่ติดคนเลย

มาโอซาก้าก็ต้องมาเดินหาของกิน เราก็กินจุ๊บจิ๊บไปเรื่อยนะคะ สโลแกนเราคือแบบพี่จองกับคัลแลน คือหิวไหนกินนั้น ไม่ชอบต่อคิวยาวๆด้วย รอเป็นชั่วโมงไม่ไหว ก็เน้นอันที่ไม่ต้องต่อคิว หรือคิวไม่เยอะ หลายคนอาจจะรีวิวว่าถ้าร้านไหนญี่ปุ่นต่อคิวเยอะคืออร่อย ถ้าไม่มีคิวคือไม่อร่อย เราว่าไม่เสมอไป บางร้านคนไม่เยอะแต่ก็อร่อยดี แต่ส่วนตัวเรากินอะไรก็อร่อย เลยไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นค่ะ

จบวันแรกด้วยการคีบตุ๊กตา เราว่าที่คีบตุ๊กตาที่โอซาก้าไม่เยอะเท่าโตเกียว ที่โอซาก้าร้านจะอยู่เป็นจุด ๆ วันแรกได้น้องโดเรม่อนกลับมา เย้ๆๆ


Day 2

วันที่สอง เดินทางจากโอซาก้า ไปเที่ยวเกียวโต ที่แรกที่จะไปคือ Arashiyama หรือที่คนไทยเรียกว่าป่าไผ่ เราไปลงที่สถานี Arashiyama Station นะคะ แต่จุดหมายเราไม่ใช่ป่าไผ่ จุดหมายเราคือมาดูซากุระ และก็มากินกาแฟร้าน % Arabica Kyoto Arashiyama

ในส่วนของซากุระ ก็ถือว่าวันที่มา 04/04/2024 บานเยอะพอสมควร ท้องฟ้าครึ้มมากแต่ซากุระทำให้ใจฟู คือเราก็เลือกช่วงเวลาที่เราสะดวกที่มาเที่ยวเป็นหลัก เพราะก็ไม่กล้าคาดหวังกับซากุระ แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเจอก็คงดี ยิ่งปีนี้อากาศแปรปรวนมาก แต่พอได้มาเห็นก็รู้สึกว่าโชคดีมากๆ ครั้งแรกในการมาช่วงซากุระก็ได้เจอเลย **ในรูปเขียนวันผิดขออภัย T^T**

เดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงร้าน % Arabica เกียวโต แล้ว ตอนที่ไปรอคิวไม่เยอะนะคะ บรรยากาศดีมาก ร้านเล็ก ๆ แต่น่ารัก ใครมาเกียวโตอยากให้แวะมาเลย

เราเคยกินที่สาขาเซนเวิลมาแล้วแต่รอบนี้มาถึงเกียวโต แฟนบอกว่าจำรสชาติไม่ได้ว่าต่างกันมั้ย แต่บรรยากาศที่นี้มันดีมาก ก็เลยดีกว่า :) ส่วนเรากินชาเขียวอร่อยดีค่ะ

จากร้านกาแฟเราไม่ได้ไปป่าไผ่นะคะ แต่เดินไปตามทางที่มีของขาย แถมมีซากุระให้ดูตลอดทาง วันที่ไปคนเยอะเหมือนกัน ขนาดเป็นวันธรรมดา แนะนำให้มาเช้าหน่อย เพราะสายๆทัวร์ลง ทั้งคน ทั้งรถก็จะแน่นไปอีก

เดินมาตามทางก็จะผ่านร้าน Arashiyama Miffy Sakura Kitchen กับ Arashiyama Rilakkuma Tea House น่ารักมาก เดินเพลินเลย ใครสาวกก็คือล้มละลาย แต่คาเฟ่ไม่ได้กินนะคะ เพราะว่าคนเยอะเลยไม่ได้ต่อ

ใช้เวลาอยู่ Arashiyama สักพักก็นั่ง JR ไปที่ Uji Station ต่อค่ะ ที่นี่เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องชาเขียว อีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ในเกียวโต บรรยากาศดี

