มาเก๊า เขตบริหารพิเศษของจีน

เมืองที่ผสมผสานของ 2 วัฒนธรรมคือ เอเชีย และยุโรป

จากการที่เคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส

ส่งผ่านมาทางอาหาร สิ่งปลูกสร้าง

อาคารต่างๆ ที่ดีไซน์ในสไตล์ชิโนโปรตุกีส

การเที่ยวในครั้งนี้ เราไปกันทั้งหมด 6 คน

(มีผู้สูงอายุ 1 คน และ เด็กเล็ก 1 คน)

เรานั่งแท็กซี่จากสนามบินไปยังที่พัก

เพราะมีกระเป๋าหลายใบ และตั้งใจว่าทริปนี้เน้นเดินเที่ยว

ขึ้นรถบัสไม่กี่ครั้ง เลยไม่ได้ซื้อบัตร Macau Pass

เราพักกันที่ Caravel Hotel Macau

ที่เลือกโรงแรมแห่งนี้

เพราะเราสามารถเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยว

และหาของกินได้ง่าย

เช่น ซากโบสถ์ Ruin’s of St. Paul หรือ Senado Square

ส่วนตัวห้องนั้น กว้างขวาง มีพื้นที่ให้นั่งเล่นได้

ที่สำคัญ ครีมอาบน้ำ ยาสระผม และครีมนวดคือดีงามมาก

วันที่ 1

📍เริ่มจากหาอาหารเช้ากินกัน Mr.Gung - Iam Cha

ห่างจากโรงแรมประมาณ 5 นาที

เราจะเจอร้านติ่มซำแสนอร่อย

ส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่นเข้าไปกิน

ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ

อาศัยดูรูป และสั่งเอา รสชาติ และปริมาณที่ได้รับ

คือดีงาม อร่อย แนะนำมาก ๆ

📍ศาลเจ้านาจา มาเก๊า (Na Tcha Temple)

ตั้งอยู่ติดกับรั้วกำแพงโบราณของ โบสถ์เซนต์พอล

เป็นศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีน และตะวันตก

สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1888 เพื่ออุทิศให้แด่ "เทพนาจา"

ที่ผู้คนเชื่อว่าท่านจะสามารถยับยั้งการระบาดของกาฬโรคที่ระบาดอย่างรุนแรงในอดีต

นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการมากราบไหว้ขอลูก

รวมถึงใครที่มีลูกแล้วก็ขอพรให้ลูกหลานสุขภาพแข็งแรงได้เช่นกัน

📍ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล(Ruins of St. Paul)

อดีตนั้นเป็นโบสถ์แคทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ต่อมาได้ถูกทำลายด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้

และพายุไต้ฝุ่นในปี ค.ศ. 1835

เหลือเพียงซากประตูที่ให้เราได้ชมมาจนถึงปัจจุบัน

ระหว่างทางที่เดิน มีของขายให้เราเลือกซื้อ

เลือกชิม และกินมากมาย

📍Sei Kee Café (ไซ เก๋ย กาเฟ้) สาขา Rua da Palha

เมนูแนะนำคือ ขนมปังหมูทอด และชาเย็น

📍โบสถ์เซนต์ดอมินิค (St. Dominic's Church)

อาคารสีเหลืองสไตล์บารอคที่ผสมผสานระหว่าง

สไตล์โปรตุเกสและสเปน

สร้างในปี 1587 และเป็นสถานที่ที่ตีพิมพ์

A Abelha da China (The China Bee)

ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาโปรตุเกสฉบับแรกในมาเก๊า

📍Wong Chi Kei ร้านบะหมี่ไข่ชื่อดังที่ มาเก๊า

ซึ่งมีตำนานมาอย่างยาวนานตั้งแต่อยู่ที่กวางตุ้ง

จนย้ายมาที่มาเก๊า

โดยสาขานี้อยู่ที่ Senado Square

เป็นตึกแถวเล็กๆ มีอยู่ไม่กี่โต๊ะ

เมนูขึ้นชื่อคือ บะหมี่เกี๊ยว

📍Senado Square จัตตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า

และเป็นแลนด์มาร์คที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวมาเก๊า

ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

โดยองค์การยูเนสโก

ซึ่งจัตตุรัสแห่งนี้เป็นที่รวบรวมสถานที่สำคัญ

ทางประวัติศาตร์ เช่น

อาคาร Leal Senado ตึกสไตล์บารอคอายุกว่า 400 ปี

ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลโปรตุเกสมาเก๊าตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของจัตุรัส

