สวัสดีคร้าบบบบบบ .. เจอกันอีกครั้งกับผมเบิร์ธ ไปเที่ยวทำไม ฮ่าๆๆ ทริปนี้ จะพาไปเที่ยวภูกระดึงหน้าฝนครับ อย่างที่ทราบกันว่า อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี และจะปิดภูเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี

ผมเคยไปภูกระดึงมา 2 ครั้ง แต่เป็นช่วงเดือนธันวาคม และเดือนมกราคม ครั้งนี้เลยอยากจะลองไปหน้าฝน โดยมีเป้าหมายเป็นธรรมชาติสีเขียวที่ยังสดใหม่ จากการปิดภูเพื่อฟื้นฟู และนํ้าตกครับ

ตอนแรกก็คิดว่าจะไปวันเปิดภูเลยดีมั้ย แต่คิดว่า คนน่าจะเยอะแน่เลย เพราะตรงกับช่วงวันหยุด ซึ่งก็เป็นไปตามคาด วันเปิดภูมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปถึง 500 กว่าคน T_T เลยตัดสินใจไปวันธรรมดาแทน ผมไปวันที่ 3 - 5 ตุลาคม ครับ

เริ่มเลยละกันครับ อย่างแรกเลยก็พาตัวเองไปที่หมอชิต ขึ้นไปที่ชั้น 3 เลยครับ รถทัวร์จะไปไม่ถึงตัวอุทยานนะครับ จะต้องลงที่ผานกเค้า เวลาเราแจ้งคนขายตั๋วก็บอกไปว่าลงที่ผานกเค้าครับ มีรถผ่านหลายบริษัทเลย เลือกได้ตามความชอบครับ ทั้ง บขส. / แอร์เมืองเลย / ภูกระดึงทัวร์ / Sun Bus มีราคาตั้งแต่ 340 บาท ไปจนถึง 600 กว่าบาท ตาม Class ของรถครับ เลือกเที่ยวรถ สัก 21.00 - 22.00 นะครับ จะไปถึงผานกเค้า ราวๆ ตี 4 ตี 5 กำลังพอดี

ถึงผานกเค้า รถจะจอดหน้าร้านเจ๊กิมนะครับ หาข้าวทาน หรือเข้าห้องนํ้าได้เลย หรือถ้ายังไม่หิวก็ค่อยรอไปทานที่อุทยานก็ได้ครับ

จากนั้นก็ไปขึ้นรถสองแถว เพื่อไปที่อุทยานครับ รถจะจอดข้างๆร้านเจ๊กิม หน้าป้อมตำรวจ ถ้าหันหน้าเข้าร้านเจ๊กิมก็อยู่ซ้ายมือครับ ค่ารถก็ถ้าเหมาทั้งคัน 300 บาท ถ้ารอจนเต็มคัน ก็คนละ 30 บาทครับ แนะนำให้ชวนเพื่อนๆแถวนั้นแหละ ไปขึ้นรถพร้อมกัน

ถึงอุทยานแล้วก็หาอะไรทานได้เลยครับ รอจนที่ทำการเปิด เวลา 07.00 ก็ให้ไปซื้อบัตรเข้าอุทยาน 40 บาท ถ้าไม่ได้เอาเต็นท์มา ก็ติดต่อเช่าเต็นท์ได้เลยครับ 225 บาท/คืน ถ้าเอาเต็นท์มาก็เสียค่าสถานที่ 30 บาท/คืนครับ ให้เราเก็บใบเสร็จไว้เพื่อไปให้เจ้าหน้าที่ข้างบนนะครับ

ถ้ามีสัมภาระฝากลูกหาบ ก็ให้ไปติดต่อตรงศาลาแถวๆทางขึ้นเลยครับ มีเจ้าหน้าที่รออยู่ เสียค่าใบแท็ก 5 บาท เอาขึ้นชั่งนํ้าหนักแล้วทิ้งไว้ได้เลยครับ เค้าจะจัดการให้เราเอง ***ค่าลูกหาบ กิโลกรัมละ 30 บาท

จัดการทุกอย่างเสร็จก็พร้อมลุยละครับ เริ่มกันเลยยยยยยย .....

