รถไฟชั้น Sleep Class

ชั้นนี้ยังไม่ใช้ที่ถูกที่สุดนะครับ แค่ Sleep Class เป็นตู้นอนไม่ที่มีแอร์ ที่ Backpacker ส่วนใหญ่เลือกใช้เพราะ ราคาถูกมากๆเมื่อเอาไปเทียบกับตู้ที่มีเเอร์ราคาต่างกันมากกว่าเท่าตัว และที่สำคัญคือถ้าอยากสัมผัสกับความธรรมชาติ กลิ่นอายข้างทาง กลิ่นผู้คนที่สับสนวุ่นวาย ความ Real อินเดีย อย่างไม่ทรหดจนเกินไปต้องตู้ Sleeper Class นี่แหละครับตอบโจทย์ที่สุด ถ้าหากอยากสัมผัสความวุ่นวายมากกว่านี้แนะนำไปตู็ Second Class เลยครับโคตรพ่อโคตรแม่วุ่นวาย ทั้งคนมีตั๋วและไม่มีตั๋วแย่งกันนั่งเต็มไปหมด เป็นตู้โดยสารที่ไม่มีทางเดินเพราะทุกคนจะกรูขึ้นไปแล้วนั่งนอนทุกที่ๆมีที่ว่าง (ดังภาพ 1.1 ด้านล้าง)


ภาพ 1.1 ( ขอบคุณภาพจาก https://www.flickr.com/photos/asienman/23048522626... )

จากพาราณสีสู่พุทธคยา

ประสบการณ์ครังเเรงของผมเริ่มต้นที่ พาราณสี....รถ auto คันน้อยๆที่จองไว้กับทางโฮสเทลมาจอดรอรับตามเวลาเปะ บ่าย 2 ผมออกเดินทางจาก StopHostel ไปยังสถานีรถไฟ พาราณสี (Varanasi JN) โดย มีราคามาตรฐานคือคนละ 50 รูปี รถไฟที่จะพาผมไปสู่เมือง Gaya ออกเวลา บ่าย 4 โมง และจะถึงสถานีคยาประมาณ 4 ทุ่มครึ่งเวลาตามตั๋ว ตอนนี้เวลาบ่าย 2 บรรยากาศเมืองพาราณสีโคตรวุ่นวายทั้งฝุ่นควัน เสียงแตรที่ดังลั่นสนั่นแสบแก้วหู สภาพถนนประหนึ่งว่ากำลังวิ่งอยู่บนดวงจันทร์


สถานี พาราณสี (Varanasi JN)

สถานีรถไฟพาราณสี(Varanasi JN)เป็นสถานีที่ใหญที่สุดของเมืองคนเยอะมากๆเยอะจนหายใจแทบไม่ออกตอนนี้อีกครึ่งชั่วโมงก็สี่โมงแล้วผมรีบวิ่งฝ่าฝูงชนไปดูตรางเวลารถไฟนั้นไง!!!! มันเล่นกูอีกแล้วรถไฟเลือนเวลาออกไปอีกหนึ่งชั่วโมงโมงเป็น 5 โมง พี่จอยเล่าเคยเล่าให้ผมฟังว่าพี่แกเคยเจอรถไฟดีเลย์ไปหนึ่งวันคือ 24 ชั่วโมงเต็มๆ รถไฟอินเดียจะมีการประกาศเรื่อยๆว่ารถไฟดีเลย์หนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงผ่านไปรถไฟยังไม่มา ก็ประกาศอีกว่าดีเลย์อีหนึ่งชั่งโมงนะนายจ๋า ประกาศแบบนี้เรื่อยๆจนรถไฟมา เป็นการหลอกล่อให้เรารอไปเรื่อยๆ หน้าหงุดหงิดจริงๆ สาเหตุที่ดีเลย์ส่วนใหญ่จะมาจากหมองลงปกคลุมบางฝนตกหนักบ้าง ทำให้ทัศนวิสัยทางการมองเห็นน้อยลง มีคนเคยประท้วงให้การรถไฟอินเดียคืนค่าโดยสาร แต่รถไฟอินเดียก็ตอบกลับมาว่าการรถไฟผิดอะไรไปเรียกร้องกับหมอกกับฝนนู้นที่ทำให้รถไฟมาช้า เอ้าอย่างงี้ก็ได้ด้วยเว่ย อินเดียจริงๆ

กลับมาสู้การรอรถไฟดีเลย์หนึ่งชั่วโมงของผมดีกว่าตอนนี้ผมนั่งอยู่หน้าจอตรางรถไฟที่รายล้อมไปด้วยบังตัวน้อยตัวใหญ่ยื่นนั่งนอน เกลื่อนกลาดเต็มสถานี สงสัยจะรอมาหลายชั่วโมง


