. . . มาต่อทริป Summer in Kyushu เป็นรีวิวที่ 5 แล้ว
ย้อนอ่านรีวิว ทริป Kyushu ได้ตามลิ้งนี้เลยค้าบบบบ
- 15 สถานที่ ซ่อน(ไม่)แอบ ที่น่าค้นหา ฉบับเช่ารถขับเที่ยวคิวชู [ KYUSHU ]
- Omuta Daijayama Festival เทศกาลแห่งูยักษ์พ่นไฟ ที่ OMUTA | FUKUOKA [ KYUSHU ]
- 1 วัน 1 คืน ที่เมือง TAKACHIHO อีก 1 ไฮไลต์ห้ามพลาดของคิวชู [ KYUSHU ]
- สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการ 'เช่ารถขับเที่ยวคิวชู' และประสบการณ์โดนตำรวจเรียกและได้ใบสั่ง [KYUSHU]
คราวนี้เราจะขับรถออกนอกเขตคิวชู ข้ามจากเกาะคิวชู ไปเกาะหลักของญี่ปุ่น เที่ยวจังหวัดตอนล่างสุด ชื่อว่า Yamaguchi ถือเป็นการเก็บงานโซนนี้ คราวหน้าถ้ามีโอกาสมาตอนกลางของญี่ปุ่นจะได้ไม่ต้องล่องลงมาแถวนี้ เพราะค่อนข้างไกล มาจากฝั่งคิวชูใกล้กว่าเยอะเลย
ในจังหวัดนี้ เท่าที่หารีวิวของคนไทยอาจจะยังมีไม่มาก เพราะ เป็นจังหวัดที่ถ้าไม่ตั้งใจไปจริงๆ ก็ไม่น่าจะวางแผนมา เนื่องจากมันอยู่ทางตอนล่างของเกาะหลัก น้อยคนจะนั่งรถไฟจากตอนกลางจาก โตเกียว หรือ โอซาก้า มาแถวนี้เพราะมันก็ค่อนข้างไกล หรือจะมาจากฝั่งคิวชูก็ไม่ค่อยมีคนข้ามมาเท่าไหร่ เนื่องจาก JR Pass มันคนละภูมิภาค หรือถ้าขับรถมา พาสทางด่วนมันก็คนละภูมิภาคอีกเหมือนกัน อาจจะถูกตัดช้อยส์ทิ้งออกจากแผนเที่ยวเพราะเรื่องของการเดินทางที่ออกนอกเขตนั่นเอง
ครั้งนี้เรากะว่าจะข้ามไปเกาะ Miyajima ที่จังหวัด Hiroshima อยู่แล้ว เพราะลำพังส่วนตัวคิดว่าเที่ยวแค่คิวชูอย่างเดียวมันไม่ฟิน มันไม่หนำใจ เลยอยากขับรถข้ามมาเกาะหลักดูบ้าง ซึ่งในระหว่างที่จะไป ฮิโรชิมา มันจะต้องผ่านจังหวัด Yamaguchi ก่อน เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยเบลอขับผ่านไปดื้อๆเฉยๆไม่ได้ เราควรจะแวะนู่นแวะนี่รายทางให้คุ้มค่ากับการเช่ารถขับข้ามมาซะหน่อย
เนื่องจากมีเวลารวมแล้วประมาณ 1 วัน 1 คืน สำหรับจังหวัดนี้ อาจจะเก็บไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ถือเป็นจุดน่าแวะที่มีชื่อเสียง และควรค่าแก่การไปเยือน
สำหรับจังหวัด Yamaguchi จะขอแยกเป็น 2 รีวิว ของ 2 เมืองที่เราไป คือ Shimonoseki กับ Iwakuni
รีวิวนี้ขอพูด Shimonoseki ก่อน กลัวว่าจะยาวเกินไป เราเที่ยวทีละเมืองดีกว่า แล้วเมืองนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูกัน
SHIMONOSEKI
ชิโมโนะเซกิ เมืองหลวงของปลาปักเป้า