ตอนที่ไปซากุระตรงนี้ไม่ได้เยอะมากแต่บรรยากาศดีมากกว่า วิวแม่นํ้าสวย ที่นี่มีวัดดังด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้เข้า ก็มาเดินชมบรรยากาศเฉยๆ ค่ะ 

และก็มาเจอร้านนี้โดยบังเอิญ อยู่ทางเข้าวัด ไม่รู้ชื่อร้านอะไร ก็สุ่มเอาเหมือนเดิม เมนูมีหลากหลาย อร่อยมาก แถมราคาไม่แพงเลย เจ้าของร้านก็น่ารัก เป็นมื้ออาหารที่แฮปปี้มาก ๆ ค่ะ ร้านนี้รับแค่เงินสดนะคะ และก็หลายๆ ร้านในเกียวโตก็รับเงินสด ยังไงก็อย่าลืมแลกเงินสดกันมาเผื่อไว้ด้วยนะคะ

จากนั้นเราก็ไปกินชาเขียวที่ร้าน Matcha Republic ร้านดังในเมืองอูจิ เกียวโต โชคดีที่ตอนไปคนไม่เยอะ สั่งมา 1 ขวด ทั้งขวดทั้งถุงน่ารักมาก ที่สำคัญอร่อยละมุนสุดๆ

จริงๆ มันยังมีอีกหลายร้านนะคะที่อูจิ เกียวโต อย่างทาโกยากิที่เป็นชาเขียวอะไรแบบนี้แต่คนเยอะเลยไม่ได้ต่อ ก็เลยได้กินชาเขียว 1 ขวดถ้วนแค่นั้น ส่วนไอติมชาเขียวเพิ่งนึกได้ว่าลืมกิน ฮ่าๆๆ

จาก Uji เรากลับมาที่ Kamo River ค่ะ แม่น้ำคาโมะชื่อดังของเมืองเกียวโต มาเดินเล่นริมแม่นํ้าตอนเย็น ชิว ๆ ที่นี่ซากุระสวยมากกกกกกกก ใช้คำว่าสวยได้เปลืองจริง ๆ ถ่ายรูปยังไงก็ไม่สวยเท่าตาเห็นเลย และบรรยากาศสองข้างทางคือดีมาก

มีจังหวะช็อตฟิลคือ มีคนปีนต้นซากุระ !!! ถ่ายวีดีโออยู่ดี ๆ ซากุระกำลังสวยๆ ภาพมู้ดเปลี่ยนเลย ฮืออออ อยากจะรณรงค์นะคะ ถ่ายรูปเฉยๆ พอ มือไม่ต้องไปจับดอก หรือปีนต้นเลย มันจะต้องถ่ายอะไรกันขนาดนั้น คือน้องซากุระ แปปเดียวก็ร่วงอยู่แล้ว ยิ่งจับมันก็ร่วงเร็วคนที่เค้ามาทีหลังแทนที่จะได้เห็นความสวยงามของน้อง ก็ไม่ได้เห็น หรือจริงๆไม่ว่าจะต้นไม้ดอกไม้อะไร เราก็ไม่ควรจับหรือทำลายมันเลยนะคะ T^T 

จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อย ๆ ไปที่ Yasaka Pagoda เกียวโต ซึ่งจาก Kamo River เดิน 3 กิโลได้ จริงๆส่วนใหญ่เกียวโตคนก็จะนิยมนั่งบัสกันนะคะ แต่ว่าคิวยาวมากและเราก็ไม่อยากรอ ก็เลยเน้นเดิน อากาศดีเดินได้ 3 หมื่นก้าวที่ญี่ปุ่นไม่เกินจริง .. ขนาดมาเย็นคนยังเยอะอยู่เลย ถ่ายรูปแบบรีบๆเลยไม่เดินไปมุมจุดสวยๆเลย ไว้มาใหม่

