สู่เกาะแดนใต้ : หมู่เกาะมังกร - ลอร์ดเฮเว่น เมียนมาร์

LORD LOUGHBOROUGH & LORD HAVEN : MYANMAR

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ หลังจากห่างหายจากรีวิวในพันทิปมาสักพัก และหลังจากกลับมาจากทริปตะลุยอินโดนีเซีย (โบรโม่ - คาวาอีเจี้ยน - สุราบายา) เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ตัวผมก็ไม่ทริปไปไหนเพราะรอทริปปลายปี แต่แล้วอยู่ๆ ก็สะดุดตากับทริปเดินทางทริปหนึ่งคือ หมู่เกาะมังกรและลอร์ดเฮเว่น (LORD LOUGUH & LORD HEAVEM) ประเทศเมียนมาร์ เลยตัดสินใจปุบปับว่าไปทริปนี้เลยดีกว่า ประกอบกับยังไม่เคยไประนองและเมียนมาร์มาก่อน เลยมาลองเชิงทะเลเมียนมาร์ซะเลย ดังนั้นครั้งนี้ผมเลยมารีวิวการเดินทางของตัวนี้กันก่อนดีกว่าเพราะเป็นทริปแบบปุบปับกะทันหันไม่ทันตั้งตัว และชวนคนไปแบบไม่ทันตั้งตัวเพราะนั่งคิดว่าใครจะไปกะเราหว่ะ สุดท้ายได้เพื่อนที่ไปตะลอนทริปลุยฝนไต้หวันไปเป็นเพื่อน รอบนี้ทริปนี้จะเป็นยังไงต้องติดตามชมกันเลย

ก่อนเข้าเรื่องต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าเอ่ยถึงเมียนมาร์ หลายคนจะนึกถึงย่างกุ้ง พุกาม หรือวัดวาอารามเช่น เจดีย์แห่งพุกาม เจดีย์ชะเวดากอง เป็นต้น ซึ่งส่วนนั้นอยู่บนแผ่นดินใหญ่ แต่เราจะไม่ไปส่วนนั้นแต่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักทะเลเมียนมาร์กัน เฮ้ย เมียนมาร์มีทะเลด้วยเหรอ แหม ก็มีสิจ้ะเทอ ดูแผนที่พม่าให้ดี ๆ สิจะมีส่วนยาว ๆ ขนาบกับภาคใต้ของไทยนั่นแหละ รวมถึงเกาะต่าง ๆ ในน่านน้ำอีกนะ แต่แต่ถ้าพูดถึงทะเลเมียนมาร์ตอนนี้ทุกคนคงนึกถึงแต่ "หัวใจมรกต" ใช่ไหม แต่ไม่ ๆ นั่นเก่าแล้วตอนนี้มีที่ใหม่มาแล้ว เป็นที่ไหนติดตามได้เลยจ้ะ

การเดินทางครั้งนี้ของเราจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเนื่องจากตัวเราเป็นมนุษย์เงินเดือน เวลามีจำกัดมักจะโดยสารเครื่องบินราคาโปรโมชั่นเป็นหลัก แต่เนื่องจากทริปนี้ต้องไปตั้งสติ เอ้ย ไปตั้งต้นที่จ.ระนองซึ่งสายการบินก็มีแต่น้องนกผูกขาดเพียงเจ้าเดียวทำให้ราคาแพงประกอบกับไปแบบกะทันหันทำให้ตัดสินใจว่า เลิกงานแล้วนั่งรถทัวร์ไปก็ได้ เอาหล่ะมาดูการเดินทางของเรากันเลย เอ้ยไม่ใช่ มาดูข้อมูลสถานที่เราจะไปกันก่อนครับ

หมู่เกาะมังกร หรือ Lord Loughborough เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในน่านน้ำทะเลเมียนมาร์ หมู่เกาะนี้ที่อยู่ห่างไกลจากหัวใจมรกต เพราะถ้าเดินทางโดยเรือแบบธรรมดาเช่น เรือหางยาวที่ใช้กันก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ถ้าเป็นสปีดโบ๊ทก็จะใช้เวลาราว ๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งหมู่เกาะลอร์ดลัฟโบโร่โน่ (ไม่รู้จะออกเสียงยังไงดี) เป็นหมู่เกาะถ้าดูรูปจากภาพถ่ายมุมสูงจะคล้ายสันหลังมังกร (คนละที่กับดรากอนแบคส์ที่ฮ่องกง ที่ผมเคยรีวิวไปนะครับ) แต่ถ้าดูในแผนที่เอิ่มมันดูคล้ายม้าน้ำมากกว่า