อาคาร Holy House of Mercy หรือสำนักแห่งความเมตตา ตกแต่งสไตล์นีโอคลาสสิคอายุ 400 กว่าปี

ในอดีตเป็นคลินิกทางการแพทย์แห่งแรกของมาเก๊า

และเป็นแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งรวมร้านอาหารอร่อยมากมาย

ระหว่างที่เดินฝนตกลงมาพอดี

เราเลยแวะเข้าไปดื่มกาแฟที่ร้าน Marko coffee

ฝนหยุดแล้ว ถึงเวลาเดินไปสถานที่ต่อไป

📍วัดซำไกวุยคุน (Sam Kai Vui Kun 三街會館)

หรือ วัดกวนไท (Kuan Tai Temple 關帝廟)

ไม่ไกลจาก Senado Square สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1750 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO

วัดยอดนิยมของตำรวจ นักการเมือง

เเละผู้นำทางธุรกิจ จะมาบูชา เทพเจ้ากวนอู

ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง

และการปกป้องคุ้มครอง

เพราะกวนอูเป็นแม่ทัพผู้กล้าที่ทรงคุณธรรม

และซื่อสัตย์ที่สุด เชื่อว่าสามารถปกป้องสิ่งชั่วร้ายต่างๆ

เเละช่วยเสริมอำนาจบารมีในการปกครอง

เเละคุ้มครองบริวาร

📍ร้านนมตุ๋นชื่อดัง Leitaria I Son

ตัวเด่นสุดของทางร้านที่มาแล้วต้องสั่งก็คือนมสดตุ๋น

ซึ่งจะใช้นมที่สดใหม่นำมาตุ๋นจนได้ผิวสัมผัสกำลังดี

หอมนมสดและนุ่มลิ้นมาก

เดินทางกันต่อ มามาเก๊าทั้งที

ต้องขอไปลองกินทาร์ตไข่สักครั้ง

📍ร้านทาร์ตไข่มากาเร็ต(Cafe e Nata Margaret’s)

เดินจาก Senado Square ประมาณ 5 นาที

เราจะเจอร้านทาร์ตไข่สูตร Portuguese

คือ ใช้แป้งคล้ายพายกรอบๆ เป็นร้านดังของมาเก๊า

หลังจากได้ชิมแล้ว เราว่าเป็นร้านทาร์ตไข่

ที่ถือว่ารสชาติอร่อย

โดยเฉพาะถ้าทานทันทีขณะที่ยังร้อนๆอยู่

จะกรอบนอกนุ่มใน หอมหวานกำลังดี

📍Grand Lisboa เดินเล่น เดินถ่ายรูป

และเข้าไปดูด้านในของ Casino Lisboa กันบ้าง

บรรยากาศมันยังเป็นคาสิโนแบบดั้งเดิมอยู่มากๆ

มีแต่ภาษาจีนล้วนๆ เข้าไปแล้วคือแบบ ใหญ่มาก ๆ

เป็นอีกประสบการณืหนึ่งที่น่าไปลอง

หรือใครคิดว่าตัวเองดวงดี ลองเล่นกันก็ได้นะ

เผื่อได้เงินกินหนมเพิ่มเติม

ถึงเวลากลับโรงแรมแล้ว

เราว่าการเดินที่มาเก๊าไม่ยากเท่าไหร่

เส้นทางการเดินคือ สะดวก มาก

และเช่นเดิม จาก Casino Lisboa กลับโรงแรม

เราเลือกที่จะเดินกลับ และหาอะไรกินระหว่างทาง

📍Tryangle Coffee ร้านเล็ก ๆ มีไม่กี่ที่นั่ง

แต่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกค่อนข้างเยอะ

และรสชาติก็ดีมาก ๆ

มื้อเย็นวันนี้ เรามาเดินเล่นถนนคนเดินแถวโรงแรม

และหาอะไรกินก่อนกลับเข้าไปพัก

วันที่ 2

เดินจากโรงแรมประมาณ 5 นาที

📍Cafe Nam Ping ร้านน้ำชาที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า!!