เนื่องจากเราเดินทางมาจากฝั่งจังหวัด Fukuoka บนเกาะคิวชู การที่จะข้ามมาฝั่งเกาะหลักเกาะฮอนชู เราจะข้าม Kanmon Bridge ( 関門橋 ) เป็นสะพานแขวนขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวถึง 1,068 เมตร ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่เชื่อมเกาะคิวชูและเกาะฮอนชูเข้าไว้ด้วยกัน โดยปลายสะพานด้านหนึ่งอยู่ที่เขต ย่าน Kitakyushu จังหวัดฟูกุโอกะ หรือที่เราเรียกว่า Mojiko และ ปลายสะพานอีกด้านหนึ่งอยู่ที่เมือง Shimonoseki จังหวัดยามากุจิ นั่นเอง
พอข้ามมาแล้วโซนที่คนนิยมแวะมากที่สุดเลยก็คือ ย่านคาราโตะ เพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Mojiko เอง
สามารถมาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีรถขับมาก็ได้ เพราะมีทางเดินใต้ดินสามารถเดินข้ามมาได้เลย หรือจะใช้วิธีนั่งเรือข้ามมาลงที่ Karato Pier ก็ได้
KAROTO
ย่าน KARATO ของเมือง Shimonoseki เป็นโซนที่อยู่ใกล้กับเกาะคิวชูแบบสุดๆ เพียงแค่เราข้ามสะพาน Kanmon จาก Kitakyushu
เพียงแค่เราขับข้ามสะพานมาก็มาอยู่อีกจังหวัด คนละภูมิภาคแล้ว ย่านนี้ก็น่ารักดี วิวสวยเพราะติดทะเล และคนก็จะมักมาแถวคาราโตะ เพื่อมาที่ตลาดปลา Karato นั่นเอง
เราใช้เวลาที่ Karato รวมๆ แล้ว ไม่ถึง 24 ชม. ด้วยซ้ำ ในละแวกคาราโตะนี้เราจะโฟกัสที่ ตลาดปลา Karato พักที่ UZU Hostel ที่เดินไปตลากปลาได้ใกล้นิดเดียว แล้วก็แวะกินข้าวกลางวันที่ Kanmon Wharf เป็น community mall ใกล้ท่าเรือของคาราโตะ
KARATO FISH MARKET
ตลาดปลา คาราโตะ เป็นตลาดขายส่งปลาขนาดใหญ่ในโซนนี้ และปลาที่เป็นพระเอกของที่นี่ ก็คือเป็น ปลาปักเป้า (FUKU) ของขึ้นชื่อของ Shimonoseki ถึงขนาดเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย
แต่ก็ยังมีปลาที่ขึ้นชื่อและเป็นแหล่งค้าส่งใหญ่ ของปลามาได และ ปลาหางเหลือง ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านก็สามารถจับมาขายที่ตลาดนี้ ได้ซึ่งอาจจะเป็นการค้าปลาที่ไม่เหมือนตลาดปลาอื่นที่เค้าเน้นซื้อขายกับเรือประมงที่ทำเป็นธุรกิจเป็นหลัก รวมทั้งเป็นตลาดกลางที่ให้เกษตรกรและชาวประมงมาขายเองได้
ใครอยากลองเนื้อปลาปักเป้าก็มีขายเยอะมาก แล่มาพร้อมรับประทาน ราคาถูกกว่าที่ร้านอาหารแน่นอน และเรื่องความสดก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะนี่คือตลาดปลาค้าส่งปลาปักเป้าเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น
ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ ที่ตลาดนี้จะมีการจัดงาน เรียกว่า "Ikiiki Bagangai" เพื่อให้คนทั่วไปมากินมาดื่มมาดริ๊งเพื่อกระตุ้นการบริโภคปลาที่ขายในตลาดนี้ จะมีการขายอาหารทะเล ซีฟู้ดต่างๆ โดยเฉพาะปลาที่จับได้ตามฤดูกาลในราคาย่อมเยา
แล้ววันนี้เราก็มาวันเสาร์พอดี จะพลาดได้ยังไง แต่กว่าเค้าจะเริ่มขายก็คือเวลา 9 โมง แต่เรามาเช้ามาก ยืนรอเฉยๆมันหิวไง ก็เลยทานอาหารเช้ารองท้องที่ร้านอาหารชั้น 2 ของตลาด ช่วงเช้ามีเปิดแค่ไม่กี่ร้าน
เมนูปลาปักเป้าก็มีนะ แต่ขอเป็นแบบทอด เนื้อปลาปักเป้ามันมีความเป็นเอ็น เนื้อไม่เยอะ รู้สึกไม่ค่อยถูกปากถูกใจเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ลองแบบแล่สด ซาซิมิ น่าจะดีกว่าแบบทอด
Ikiiki Bakangai ดูจากในเวบ official บอกว่า เปิด วันศุกร์และวันเสาร์: 10.00-15.00 น วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 8.00-15.00 น แต่เราไปวันเสาร์ ร้านซูชิจะเริ่มขายที่ 9 โมง คือ 9 โมงเป๊งจริง มีหลายร้านคือพร้อมขายมาก เราก็ไปด้อมๆมองๆ จะซื้อ เค้าบอกยังไม่ขาย แล้วพอ 9 โมงปึ๊บ เจ้าหน้าที่ตลาดก็จะสั่นกระดิกส่งสัญญาณ เริ่มขายได้
ร้านมีเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย น่ากินทุกร้าน แต่ร้านนี้คนต่อคิวยาวสุด น่าจะเป็นร้านดัง
แต่เราไม่ชอบต่อคิวยาว ร้านไหนก็ได้ ไม่ซีเรียส วิธีซื้อก็เลือกร้านที่ชอบ พอถึงคิวก็ชี้เลือกที่เราชอบ คนขายจะคีบใส่กล่องให้ แล้วก็คิดเงินทีเดียว
ของสดมากกกกกก น่ากินทุกอัน หน้าซูชิก็ชิ้นใหญ่ ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับทานที่ร้าน
เมื่อซื้อเสร็จแล้ว ด้วยความที่นี่เป็นตลาดปลา เลยไม่ได้มีโต๊ะที่นั่งให้นั่งกินเหมือนฟู้ดคอร์ททั่วไป แต่คนส่วนใหญ่จะซื้อมาแล้วก็นั่งจับกลุ่มกันตรงทางเดินริมทะเล
น่ากินมั้ยยยย?!?! น่ากินโน๊ะ แต่เก็บไว้ก่อนเพิ่งกินข้าวมาอิ่มๆ ไว้กินมื้อเที่ยงในรถระหว่างเดินทาง
🐡เวลาทำการของตลาด วันธรรมดา/วันเสาร์: 5:00~15:00 น วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 8:00~15:00 น *วันปิดทำการ: วันพุธ (วันหยุดไม่ปกติ), วันหยุดโอบง, วันหยุดปีใหม่
🍣 Ikiiki Bakangai (งานซูชิ)
- วันศุกร์และวันเสาร์: 10.00-15.00 น
- วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 8.00-15.00 น.