อันนี้เป็นแผนที่ตั้งหมู่เกาะมังกร (LORD LOUGHBOROUGH) ที่ห่างไกลจากบริเวณเกาะสองที่เราต้องมาผ่านแดนค่อนข้างมากครับ เดี๋ยวภาพต่อไปเรามาดูความห่างจากหมู่เกาะแห่งนี้กับหัวใจมรกตกันดีกว่า

จากแผนที่ของอากู จะเห็นว่าเกาะหัวใจมรกต (COCKS COMB ISLAND) จะอยู่ใกล้ส่วนของแผ่นดินมากกว่าหมู่เกาะมังกรครับ อิอิ ซึ่งการไปหมู่เกาะลอร์ดลัฟโบโร่และลอร์ดเฮเว่น ตอนนี้มีบริษัททัวร์แห่งเดียวที่จะพาไปได้คือ " LOVE ANDAMAN" เท่านั้นครับ ไม่ได้โฆษณานะเพราะมีเจ้าเดียวจริง ๆ โดยถ้าใครจะไปทั้งสองที่แนะนำให้ไปตั้งต้นที่ระนองนะจ้ะเทอ อย่าไปภูเก็ตหล่ะเดี๋ยวได้ไปเกาะอื่นแทน


การเดินทางสู่หมู่เกาะมังกร - ลอร์ดเฮเว่น

- ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เป็นรถทัวร์จากกรุงเทพฯ - ระนอง ก็จะมีหลากหลายบริษัท เช่น สมบัติทัวร์ นิวมิตรทัวร์ บลาบลาบลา ครั้งนี้ผมได้จองของนิวมิตรทัวร์เป็นแบบ VIP 32 ที่นั่ง ราคา 470 บาท (ไม่รวมประกันเดินทางนะจ้ะ) แต่ถ้าจะนั่ง VIP 24 ที่นั่งก็ราคา 600 กว่าบาท ซึ่งรอบที่แนะนำก็จะมีรอบ 20.30 น. และ 21.00 น. อย่างนิวมิตรทัวร์ก็จะเป็นรอบ 21.00 น. สมบัติทัวร์ก็รอบ 20.30 น. ไปถึงระนองก็ประมาณ 6 โมงเช้า

- ถ้าไม่อยากนั่งรถทัวร์ก็สามารถนั่งเครื่องบินไปลงสนามบินระนองได้เลยตามกำลังทรัพย์จ้าาาาา แต่ผมทรัพย์จางเลยเลือกตัวเลือกแรกดีกว่า

จุดจำหน่ายตั๋วรถทัวร์ของสถานีของส่งสายใต้ ใครจะไปไหนก็ไปได้เลย เอ้ย ต้องไประนองสิ ทริปนี้เราจะไประนอง เมืองแปดฝนแดดสี่ ต่างหาก

การจองตั๋วของนิวมิตรทัวร์ก็ง่าย ๆ ครับจองผ่านเว็บไซต์แล้วปริ้นใบออกมาแล้วไปรับหน้าเคาเตอร์ สะดวกสบายเลยทีเดียว หลังจากรับตัวไปเติมพลังที่ร้านกาแฟและรอเพื่อนร่วมทางฆ่าเวลากันไปก่อน

และแล้วผมกับเพื่อนก็ไปขึ้นรถทัวร์สายกรุงเทพฯ - ระนอง รอบ 21.00 น. บรรยากาศรถทัวร์คนไม่เยอะเท่าไหร่จะรู้สึกทุกที่นั่งจะมีคน (งงไหม) รวมถึงผมก็ตื่นเต้นไม่ได้นั่งรถทัวร์ลงภาคใต้มานานแล้ว กี่ปีแล้วหล่ะช่างเถอะเดี๋ยวรู้อายุแน่ ๆ ครั้งสุดท้ายคือกลับไปเชงเม้งที่พังงาเมื่อหลายปีก่อน