บรรยากาศคลาสสิกมาก

คนที่มานั่งกินส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่

ร้านแห่งนี้มีเบเกอรี่ แซนวิช และเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย

ไม่มีภาษาอังกฤษ เน้นชี้ และดูภาพเอา

ขอบอกว่าถึงอาหารจะดูหน้าตาธรรมดาๆ

แต่ทุกอย่างที่สั่งมากินอร่อยใช่เล่นเลย

ถึงเวลาที่เรานั่งรถบัสไป

📍A-ma temple

รถบัสที่นี่ราคา 6 MOP ตลอดสาย ต้องเตรียมเงินให้พอดี

ครั้งนี้เราขึ้นสาย 26 รถมาแล้ว โบกให้เขารู้ว่าเราจะขึ้น

จากนั้นให้ขึ้นรถบัสประตูหน้านะ

เขาจะให้เราหยอดเหรียญลงไปในเครื่อง

และหาที่นั่งตามอัธยาศัยได้เลย ไม่ยาก

และสะดวกสบายมาก

วัดอาม่า(A-Ma Temple) หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิมเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า

สร้างขึ้นราวปี 1488 (ก่อนจะมีมาเก๊า)

เดิมวัดแห่งนี้ชื่อว่า A Ma Goa ที่แปลว่า อ่าวของอาม่าสร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชาองค์อาม่า เทพที่ดูแลท้องทะเล

ในอดีตเมื่อชาวโปรตุเกสได้ล่องเรือมาเจอชาวพื้นเมืองและได้ถามว่าสถานที่นี้ชื่อว่าอะไร

ชาวเมืองบอกว่า A Ma Goa

จึงมีการเรียกเพี้ยนมาจนเป็นมาเก๊าจวบจนปัจจุบัน

และที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

โดยองค์การยูเนสโกในปี 2005 อีกด้วย

ภายในประกอบไปด้วยซุ้มประตูแห่งการรำลึก

หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา หอเจ้าแม่กวนอิม

และศาลาเซิ้งเจ้าชานหลินที่สร้างขึ้นจากความศรัทธา

ซึ่งคนที่มาที่วัดอาม่าส่วนมากจะขอพรในเรื่องการงาน

การเงิน และให้เดินทางปลอดภัย

อีกจุดที่สำคัญคือบริเวณหินเรือสำเภา

โดยเป็นหินก้อนใหญ่แกะสลักรูปสำเภาโบราณ

โดยว่ากันว่า

เป็นหินที่เจ้าแม่ทับทิมย่างเท้าเข้าสู่แผ่นดิน

หลายคนจึงมักนำแบงค์พับเป็นรูปเรือใบ

แล้วไปลูบที่หินจากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าไว้เชื่อว่า

จะมีโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา

นั่งรสบัสไปต่อยัง

📍Taipa Street Food

เริ่มหิวกันแล้ว ระหว่างทางเราเลยแวะทานข้าว

หลังจากนั้นก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ๆ

📍Lord Stow’s Bakery ร้านทาร์ตไข่อีกร้านที่ใครมาที่มาเก๊าแล้วต้องมาลอง

แป้งบางกรอบของตัวทาร์ต เข้ากันดีกับไส้ครีมเนื้อเนียน และแน่นของไข่ กัดไปแต่ละคำนี่

มันช่างหอม หวาน มัน และละมุนลิ้นจริงๆ เราว่ามันอร่อยนะ สมคำร่ำลือ

ระหว่างทาง เราแวะโน่น แวะนี่ ชิมไปเรื่อย ๆ

📍วัดปักไท (Pak Tai Temple) ที่มีความเป็นมามากกว่า 160 ปี โดยชาวบ้านสมัยนั้นเชื่อกันว่า

