ตอนที่ 1 HONG KONG #ALONE# ค้นหาธรรมชาติ วิถีดั้งเดิม ลมหายใจที่มีอยู่

http://pantip.com/topic/34092158

ติดตามรูปเพิ่มเติมได้ที่

เพจเพราะโลกนั้นกว้างhttps://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015?ref=aymt_homepage_panel

ฝากกดไลท์ ถูกใจ แบ่งปันการท่องเที่ยวกันนะครับ

สวัสดีครับทุกคนหลังจากผมได้รีวิวส่วนของฮ่องกงฝั่งตะวันตกไปแล้ว ซึ่งก็คือ เกาะลันเตา ในส่วนหมู่บ้านชาวประมงไท่โอแล้วในวันแรก

ตอนที่ 1 HONG KONG #ALONE# ค้นหาธรรมชาติ วิถีดั้งเดิม ลมหายใจที่มีอยู่http://pantip.com/topic/34092158

สำหรับตอนต่อไปจะพาไปท่องเที่ยวตอนใต้ของเกาะฮ่องกง (เน้นไปเกาะฮ่องกงนะครับ มิใช่เกาลูน 555)

ถ้าให้พูดถึง Hong Kong สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงคืออะไร อย่างแรกอาจนึกถึงดิสนีย์แลนด์ พระใหญ่ทินถ่าน กระเช้านองปิง ชอปปิ้ง กิน ไหว้พระ แต่หลังจากรีวิวแรกพาไปชมธรรมชาติที่ติดทะเลแล้ว รีวิวนี้จะพาท่านไปผจญภัยเล็ก ๆ กัน อยากรู้คือที่ไหนตามมาเลย

ณ เวลายามโคตรเช้ามากกก สถานี MTR ที่เต็มไปด้วยความเงียบกริบ ไร้ซึ่งผู้คนเเถว ๆ เกาลูน ที่เห็นนั้นคือ ที่นี่ (ภาพด้านล่าง)


ลุง ๆ ผมถ่ายรูปอยู่ลุงมายืนหน้ากล้องทามมมมายยยย ไม่เป็นไร ชิค ๆๆ


สำหรับการเดินทางมายัง Dragon's Back ตามนี้เลยครับผู้ชม ผู้อ่าน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับทุกท่านที่จะเดินทางมายังหลังมังกร วิธีการเดินทางมีดังนี้


1. ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหนบนเกาะฮ่องกง เกาะลันเตา ฝั่งเกาลูน ให้เดินทางมายังสถานี Central หรือสถานี Admiralty ซึ่งเป็น MTR สายสีน้ำเงินครับ

2. จากนั้นทำการเปลี่ยนฝั่งการขึ้น MTR ไปฝั่งที่เขียนป้ายว่า TO CHAI WAN ครับ แล้วลงสถานี Shau Kei wan ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็น MTR สายสีน้ำเงิน

3. จากนั้นให้ท่านเดินมายังทางออก A3 ครับ

เมื่อออกจากสถานี Shau Kai Wan ให้ไปทางออก A3 แต่ขณะเดียวกันก่อนถึงทางออกก็จะเจอร้าน 7-11 ผมก็ได้ทำการซื้อเสบียงตุนไว้ก่อนหรืออาจซื้อของในตลาดก็ได้ครับ ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนควรเตรียมก่อนไปตะลุย Dragon's ฺBack มีดังนี้


1. อย่าเอาของไปเยอะจนลำบากตัว กระเป๋าเล็ก ๆ พอ

2. พกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วย มิเช่นนั้นจะมีสภาพเหมือนผม (จะเล่าให้ฟัง มันเศร้ามันเหมือนโลกทั้งโลกรุมทำร้ายตัวผม)

