บุกป่า ฝ่าหมอก ณ ภูสอยดาว : #เหนื่อยก็จะไป #ไกลก็จะเดิน

เคยมั้ย ?
อยากไปไหน ทั้งที่รู้ว่าไปแล้วจะลำบาก

เคยมั้ย ?
อยากไปไหน ทั้งที่รู้ว่ามันจะต้องเหนื่อย

#อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว คือหนึ่งสถานที่ ที่เรียกว่าวัดใจนักเดินทาง...เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ได้สุขสบายเลยสักนิด ด้วยระยะทางกว่า 6.5 กิโลเมตร ที่เป็นเส้นทางที่เดินไปหาหมอกและป่าเขียวขจีที่รออยู่

'ถ้าคุณชอบขาวๆ' และ 'มีความแข็ง(แรง)' ก็คงต้องลองออกไปสัมผัส #ความขาวและ #เสียน้ำ ในร่างกายที่จะออกมาทางหยาดเหงื่อ ในสถานที่แห่งนี้กันดูสักครั้ง...


การเดินทางของผมและพวกพ้อง ต้องเรียกว่ายาวนาน ใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงทีเดียว กว่าจะไปถึงยอดเขาด้านบน ล้มลุกคลุกคลานกันมานับไม่ถ ้วน

เป็นการเที่ยวที่อาจจะบอกไม ่ถูกว่ามาทำไมให้ทรมาณร่างกาย ? 55555+

ถึงแม้ว่าร่างกายคุณอาจจะมี เหนื่อย มีล้า ปวดเมื่อยว่ากันไปตามสังขารของแต่ละคน แต่เชื่อเถอะครับว่า...ลองถ้าได้มาแล้ว คุณจะรู้สึกชนะใจตัวเองได้อย่างบอกไม่ถูก

'เหนื่อยวะเห้ย แต่กูทำได้!' แล้วคุณจะยิ้มอ่อนให้ตัวเองอยู่ในใจอย่างมีความสุข

ความฟินระดับสิบ หลังจากที่คุณโคตรจะเหนื่อย และสูญเสียน้ำในร่างกายไปเยอะมาก แต่คุณจะเจอกับหมอก ที่รายล้อมรอบตัว ประนึงเหมือนได้เดินอยู่ในสวรรค์บนดิน...

ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาทนะครับ ว่าเเล้วเราก็ออกเดินทางไปห าความขาวในแบบที่เราต้องการกันเถอะ


ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกให้แว ะพักผ่อน เล่นน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำใจ ก่อนจะเดินทางไกล และใช้อีกแรงอีกมากโข



ก่อนจะมายืนตรงนี้ ถามว่าผมต้องผ่านอะไรมาบ้าง เล่าแล้วจะอายยันบ้านเกิด

ลื่นน่ะสิครับ!?! ผมนี่ตายน้ำตื้นตลอด!!

ตอนล้มไม่ได้มีภาพมาให้ดูหร อกนะครับ อายเค้า อย่าไปถ่ายให้เป็นความอับอายของชีวิต ลุยไปไหนต่อไหนมาทั่วไม่เคยเป็นอะไร มาลื่นเอาง่ายๆตรงนี้ละครับ
ทำเป็นยืนนิ่ง แต่จริงๆข้างในเลือดซิป 5555+

ได้เวลาออกเดินทางกันต่อไป หนทางยังอีกยาวไกล ใจต้องสู้!


มิตรภาพที่เกิดขึ้น กับการเดินทางไกล ที่ไม่ใช่แค่วัดใจเรา แต่มันยังวัดใจคนที่เดินไปข้างๆเราเหมือนกัน


กับความงามระหว่างทางที่เราก็ไม่ควรมองข้าม จุดหมายไม่ใช่ทุกอย่างของการเดินทาง เก็บเกี่ยวทุกสิ่งให้มันอยู่ในความทรงจำของเรา และมีความสุขทุกครั้งที่ได้นึกถึง



หลังจากภาพนี้เป็นต้นไป ผมจะปล่อยให้ทุกคน อิ่มใจไปกับความขาวที่อยู่ตรงหน้ากันให้เต็มที่ ผมจะปล่อยให้ภาพมันเล่าบรรยากาศ และส่งผ่านความเย็นอุณหภูมิจากยอดเขามายังใจคุณเอง...

จุดนี้ ณ เนินมรณะ



แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันช่างเหมือนเนินแห่งสรวงสวรรค์มากกว่า...สิ่งที่อยู่ตรง มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ 'ภาพลวงตา' แต่มันคือ #ธรรมชาติที่สัมผัสได้


หมอกขาวหนาแน่นมากมายที่ทำให้คิดย้อนกลับไปว่า...