อีก 15นาทีจะ 5 โมงแล้ว เวลาที่ตรางเวลาก็ไม่เปลี่ยนผมรีบไปที่ชานลาหมายเลข 9 พอไปถึงปุ๊บ ....ไหน...ไหนรถไฟไม่เห็มมีเลยรถไฟเลย รอสักพักมีรถไฟมามั่นใจว่ามันต้องใช่แน่ๆ แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนครับ ขบวนนี่ไม่ใช่ขบวนรถที่จะไปคยา เจ้าหน้าที่ขอดูตั๋วก่อนขึ้นรถ ปรกฏว่า รถขบวนของผมเปลี่ยนไปชานลาที่ 4 แล้วเชี่ย!!! มึงจะเปลี่ยนอะไรนักหนาวิ่งสิครับรออะไร ตอนนี้บรรยากาศประหนึ่งว่าผมกำลังวิ่งอยู่ในหนังเรื่องเมซรันเนอร์(The Maze Runner) ยังไงอย่างงั้น ผมรีบวิ่งไปชาชาลาที่ 4 นั่งรอยื่นรอกลัวจะตกรถไฟเพราะรถไฟอินเดียถ้าตกแล้วบางทีอาจเกิดความชิบหาย....อย่างขบวน พาราณสี ไป คยา จะมีแค่อาทิตย์ละขบวน ถ้าตกหละมึงเอ้ย!!! บรรลัยจักแน่ๆ วิ่งไปวิ่งมาขณะนี้เวลาผ่านไป 30 นาทีรถไฟก็ยังไม่มา ผมรีบวิ่งกลับไปดูที่หน้าจอ บอกตรางเวลารถไฟปรากฎว่ามันเปลี่ยนไป ชาชาลาที่ 7 แล้วครับ วิ่งๆๆวิ่งจนตอนนี้ถ้าให้ผมลงวิ่งแข่งโอลิมปิกผมว่าผมคงวิ่งชนะ ยูเซน โบลต์ แล้วหละครับ โอ้ยศิวะ ผมแทบจะร้องไห้ผมเจอรถไฟขบวนที่ A70411 ที่จะพาผมไปคยาแล้ว ถึงจะมาช้าแต่มาแน่ๆรถไฟอินเดีย เลตไป 2 ชั่วโมง ตอนนี้ถ้าให้ประมาณเวลาผมจะถึงที่คยาประมาณเที่ยงคืน โอ้วิศะ!!!

ปล.ทุกสถานีของรถไฟอินเดียจะมีประกาศ การเปลี่ยนแปลงของรถไฟทุกขบวนตลอดเวลา ประกาศเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะเธอแต่ประเด็นคือกูฟังไม่รู้เรื่อง!!! ต.เต่า ร.เรือ ระรัวเลยทีเดียว งั้นถ้าให้ชัวร์เหนื่อยหน่อยวิ่งไปดูที่จอดตรางเวลาเถอะครับ^^ เตือนด้วยความหวังดี

ปล.สิ่งที่ทรามานที่สุดตอนนี้คือห้ามนอนไม่งั้นเดี๋ยวจะเลยสถานี อีกอย่างถ้าจะนอนผมก็ต้องสลับกันนอนกับเจไม่งั้นของหายชัวร์





รถไฟสายเขียว(Sleeper Class)

ในที่สุด...ก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถไฟตู้ Sleeper Class แล้วเห่ยยยย สบายใจเว้ย รถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากชานชลาที่เจ็ดอย่างช้าๆรถไฟเคลื่อนออกไปพร้อมกับกลิ่นที่ไม่เป็นมิตรกับจมูกผมสักเท่าไหร่ บรรยากาศบนรถไฟวุ่นวายเมื่อกลุ่มคนในเครื่องแบบ(สีส้ม)แห่เดินกันมาอาศัยอยู่ในตู้เดียวกันกับผม พอพวกมันหาที่นั่งได้เสร็จสับ มหรสบก็เริ่มขึ้นร้องเพลงกันมันส์สนุกสนานกันเลยทีเดียว ฟังเพลงไปสักพักเริ่มได้กลิ่นเหมือนจะบุหรี่แต่ก็ไม่ใช่จำได้ว่ากลิ่มแบบนี้ครั้งล่าสุดตอน อึในห้องน้ำโรงเรียนมัธยม แล้วเด็กมันมาแอบดูดกัญชาอยู่ในห้องน้ำ ชัดเจนพวกคนในเครื่องแบบสีส้ม สงสัยอารมณ์ศิลปินไม่มาต้องจัดสะหน่อย สูบส่งต่อวนกันทั้งวงผ่านไปไม่นานมันเริ่มลอย ร้องเพลงกันติดลม....ครับร่วมถึงตัวผมด้วยที่เกือบจะล่องลอยไปกับกลิ่นควันที่ลอยมากระแทกจมูกผม มึนเลยกรู.....รถไฟสายเขียว