3. พกน้ำดื่มไปพอสมควร

4. พกอาหาร ขนม เครื่องดื่มชูกำลังหน่อยก็ดี

5. เสื้อแขนยาว ครีมกันแดด หมวก

6. สำคัญมาก ขับถ่าย ปัสสาวะให้เรียบร้อยเพราะถ้าไปแล้วจะไม่เจอห้องน้ำนะครับ เตือนเลย

เมื่อซื้อของอะไรเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวออกเดินทาง โดยเมื่อออกทางออก A3 โผล่หัวขึ้นมานิดนึงจะเจอที่เจอรถบัสหลายสายเลยครับ


แต่เราไปป้ายรถเมล์สาย 9 เส้นทางจะไป Shek O ครับ


นี่มาถึงป้ายแล้วนะ รู้ยัง แต่บรรยากาศดูครึ้ม ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เสียวแล้วเรา


เส้นทางที่จะไปคือเส้นทางเดียวกับที่จะไป Shek O เริ่มเข้าสู่บรรยากาศโหมดต้นไม้เยอะ ๆ แล้ว ตื่นเต้น


ถนนเริ่มเล็กลง ๆๆๆๆ ข้าง ๆ เป็นภูเขาาา


จากนั้นป้ายที่เราจะลงเพื่อไปขึ้น Dragon's Back ก็คือ ป้าย TO TAI WAN นะครับสำหรับผมไม่ใช้วิธีการนับป้ายตามรีวิวอื่นบอก เพราะเอาจริงชมวิวเพลิน ผมก็จะดูป้ายตรงรถครับจะมีบอกป้ายที่จะจอดล่วงหน้าก่อน


คำถามทำไมต้องลงป้ายนี้ คำตอบง่าย ๆ ครับ คือ ถ้าขึ้นที่ TO TAI WAN ทางขึ้นจะไม่ชันครับ ตอนลงจะได้ลดความเหนื่อยลง (มั้ง) แต่ถ้าเผลอไปลงไปก่อนหน้าอีกป้าย จะกลายเป็นว่า ทางขึ้นจะโคตรรรรรชันแทนครับ

สวัสดีครับ ขณะนี้คุณกำลังเริ่มทำภารกิจเดินเขาแล้ว กรุณาสูดลมหายใจก่อน

ผู้ร่วมชะตากรรมการเดินทาง มีอีก 3 คนประกอบด้วย 1. คู่รักชาวฮ่องกง 2 คน 2. เด็กน้อยชาวฮ่องกง 1 คน และ 3. คนไทยเด๋อ ๆ 1 คน รวมทั้งสิ้น 4 ชีวิต


ตอนนี้ทุกคนกำลังถ่ายรูป เซลฟี่กัน รวมทั้งสิ้นเกือบ 15-20 นาที ยังไม่ขึ้นเขากันเลย 4 คน เหมือนเรากะเขารู้จักกัน แต่ไม่ใช่เลย


ถ่ายป้ายที่จอดรถบัส เล่น ๆ


ตอนนี้ได้เวลาสมควรแล้วที่จะเดินไปผจญภัยยังหลังมังกรซะที Flightingggg

ในระหว่างเดินขึ้นเขาก็จะเจอบรรยากาศเมืองข้างล่างมีทั้งตึก ทั้งทะเล สวยงามไปอีกแบบครับ แต่บรรยากาศลืมทำให้ผมกลัวแล้วสิ เพราะผมดันตั้งใจทิ้งร่มไว้ในห้อง เพราะคิดว่าอากาศมันดี แดดคงออก


ระหว่างทางเดิน ก็เจอทางเดินปีศาจหิน แถมแดดเริ่มออกแล้ว คือปรับตัวไม่ทัน นี่จะครึ้ม จะแดดออก


เดินมาสักพักก็เจอทางแยก สงบนิ่งหลายวินาที เออ ไปทางไหนดีหว่าาาาาา แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง


เจอป้ายบอกทางไปหลังมังกรแล้ว เย่เย้ จากนั้นก็เดินตามเส้นทางไปครับ


พอเดินไปสักพักก็จะเจอแหลมพรหมเทพ เอ้ย นั่นมันภูเก็ต นิมันฮ่องกงเฟ้ย เค้าเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อ่า มองออกไปเห็นทะเลจีนใต้ เอ๊ะหรือเป็นมหาสมุทรแปซิฟิคหว่า (ตกภูมิศาสตร์แปบบบ)


หลังจากนั้นพวกเรา 4 ชีวิตก็เจอทางแยกเป็นสองทางคือ ซ้าย กับ ขวา แต่อยู่ ๆทั้ง 4 ชีวิตก็ไปทางขวากันหมด (เพราะเห็นคนอื่นไปเลยไปตาม) เดินไปเรื่อย ๆ แบบไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่า ??????


เห็นคู่รักชาวฮ่องกงถ่ายรูปให้กัน แอบอิจฉาเบา ๆ เรามันนักเดินทางมือใหม่คนเดียวได้แต่แค่เก็บถ่ายบรรยากาศ

เดินมาถึงจุดตรงนี้ก็เริ่มมีลางสังหรณ์แล้ว่า พวกเราสี่คนเดินกันมาผิดทาง คู่รักชาวฮ่องกงเปิดกูเกิลแมปดูปรากฏจริง ๆ ต้องไปทางด้านซ้ายมือ (ตอนที่มีทางแยก) แต่ไม่เป็นไรผิดทางถามเรากลัวไหม ไม่ เพราะได้มุมถ่ายภาพเก๋ ๆ ไปอีกแบบ 555555


จากนั้นพวกเราสามคนก็เลยหันหลังกลับไปตั้งต้นใหม่เพื่อไปจุดสูงสุดของหลังมังกร ส่วนเด็กน้อยชาวฮ่องกงขอถ่ายรูปต่อ


จินตนาการว่าเป็นเกาะเชจู แปบบบ (ถามเคยไปไหม ไม่เคยดูเอาในซีรีย์ 555)


ตามกันไปแบบห่าง ๆ เดินเขาชิว ๆ แต่เหงื่อเริ่มแตกพลั่กๆๆๆๆ นิขนาดแปดโมงกว่าจะเก้าโมงแล้วนะ

ระหว่างเดินย้อนกลับไปทางที่ถูกที่ควร ทางเดินอยู่ชิดกับส่วนของหน้าผา แต่ไม่ต้องกลัวทางกว้างครับ ด้านนึงมองเห็นทะเลจีนใต้ (หรือแปซิฟิค) อีกด้านเป็นภูเขาสวยงามครับ


ข้อดีของการหลงทางคือ ได้มุมถ่ายภาพเพิ่มขึ้น (ถึงแม้จะถ่ายไม่สวย หาแคร์ไม่)


มองย้อนกลับไป ตกใจมากกนิเราเดินมาไกลแล้วเหรอนี่จากลูกโน้นมาลูกนี้ เดินบนเขาหลังสู้ท่านอะพอลโล หน้าสู้ปฐพี


ป้ายบ่งบอกระยะทาง สู้ต่อไปทาเคชิ โดเรมอน


พอเดินไปสักพักก็เจอเส้นทาง 2 ทางระหว่างไป TO TAI TAM GAP กับ TO TO TAI WAN


ถามสิเลือกทางไหน ก็เลือกไปทาง TAI TAM GAP สิ 555 ถ้าไป TO TAI WAN ก็กลับเส้นเดิมนะสิ อิอิ

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดสูงสุดแห่งหลังมังกรแล้วครับท่านผู้ชม ผู้อ่าน เหงื่อแตกพลั่กกกกกกกเลย


ในที่สุดผู้เดินทาง 3 ชีวิตก็ถึงจุดหมายแล้ววววว ก็ทักทายกันเล็กน้อย กับสลับกันถ่ายรูปครับผม 555