พิกัด: KARATO FISH MARKET Google Map
Kanmon Wharf
โซนนี้ก็เชื่อมต่อกันมาจากตลาดปลา KARATO เป็นคล้ายๆคอมมิวนิตี้มอลล์ มีร้านอาหาร มีร้านขายของฝาก มีโซนที่เป็นท่าเรือ Karato ที่สามารถนั่งเรือ Ferry ข้ามไปฝั่ง Kitakyushu ได้
ด้านที่ติดทะเลก็เป็นเทอเรสเดินยาวมาได้เรื่อยๆ เลย
เราก็แวะกินข้าวเที่ยง หลังจากขับรถข้ามมาจจากคิวชู เหมือน Food Court เรามาวันธรรมดา ตอนเกือบบ่ายแล้วก็เลยไม่ค่อยมีคน แต่ถ้าวันหยุดน่าจะคนเยอะอยู่
ในส่วนของอาหารร้านตรงโซนนี้ก็ธรรมดา ไม่มีอะไรว้าวขนาดนั้น แค่นั่งชมวิวชิลดี แล้วก็ทานแบบง่ายๆ จะได้เดินทางต่อไม่เสียเวลามาก
UZU HOSTEL
โฮสเทลน่ารักๆ ใกล้ ตลาดปลาคาราโตะ
โฮสเทลโลโก้ปลาปักเป้า ไอคอนเมือง Shimonoseki นั่นไง
ใครอยากมาพักแถวนี้ มองหาที่พักราคาไม่แพงมาก โลเคชั่นดี ใกล้ตลาดปลาคาราโตะ แบบใกล้มากๆ เดินไปนิดเดียว แล้ววิวก็สวยด้วย ด้านหลังของตึกคือติดทะเล ที่ไหลผ่านช่องแคบKanmon มองเห็นวิวสะพานKanmon ด้วยใกล้มากๆ
แต่การพักโฮสเทล ด้วยความที่มันราคาต่อคืนไม่แพงเท่าโรงแรมปกติ มันก็จะมีกฎระเบียบอะไรมากมายที่ต้องปฏิบัติตามเนื่องจากไม่ได้มีรูมเซอร์วิส เพราะฉะนั้นต้องทุกอย่าง Self Service หมด
แต่เราเคยพักแบบนี้มาที่ซัปโปโรแล้ว ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ที่นี่ดูเหมือนจะยากกว่า กฎระเบียบเยอะกว่า และพนักงานอาจจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย จะใช้วิธีมีแผ่นพับเป็นภาษาอังกฤษให้เราอ่านทำความเข้าใจตอนเช็คอิน
เนื่องจากโฮสเทลไม่มีฟร้อนท์ 24 ชม. เพราะฉะนั้นเราจะต้องใช้รหัสลับในการเปิดขประตูเข้าออก รวมถึงเช็คอินได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม ใครมาดึกกว่านั้น ตอนจองอาจจะต้องแจ้งทางโฮสเทลไว้ก่อน
ด้านล่างของโฮสเทล ตรงล็อบบี้เป็นคาเฟ่
ห้องของเราเป็นห้อง Private แบบ Bunk Bed เป็นเตียงสองชั้น ราคา 7,740 เยน (~ 1,778 บาท) ห้องก็เล็กๆกะทัดรัด ห้องน้ำรวม
แต่วิวดีอยู่น้า มองเห็นแม่น้ำ มองเห็นศาลเจ้า เพราะตึกอยู่ติดถนนใหญ่แล้วด้านหลังก็ติดน้ำเลย แต่ถ้าอยากนั่งรับลมชมวิวก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า
เนื่องจากเป็นโฮสเทล โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ที่เคยพักส่วนใหญ่เราจะต้องปูผ้าปูที่นอนเอง ตามแผ่นป้ายสาธิตนี้เลย แล้วพอตอนเช็คเอ้าท์ก็ต้องเก็บแล้วเอาไปใส่ตะกร้าให้เค้าเอาไปซัก
จะบอกว่า ที่นอนคือบางเฉียบ ดูในรูปเหมือนหนา แต่เวลานอนลงไปมันเป็นนุ่นที่เบาบาง แผ่นหลังสัมผัสถึงพื้นเตียงเลยเหมือนไม่ผ่านฟูกใดๆ555 บอกตรงๆนอนไม่สบายเท่าไร เพราะเป็นคนติดที่นอนนุ่มฟู ใครไม่ชอบที่นอนแข็ง ก็แนะนำว่าจองโรงแรมมตราฐานปกติดีกว่า
