" อินเดีย " ประเทศที่ชวนใครไปกี่คนก็ส่ายหน้า 🥴 👋 หาคนไปด้วยยากมากๆ (กอไก่ล้านตัวววววววววว) แต่จะให้ไปคนเดียวก็เหงาไปหน่อย ก็เลยต้องหลอกล่อเพื่อนๆ ด้วยภาพความสวยงามอลังการ ของเลห์ ลาดักห์ พร้อมกับสโลแกน Once in a life time, Let’s explore the world !! ท้ายที่สุดก็มีเพื่อนมาร่วมผจญภัยด้วยถึง 5 คน 🤣
ด้วยความเป็นคนชอบแพลนเที่ยวเอง ไปอินเดียทั้งที เราเลยแพลนไปทั้งหมด 10 วัน 7 คืน เมืองที่ไปคือ Leh Ladakh - New Delhi - Agra ตั้งงบไว้ที่ 40k (แต่ใช้ไปจริงไม่เกิน 45k เพราะได้ตั๋วแพง🥲 แต่งบแค่นี้คือกินหรูอยู่สบายเลยนะ) ทริปนี้จะเป็นยังไง โหด มันส์ ฮาแค่ไหนไปลุยกันเลยยยย!!!
เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
1. สภาพอากาศ/การแต่งกาย : ช่วงที่ไปคือต้นเดือนพ.ค. เริ่มฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิประมาณ 0-10 องศา ยังหนาวว คนขี้หนาวคือใส่ 3 ชั้นไปเลยจ้า อากาศแห้ง ฝุ่นเยอะ(ดินทราย) และ แดดแรงมาก(ตอนเจอแดดคือร้อนเลย ☀️🔥) แนะนำให้เตรียม ครีมกันแดด แว่นตา ผ้าบัฟ/แมสก์ ที่ล้างจมูก น้ำยาหยอดตาไปด้วย
2. ตั๋วเครื่องบิน : เนื่องจากเลห์ ไม่มีบินตรง จะต้องต่อเครื่องภายในประเทศที่นิวเดลี เราจองแยกเป็น2 ไฟล์ท ✈️ บินระหว่างประเทศ จองสายการบินไทย (มีอาหารไทย แอร์ใจดีมาก สบายหายห่วง) และในประเทศ DEL-IXL สายการบิน Air India ไม่ต้องย้าย Terminal เพราะทั้ง 2 สายการบิน อยู่ Terminal 3
***ถ้าใครจองแยกแบบเรา แนะนำให้จองตั๋วระหว่างประเทศก่อนราคาจะดี ตอนนั้นเราจองผ่าน trip.com โชคดีได้ส่วนลดมาอีก 500 บาท จ่ายไปประมาณ 12k และจองในประเทศแค่ประมาณ 1-2 เดือนก่อนไป (จองล่วงหน้าก่อนราคา 10k เจอราคาตอนใกล้จะไปเหลือแค่ 6k น้ำตาจะไหล TT แนะนำเช็คราคาบ่อยๆ)
3. Local Tour : เพื่อความสะดวกสบาย เราติดต่อ Local Tour คุณ Tse Mutup ให้ช่วยจัดการหมดเลย ทั้งเรื่อง รถ คนขับ ที่พัก ราคาตกคนละประมาณ 10k (ขึ้นอยู่กับจำนวนวัน จำนวนคน โรงแรม และรถที่เลือก) ใครจะมาแนะนำมากๆ ราคาถูกกว่าทัวร์ไทยแน่นอน ช่วยเหลือทุกเรื่อง ราคาน่ารัก ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า มีซิมมามาให้ใช้เล่นเน็ตที่เลห์อีกต่างหาก (ที่เลห์ roaming / sim2fly ใช้ไม่ได้) และที่พีคคือ ไม่ได้จองรถจากเดลีไปอัคราไว้ ก็ช่วยหารถให้จนวินาทีสุดท้าย
4. การเดินทาง : ใครเมารถกินยากินไว้ได้เลยจ้า การเที่ยวในเลห์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่บนรถค่อนข้างเยอะ 4-6 ชม. เพราะขับอยู่บนเขา และมีทำถนนอยู่บ้าง แต่ไม่ต้องกลัวเบื่อเพราะมีวิวและเหว ให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลา ป.ล. คนขับรถนี่คือเก่งมากขับไม่น่ากลัวเลยถึงแม้ทางจะน่ากลัวก็ตาม 5555
5. ที่พัก : เราเลือกโรงแรมเองแล้วส่ง ให้คุณ Tse Mutup จัดการให้ทั้งหมด (แต่คุณมูทูบก็มีแนะนำให้น้า) คนขี้หนาวอย่าลืม request ขอ heater ทุกโรงแรม
Rock Castle Residency (Leh) : เป็น Guest House สะอาด เตียงสบาย มีน้องหมาน่ารัก อยู่ไม่ไกลจากตลาด
Sand dune retreat (Nubra) : โรงแรม 4 ดาว สะอาด วิวสวย เตียงดี
Pangong Nest (Pangong) : ชอบที่นี่มาก วิวสวย เป็นตึกช่วยกันหนาวได้ดีกว่าtent นอนหลับสบาย ตอนกลางคืนดาวสวยสุดๆ อย่าลืมออกมาดูกันนะ
5. อาหาร : มีความแป้ง มังสวิรัติ ถ้ากลัวไม่ถูกปากเตรียมมาม่า ปลากระป๋อง น้ำพริก ขนมฯลฯ ติดตัวไปเผื่อดีกว่า (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ 555) ที่นู่นทำไข่ทอด เหมือนไข่เจียวบ้านเราเลย พอหายอยากได้บ้าง ถ้าไปกินร้านอาหารระหว่างทางเมนูกันตายที่สั่งทุกรอบคือ ข้าวผัดไข่/ไก่, Maggyใส่ไข่ (มาม่าที่อินเดีย)
culture shock ที่เจอคือ ที่นี่กินข้าวเย็นกันตอน 2 ทุ่ม! เดาว่าคงเพราะฟ้ายังไม่ค่อยมืดมั้ง?