ตอนแรกกะว่าจะมาแค่จุดนี้ ไม่ได้ไปวัดวัดคิโยะมิซุ หรือวัดนํ้าใส ที่ดังๆ ในเกียวโต คนไทยรู้จัก แต่แฟนบอกไหน ๆ ก็เดินมาแล้ว เดินไปหน่อยละกัน ก็เลยเดินขึ้นไป ทางเดินขึ้นเหนื่อยมาก และเราก็ต้องรีบเดินเพราะวัดจะปิดแล้ว จากหนาวๆ คือร้อนเลย หัวใจเต้นเร็วสุดๆ ฮ่าๆ 

เราไปถึงตอน 17.30 ซึ่งวัดปิด 18.00 คนก็ยังเยอะอยู่ดี ที่วัดถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยกว่านี้ ซากุระมีให้ดูนิดหน่อย

จากนั้นเราก็นั่งรถกลับมาที่โอซาก้าค่ะ เรามากินข้าวที่ย่านนัมบะ ร้าน Gokai Tachizushi Nambanankaidori 

ครั้งแรกในการกินอูนิ อร่อยมาก ไม่คาวเลย ชอบสุด ๆ ร้านนี้คือมากินซํ้าหลายวันมาก เพราะชอบ อาหารอร่อย สด แถมราคาก็ไม่แพง


Day 3 วันนี้เริ่มต้นด้วย Family mart เช่นเดิม แต่วันนี้เราเที่ยวในโอซาก้าค่ะ ที่แรกที่จะไปคือ ปราสาทโอซาก้า 

จากสถานีก็เดินมาเรื่อย ๆ ก็มาเจอกับซากุระยาวเป็นกิโลเลย ใจฟูมาก เดินยาวมาก 
กว่าจะถึงข้างในปราสาทโอซาก้า คือดูซากุระแบบจุกๆ ไปเลย เราอยู่แค่บริเวณข้างนอกรอบๆนะคะ ไม่ได้เข้าไปในตัวปราสาทโอซาก้า ที่นี่มีของกินขายด้วย ใครมาก็มานั่งกินดูซากุระ ดูวิวปราสาทโอซาก้าได้เลย เพลินมาก 

จากปราสาทโอซาก้าเราก็นั่งรถไฟกลับมาแถวโรงแรม เพราะจะมาคาเฟ่ ซึ่งอันแรกที่เรามาคือ North Shore Kitahama เป็นช็อคโกแลต ราดสตอเบอรี่ ที่กำลังดังในโอซาก้า สตอเบอร์รี่ก็ฉํ่าดี ช็อคโกแลตไม่หวานตัดขา อร่อย 

จากร้านนี้ เราก็เดินไปอีกนิด ไปคาเฟ่ที่ชื่อว่า MOUNT KITAHAMA ก็คือย่านนี้คาเฟ่ไหนก็ได้เลยวิวดีเหมือนกัน จิบชากาแฟ กินขนม นั่งดูแม่นํ้าเพลิน ๆ ฟินมาก

ใช้เวลาอยู่กับคาเฟ่สักพักเราก็มากันที่ Tennoji zoo เป็นสวนสัตว์ในเมืองโอซาก้า ซึ่งที่เรามาสวนสัตว์ เป้าหมายเราคือ Red Panda นั้นเอง

คือนั่งดูได้เพลินๆ ยาวๆเลย สวนสัตว์ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากนะคะ กำลังเดินได้พอดีชิวๆ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวญี่ปุ่นพาลูกมา ไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยว นอกจากแพนด้าแดง ก็มีสัตว์อีกหลายอย่างเลยดูเพลินมาก ใครมาโอซาก้าก็อยากให้ลองมาเดินดูกันนะคะ ไม่ต้องมีลูกเล็กก็มาได้ เรามาเดินกับแฟนสองคน ก็สนุกดี เพลินดี

สวนสัตว์เทนโนจิจะอยู่แถวย่าน Shinsekai เลยนะคะ จากสวนสัตว์ก็เดินมาต่อได้เลย 

เล่นตู้คีบ ถ่ายรูป อะไรเสร็จแล้ว เราก็มาแวะนั่งพักกินของทอดค่ะ ที่ร้าน ร้านนี้ก็เห็นรีวิวบ่อยดังเรื่องของทอด มีหลายสาขา ซึ่งตอนที่เราไปมันยังไม่ใช่กลางคืนคนเลยไม่เยอะไม่ต้องต่อคิว ก็เลยลอง ก็คืออร่อยดีค่ะ เป็นของทอดที่ถูกต้อง

