เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ช่วงตรุษจีน
📍ก่อนจะไปเที่ยว มาทำความรู้จักกับรัฐปีนังกันนิดหนึ่งนะคะ
👉ปีนัง คืออดีตเมืองท่าของประเทศอังกฤษ อยู่ใกล้กับช่องแคบมะละกา
👉ปีนัง เป็นรัฐหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเกาะ อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเลเซีย มีจอร์จทาวน์เป็นเมืองหลวง ติดกับภาคใต้ของไทยอยู่ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร
👉ปีนัง มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพราะเป็นแหล่งรวมทั้งชาวจีน มลายู อินเดีย ไทย อังกฤษ ทำให้มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่างๆ รวมถึงอาหารการกิน
👉ปีนัง เคยเป็นดินแดนเก่าของประเทศไทย และเคยอยู่ในอาณานิคมของประเทศอังกฤษ
👉ปีนัง ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก
👉เที่ยวปีนังเดือนไหนดี
ปีนังสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของปีนังอยู่ในช่วงธันวาคม-มีนาคม
ช่วงที่อากาศชื้นที่สุดอยู่ในช่วงพฤษภาคม-พฤศจิกายน
👉การเดินทางจากไทยไปปีนัง ✈ โดยเครื่องบิน จากกรุงเทพ-ปีนัง 🚗 โดยรถตู้ประจำทางจากหาดใหญ่ รถส่วนตัว หรือ โดยรถไฟจากหาดใหญ่
👉การเดินทางภายในปีนัง ใช้บริการรถ grab สะดวกค่ะ หรือหากเดินทางในเมืองจอร์จทาวน์สามารถนั่งรถบัส Cat ฟรีก็สะดวก แต่ควรหาที่พักที่ไม่ไกลป้ายรถบัสมาก หากเดินทางรอบนอกจะมีรถบัสสายอื่นๆที่มีค่าใช้ราคาเริ่มต้นที่ 1.4 ริงกิตควรเตรียมเงินสดให้พอดีนะคะ ไม่มีทอน
👉ภาษาที่ใช้ มีทั้งภาษามลายู ภาษาจีน ภาษาอินเดีย ภาษาอังกฤษ
👉สกุลเงิน 💰 เงินริงกิต RM สามารถแลกจากเงินไทยเป็นเงินริงกิตได้เลย
👉ซิมอินเตอร์เน็ต สามารถเปิดโรมมิ่ง หรือซื้อซิมไทยสำหรับใช้ในต่างประเทศ หรือจะเป็นซิมมาเลเซียเลยก็ได้ค่ะ สะดวกหมดเลย
👉ปลัีกไฟที่ใช้ในปีนัง เป็นแบบ 3 ขาแบนๆค่ะ แต่แนะนำซื้อแบบ universal ดีกว่าค่ะ สามารถนำไป ใช้ได้กับทุกประเทศ
👉เอกสารที่ใช้ในการเข้าประเทศ
1. ใช้พาสปอร์ตที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2.ลงทะเบียน MDAC ภายใน 3 วันก่อนเดินทาง
📍เริ่มเดินทางไปด้วยกันเลยค่ะ
1 กพ นครศรีฯ - หาดใหญ่
2-5 กพ หาดใหญ่ปีนัง - นครศรีฯ
🚗 เริ่มต้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางด้วยรถมินิบัส ไปลงรถที่ บขส.หาดใหญ่ แล้วเรียก Grab ไปโรงแรม คืนแรกเราพักที่โรงแรม เรดแพลนเนต อยู่ใกล้สถานีรถไฟ และ ใกล้ตลาดกิมหยงค่ะ (เราจะเดินทางไปปีนัง ในตอนเช้าของอีกวัน ด้วยรถไฟขบวนแรกค่ะ)
ค่าห้อง (ไม่รวมอาหารเช้า) 6xx บาทต่อคืนค่ะ
วันนี้เรามีเวลาในการหาร้านแลกเงินริงกิต สอบถามไว้ 2-3 ร้านเจอร้านที่ให้เรทดีสุด อยู่ตรงตลาดกิมหยงค่ะ (ขออภัยนะคะลืมชื่อร้าน ท่านใดสนใจ ก็สอบถามแม่ค้าที่ตลาดได้เลยค่ะ)
การเดินทางจากหาดใหญ่ไปปีนังโดยรถไฟ
1. ตอนเช้าเดินไปที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ ซื้อตั๋ว หาดใหญ่-ปาดัง คนละ 50 บาท รอเวลารถออก 7.20 (เป็นขบวนที่มาจากกรุงเทพ) ใช้เวลาเดินทางถึงสถานีปาดังเบซาร์ ประมาณ 1 ชม.