6. ยา : ยาแก้ปวดหัว ท้องเสีย แก้แพ้ เตรียมไปได้เลยจ้ากันไว้ดีกว่าแก้ และยาอีกตัวที่สำคัญ คือ cetazolamide (diamox) เรากินป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากเลห์อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 3,500 m มีออกซิเจนต่ำ อาจจะทำให้มีโอกาสเกิด high-altitude sickness ได้ หลังกินยาอาจมีอาการข้างเคียง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์/เภสัชก่อนทานนะคะ
7. ของใช้จำเป็น : ของที่ขาดไม่ได้เลย กระดาษทิชชู่ กระดาษทิชชู่เปียก สเปรย์แอลกอฮอล์ หมอนรองคอ และ กล้อง เพราะไม่ว่ามุมไหนก็สวยจนต้องยกกล้องมาถ่าย ส่วนสาวๆใครกังวลเรื่องห้องน้ำเตรียมกรวยยืนฉี่ไปได้นะคะ (เราเอาไป ได้ใช้แค่ 2 ครั้งเอง เพราะห้องน้ำที่รร. และร้านอาหารส่วนใหญ่ดี)
8. อื่นๆ : แลกเงินสดติดกระเป๋า ไว้สำหรับค่ากิน/shopping/เดินทาง ประมาณ 6,000 บาทไทย และเวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง วีซ่า ยื่นขอออนไลน์เองได้ ง่ายๆ วันถัดมาได้เลย
พร้อมแล้วไปตะลุย Leh Ladakh กันเลยจ้าา
หลักจากเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อถึงเลห์ คือ ไปที่พัก กินข้าว แล้วนอน เพื่อให้ปรับร่างกายให้ชินกับความสูง วันนี้ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ห้ามอาบน้ำ สระผม เพราะอาจจะป่วยได้ ก็เน่าๆกันไปก่อน🤣 ตอนเย็นออกไปเที่ยวสถานที่สำคัญในตัวเมืองเลห์
Leh Palace
Shanti Stupa
วันที่สอง จะออกไปไกลอีกหน่อย Tourist spots ของวันนี้ คือ Magnetic Hill > Sangam Viewpoint >Lama Yuru (moon land ) > Alchi Monastery และตบท้ายด้วยการไปเดินเล่นที่ Leh Market
ระหว่างทางก็จะมีป้าย Bro! ให้ระวังเป็นระยะ น่ารักดี 😊
วันที่สาม วันนี้เราจะขับรถไปสูงขึ้น ผ่านถนน Kadung La Pass หนึ่งในเส้นทางที่สูงที่สุดในโลก และจะค้างคืนที่ Nubra Valley
วิวระหว่างทางเป็นเทือกเขาสูง ช่วงที่ไปยังมีหิมะปกคลุมบางๆ สวยจนไม่อยากหลับกันเลย
จุดแวะถ่ายรูประหว่างทาง เป็นแม่น้ำใสไหลผ่าน ตัดกับภูเขาลูกใหญ่สุดอลังการ
กิจกรรมสุดฮิตที่เมื่อถึง Nubra ต้องทำ คือ การขี่อูฐที่ Hunder Sand Dunes
วันที่สี่ ออกเดินทางไป Pangong Lake ทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก นั่งรถกันยาวๆไป ใช้เวลา 5-6 ชม.
วิวห้องน้ำสุดอลังการ
ระหว่างทางก็จะเจอสัตว์น้อยใหญ่ แต่ Highlight ที่ทุกคันต้องจอด คือการแวะถ่ายรูปกับเจ้า Marmot (มาร์มอต) ขนฟู ที่จะคอยออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยว (ตอนเราไปเจอประมาณ 4 ตัว โชคดีมากๆ)
Pangong Lake ผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ลมพัดแรง แต่อากาศเบาบาง กระโดดถ่ายรูปแค่ 2-3 ทีก็หอบแล้ว
วันที่ห้า เดินทางกลับตัวเมืองเลห์ เราจะผ่านถนน Changla pass เป็นถนนอีกเส้นนึงที่สูง (ใครแวะเข้าห้องน้ำที่จุดแวะพักที่นี่ ขอเตือนว่าสกปรกมาก ข้ามได้ข้ามจ้า 555) วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมาก เลยขอแวะเที่ยวแค่หนึ่งที่แล้ว ตรงดิ่งกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
Thiskey Monastery
วันที่หก เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม โบกมือลาอากาศหนาว เตรียมตัวไปตะลุยต่อที่เมืองหลวงของอินเดีย "นิวเดลี (New Delhi)" และไปดูความอลังการงานสร้างหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง "ทัชมาฮาล (Taj Mahal)" จะเป็นยังไง รอติดตาม EP.2 นะคะ :D
Tammy Tam
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 11.54 น.