จากนั้นก็ไปย่านนัมบะกันต่อ สุ่มร้านกินเหมือนเดิม สรุปได้กินร้านเดิมเมื่อวานแต่คนละสาขา ฮ่าๆ ไม่ทันได้สังเกตุ สุ่มแบบไหนได้ร้านเดิม แต่ก็โอเคนะ เพราะเราชอบร้านนี้อยู่แล้ว รอบนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นกุ้งเทมปุระ อร่อยเหมือนเดิม ถูกจริตกับร้านนี้สุดๆ

จบทริปวันที่ 3 กลับมา รร แช่นํ้าอุ่น ฟินสุด ๆ ใครเดินเยอะ ๆ แนะนำเลยนะคะ แช่นํ้าอุ่นช่วยได้ หลับสบายด้วย ZZZzzzz


Day 4 เมื่อคืนก่อนนอน ก็นั่งดูไอจีว่าแบบช่วงนี้ซากุระที่ไหนสวยบ้างและไปไม่ไกล ก็ไปเจอคลิปล่องเรือและก็มีซากุระ 2 ข้างทางของคนญี่ปุ่น นั้นก็คือ Fushimi jikkokubune Boat เกียวโต วันนี้เราเลยจะนั่งรถกลับไปเกียวโตอีกครั้งค่ะ

มาถึงคนเยอะพอสมควร แต่สวยมากอีกแล้ว ซากุระนี้มันทำให้ใจฟูสุดๆไปเลย มันสวยอะไรขนาดนี้ เราไม่ได้ล่องเรือนะคะเพราะว่าคนรอคิวเยอะมาก และก็เห็นเรือแบบมาน้อยอะกว่าจะมา เลยไม่นั่งดีกว่า แค่ยืนดูเรือที่ผ่านตัดซากุระ ก็คือใจฟูแล้ว

ถ้าเข้าใจไม่ผิดเหมือนล่องเรือจะมีแค่ช่วงซากุระนะคะ จากนั้นเราก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะเจอของขาย แวะกินจุ๊บจิ๊บไปเรื่อยเหมือนเดิม 

และเราก็มาเจอศาลเจ้านี้ ไม่แน่ใจชื่อเหมือนกัน ก็เลยลองเข้าไปดู เพราะเห็นว่าสวยและเงียบสงบดี ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยมีแต่คนญี่ปุ่น

เราค่อนข้างชอบอะไรแบบนี้ บางทีแพลนหลวมๆ และก็เดินตามทางเอา หลายครั้งปักจุดหมายที่จะไปแล้ว จากนั้นก็ไม่เปิด map และก็เดินเลย ได้เจอนู้นนี้อะไรที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน ก็สนุกและมีความสุขไปอีกแบบนะคะ : )

คุณแฟนเขียนคำอธิฐานเป็นภาษาญี่ปุ่น เปิดดูในเว็บและเขียนตาม อวยพรขอให้เราได้มาที่นี่อีกบ่อยๆ : ) 

ไหน ๆ เราก็มาที่ ฟุชิมิ เกียวโต แล้ว เราเลยนั่งไปกันต่อที่ ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ก็เลยลองมาดูหน่อยแล้วกัน ไหนๆก็มาแล้ว มาถึงคนเยอะมาก ทัวร์กำลังลงพอดี ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ

พอออกมาก็จะเจอร้านค้าขายของยาวประมาณนึง เราก็แวะกินนู้นกินนี้ตามทางเหมือนเดิม 

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับโอซาก้ากันค่ะ ถ้ามาอีกคงจะมานอนเกียวโตสัก 2 คืน ความรู้สึกคือชอบเกียวโต มากกว่าโอซาก้า ขนาดไม่ได้เป็นคนอินเที่ยววัดเที่ยวศาลเจ้า ยังชอบเกียวโต รู้สึกหลายๆที่มู้ดดีมาก 