รถไฟสายเขียว(ผมกำลังจะบินช่วยดึงผมลงมาหน่อย)

แค่ได้กลิ่นก็สามารถลอยได้...กลิ่นมันแรงมากครับตอนนี้เหมือนผมกำลังนั่งอยู่ในตู้รถไฟลมควันกัญชายังไงอย่างงั้น ถ้าเปลี่ยนจากรถไฟเป็นตู้อบแล้วเปลี่ยนคนเป็นไส้กรอกคงจะอร่อย(เหาะ)หน้าดู ไม่นานนักคนตรวจตั๋วก็เดินมา ในใจผมคิดว่าคนตรวจตั๋วต้องมาไล่พวกที่นั่งสูบกัญชาอยู่แน่ๆแต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนครับ คนตรวจตั๋วนั่งลงที่กลางวง แล้วพี่แกก็ค่อยๆสูบๆดูดๆดมๆจนตอนนี้ดูจากสีหน้าของพี่คนตรวจตั๋วคงล่องคอยไปถึงดาวอังคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงตัวผมด้วยที่ต้องนี้ลอยละล่องถึงดวงจันทร์แล้ว อีกสักพักคงถึงดาวอังคาร เพลีย แต่ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งสูดมันเข้าไป

(สายเขียวในเครื่องแบบสีส้ม นั่งอยู่อีกช่องนึงเห็นมั่ยครับ)


ซื้อตั๋วแล้วนั่งได้ Sleeper Class

การนั่งรถไฟชั้น Sleep class จะต้องเจอคนมากหน้าหลายตาหลายชนชั้นเพราะว่าจะไม่มีการตรวจอย่างเข้มงวดแบบชั้น 3A ทำให้คนที่ขึ้นมาบนขบวนรถไฟค่อยข้างมั่วอยู่พอตัว(มั่วขนาดไหนถามใจเธอดู นั่งดูกัญชาได้อะ) เวลาผ่านไปเรื่อย เจ(เจคือผู้ร่วมเดินทางของผมเราเพิ่งรู้จักกันบนดาร์จีลิ่งเดี๋ยวผมจะเล่าของเจให้อ่านแต่ตอนนี้เอาเรื่องอีป้าคนนี้ก่อน) ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เจลุกไปไม่นานก็มีป้าคนนึงเดินมาแล้วนั่งลงตรงที่เจมับ!!! อย่างไม่สนใจที่จะเช็คก่อนว่ามีคนนั่งหรือไม่ผมบอกป้า แล้วบทสนทนาก็เริ่มขึ้น ระหว่างผมกับป้าแขกก็เริ่มขึ้น

ผม Hey you this is my friend seat not for you!!!

ป้าแขก ........(เงียบ...ไม่มองหน้าผม...ไม่สนใจ...กูไม่ใช่ลมนะป้า)....

ผม HEY!!! ....ป้าแขกไม่สนใจ มองวิวนอกรถไฟไม่สนใจความวีนของผมประหนึ่งว่าหูหนวก....-_-

(แล้วเจก็เดินกลับมา)

เจ เซนใครวะ

ผม ญาติกูมั่งถามแปลก!!! ใครก็ไม่รู้พูดด้วยก็ไม่ตอบ แม่ม

เจ ไม่เป็นไรกูนั่งตรงนี้ก็ได้ เขาอาจเป็นเจ้าของที่...

(ผมลืมบอกที่นั่งผมกับเจไม่ได้อยู่แถวเดียวกัน ผมเห็นตรงที่นั่งผมยังไม่มีคนนั่งเลยชวนเจมานั่งด้วยกัน)

เวลาผ่านไปประมาณหลายชั่วโมงคนตรวจตั๋วหายเมากัญชา พี่แกก็ลุกขึ้นมาทำงานต่อ เดินตรวจตั๋วอย่างเคร่งคัด ตรวจมาเรื่อยจนมาถึงป้าแขกที่นั่งอยู่ข้างๆผม ป้าก็ล้วงตั๋วจากชุดชั้นในของป้า ตั๋วสภาพแบบว่า เอิ่มเก่าจนเปื่อย ไม่ทราบว่าป้าซื้อตั๋วตั้งแต่ พ.ศ. ไหนทำไมมันถึงได้เก่าเปื่อยอะไรเบอร์นั้น