หลังจากเดินทางเป็นระยะเวลานานเกือบ 9 ชั่วโมง รถทัวร์ก็ได้พาพวกเรามาสู่สถานีขนส่ง (บขส.) ระนอง ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนักมากมาย บรรยากาศในยามเช้าวันนี้นั้นดูเงียบเหงา คนไม่ค่อยเยอะ ซึ่งรถทัวร์ออกจากสายใต้ตอนสามทุ่มมาถึงบขส.ระนองก็ 6 โมงเช้า

เนื่องจากรถทัวร์มาถึงประมาณ 6 โมงเช้า และรถตู้จากบ.ทัวร์จะมารับที่บขส.ระนองเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ทำให้พวกผมมีเวลาล้างหน้า แปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกทริปทะเลต่อทันที

รถตู้จากบริษัททัวร์ก็มารับเราที่ท่ารถบขส.ระนอง (ก่อนเดินทางได้บอกทางบริษัทให้ไปรับที่บขส.ครับ) แบบมาถึงแล้วก็ออกทริปเลย จากนั้นรถก็ไปรับคนจากโรงแรมต่าง ๆ และมุ่งหน้าสู่ท่าเรือประภาคาร ระนอง

ณ ท่าเรือประภาคาร ระนอง เป็นจุดผ่านแดนไทย - เมียนมาร์ เนื่องจากหมู่เกาะนี้อยู่ในน่านน้ำทะเลเมียนมาร์ต้องมีใบผ่านแดนด้วยนะจ้ะ ซึ่งทางบริษัทก็เป็นคนจัดการให้หมด 555 สบายเรา

อันนี้เป็นบรรยากาศฝั่งประเทศเมียนมาร์ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับท่าเรือครับ อย่างที่บอกไปแต่แรกแล้วว่าบรรยากาศอึมครึมและมีฝนตกตลอดเวลา สมกับเป็นเมือง "ฝนแปดแดดสี่ ระนอง" จริง ๆ แต่มันก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ

เมื่อถึงท่าเรือแล้ว พวกผมก็ไปลงทะเบียนชื่อเพื่อรับริชแบนด์ประจำตัวและของว่างกินยามเช้า

ของว่างก็คือแซนวิชชิ้นใหญ่ 1 ชิ้นและน้ำผลไม้ 1 กล่อง ส่วนบรรยากาศวันที่ไปฝนตกที่ระนองแต่เช้าและตอนไปถึงท่าเรือประภาคาร ฝนก็หยุดตกแต่ฟ้าก็ยังครึ้ม เป็นการต้อนรับที่ทำให้ใจพองโตมาก

อันนี้เป็นบรรยากาศฝั่งระนองครับ ใกล้ ๆ กับท่าเรือประภาคาร

จากนั้นก็ได้เวลาไปรวมตัวกับทุกคน เพื่อเดินทางไปยังเกาะสอง บริเวณท่าเรือ VKR Club (เมียนมาร์) เพื่อยื่นเอกสารตรวจคนเข้าเมืองประเทศพม่า (Myanmar Immigation Pass)

บรรยากาศภายในเรือน้องเลิฟ กับผู้โดยสารชุดแรกที่จะไปหมู่เกาะมังกร (ก่อนหน้านี้ที่จะเปิดเกาะอย่างเป็นทางการ ก็มีบลอคเกอร์ไปก่อนหน้าแล้วซึ่งก็มีริวอยู่ครับ)

หลังจากนั่งเรือมาได้ไม่นานก็มาถึงท่าเรือ VKR Club (เกาะสอง เมียนมาร์) ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นคือ เมียนมาร์ ซึ่งตอนนี้ก็รอการทำการตรวจเข้าเมือง ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตม.ก็ถ่ายรูปวิถีชีวิตชาวพม่าซะหน่อย (ตื่นเต้นมาก มาเมียนมาร์ครั้งแรกในชีวิต)

เมื่อถึงท่าเรือ VKR Club เกาะสอง เมียนมาร์ ทุกคนก็นั่งรอในเรือเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตม.พม่ามาตรวจผู้โดยสารและทำการเชคข้อมูลครับ ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่มาตรวจก็ถ่ายบรรยากาศแถวท่าเรือกัน