เจอร้านแอปเปิ้ลเคลือบนํ้าตาลก็ลองกินดูหน่อย ก็อร่อยดี แต่กินแอปเปิ้ลเฉยๆดีกว่า

จากนั้นก็ไปเห็นร้านราเม็งข้อสอบ คือมาญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่เคยได้ลองเพราะไม่สู้คิว วันแรกที่มาที่ตรงป้ายกูลิโกะแถวยาวออกนอกร้านเป็นกิโล จนท้อ แต่พอผ่านสาขานี้ไม่มีคนต่อคิวหน้าร้านแหะ ก็เลยลองเข้าไป 

ก็ต้องยอมรับว่าอร่อยจริง ขนาดเราไม่ค่อยชอบกินราเม็ง ไม่แปลกใจที่คิวจะยาว แต่ถ้าให้ต่อคิวยาวๆทางเราก็ไม่สู้ รอกินซํ้าเมื่อเจอสาขาคนน้อย


Day 5 วันนี้ตื่นสายนิดนึงค่ะ เป็นหนึ่งวันชิวๆ กะว่าจะเที่ยวในโอซาก้า เช้ามาแพลนยังไม่รู้จะไปไหน เข้า Family mart ก่อนแล้วหนึ่ง จนพนักงานถามว่ามาจากประเทศอะไร .. คือมันสะดวก อร่อยด้วย ที่สำคัญไม่แพง เราหมดค่าของกินค่อนข้างน้อยนะคะ จะเห็นว่ากินแต่มื้อหลักตอนเย็น คือไม่ใช่ว่าประหยัดนะ แต่ของในนี้มันอร่อย และเราก็ไม่ชอบเสียเวลาต่อคิว เลยทำให้ประหยัดไปด้วยเลย 

กินเสร็จก็เดินถ่ายรูปรอบๆ และวันนี้ท้องฟ้าสดใส มาตั้งหลายวันมีวันนี้แหละสดใสสุด นอกนั้นครึ้มทุกวัน ย่านนี้คือสวยมากจริง อย่างที่บอกมันดูเป็นย่านคนทำงานไม่พลุกพล่านเท่านัมบะ แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไป ไปไหนสะดวก คิดถูกมากที่นอนที่นี่

จากตรงนี้เราก็มีจุดหมายคือเดินไปสวนสาธารณะ Minami Temma Park นะคะ ดูรีวิวมาว่าซากุระกำลังบานสวยเลย และอยู่ไม่ไกลจาก รร เดินไปประมาณกิโลกว่า เวลาที่แบบมันไม่ได้ไกลมาก อยู่ในระยะ 1-3 กิโล เราเลือกที่จะเดินแทนการนั่งรถไฟนะคะ เพราะเราชอบการเดินระหว่างทาง มันได้เห็นอะไรเยอะดี

เราก็มาถึงสวนสาธารณะแล้ว ที่นี่ใหญ่มากมี 2 ฝั่ง เดินฝั่งเดียวก็ไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน ยาวยิ่งกว่าปราสาทโอซาก้าอีก

แต่ที่นี่สวยมากจริงๆ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ด้วยคนญี่ปุ่น ออกมานั่งปิคนิคกันเยอะมาก 

ข้างทางก็มีของขาย คู่รักญี่ปุ่นออกมาเดท หรือจะเป็นกลุ่มเพื่อนมานั่งกินตั้งวง หรือครอบครัวพาลูกเล็กมาเดิน น้องหมาก็เต็มไปหมด คือบรรยากาศดี ซากุระสวย ของกินเพียบ ผู้คนเยอะแต่ไม่อีดอัดเลย 

โดยรวมคือชอบที่นี่มาก ใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะอย่างที่บอกสวนใหญ่มาก ๆ ยิ่งมาช่วงซากุระแบบนี้คือใจฟูสุดๆ 

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟแวะไปที่ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) กันนะคะ