โรงแรมมีที่จอดรถด้วย แต่ไม่ใช่ข้างโรงแรม ต้องเดินไปประมาณ 100 เมตร จะมีบล็อคของทางโฮสเทลให้เราจอดได้ฟรีเฉพาะผู้ที่เข้าพักเท่านั้น
ด้านข้างที่จอดรถมีสวนหย่อมเล็กๆให้นั่งเล่นชมวิวได้
AKAMA SHRINE
ศาลเจ้าอาคามะ ศาลเจ้าใหญ่อยู่ตรงข้าม UZU Hostel เลย สีแดงเด่นตระหง่าน
ศาลเจ้าแห่งนี้จึงสร้างขึ้นเลียนแบบวังของพญามังกรที่อยู่ใต้ท้องทะเลที่มีต้นแบบมาจาก Ryugu-jo (ตำนานวังมังกรของชาวญี่ปุ่น) ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของจักรพรรดิน้อยอันโตกุมีอายุเพียง 3 ขวบที่ได้เสียชีวิตในสงครามดันโนะอุระ โดยการจมน้ำฆ่าตัวตายไปพร้อมกับตระกูลเฮเคะ และด้วยสัญญาของแม่ชีนิอิที่ให้คำมั่นว่าจะพาไปยังเมืองใต้บาดาล
ศาลเจ้า AKAMA สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1185 นับว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่มายาวนานกว่า 800 ปีทีเดียว จากประตูสีแดงสามารถมองเห็นวิวช่องแคบคันม่อน (Kanmon Strait) ได้อีกด้วย ภายในมีห้องสมบัติและยังมีสุสานของเหล่าขุนพลตระกูลเฮเคะที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น
ใครผ่านมาเที่ยวหรือมาพักแถวนี้ก็แวะมาไหว้ศาลเจ้ากันได้จ้า
Kameyama Hachimangu Shrine
ถัดจากศาลเจ้านี้เดินมาอีกหน่อย อยู่ตรงข้ามตลาดปลาคาราโตะเลย เป็นศาลเจ้าประจำตลาด มีสัญลักษณ์เป็นปลาปักเป้า ที่เป็นที่เคารพสักการะของคนละแวกนี้ เดินขึ้นบันไดขึ้นไปศาลเจ้าด้านบน
รูปปั้นปลาปักเป้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่ที่นี่ ให้สมกับที่เป็นเมืองหลวงแห่งปลาปักเป้า
2.) TSUNOSHIMA BRIDGE
ถ้าใครขับรถข้ามมาจากคิวชู แล้วอยากขับแบบชิลๆ ชมวิวเลียบชายฝั่งทะเล แต่ถนนจะเล็กหน่อยเป็นเลนเดียวสวนกัน ถ้าคันหน้าขับช้าก็คือแซงไม่ได้ เหมาะสำหรับคนไม่รีบ แต่วิวระหว่างทางก็สวยจริง มีอะไรให้มองตลอดทาง
มาเส้นนี้แล้วแนะนำว่าให้ ปักหมุดมาที่ สะพานสึโนะชิมะ โอฮาชิ ( Tsunoshima Ohashi ) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยามากุจิ ( Yamaguchi ) เป็นเส้นที่วิวสวยแล้วเป็นจุดท่องเที่ยวที่คนที่มาจังหวัดยามากูจินิยมแวะกัน
สะพานสึโนะชิมะ โอฮาชิ เป็นสะพานที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดยามากุจิ มีความยาว 1.7 กิโลเมตร โดยเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะสึโนะชิมะ (Tsunoshima Island) ซึ่งสะพานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และนิยมใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำโฆษณา โดยเฉพาะในวันที่อากาศดีๆ ฟ้าใสแดดจ้า จะสวยมาก แต่วันนี้ฟ้าหม่นไปหน่อย เลยไม่สวยเท่าที่เคยเห็นในรูป