บรรยากาศวิถีชีวิตของคนเมียนมาร์บริเวณเกาะสอง บริเวณท่าเรือ VKR Club ครับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตม.เมียนมาร์ก็เดินมาขึ้นเรือและเชคผู้โดยสาร บรรยากาศจะคล้าย ๆ ครูขานชื่อนักเรียนประมาณนั้น

ท่านเจ้าหน้าที่ตม.พม่าสองท่านกำลังตรวจสอบผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่าท่านเคี้ยวหมากแน่ ๆ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่


หลังจากเจ้าหน้าที่ตม.เมียนมาร์ตรวจสอบผู้โดยสารเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตม.ก็บอกผมกับเพื่อนว่า Good luck ผมกับเพื่อนก็สปีดอิงลิชตอบกลับ 55 และหลังจากนั้นพวกผมก็มุ่งหน้าสู่หมู่เกาะมังกรและเข้าสู่น่านน้ำเมียนมาร์อย่างเต็มตัว

ระหว่างทางบรรยากาศจากที่มีแดดออกก็เริ่มมีฟ้าครึ้ม เรือแล่นออกไปไกลเมื่อมองไปด้านหลังก็จะเห็นหมอกตัดภูเขาจนคิดว่ามาทะเลสาบแถวนิวซีแลนด์อะไรประมาณนี้ (จินตนาการล้ำเลิศมาก) เดี๋ยวมาต่อเย็น ๆ นะครับ

ยิ่งห่างจากบริเวณเกาะสอง เมียนมาร์มากเท่าไหร่ บรรยากาศก็เริ่มอึมครึมมากขึ้น ภูเขาด้านหลังดูเสมือนคล้ายภูเขาน้ำเเข็งทำให้นึกว่าแถวอลาสก้า หรือทะเลสาบแถวนิวซีแลนด์ (จินตนาการอีกแล้วเรา)

เมื่อใกล้ถึงหมู่เกาะมังกร เรือของทางบริษัทก็ไปจัดสักพักเพื่อให้สตาฟฟ์ขนของขึ้นฝั่ง ก่อนจะพาพวกเราไปดำน้ำดูปะการัง

จุดดำน้ำจุดแรก Tomato Point ที่เกาะลอร์ด โลโบโร่ (Lord Loughborough) ที่จะได้สัมผัสแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งอาศัยอยู่รวมกันมากที่สุด โดยเฉพาะจุดเด่นบริเวณนี้คือ ปลาการ์ตูน สีแดงสด อาศัยอยู่ในดอกไม้ทะเล แหวกว่ายอวดโฉมตลอดเวลา ที่สำคัญขนาดใหญ่มาก แต่น่าเสียดายที่ไฟล์กล้องที่ใช้ดำน้ำเสีย มีแต่อันที่เป็นภาพเบลอ ๆ ให้ดูแทน

ดำน้ำท่ามกลางทะเลและสายฝนปรอย ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากนะครับ ก่อนอื่นต้องบอกเลยการไปส่วนของหมู่เกาะมังกร และหัวใจมรกตในช่วงที่เป็นหน้าฝนจะต่างกันเล็กน้อย เพราะหมู่เกาะมังกรจะรายล้อมด้วยเกาะต่าง ๆ เหมือนเป็นป้อมกำบังทำให้ลมพายุไม่เท่ากับหัวใจมรกต แต่ระหว่างเดินเรืออาจเจอคลื่นเเรงบ้าง แต่ตอนที่ผมไปคลื่นสงบจนน่ากลัวเลย 555 แบบนี่ทะเลสาบหรือทะเลเนี่ย ซึ่งในส่วนดำน้ำจะให้เวลาดำน้ำประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะกลับเข้าสู่หมู่เกาะลัฟโบโร่ เพื่อกินข้าวกลางวันกัน


หมู่เกาะมังกร (Lord LOUGHBOROUGH)

บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงห่างไกลผู้คนเพราะใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า รวมถึงบรรยากาศก็อึมครึมอีกแล้วทั้งฝนตก แดดออก ไร้แดดให้พวกเราได้ลุ้นกันตลอดเวลา มาดูมื้อกลางวันที่ทางเลิฟอันดามันได้จัดกันดีกว่า