2. เมื่อถึงสถานีสุดท้าย ปาดังเบซาร์ (มาเลเซีย)
- ปรับเวลาเป็นเวลามาเลเซีย เร็วกว่าไทย 1 ชม.
- เดินตามคนอื่นๆ เข้าตึกที่เป็นด่านตม. พร้อมเตรียมพาสปอร์ต
- ผ่านตม.ไทย ไป ตม.มาเลเซีย เรางานเข้า เพราะกรอกข้อมูล MDAC ผิด ในช่อง ID ใส่เลขบัตรประชาชนซะงั้น 555 แต่เจ้าหน้าที่ใจดีให้ผ่านโลด
- เมื่อสแกนสัมภาระเสร็จก็ไปที่ชั้น 2 เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ KTM ไปบัตเตอร์เวิร์ด (ใช้เงินสดซื้อที่เคาเตอร์ขายตั๋วได้ค่ะ ราคา 11.40 ริงกิต เราไปรอบ 10.35 น.
3 รถไฟ KTM ปาดัง – ท่าบัตเตอร์เวร์ท ใช้เวลา 2 ชม.
จากนั้นก็รอเวลา ที่จะสแกนตั๋วเข้าไปชานชลา ตรงจุดนี้คนจะเยอะมาก มีที่ขายของ ขายขนม และขายซิมโทรศัพท์ เราซื้อที่นี่ราคาประมาณ 35 ริงกิตเป็นซิมมาเลย์เซีย สำหรับใช้5วันสบายๆ
ก่อนขึ้นรถไฟสามารถเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ด้านหลังจุดขายตั๋ว (เข้าฟรีค่ะ ) เพราะบนรถ KTM จะไม่มีห้องน้ำ
เมื่อสเเกนตั๋ว เเล้วลงบันไดไปชั้น 1 รอรถตรงชานชลาค่ะ (เก็บตั๋วไว้สำหรับสแกนออกด้วยนะคะ)
3. ท่าบัตเตอเวิต - ท่าเรือฝั่งจอร์จทาวน์ ถึงท่าเรือferry ประมาณ 12.30 น.