เมื่อมาถึงขอถ่ายรูปคู่รักชาวฮ่องกงที่เดินทางมาพร้อมกันเป็นที่ระลึก แต่ผู้หญิงเขิน ผู้ชายเลยยืนคนเดียว 555 ขอบคุณสำหรับการเดินทาง หลังจากนั้นเราก็ยืนคุยสักแปบนึง ก่อนจะไปตามเส้นทางของแต่ละคน ได้เวลาแยกย้ายกันแล้ว เมื่อขึ้นมาถึงจุดสูงสุดเราก็ต้องไปหาจุดต่ำสุดช่ายไหม


เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อครับ

พี่คร่ะ น้องมารอพี่ที่บนเขาทุกวันเลยนะคร่ะ น้องเหงาจังงงง ฟิลลิ่งได้มากเลยครับ อยากนั่งถ่ายบรรยากาศแบบโดดเดี่ยวแต่อะพอลโลมันร้อนแรงเกินจริง ๆ


หลังจากชมความงามเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวลงเขากันดีกว่า อุบร๊ะเจ้าาาช่วยมะม่วงแพนเค้กนองปิง ขึ้นก็ไกลแล้วนะ นิลงก็ไกลดูสิสุดสายตาาาาา


มองย้อนกลับไปข้างหลังนิดนึงงง


บันไดทางลงหลังมังกรครับท่านนนนนมาต่อกันนะครับบบบบ โทษทีที่มาช้าาา



จากขั้นบันไดก็มาเนินลูกรังแบบนี้ครับ เปลี่ยนบรรยากาศหลายยย 555

ทางมันช่างวังเวง เอวัง เหลือเกินนนนครับ เดินไปเรื่อย ๆๆๆ ตามใจสั่งมา ของพี่เสก

ทางเริ่มวังเวง ลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ ชีวิตนักเดินทางมันต้องลุ้นหลายยย


ก็จะเจอทางแยกเห็นป้ายก็ดีใจ แล้วแต่ แต่ ตั้ง 2 กิโลลลล ถามว่าไปทางไหน ผมเลือกไปทางซ้ายครับ เพราะดูรีวิวก่อนหน้าามานิดนึง


เดินไปตอนแรกก็เจอแสงแดดอยู่หรอกครับ แต่สักพักแสงแดดเริ่มหายไป ๆๆๆๆ หนทางก็คล้ายกันเหลือเกิน แต่แล้วเราก็เจอกับ


น้ำตกน้อย ๆๆๆ เห็นรีวิวที่อ่านบอกว่า ถ้าเจอน้ำตกก็จะใกล้ทางลงเขาแล้วครับ แต่ แต่ มันเจอน้ำตกน้อย ๆๆ ตั้ง 3 จุดแน่ ไหนเรานึกว่ามีจุดเดียวเศร้าแปบบบบ


ระหว่างที่เดินฝนก็ตกอย่างหนักครับ เพราะอิทธิพลของพายุ T-strom เข้ามาที่ฮ่องกง ทำให้ผมต้องเก็บกล้องไว้ในกระเป๋า ส่วนร่มนะเหรอที่บอกไว้แต่ต้นทิ้งไว้ที่ห้อง 555 เลยต้องเดินตากฝนเพื่อขึ้นรถบัสกลับ แต่มันไกลมากครับ ระหว่างทางลง ก็เจอครอบครัวชาวฮ่องกง พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว กำลังมาเดินขึ้นเขาท่ามกลางพายุกระหน่ำ ผมก็ได้ขอไปอาศัยในร่มเค้าแปบนึง พวกเขาน่ารักมาครับพูดคุย ทักทายกับผม แล้วผมก็ถามทางลงเขาว่าไกลไหม เค้าบอกอีก 10 นาทีก็ถึง (ปะกิดที่พูดนี่ งู ๆ ปลา ๆ มากเลยนะ เอาให้เค้าเข้าใจก็พอ) หลังจากนั้นก็ขอตัวลากับพวกเค้าครับ