ตอนแรกกะจะขับข้ามไปเที่ยวเกาะข้างในแต่ด้วยความที่ฟ้ามันครึ้มเลยเปลี่ยนใจไม่ข้ามไปดีกว่า ฟ้าครึ้มฝนจะตกถ่ายมาก็ไม่สวย แงๆๆเสียดายเหมือนกัน
บนเกาะสึโนะชิมะมีสถานที่และกิจกรรมน่าสนใจอยู่หลายที่ เช่น แวะพักที่รีสอร์ตริมทะเล หรือจะตั้งแคมป์ก็ได้ มานั่งเล่นกินข้ามแวะคาเฟ่น่ารักๆก็มี และ จุดไฮไลต์อีกที่บนเกาะ ก็คือ “ประภาคารสึโนะชิมะ (Tsunoshima Lighthouse)” ซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวสวย ๆ ของเกาะสึโนะชิมะและท้องทะเลโดยรอบได้ที่ชั้นบนสุดของประภาคาร และยังเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการถ่ายรูปกัน
ด้านข้างก่อนทางขึ้นสะพานจะมีที่จอดรถให้เราลงมาถ่ายรูปได้ แล้วก็มีจุดถ่ายรูปไว้ให้ด้วย เสียดายถ้าแดดดีๆนี่สวยมาก มันคล้ายๆที่โอกินาว่าตรงสะพานข้ามเกาะคูริเลย
พิกัด : Tsunoshima Bridge Google Map
MOTONOSUMI SHRINE
อีกจุดแวะเที่ยวโซนเลียบชายฝั่งของจ.ยามากูชิ ก็ต้องที่นี่เลย ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ ( Motonosumi Inari ) ในเมือง Nagato จังหวัด Yamaguchi มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทริอิสีแดงที่มอดยาวลงไปริมทะเล
ใครตั้งใจจะมาที่นี่คือบอกเลยว่า ต้องขับรถมาเท่านั้น เพราะไม่มีรถไฟ หรือ รถบัสผ่าน ถ้ามารถไฟต้องเรียกแท็กซี่มาเท่านั้นเลย แต่เอาวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ เช่ารถขับมาจากคิวชูนี่แหล่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ตอนแพลนจะมา Yamaguchi ก็คือปักหมุดมาที่นี่ที่แรกเลย เพราะเป็นภาพที่เคยเห็นมาหลายครั้งก็เออ เก๋ดี โทริอิเรียงยาวไปทะเล ไม่เหมือนใคร แต่น่าจะไม่ได้ไปเพราะมันอยู่เมืองที่ไม่น่าจะทางผ่าน ครั้งนี้ขับรถมาแถวนี้พอดีแล้วต้องมาให้ได้
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประทับของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่แยกออกจากศาลเจ้า Taikodani Inari ในจังหวัดชิมาเนะ เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน เล่ากันว่าเทพเจ้าแปลงกายเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวไปปรากฏกายในฝันของชาวประมงคนหนึ่งเพื่อบอกให้ตั้งศาลเจ้าในพื้นที่นี้
เห็นประตูด้านบนสูงสุดนู่นมั้ย ไอ้เราก็ลืมถ่ายแบบใกล้ๆมา ตรงนั้นก็จะเป็นไฮไลต์ของที่นี่เหมือนกัน ตรงหัวประตูจะมีรูปจิ้งจอกสีขาวสองตัวแล้วกล่องตู้บริจาคติดไว้ เค้าว่ากันว่าถ้าใครโยนเหรียญแล้วลงกล่องก็โชคดีมีโชคลาภ ใครมาที่นี่ก็ทดสอบความแม่นโยนเหรียญกันแทบทุกคน แต่เท่าที่ยืนดูก็ไม่เห็นลงสักคน555 มันยากแหล่ะ กล่องมันเล็กแล้วสูงมาก
ให้ทายว่าเสาโทริอิแดงๆที่เรียงกันนี้มีทั้งหมดกี่ต้น ?!?