เราต้องสแกนตั๋วออกจากสถานีรถไฟก่อน และเดินไปตามทางจะเห็นป้าย ferry terminal เพื่อซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ ซึ่งสามารถซื้อที่เคาเตอร์ (ใช้บัตร Visa MasterCard youtrip ,trueMoney alipayได้ค่ะ) ราคา 2 ริงกิต เรือออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
4. ประมาณบ่ายโมงถึงปีนัง ฝั่งจอร์จทาวน์
เราไปกัน 3 คนมีกระเป๋าเดินทาง เพื่อความสะดวกก็เลยเรียก grab จากท่าเรือไปโรงแรม tune hotel ค่ารถ 10.30 ริงกิต (หาร3เฉลี่ยคนละ 3.50 ริงกิต) ใครจะนั่งรถบัส จะมีสถานี ใกล้ท่าเรือ แบบฟรีก็มีนะคะสังเกตุหน้ารถเป็น CAT ค่ะ
การเข้าพักที่โรงแรมในประเทศมาเลเซียจะมีค่าเหยียบแผ่นดินด้วยนะคะ โรงแรมที่เราพักคิด 12 ริงกิตต่อคนต่อคืน (เราพัก 3 คืน 36 ริงกิต)
โรงแรม Tune อยู่ห่างคอมต้าประมาณ 500 เมตร และอยู่ติดกับ New World Park ที่มีศูนย์อาหารใหญ่ เราเลือกพักห้องละคน และเลือกที่มีหน้าต่าง จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด เพราะห้องพักที่นี่มีขนาดเล็ก
👉ตอนนี้ถ้าถามว่า มาทำอะไรที่ปีนัง
โดยส่วนตัวอยากมาปีนังมานานแล้ว อารมณ์อยากใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ด้วย ปีนัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวมาเลเซียได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเมืองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่มีความเรียบง่าย มีธรรมชาติ และผู้คนที่เป็นมิตร ปีนังมีความโดดเด่ดเรื่องของศิลปะฝาผนังที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ในตัวเมืองปีนัง ทำให้เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมศิลปะแนว Interactive Art ในการเดินเล่นก็จะไม่น่าเบื่อ เพราะจะมีร้าน มีรถเข็นขายอาหารอยู่ตามถนนซอกซอยต่างๆ รอบเมืองเช่นเดียวกัน มาปีนังต้องเดิน Street Art ต้องทานอาหาร,Street Food ประมาณนี้ค่ะ
วันแรกที่ไปถึงเช็คอินเข้าโรงแรม ก็ออกมาหาอาหารอร่อยๆทาน เดินเล่นชิลล์ กันเลยค่ะ
วันที่สองเราก็ไปปีนังฮิลล์ และเดินเล่นในจอร์จทาวน์ หมู่บ้านชาวประมง
วันที่สามช่วงเช้าเดินเล่นในจอร์ททาวน์ เย็นไปวัดฮกลกซี่
วันที่สี่ก่อนเดินทางกลับ ก็ไปเดินเล่นยามเช้าแถวฐานทัพเรือ ไปหาซื้อของฝากค่ะ
👉สถานที่ไฮท์ไลท์ของปีนัง คือ ปีนังฮิลล์
(Penang Hill) จุดชมวิวมุมสูงบนเกาะปีนัง
การเดินทาง จากโรงแรมเราได้เรียก Grab แต่ตอนนั้นประมาณ6 โมงไม่มีรถค่ะ จึงเดินไปรอรถบัสสาย 204 รอนานอีกเช่นกัน ก็เลยเรียก Grab อีกครั้ง ค่ารถ 20.3 ริงกิตค่ะ เฉลี่ยคนละ 7 ริงกิต ปีนังฮิลล์จะอยู่นอกเมืองนะคะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที (7.00 น.) ถึงจุดจำหน่ายตั๋ว คิวซื้อตั๋วโล่งสบายเลยค่ะ ข้อดีของการตื่นเช้าค่ะ