ซุ้มอาหารคาวและหวาน รวมถึงขนมเรียงรายให้เหล่าผู้กระหายหลังจากดำน้ำพร้อมกับสายฝนพรำ ๆ

น้ำเหลือง ๆ คือ ฉี่ที่กั้นจากการดำน้ำ เอ้ย ไม่ใช่เป็นน้ำเก๊กฮวยต่างหาก จะบอกว่าใครปวดฉี่หรือปวดท้องควรทำธุระให้เรียบร้อยจากฝั่งมาจะดีที่สุด เพราะไม่มีห้องน้ำนะจ้ะเทอจ๋า ถ้าปวดก็ใช้ห้องน้ำในเรือจ้ะ ปั๊ม ๆ ดูด ๆ จนกว่าจะลง เราก็ใช้ไม่เป็นลองผิดลองถูกไปเรื่อย

เมนูอาหารกลางวันจะได้คนละ 2 กล่องคือ ชุดกล่องใหญ่ก็จะเป็นข้าวและกับข้าวอีก 2 อย่าง ส่วนกล่องเล็กก็อาหารซีฟู้ดมีกุ้ง ปลาหมึก แมงกะพรุน (แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดเผ็ดมากกกก)


เอ้าฉลองให้กับมื้อกลางวันกับเกาะที่ห่างไกลผู้คน และความเงียบสงบและสายฝนที่ทำให้ชอกช้ำ

มื้อกลางวันพวกผมกินกันไม่ยั้ง เสมือนไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต แต่อร่อยทุกอย่างเลยโดยเฉพาะคุกกี้ 555ต่อไปก็จะพาชมบรรยากาศหมู่เกาะลัฟโบโร่ หรือหมู่เกาะมังกรกันนะครับ

อย่างที่บอกไปแต่แรกครับว่า ฟ้าครึ้มสลับฝนตกและแดดออกทำให้ สีน้ำทะเลที่เป็นสีเขียวดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่าถึงแม้จะครึ้มสีน้ำทะเลก็ยังสวยงาม แต่จะเสียตรงตอนดำน้ำที่ฝนตกและแสงสว่างไม่มีจะทำให้การสนอคเกอร์ดูปะการังอาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสวยงาม เพราะน้ำจะขุ่นได้

หลังจากกินข้าวอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางออกจากหมู่เกาะลัฟโบโร่เพื่อไปยังเกาะลอร์ดเฮเว่น ที่หมายสุดท้ายของทริปในวันนี้ อ้อลืมบอกไปที่เกาะลัฟโบโร่ มีจุดชมวิวด้วยนะครับแต่กลุ่มพวกผมไม่ได้ขึ้นเนื่องจากฝนตก ทางสตาฟฟ์กลัวจะเกิดอุบัติเหตุเลยไม่ให้ขึ้น หมายความว่า เราต้องมาใหม่ใช่ไหมมมมม หม่ายยยยย บร๊ะเจ้า

ทะเลเมียนมาร์ยามหน้าฝนก็สวยงามไปอีกแบบนะครับ ถึงแม้ฟ้าจะไม่สดใส ดูหม่นหมองแต่ก็ให้วิวเเบบคล้ายภูเขาที่มีน้ำเเข็งปกคลุมหรือภูเขาที่มีไอหมอกตัดก็สวยงามไปอีกแบบ

เกาะลอร์ดเฮเว่น (LORD HEAVEN)

หลังจากนั่งมาได้สักพักก็เดินทางมาถึงเกาะสุดท้ายของทริปทะเลเมียนมาร์ นั่นคือ "เกาะลอร์ดเฮเว่น" เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเส้นทางเกาะอย่างเป็นทางการ ในฐานะลูกค้ากลุ่มแรกของเส้นทางนี้ (เน้นลูกค้ากลุ่มแรก ก่อนหน้าก็มีบลอคเกอร์มารีวิวก่อนแล้วนะจ้ะ) ก็เลยมีกิจกรรมให้ทำคือ การทำความสะอาดเกาะ หรือ Big Cleaning Day โดยสตาฟฟ์ให้เหล่าผู้เดินทางแบ่งตามสีตามสายริชแบนด์ที่ได้รับมา แล้วให้เก็บขยะทีมไหนเก็บขยะได้น้ำหนักมากสุดก็ชนะไป