และก็กิจกรรมทุกเย็นของเราแวะคีบตุ๊กตา เจอน้องโมชิชิบะด้วยน่ารักมาก ตอนมาญี่ปุ่นครั้งแรกคีบไม่ได้ มาวันนี้คีบได้ ดีใจสุดๆไปเลย ชอบน้องมาก และก็แวะช้อปปิ้งซื้อของฝาก

Day 6

วันนี้ตะลุยเที่ยว Usj กันค่ะ พยากรณ์อากาศวันนี้บอกฝนจะตกช่วงบ่าย เศร้ามาก โอซาก้าฝนตกอากาศครึ้มทุกวัน และรอบก่อนไปดิสนีย์ซีฝนก็ตก มาวันนี้มา Usj จะตกอีก ตอนแรกกะว่าจะไปสาย ๆ ก็เลยรีบตื่นไป เพราะจะได้มีเวลาถ่ายรูปตอนเช้าตอนฝนยังไม่ตก

เราไปถึงประตูก็เปิดแล้ว เรามาวันจันทร์นะคะ ทางเข้าคนไม่ได้เยอะมาก บัตรที่เราซื้อคือ .. ซื้อผ่าน Klook มันจะเป็นบัตรเข้าสวนสนุก + ระบุเวลาเข้ามาริโอ้เลย ซึ่งบัตรนี้เราจะเห็นตอนเช้า ๆ จะหมดไวนิดนึง สามารถเช็คในแอพได้ ถ้าใครอยากชัวร์ในการเข้ามาริโอ้ โดยไม่ต้องซื้อ Express เพราะแพง และก็ไม่ได้อยากวิ่งแข่งกับใคร บัตรประเภทนี้ก็ตอบโจทย์ดีค่ะ .. โซนแรกที่ไปคือแฮรี่

ตอนแรกกะจะไม่ได้เล่นอะไร มาเก็บบรรยากาศถ่ายรูป เพราะเตรียมใจมาแล้วว่าคนเยอะ แต่สรุปโชคดีที่วันไปคนน้อย อาจจะเพราะพยากรณ์ว่าฝนจะตกด้วย เลยได้เข้าเล่นแฮรี่เลย

เครื่องเล่นแฮรี่สนุกนะ ยังกะได้ขี่ไม้กวาดจริง ฮ่าๆ แต่เวียนหัวมาก ออกมาคนก็เยอะประมาณนึงแล้ว แต่ถือว่าไม่เยอะมากถ้าเทียบที่ดูรีวิวมา ก็มาซื้อบัตเตอร์เบียร์ต่ออร่อยมาก

ออกมาจากแฮรี่ ระหว่างเดินเราลองกดเข้ามาริโอ้ในแอพ ว่าจะเข้าได้ตอนไหน ปรากฏเข้าได้ตอน 10.40 เลย ก็คือขนาดว่าไม่ได้กดตั้งแต่เช้า จนเล่นเครื่องเล่นแฮรี่แล้ว ก็ยังได้คิวเช้าอยู่ ก็เลยรู้สึกโชคดี กลายเป็นว่าตั๋วตอน 14.00 ที่จองมา ก็ไม่ได้ใช้เลย เข้ารอบเช้ารอบเดียว

เข้ามาก็คือดีมาก น่ารักมาก เหมือนหลุดมาอีกโลกจริง เสียดายที่วันนี้ท้องฟ้าไม่สดใส ไม่งั้นคงน่ารักกว่านี้ แต่ถึงยังไงก็พูดน่ารักเป็นสิบๆรอบ

คนน่าจะมารวมตัวที่มาริโอ้หมดแล้ว วันที่มาเยอะแน่นที่นี่ที่เดียว ตอนแรกจะไม่ได้เล่น แต่เข้ามาแล้วดูรอคิวไม่นานเท่าไหร่ก็เลยลองเข้าไป ใช้เวลาต่อประมาณ 40 นาที เป็นเครื่องเล่นที่ต่อคิวนานที่สุดแล้ว นอกนัน 10 นาทีหมด ส่วนตัวเครื่องเล่นก็สนุกดี แต่ชอบ Toy Story ที่ Disney sea มากกว่า แต่ที่มาริโอ้นี้ให้คะแนนความน่ารักเลย