ราคาตั๋ว 30 ริงกิต (เป็นตั๋วไปและกลับ) ที่หน้าตั๋วจะระบุว่าขึ้นรถรางเที่ยวกี่โมงค่ะ
ประมาณ 7.25 ได้ขึ้นรถราง จองที่ยืนด้านหน้าเลยค่ะ 😊😊
เรามาถึงตอนเช้า ร้านค้าใกล้ๆจุดจำหน่ายตั๋วยังไม่เปิด นะคะ ต้องไปหาอาหารเช้าทานด้านบนปีนังฮิลล์
ซึ่งจะมีร้านค้าขายอาหารประเภทอาหารเช้า และมีร้านน้ำดื่ม น้ำปั่น ผลไม้หลายๆร้านติดติดกันค่ะ
ปีนังฮิลล์ (Penang Hill) ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 823 เมตร เป็นจุดชมวิว 360 มองเห็นเมืองปีนังและทะเล ยามเช้าในเดือนกุมภาพันธ์อากาศค่อนข้าวจะเย็นนะคะ
ที่นี่ นั่งรถรางไฟฟ้า ขึ้นมา และมีกิจกรรมต่างๆมากมายเช่น ชมพิพิธภัณฑ์นกฮูก สวนนก และสวนดอกไม้
แต่เราจะเดินเล่นเก็บบรรยากาศในพื้นที่โดยรอบ และในส่วนของวัดฮินดู ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร
ก่อนขึ้นไปวัดฮินดู จะมีสนามเด็กเล่น
ทางขึ้นวัดก็จะชันหน่อยนะคะ
เมื่อแดดเริ่มมา พวกเราก็ได้เวลากลับ หลังจากลงรถราง ก็แวะร้านขายของที่ระลึกกัน เราได้พวงกุญแจราคาชิ้นละประมาณ 4 ริง ติดไม้ติดมือมา ซึ่งจริงๆแล้วมีราคาแพงและถูกกว่านี้ แล้วแต่แบบและคุณภาพ ค่ะ
ของที่จำหน่ายก็ประมาณนี้ค่ะ
กลับจอร์ททาวน์ด้วยรถบัสสาย 204 สะดวกสบายดีค่ะ ค่ารถคนละ 2 ริงกิตลงรถที่ตึกคอมป์ต้า และนั่งรถ CAT ไปลงที่ GEORGE TOWN Hotel ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆจุดที่เป็นแลนด์มาร์ก อีกทั้งช่วงนี้ใกล้เทศกาลตรุษจีน ถนนหนทางก็จะประดับตกแต่งไฟสวยงามค่ะ
เดินผ่านตรงไหน ก็เก็บภาพได้หมด ในจอร์ททาวน์ถ้าไม่กลัวร้อนสามารถเดินเท้าท่องเที่ยวได้ทั้งวันค่ะ
เดินต่อเนื่องไปยังถนน amerian street ซึ่งเป็นย่านฝรั่ง อาหารฝรั่ง คนฝรั่งจะเยอะ
และที่นี่เป็นหนึ่งในภาพวาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เด็กขี่จักรยาน Kids on bicycle
ขอบอกว่าแถวยาวววมากค่ะ กว่าจะได้ถ่ายภาพร้อนก็ร้อน😀😀
พวกเราทนร้อนกันไม่ไหว ทานกลางวันเสร็จต้องกลับเข้าโรงแรม แล้วออกมาเดินเล่น่ใหม่ช่วงเย็นๆค่ะ
ภาพแนว Street Art ภาพอื่นๆ ที่จะอยู่ตามถนน ซอก ซอยต่างๆ มากมาย ถ่ายมาบ้างไม่ได้ถ่ายมาบ้างค่ะ
ช่วงเย็นๆ แดดเริ่มอ่อนบ้าง(นะคะ) หกโมงยังร้อนเลยอ่ะ เรานั่งรถ CAT ฟรีไป Little India
👉ความขึ้นชื่อทางด้านอาหารก็จะมีเมนูที่นักชิมทั้งหลายไม่พลาด
ลักสา (Laksa) เป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ร้านนี้เป็นร้านดังในปีนัง ลักสามีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กะทิ คล้ายคลึงกับข้าวซอยของไทย มีส่วนผสมของ กุ้งแห้ง พริก กุ้งต้ม และหอยแครง ราคาเริ่มต้นชามละประมาณ 18 ริงกิต ให้เลือกเครื่องเพิ่มได้ตามแต่ละประเภท 1.5-4 ริงกิต