ระหว่างเก็บขยะไปก็ถ่ายวิวไป ไม่ได้อู้นะถ่ายไปเก็บไปไง ดอกจามจุรีแม้อยู่ในที่ไกลจากแผ่นดินแต่เจ้าก็ยังเติบใหญ่ได้อย่างสวยงาม

บรรยากาศการเก็บขยะบริเวณเกาะลอร์ดเฮเว่น ทุกคนช่วยกันอย่างสนุกสนาน และเต็มใจ 555 และระหว่างรอการตัดสินก็มาชมบรรยากาศกันดีกว่า

ตอนนี้สภาพอากาศเริ่มเหมือนเป็นใจ ฟ้าเริ่มสว่างแดดเริ่มออก แต่จะบอกว่า "เธอมาช้าไปไหม" เราจะกลับแผ่นดินอยู่แล้วนะเทอจ๋าาาาา แต่ก็ขอบคุณเทอนะที่ทำให้เห็นธรรมชาติอีกด้านของทะเลเมียนมาร์ที่ไม่เหมือนใคร

สุดท้ายทีมผมก็เเพ้ได้อันดับสุดท้าย แต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมทางสตาฟฟ์เลยให้ของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทริปทุกคน ส่วนทีมที่ชนะก็ได้เป็นผ้าเช็ดตัว จากนั้นทางสตาฟฟ์ก็พาพวกเราฝ่าป่าน้อย ๆ ไปยังอีกด้านของเกาะลอร์ดเฮเว่นซึ่งจะมีหินประหลาดอยู่ ตามดูเลย

หินนี้จะมีรูปร่างคล้ายกับคลีบฉลามซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเกาะลอร์ดเฮเว่น นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆ กันก็จะมีซุ้มต้นไม้ที่ดูคล้ายอุโมงค์ให้เราได้ถ่ายรูปกันด้วย

เดินเลยมาจากบริเวณหินครีบฉลามมาด้านขวามือก็จะเจอซุ้มอุโมงค์ต้นไม้เล็ก ๆ ให้ถ่ายภาพชิค ๆ ใครอยากครีเอทท่าอะไรเชิญได้เลยครับ ส่วนผมไม่มีแรงแล้วเพราะเริ่มเปื่อยตามสภาพอากาศ

ส่วนบริเวณด้านหลังเกาะลอร์ดเฮเว่นจะเห็นว่ารายล้อมไปด้วยเกาะต่าง ๆ ทำให้บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคลื่น ลมมากเท่าไหร่ครับ หลังจากเดินเรื่อย ๆ บริเวณอ่าวครีบฉลามแล้ว (ตั้งชื่อเอง) ผมก็เดินกลับไปที่เรือเพื่อเตรียมตัวกลับไปยังเกาะสอง และระนอง

อย่างที่บอกไปแดดออกแล้ว แต่มาช้าไปสีเขียวของน้ำทะเลตัดกับสีท้องฟ้าอันสดใสในยามบ่ายสามโมงกว่า ๆ ให้ความรู้สึกถึงความสงบ และสบายใจอย่างเป็นที่สุด

และแล้วถึงเวลาร่ำลาหมู่เกาะมังกรและหมู่เกาะลอร์ดเฮเว่น เพื่อกลับไปยังเกาะสอง เมียนมาร์เพื่อทำเรื่องผ่านแดนเข้าน่านน้ำไทย จากหมู่เกาะลอร์ดเฮเว่นมาเรื่อย ๆ แสงแดดแรงมากแต่พอเริ่มเข้าใกล้ฝั่งแผ่นดินเมียนมาร์เท่าไหร่บรรยากาศเริ่มครึม ดั่งภาพด้านบนแต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ

ในที่สุดก็ผ่านการตรวจตม.เมียนมาร์เข้าสู่น่านน้ำไทย และเตรียมตัวกลับเข้าโรงแรมที่พักทริปการเดินทางในทะเลเมียนมาร์ 1 วันก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ

สุดท้ายขอลาด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ณ ท่าเรือประภาคาร จ.ระนอง แต่ยังไม่จบนะครับทุกคนเดี๋ยวผมจะกลับมารีวิวที่พักในจ.ระนองที่ผมไปพักและสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองใกล้ ๆ กันสักเล็กน้อย รอติดตามได้ต่อจากนี้ครับ