นานแค่ไหนแล้ว ?
ที่เอาชีวิตไปทิ้งไว้ในเมือง จนห่างเหินกับสิ่งเหล่านี้ไป
ถึงหมอกจะหนาจนบังตามองอะไรแทบไม่เห็น
แต่ใจกลับรู้สึกได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า

ท่ามกลางภูเขามากมาย ที่เป็นเหมือนกำแพงตัดขาดความเจริญทุกอย่าง กับเส้นทางที่สูงชันกว่า 6.5 กิโล ที่จะต้องเดินไปจนถึงยอดเขาที่รออยู่ การค่อยๆเดินไปทีละก้าวอย่างมีจุดหมาย ย่อมจะดีกว่าการเดินเร็วๆ แบบไร้จุดหมาย แล้วเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้สักอย่าง...


มาที่นี่ ต้องได้เจอกับเจ้าดอกหงอนนา คนี่แหละครับ เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่กับภูสอยดาวไปแล้ว


เริ่มจะใกล้ถึงยอดกันแล้ว เริ่มจะมีหมอกที่ปกคลุมรอเร าอยู่ข้างหน้า เห็นแล้วฮึดมั้ยครับ ?
พลังเริ่มมา...อีกนิดเดียวก ็จะถึงแล้วววว



มาถึงแล้วก็ติดต่อเจ้าหน้าท ี่กันให้เรียบร้อยครับผม ขึ้นมาแล้วเห็นบรรยากาศ เรียกว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง


กว่าจะขึ้นมาถึง ก็เย็นเเล้วครับ เวลาล่วงเลยมาพอสมควร เพราะเดินกันมาตั้ง 7 ชั่วโมง กางเต๊นท์กันให้เรียบร้อย แล้วเราจะไปเดินเล่นเก็บภาพกัน



รอบๆเต๊นท์ที่พัก ต้องบอกว่าขาวโพลนไปหมด เต็มไปด้วยหมอกจนต้องหาผ้าใบมาคลุมเต๊นท์ไว้อีกทีครับ เพราะทั้งน้ำค้าง ทั้งฝน เยอะจริงๆ ชื้นแฉะสมใจอยากเลยแหม 5555+


ตรงนี้จะเป็นบริเวณห้องน้ำนะครับ แต่อากาศแบบนี้ไม่รู้จะได้อาบน้ำมั้ย ซักแห้งรึป่าวไม่รุ้นะครับ 5555+

ก็มันหนาวววววว

เสบียงที่เตรียมมา และทุกๆมื้ออาหารของเรา เห็นอย่างนี้อาจจะยังดูไม่รู้ว่า เอ๊ะ!! ทำอาหารกันตรงไหน ?

งั้นถอยออกมาหน่อยมั้ยครับ ?



ใช่ครับ...ห้องน้ำเลยครับ ทั้งทำอาหาร ทั้งกิน โซโล่มันตรงนี้แหละครับอร่อยดี 5555+ กินขรี้ เอ๊ย! กินข้าวววว หน้าห้องน้ำก็ได้ความดิบและห่ามไปในตัว


กับข้าวหน้าห้องน้ำ โดยฝีมือเชฟประจำทริปของผมไม่ธรรมดาเลยนะครับบบบ นี่ผัดกระเพราบนยอดเขาภูสอยดาวเลยนะเนี่ย ทำเสร็จร้อนๆแล้วทาน อร่อยมากกกกจริงๆ


เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว วันนี้เราก็เหนื่อยกันมามากแล้ว ได้เวลาพักผ่อนอยู่ในเต๊นท์อุ่นๆ และเตรียมพร้อมกับการตื่นมารับความสดชื่นในเช้าวันต่อไปในสถานที่แห่งนี้

กับการเดินทางด้วยสองเท้าขอ งเรา ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะพาเราเดินข้ามป่า ข้ามเขา บุกป่า ฝ่าหมอกมาจนถึงบนนี้ได้เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่า


เหงื่อทุกหยดที่ไหลมาระหว่า งทาง มันเป็นสิ่งที่จะบอกให้เรารู้ว่า ถ้าร่างกายยังไหว ก็แค่เดินต่อไป ไปเรื่อยๆช้าๆ ไม่ต้องรีบ... อุปสรรคไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง


ก่อนจะวางแพลนเดินทางมาที่น ี่ ผมเชื่อว่า #ทุกคนเลือกแล้วครับ #ว่าอยากมาเหนื่อย #อยากมาลำบาก ถ้าคุณเดินมาได้จนครึ่งทางแล้ว คุณจะกลับลำไปจุดเริ่มต้นใหม่ก็คงไม่ได้แล้วนะ 5555+


เพราะชีวิต 'ต้ อ ง เ ดิ น ห น้ า ต่ อ ไ ป' ครับ
การหันหลังกลับและหยุดเดิน เป็นสัญญานอันตรายที่จะบอกว ่าคุณกำลังแพ้...เดินต่อครับ เดินต่อไป คนข้างๆที่ไปด้วยกัน เค้าพร้อมจะลำบากไปกับคุณ ขอแค่คุณเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก็พอ

-------------
#คนหลงทาง คงต้องบอกลา #GreenSeason ในปีนี้กันไปด้วยทริปนี้

ติดตามพูดคุยการเดินทางกันได้ที่ : https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together/


ความคิดเห็น