ที่นั่งทานจะเดินไปอีก 2-3 ห้องถัดไปจากหน้าร้านนะคะ
👉ร้านของหวานที่ใครมาก็ต้องลอง (มีอีกร้านที่อยู่ตรงกันข้ามกัน แต่ขายไม่ดีเลยแปลกมาก คนมารุมอยู่ร้านนี้หมด)
Penang Road Famous Teochew Chendul ลอดช่องปีนัง หรือ ลอดช่องแต้จิ๋ว เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร และน้ำกะทิสูตรพิเศษ ที่ช่วยเพิ่มความกลมกล่อมได้เป็นอย่างดี
ราคา 4.5 ริงกิตต่อถ้วย หากทานที่ร้านราคา 3.9 ริงกิต
เรื่องอาหารการกินที่นี่จะมีหลากหลายทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารจีน พวกติ่มซำ ข้าวมันไก่ อาหารอินเดีย
ปานีปูรี ก็เป็นอีกเมนู ของว่างทานเล่นจากอินเดีย ” Pani Puri ” จะเป็นชื่อเรียกของทางใต้ของอินเดีย
หลายทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารจีน พวกติ่มซำ ข้าวมันไก่ อาหารอินเดีย เราลองทานอาหารอินเดียไปหลายเมนู กินเครื่องเทศจะแรงสักนิดนะคะ
เมนูอื่นๆ สามารถหาทานได้ แต่ละร้านรสชาติขึ้นอยู่กับความชอบชองแต่ละคน
อาหารจานนี้ ทานที่ร้านตามป้ายด้านบนค่ะ อยู่ตรงสี่แยกคอมต้า บางเวลามีคนเยอะมาก เข้าแถวยาว แต่เราเลือกไปตอนเช้า ช่วงร้านเปิดใหม่ๆค่ะ
ด้านล่างจะเป็นอาหารที่สั่งจากร้านระดับมิชิลิน นะคะ ต้องขออภัยค่ะ ไม่ได้ลงพิกัดไว้
ร้านติ่มซำ Tai Tong
ผ่านเรื่องอาหารการกิน ซึ่งสามารถเลือกทานตามที่ตัวเองชอบได้เลยค่ะ มีเกือบทุกซอย หลากหลายแบบและรสชาติ
มาเก็บภาพ จากภาพวาฝาผนังกันบ้าง
ตรงนี้ทางสถานดับเพลิง ได้จัดทำได้
👉ช่วงที่เราไปเป็นช่วงก่อนตรุษจีน ตามถนนหนทาง สวนสาธารณะ จะตกแต่งโคมไฟสวยงาม
โดยเฉพาะที่วัดเก็กลกซี เป็นวัดแห่งสรวงสวรรค์ เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสถาปัตยกรรมผสม ไทย จีน และ พม่า สวยงามทุกมุม ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก
สมาคมชาวพุทธ หรือถ้าค้นใน Google จะขึ้นมาแบบในภาพค่ะ
ย่านริมทะเล Queen Victiria Memorial Clock ฐานทัพเรือ หมู่บ้านชาวประมง
ฐานทัพเรือ และบริเวณโดยรอบ บรรยากาศยามเช้าสวยงามค่ะ
ลงรถแล้วเดินลัดสนามหญ้ามา มองไปทางซ้ายจะเห็นตึกนี้ค่ะ
ด้านขวา
จากนั้นเดินมาเรื่อยๆ
จนถึงหอนาฬิกา
สรุปท้ายรีวิวนะคะ
วิธีการเดินทาง และ ที่พักค่ะ
👉การเดินทาง สามารถเดินทางโดยเครื่องบิน
✈ลงเครื่องที่สนามบินปีนัง หรือนั่งรถไฟ ขึ้นรถจากกรุงเทพ หรือ จากหาดใหญ่ เราเลือกเดินทางจากหาดใหญ่ ค่ารถไฟจากหาดใหญ่ไปปาดังฯ 50 บาท ผ่านตรวจคนเข้าเมืองไทยและมาเลย์เรียบร้อย ก็ซื้อตั๋วจากปาดังฯขึ้นบัตเตอร์เวิร์ต 11.4 ริงกิต(ประมาณ90บาท) จากบัตเตอร์เวิร์ตต่อเรือข้ามฟาก 2 ริงกิต (ประมาณ 15 บาท) รวมค่าเดินทางจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ถึงฝั่งจอร์จทาวน์ 155 บาท