ตรงนี้ผมจะขอสรุปค่าใช้จ่ายของทริปหมู่เกาะมังกร - ลอร์ดเฮเว่น เมียนมาร์ ดังนี้

- รถทัวร์จากขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน แบบ VIP 32 ที่นั่ง (กรุงเทพฯ - ระนอง) ลงบขส.ระนอง 470 บาท/คน (ต่อเที่ยว)

* ขากลับผมกลับเครื่องบินโดยขึ้ันเครื่องที่สุราษฏร์ธานีแทน เพราะที่ระนองค่าเครื่องแพง สู้ไม่ไหว เพราะต้องรีบกลับไปทำงาน

- ค่า 1 Day trip หมู่เกาะมังกร - ลอร์ดเฮเว่น 3500 บาท/คน (ตอนนี้ราคา 3900 บาท/คน)***

* ** ราคา 3500 บาทเป็นราคาโปรโมชั่นตอนเปิดเส้นทาง หลังพ้นโปรโมชั่นก็จะคิดราคา 3900 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าที่พัก

ราคาดังกล่าวรวมค่าธรรมเนียมผ่านแดนและค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะพม่าของคนไทย รวมชุดของว่างตอนเช้า อาหารกลางวัน และของเบรกระหว่างเดินทาง และรวมอุปกรณ์ดำน้ำสนอคเกอร์ รวมถึงประกันอุบัติเหตุตลอดการเดินทาง

- ส่วนที่พักผมพักที่หลวงพจน์ บูติก โฮสเทลรวมกับแพคเกจเกาะมังกร 3900 บาท/คน

- ค่าเดินทางจากบขส.ระนองไปตัวเมืองสุราษฏร์ธานี (ตรงตลาดเกษตร) ขากลับ 190 บาท/คน

- ค่ารถจากตัวเมืองสุราษฏร์ (ตรงตลาดเกษตร) ไปสนามบินสุราษฏร์ 100 บาท/คน

(หมายเหตุ ไม่รวมค่าเครื่องบินจากสุราษฏร์มาดอนเมือง )

รายละเอียดการเดินเรือของบ.เลิฟอันดามัน

- เรือจะไปหมู่เกาะมังกรทุกวันอังคาร พฤหัส ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์เท่านั้น

- ฤดูกาลเดินเรือเริ่มตั้งแต่ 24 กันยายน 2559 - 15 พฤษภาคม 2560555 ตอนผมไปไม่มีนะครับ แต่ตอนดำน้ำนี่แอบหวั่น ๆ เพราะเพิ่งดู shallow รวมถึงการดำน้ำตรงนี้จะต่างจากพวกหลีเป๊ะที่มีเชือกกั้น เรือล้อมบ่งบอกเขตว่ายน้ำ ตรงนี้ไม่มีบางครั้งผมเผลอว่ายไปลึกเลยแนวปะการังจนพี่สตาฟ์แซวว่าเฮ้ย อะไรมาข้างหลัง รีบว่ายเข้าแนวปะการัง แต่จริง ๆ ไม่มีครับ

หลวงพจน์ บูติค โฮสเทล (Luang Poj Boutique Hostel)

หลวงพจน์ บูติค โฮสเทล (Luang Poj Boutique Hostel) เป็นโฮสเทลสไตล์บูติคที่บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนอาศัยอยู่ที่บ้าน ทำให้นึกถึงที่พักแนวนี้อย่างเช่น ที่จันทบูร จันทบุรี ก็จะมีที่พักชื่อ "หลวงราชไมตรี" แต่ระนองก็ไม่น้อยหน้าก็มี "หลวงพจน์" ใครอยากรู้ประวัติไปอ่านได้ที่โอสเทลเลย ตัวโฮสเทลแห่งนี้จะเป็นตึกสีส้ม ๆ ถือว่าเด่นมากตรงแยกกรุงไทย ตัวอาคารมี 2 ชั้นเท่านั้น


บริเวณข้าง ๆ ที่พักก็จะมีร้านสะดวกซื้อที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี คือ 7-11 อยู่ติดกันเลยดังนั้นเวลาดึกไม่ต้องห่วงมีของกินอยู่ข้าง ๆ ดั่งสโลแกนเป็นเพื่อนแท้เวลาหิว 555