เฉลย . . . มีทั้งหมด 123 ต้น
จริงมั้ยไม่รู้ เพราะไม่ได้นับ เค้าว่ามายั่งงี้ แหะๆ รวมๆระยะทางเดินก็ประมาณ 100 เมตรกว่าๆ เค้าว่ากันว่าเวลาเราเดินลอดเสาไปจนสุดทาง ให้ขอพรเรื่องให้ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เดินทางปลอดภัย อะไรประมาณนี้ แล้วก็ขอเรื่องเนื้อคู่ หรือขอลูกก็ได้ด้วย อันนี้ไม่รู้ว่าสมหวังมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เค้าว่ากันต่อๆมา ใครมาที่นี่ก็ลองขอดูนะ ได้ไม่ได้ยังไง มาบอกกันด้วย ^^
Source: https://www.jnto.or.th/newsletter/motonosumi-inari/
Location: Motonosumi Inari google map
จบโซน Roadtrip ของ จ. Yamaguchi เลาะถนนชายฝั่งของเมือง Shimonoseki แล้ว ใครอยากขับรถมาเที่ยว กดลิ้งนี้ดูแผนที่กับจุดท่องเที่ยวของเมืองนี้ได้เลย
>>> Shimonoseki Sightseeing Guide
ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว เพราะจากศาลเจ้าโมโตโนะซูมิ เราจะขับข้ามจังหวัดจาก Yamaguchi ไปจังหวัด Hiroshima เราจองที่พักไว้แถวเกาะ MIYAJIMA ตอนแรกก็ไม่รีบ กะว่าจะขับรถชิลๆแบบไม่ขึ้นทางด่วน เพราะ เราไม่มีพาสทางด่วน ของภูมิภาคนี้ ทางด่วนระยะไกลค่อนข้างแพง ซึ่งใน Google map มันก็จะให้เราขึ้นทางด่วนท่าเดียวเลย แต่พอขับไปเรื่อยๆ แพ้ทางไฟแดงที่นี่มาก ถี่เกิ๊น แล้วเมืองชนบทมีเลนเดียวทำความเร็วไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมใจ ต้องขึ้นทางด่วนอยู่ดี (เรามี ETC อยู่แล้ว (คล้ายๆEasy Pass) พอเราขึ้นทางด่วน เครื่องมันจะสะสมการใช้งานแล้วไปจ่ายค่าทางด่วนทีเดียวตอนคืนรถ)
มาเที่ยวก็ต้องทำใจ ไม่ได้อยากจะเสียตังเยอะ แต่ถ้าคำนวณแล้ว เวลาสำคัญกว่ายอมจ่ายอีกหน่อยเซฟเวลา คุ้มกว่าเยอะเลยจะได้เป็นไปตามแพลนที่วางไว้ ^^
(อ่านเทคนิคการเช่ารถขับที่คิวชู ได้ที่ลิ้งนี้ >>> สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการ 'เช่ารถขับเที่ยวคิวชู' และประสบการณ์โดนตำรวจเรียกและได้ใบสั่ง [ KYUSHU ]
รีวิวหน้าเรามาต่อกันอีกเมืองของ จ.ยามากูจิ ชื่อว่าเมือง IWAKUNI เมืองนี้จะมีอไะรน่าแวะ คอยติดตามกันด้วยนะคร้าบบบบบบ
ติดตามการเดินทางของแมวน้ำ Seally.Go.Round เที่ยวแบบเจาะลึก ข้อมูลแน่นๆ
- Facebook: https://www.facebook.com/seallygoround/
- IG: @Seally.go.round (lifestyle) / @air.la.cuisine (Cooking diary)
- IG น้องหมูด่อน @Moodon_Jackrussell
- อ่านรีวิวทริปอื่นๆ ได้ที่ https://th.readme.me/id/seallygoround
Seally-Go-Round
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 16.10 น.