เดินมาเรื่อย ๆ ท่ามกลางฝนตกกระหน่ำจนมาเจอป้ายรถเมล์ ก็รอป้ายรถเมล์ครับ แต่เราไม่กลัว คนปั่นจักรยานคนเดียวก็ตากฝน ไอ้เรานักเดินทางก็ตากฝนไม่เป็นไร สักพักรถเมล์สาย 9 ก็มาครับ

คำถาม : ทำไงดี ตัวเปียกไปทั้งตัว เค้าจะด่าเราไหม

คำตอบ : หน้าด้านเข้าไว้เฟ้ย เราเป็นนักท่องเที่ยว เค้าอาจเห็นใจเรา



สุดท้ายก็ขึ้นรถครับ รอยน้ำที่เห็นเป็นของผมเองแหละ ในรถรวมผมกับคนขับที่อยู่ตรงชั้น 1 ก็มีชีวิตรวม 5 ชีวิตครับ ทุกสายตาก็มองมาที่ผม เราก็ได้แต่นิ่งสยบความเคลื่อนไหว เห็นที่นั่งก็อยากนั่งมากเลย เพราะที่เหลือเยอะ แต่ตัวเปียกเลยต้องยืน หามุมที่แอร์พัดให้ตัวแห้ง


สุดท้ายก็มาถึงสถานีจอดรถครับ

แหนะ ฝนไม่ตกดีจังเลยย เเต่เราสิตัวเปียกแต่ขึ้นรถไฟฟ้าก็กระไรอยู่ เลยไปนั่งที่สวนสาธารณะข้าง ๆ สถานี MTR รอให้ตัวแห้งนิด ๆ ชื้นหน่อย ๆ ก่อน 555


จากนั้นคิดแพลนว่าจะไปไหนดี จะกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อดีไหม แต่ถ้ากลับเลยก็เปลืองตังอีก เพราะพักอยู่ฝั่งเกาลูน นิมาฝั่งฮ่องกงแล้วนะ คิดคิดเออจำได้ว่ามีงานนิทรรศกานกันดั้มที่ไทม์สแควร์พอดี ไปดูดีกว่า

จากนั้นก็นั่ง MTR ไปลงไทม์สแควร์แต่เเล้วก็หลงผิดป้ายครับผม เพราะไปลงสถานี Quarry Bay จริง ๆ ก็ต้องไปลงสถานี Causeway Bay อายจังแต่ไม่มีใครรู้


พอมาถึงสถานี Causeway Bay ก็มุ่งหน้าสู่ไทม์สแควร์กันเลย

ถึงแล้วหุ่นกันดั้ม มาพร้อมพายุฝนกระหน่ำไทม์สแควร์


ทำให้นึกถึงเพลงกันดั้มภาษาไทย ตอนที่พี่นัทกับน้องนทเลย ว่า

"ท่ามกลางฝนตกมาราวฟ้ารั่ว แต่ใจฉันมันร้อนรุ่มเหมือนไฟ ฝนฟ้าไม่เต็มใจ ซัดซ้ำฉันทำไม ฝนแสนร้าย ๆ ไม่ดับไฟรักที่รุมสุมในหัวอก" ทันที

จากนั้นก็ขึ้นไปดูนิทรรศการกันดั้มครับ

เดินดูไปสักพักก็กลับที่พักย่านจิมซาสุ่ยดีกว่าาาา 555


โอ๊ย ฝนตกไปทั่วเกาะเลยนะนี่ แต่ไม่เป็นไรพักก่อนแปบ เดี๋ยวค่อยตะลุยกันต่อ สุดท้ายฝากรูปเส้นทางหลังมังกรอีกรูปหนึ่งครับผม


รีวิวชุดสุดท้ายของการตะลุยฮ่องกง คือ การปั่นจักรยานครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ


ความคิดเห็น