👉ซิมอินเตอร์เน็ต สามารถใช้เน็ตไทย เปิดโรมมิ่ง ซิมท่องเที่ยวหรือซิมของมาเลย์ก็ได้ เราเลือกซื้อซิมมาเลย์ ในราคา 35 ริงกิต (ประมาณ 280 บาท)
👉การชำระเงิน ส่วนใหญ่รับเป็นเงินสด จะมีเฉพาะตู้จำหน่ายตั๋วบัตเตอร์เวิร์ดและค่าเรื่อเฟอรี่ ที่ต้องใช้บัตรในการซื้อ (สามารถใช้ทรูมันนี่ เปิด Alipay เลือกประเทศมาเลเซีย สแกนจ่ายได้ค่ะ)
👉แลกเงินไทยเป็นเงินมาเลย์ เราแลกที่ร้านหน้าตลาดกิมหยงค่ะ ได้เรทดี
👉แลกเงินมาเลย์เป็นเงินไทย เราแลกร้านที่ปาดังฯ ค่ะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแค่ 0.05 บาทต่อริงกิต
👉โรงแรมที่พัก จองผ่านทางagoda หรือ trip.com หรือ walk in ก็ได้ค่ะ เราจองผ่านagoda พักที่โรงแรม Tune Hotel ข้อดีคืออยู่ใกล้แหล่งขายอาหาร เดินทางสะดวก ห่างป้ายรถเมล์ประมาณ 350 ม. ห่างตึก Komta ประมาณ 600 ม. แต่หากไปย่าน Street Food นั่งรถบัส หรือเรียก Grab ดีกว่าค่ะ
👉สถานที่เที่ยว ที่เป็นไฮท์ไลท์ ก็คือ ปีนังฮิลล์ วัดKek Lok Si ซึ่งไปเส้นทางเดียวกันย่าน Street Art ย่าน Street Food ตึกจอร์ททาวน์ สีขาว ตึกสถานีดับเพลิงสีขาวแดง ที่คนนิยมถ่ายรูปกันก็สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้หมดเลยค่ะ little india china town จุดไหนมีรถบัสผ่านก็สามารถนั่งรถได้ มีทั้งแบบฟรี Cat และไม่ฟรี เริ่มต้นที่ 1.40 ริงกิตย่านริมทะเล Queen Victiria Memorial Clock ฐานทัพเรือ หมู่บ้านชาวประมง ** ด้านข้างของสถานีดับเพลิง อย่าลืมเลยไปดูนะคะน น่าจะเป็น แลนด์มาร์คใหม่ ของจอร์จทาวน์ค่ะ จริงๆแล้ว สถานที่เที่ยวอยู่ใกล้ๆกัน สามารถเที่ยวครบภายใน1วันได้เลยค่ะ อีกหนึ่งวันไปเที่ยวโซนปีนังฮิลล์ แต่เราหลบร้อนค่ะ เที่ยวเฉพะาเวลาเช้า เย็น ใช้เวลาไป 4 วันรวมวันเดินทางไปกลับหาดใหญ่ (แดดที่นี่ร้อนมากถึงมากที่สุด) ไม่มีฝนเลยค่ะ กรุณาพกร่ม หมวก เสื้อกันแดดมาด้วยนะคะ #ทริปนี้เดินก็เยอะ ทานก็เยอะ อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ ร้านมิชลินก็เยอะนะคะ
คำเตือน ขากลับจากปีนัง เมื่อถึงสถานีปาดังฝั่งมาเลย์แล้ว ไม่ต้องออกนอกสถานีแล้วนั่งมอไซด์หรือแท๊กซี่นะคะ(มอไซด์คนละ 20 ริงกิต รถตู้ปาดัง ไป หาดใหญ่ 60 บาทค่ะ) เพราะสามารถต่อรถไฟเพื่อมาหาดใหญ่ได้ตรงนั้นเลย เราพลาด ต้องนั่งมอไซด์ตากแดดผ่านด่านมา แต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายมาก เพราะทำให้การเดืนทางเร็วขึ้น ทันรอบรถจากหาดใหญ่มานครศรีฯ
KeRoDiaryy
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.19 น.