เทพเจ้าปักไท (Northern Emperor)

ซึ่งเป็นเทพในลัทธิเต๋ามีพลังสกัดกั้นน้ำท่วม

และไฟไหม้ได้ ชาวบ้านเลยสร้างวัดแห่งนี้

เพื่อป้องกันภัยต่างๆ

เรายังคงเดินไปเรื่อย ๆ เส้นทางการเดินไม่ยาก

สะดวก สบาย สำหรับนักท่องเที่ยวมาก

📍The Venetian Macao

ความพิเศษของที่นี่คือเขาจำลอง

The Grand Canal ในเวนิสมาไว้ที่นี่

คลองใหญ่และยาวที่มาพร้อมกับเรือกอนโดล่า

ที่สามารถนั่งได้จริงมีคนพายเรือ

ที่แต่งตัวเหมือนคนพายเรือกอนโดล่าในเวนิส

และร้องเพลงให้เราฟังอีกด้วย

📍The Parisian Macao จำลองกรุงปารีสของประเทศฝรั่งเศสมาไว้อย่างเป๊ะปังมาก

เริ่มจากหอไอเฟลที่ทำออกมาได้เหมือนเป๊ะมากๆ

ด้านบนหอไอเฟลสามารถขึ้นไปชมวิวได้ด้วยนะ

📍The Londoner Macao จําลองแลนด์มาร์กของอังกฤษ เช่น Elizabeth Tower หรือหอนาฬิกาบิ๊กเบน,

จําลองพระราชวังเวสต์มินสเตอร์

พร้อมกับมีรถลอนดอนบัส

ตู้โทรศัพท์สีแดงที่แสดงถึงความเป็นกรุงลอนดอน

ให้เราแชะภาพกันอีกด้วย

นั่งรถบัสกลับโรงแรม

ก่อนกลับเข้าที่พัก แวะซื้อกาแฟ และขนมสักหน่อย

📍iat iat ร้านกาแฟญี่ปุ่น สไตล์เรโทร

เข้าไปในร้านแล้วรู้สึกชอบบรรยากาศของที่นี่มาก ๆ

ขนม และเครื่องดื่ม ทำให้เรารู้สึกสดชื่นมาก

เสียดายไม่มีโอกาสได้ลองแกงกะหรี่ของที่นี่

มีโอกาส คราวหน้าจะมากินให้ได้ 😣

อาหารเย็นของเราในวันนี้ ยังคงเป็นอาหารร้านธรรมดา

แต่รสชาตินั้น อร่อยเช่นเดิม ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก

วันที่ 3 วันสุดท้ายในมาเก๊า

เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟ

📍OFF KAFE อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเช่นเดิม

จากนั้นเราเดินไปยัง

📍วัดเปากง (Pao Kong Temple)

วัดเปากง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1889 ตั้งอยู่ตรงกลาง

เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเทพเปากง หรือเปาบุ้นจิ้น

เทพแห่งความยุติธรรมตามความเชื่อของจีน

เหมาะที่จะมาไหว้ขอพร

ให้ช่วยปัดเป่าเรื่องร้าย ๆ ให้หายไป

หรือหากใครที่ทำธุรกิจก็เหมาะที่จะมาขอพร

ให้เทพเปากงช่วยดูแลในเรื่องเอกสารสัญญาต่าง ๆ

ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกโกง

ที่วัดเปากง ยังมีหอเทพไท้ส่วยเอี้ย 60 องค์

สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปีชง โดยเทพไท้ส่วยเอี้ยทั้ง 60 องค์จะตั้งเรียงรายอยู่รอบห้องสลับกันไปตามแต่ปีนักษัตร

หรือสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากปี ค.ศ.

ที่เขียนกำกับเอาไว้ใต้ฐานของแต่ละองค์ได้เลย

เดินทางกลับ

เราใช้บริการของสายการบินแอร์เอเชีย

ราคาไม่แรง เวลาการเดินทางดี และไปแค่สนามบินดอนเมือง (ใกล้บ้าน)