ใช้เวลาในโซนนี้พอสมควร ก็ออกมาไปโซนอื่นๆ ต่อ มินเนี่ยนน่ารักมาก

กินซาลาเปาไส้แกงกระหรี่ด้วย อร่อยดี ตอนแรกกินเพราะความน่ารักแต่รสชาติอร่อย ไม่ได้แค่น่ารักอย่างเดียว

 เครื่องเล่นอะไรน่ากลัวเราไม่เล่นนะคะ ไม่ไหว ใจจะวาย ฮ่าๆ ที่ชอบสุดในเครื่องเล่นที่เล่นชอบ Jaw มันดูแบบชิวดีนั่งเรือ มีฉลามโผล่มาให้ตื่นเต้นนิดหน่อย

พอช่วงบ่ายๆ ฝนก็มาตามนัดค่ะ แต่โชคดีตกไม่หนัก ตกนิดหน่อย เดียวตกเดียวหยุด พอเริ่มจะยมแล้วเราก็มานั่งกินไก่หน้า … อร่อยมากนุ่มมาก อยากซื้อกลับไปกินกับข้าวเหนียวส้มตำที่ไทย ฮ่าๆ

เราใช้เวลาที่นี่ถึงประมาณเกือบ ๆ ห้าโมงเย็นนะคะ และเราก็นั่งกลับไปกินข้าวร้านเดิม เพราะอยากกินอูนิส่งท้าย ฟินมาก

จากนั้นเราก็กลับไปกินข้าวร้านเดิมส่งท้าย อูนิเต็มๆคำ ชอบมาก

จากนั้นเรากลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ รร นะคะ เพราะว่าเราจะต้องไปสนามบินคืนนี้ 3 ทุ่มเลย ต้องบินกลับแล้ว เพราะเรามีไฟท์บินตอนตี 1 !! เพราะกะว่าถึงเช้าพรุ่งนี้ก็ได้นอนต่ออีกวัน และก็กลับไปทำงานวันถัดไป ไม่อยากตื่นไปตอนเช้าละถึงเย็น ขากลับเรานั่งรถไฟธรรมดานะคะ ไม่ได้เร่งรีบอะไร แค่ของเยอะนิดหน่อย ฮ่าๆ

ขึ้นเครื่องปุ๊บหลับปั๊บเช่นเดิม ไม่อยากตื่นมากินข้าวเช้าด้วยซํ้า อิอิ แอร์ถามเอาอะไรเพิ่มมั้ย นํ้าส้มมั้ย ไม่เอาทั้งนั้น .. และก็ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ นั่งรถแท็กซี่กลับคอนโด นอนหลับยาวววว 

แปะพิกัดกระเป๋านะคะ ใช้มาหลายทริปละดีมากๆ : Caggioni Travel Luggage


เป็นการจบทริปโอซาก้า เกียวโต ที่แฮปปี้มาก หลายๆอย่างไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอ อย่างซากุระ แต่ก็ได้เห็นแบบฟลูบูมสุดๆ หรืออย่าง มาวันแรกฝนตกหนักทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้อะไร ก็เปลี่ยนแพลนไปเที่ยวห้างแทน ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงแบบเฟลมาก แต่พอโตมาเหมือนได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ปรับตัวไปกับหน้างานจริง วางแพลนบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในบางอย่าง แต่ก็ปล่อยแพลนปล่อยใจชิวๆบาง เพื่อให้เห็นอะไรที่มากกว่า คือการเดินทางมันดีแบบนี้เนอะ ไว้เจอกันใหม่นะ โอซาก้า เกียวโต .. ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่ารีวิวจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

สามารถติดตามกันได้ทุก ๆ ช่องทางนะคะ ใครอยากดูคลิปทริปนี้ มีให้ดูด้วยนะคะ

https://www.tiktok.com/@puifai...

https://www.facebook.com/puifa...


Puifaikamon

 วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09.53 น.

ความคิดเห็น