ป้ายไม้ที่สลักชื่อที่พักป้ายเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มากจนเกินไป แต่สายไฟทำให้บดบังความงามของตึกนะสิ จากนั้นจะพาไปดูบริเวณชั้น 1 ของหลวงพจน์ บูติก โฮสเทลกัน ซึ่งภาพผมจะสลับทั้งตอนกลางวันและกลางคืนนะครับ เพื่อให้ต่อเนื่องไปเป็นชั้น ๆ

น้องหมีที่นั่งอยู่ตามลำพังเพื่อรอให้ใครสักคนได้มานั่งเคียงข้าง เอ้ย มันแรคคูนใช่ไหม ไม่ใช่หมีใช่ไหม

บริเวณชั้น 1 ก็จะเป็นที่นั่งเล่น พูดคุย รวมถึงมีไมโครเวฟสำหรับอุ่นอาหาร และที่เชคอินครับ ตอนที่ไปมีคนพักรวมพวกผมแค่ 4 คน สบายเสร็จแล้วอีกแล้ว หลังจากเชคอินเสร็จพวกเราก็ขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็นห้องพัก เดี๋ยวตามมาดูกันว่าเป็นอย่างไรจากชั้น 1 ก็ขึ้นมาชั้น 2 ที่เป็นส่วนบริเวณห้องพัก

ส่วนนี้เป็นบริเวณโถงตรงกลาง ชั้น 2

ส่วนบริเวณห้องน้ำซึ่งที่นี่เป็นแบบห้องน้ำรวม มีห้องสุขา 3 ห้องและห้องอาบน้ำ 3 ห้อง

ตรงนี้เป็นส่วนบริเวณอ่างล้างหน้าครับ มี 3 อ่างเช่นกัน

ตรงนี้เป็นส่วนหน้าต่างสำหรับดูวิถีชีวิตคนเมียนมาร์ในท้องถิ่น เอ้ย คนจังหวัดระนอง ให้อารมณ์แบบย้อนมาสู่อดีตประมาณนั้นเลยครับ


มาดูส่วนของห้องนอนกันบ้าง ห้องนอนที่นี่จะมีทั้งแบบแอร์และไม่มีแอร์ ไม่มีแอร์ก็จะติดหน้าต่างทำให้มองเห็นวิวชุมชนเมืองได้ครับ ส่วนห้องมีแอร์จะไม่มีหน้าต่างก็จะเป็นห้องทึบ ๆ แค่นั้น ส่วนเตียงจะมีแต่เตียงใหญ่เท่านั้น ไม่มีเตียงแยกนะครับ ผมกับเพื่อนได้ห้องนอนห้องนี้สวยดี คลาสสิคมาก

เอาอีกห้องหนึ่งมาให้ดู ส่วนห้องนี้จะโทนสีขาวเรียบ ๆ มีภาพวาดกรงนก สวยไปอีกแบบ

อันนี้ภาพวาดถนนสายนี้ในสมัยก่อน

หลวงพจน์ บูติค โฮสเทล อ.เมือง ระนอง

ข้อดี

1. อยู่ใกล้แหล่งชุมชน และร้านสะดวกซื้อ รวมถึงตลาดยามเช้า และยามเย็น

2. อยู่ใกล้พระราชวังรัตนรังสรรค์จำลอง และกุฏิเกจิ 9 อาจารย์เพียงเดินตรงจากหน้าโฮสเทลเท่านั้น

3. ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

4. ราคาไม่แพงเหมาะสำหรับแบคแพคเกอร์ หรือคนที่ไม่ค่อยอะไรมากกับที่พัก

ข้อเสีย

1. ห้องน้ำรวม อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าเป็นลักษณะโฮสเทลเนอะ

2. จะได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ ชัดเพราะห้องไม่เก็บเสียง

3. จากที่บอกข้อ 2 ห้องที่อยู่ติดหน้าต่างอาจได้ยินเสียงรถแล่น หรือเสียงดังได้

ส่วนตอนนี้ขอจบรีวิวทริปท่องเมืองแปดฝนแดดสี่ระนอง สู่ทะเลเมียนมาร์แค่นี้นะครับไว้พบกันทริปต่อไป สวัสดีครับ

ความคิดเห็น