คนตรวจตั๋วบอกว่า " นี่มันตั๋วเก่าหนิใช้ไม่ได้แล้วถึงสถานีหน้าแล้วลงไปเลย" (ผมไม่ได้ฟังภาษาฮินดีรู้เรื่องนะครับใช้ความรู้สึกฟังเอา) แล้วคนตรวจตั๋วก็เดินไป ป้าแขกทำหน้าไม่สบอารมณ์ ดูวิวข้างทางต่อ พอถึงสถานีหน้าป้าแขกก็ลุกแล้วเดินลงจากขบวนรถไป เจก็ย้ายกลับมานั่งข้างๆผมต่อ....ยังไม่จบครับ...พอถึงสถานีถัดไป อีป้า!!!!มึงมาได้ไงมึงลงไปแล้วไม่ใช่หรอ ครับป้าแขกกลับมาที่เดิมแล้วเหมือนจะมานั่งที่เดิมแต่เจนั่งอยู่ป้าเลยไปนั่ง อีกแถวนึง แล้วตรงที่ป้าย้ายไปนั่ง คือที่ของลุงแขกที่เพิ่งเดินลงไปซื้อของกิน พอลุงแขกเดินกลับมาสงครามการถกเถียงก็เริ่มขึ้น

ลุงแขก ป้าลุกที่นี่ผม

ป้าแขก (นิ่งเงิยบ)....(ป้าแขกไม่แม้แต่จะชายตาไปมองลุงที่กำลังจะวีน)

ลุงแขก นี่..ที่..นั่ง...ของ..ผม!!!!

ป้าแขก ชายตาขึ้นมามองลุงแขกแล้วบอกว่านี่ที่นั่งของฉัน

ลุงแขก ขอดูตั๋ว

ป้าแขก ยื่นตั๋วใบเดิมให้ดู

ลุงแขก บอกตั๋วนี้มันเก่ามากมันใช้ไม่ได้เเล้วลุกไปเลยไป!!!!

ป้าแขก ลุกออกไปแล้วไม่วนกลับมาอีกเลย....

...จบ...

ป้าแขกแกคงย้ายไม่นั่งต่อตู้อื่นแหละครับ


ขอทานระหว่างรถจอดเทียบท่า

เสียง รูปีๆ ล่องลอยเข้ามาทางหูซ้ายของผมที่ติดกับหน้าต่างของรถไฟที่ไม่มีกระจกกั้น มีเพียงแค่ลูกกรงเหล็ก ที่สามารถยื่นแขนเข้ามาได้ ผมหันหน้าไปทางต้นเสียง เด็กตัวน้อยๆมายืนเกาะหน้าต่างลูกกรง พร้อมกับสีหน้า เศร้าๆเทาๆออกไปทางดำนิดๆ เท็น รูปีพลีดดดด..ด โอ้ยเพลียยยย...ย มาขอเกือบทุกสถานี แต่กฎเหล็กคือห้ามให้ครับ มิฉะนั้น บรรดาเด็กขอทานก็จะมารุมกรูเข้ามาขอเงินเราอีกมากมาย


หนูๆ

หนู ผมไม่ได้หมายถึงหนูที่เรียกแทนคำว่าเด็กนะครับ แต่เป็นหนูครับหนูที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีสี่ขา ตัวใหญ่เกือบเท่าแมววิ่งอยู่ในตู้รถไฟทำผู้คนแตกตื่น แขกหญิง แขกชาย แขกน้อย แขกใหญ่ ตกใจ ทำเอากรี๊ดวี๊ดว้าย แต่ไม่มีใครกล้าไปตีหรือไล่หนู เพราะหนูคือสัตว์ของพระเจ้า WTF!!!! คนอินเดียสร้างวิหาร "Karni Mata" หรือวิหารเทพเจ้าหนู จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแปลกของอินเดีย โดยล่าสุด มีประชากรหนูกว่า 2 หมื่นตัว ที่ได้รับการปกป้องดูแลจากเจ้าหน้าที่ และกราบไหว้บูชา จากนักท่องเที่ยว เป็นไงหละ เทพเจ้าหนู!!!!

ไม่ว่าหนูมันจะมากัดกระเป๋าหรือทำอะไร ชาวแขกก็ทำได้แค่ ปัดมือชิ่วๆ(เบาๆแบบยังให้เกียรติอยู่) ใครตีหนูฆ่าหนูมีหวังถูกรุมประชาทันแน่ๆสงสัยใช่มั่ยครับแล้วผมแหละเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นผมหนีไปนอนอยู่เตียงชั้นบนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ บรรยากาศข้างล้างวุ่นวายเกินทน ไหนจะหนู พอรถจอดก็มีขอทานและพ่อค้าต่างๆ....พอ !!! ...ไม่ไหวแล้วจจริงๆ



ความคิดเห็น