ตรงทางเข้าเจ้าหน้าที่จะตรวจบัตรที่เราได้ซื้อมาเมื่อเช้านั่นแหละครับ จากนั้นลงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เช็คว่า ขึ้นไปแล้ว ลงมารึยัง และติดต่อในกรณีฉุกเฉินครับ

เจอด่านแรก เป็นป้ายบอกระยะทางไปจนถึงหลังแป ซึ่งเป็นยอดเขา และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว คือ ลานกางเต็นท์ 9 กิโลเอง จิ๊บๆ 555

เริ่ม !!! จุดหมายแรกคือ ซำแฮก

ไม้นี่ช่วยได้เยอะเลยครับ กับทางลื่นๆ

ลูกหาบจะขึ้นด้านขวานะ เดินง่ายกว่า แต่ลื่น 555

เห็นแบบนี้ใกล้ถึงละฮะ แฮกจริงๆ

ถึงแล้วววว พักแปบบบ ผมว่าซำนี้โหดสุดละ อาจจะเพราะร่างกาย กล้ามเนื้อเรายังไม่ได้วอร์มไม่ได้ยืด เลยทำให้มันล้าหน่อย แต่หลังจากนี้สบ๊ายยยยย (หรอ)

มีหมอกเบาๆมาต้อนรับ

มีร้านค้าให้เลือกมากมาย นํ้าดื่ม ผลไม้ ของใช้ต่างๆ

พักพอแล้วก็ไปกันต่อ อย่าพักนานนะครับ เดี๋ยวกล้ามเนื้อมันจะพักตาม 555

สภาพทางครับ

ตรงนี้ดูเหมือนจะสบาย แต่ก็นะ ... ปาดเหงื่อ

มีที่ให้พัก เราก็พัก

ลูกหาบยังชิลๆ


ชอบหน้าฝน ตรงที่ทุกอย่างมันเขียวสดไปหมดนี่ล่ะ

ไปเรื่อยๆ มาถึงซำกกโดน ส่วนตัวชอบซำนี้มาก ลมเย็นๆพักตลอด มีหมอกพัดเข้ามาด้วย สดชื่นมาก

จากซำกกโดน ก็จะไปต่อที่ซำแคร่ และถึงหลังแป ครับ ทางช่วงนี้จะชันมากขึ้น และลื่นมากขึ้นด้วย ค่อยๆไปช้าๆ ยํ่าเท้าให้มั่นคงก่อนนะครับ

เขียวสะใจจริงๆ

ถึงบันไดตรงนี้ พักสูดหายใจให้เต็มที่แล้วค่อยไปนะครับ ... อีกนิดเดียว แล้ว

ถึงแล้ววววว ^^ สดชื่นนน ถ่ายรูปแปบบบบ

เสร็จแล้วก็เดินต่อ ลมเย็นๆ เดินไปเรื่อยๆ 3 กิโลกว่าๆ ทางราบครับ สบายๆ

อึดใจเดียวก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางครับ ถ้าเราจะเช่าเครื่องนอนก็เข้าไปติดต่อข้างในได้เลย

ราคาเครื่องนอนตามนี้เลย


จ่ายเงินเรียบร้อยจะได้ใบเสร็จ ให้เราไปติดต่อที่อาคารข้างๆ เพื่อรับเครื่องนอน กับเลือกเต็นท์ที่พักได้เลยครับ

ไปเลือกเต็นท์กัน

พักขา ล้างหน้า ล้างตา เติมพลังเรียบร้อย เตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ตกกันครับที่ผาหมากดูก ห่างจากลานกางเต็นท์ ประมาณ 2 กิโล เตรียมไฟฉายไปด้วยนะครับ เผื่อมืดระหว่างทางขากลับ แต่วันที่ผมไป ฟ้าปิด เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา แหะๆ

กลับมาถึงก็มืดแล้ว กินมื้อเย็น มีร้านให้เลือกเยอะแยะครับ เลือกตามชอบได้เลย แล้วมาดูดาวกัน

รูปนี้ตั้งกล้องเอง ถ่ายเอง เป็นแบบเอง เล่นเอาเหนื่อย 555

หลังจากนั้นก็ได้เวลานอนพักเอาแรงครับ อากาศกำลังดี นอนสบาย ไม่ร้อน และไม่หนาวจนเกินไป อ้อ เกือบลืม ถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เจ้าหน้าที่จะนัดเรา เวลา ตี 5 นะครับ เจอกันที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อย่านอนเพลินล่ะ

ตื่นเช้า วันที่ 4 ตุลาคม เดินผ่าความมืดตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นครับ

รอด้วยความหวัง พระอาทิตย์จะมามั้ย

พระอาทิตย์ขี้อายไปนิด ไม่โผล่มาเลย แต่ก็รู้สึกดีกับบรรยากาศตอนนั้นครับ

ขากลับไปลานกางเต็นท์ ก็แวะระหว่างทางไปเรื่อยๆครับ ถ่ายรูปไป มีความสุข ^^

เอื้องคำหิน

หม้อข้าวหม้อแกงลิง

กลับมาก็ทานข้าวเช้าครับ วันนี้จะลุยเส้นทางนํ้าตกกัน *** เตรียมข้าวกลางวันไปทานด้วยนะครับ

เดินออกจากลานกางเต็นท์ไม่ไกล ก็จะพบนํ้าตกแรกครับ นํ้าตกวังกวาง

ไปต่อกันครับ เป็นเส้นทางนํ้าตกอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวหลงครับ

นํ้าตกเพ็ญพบใหม่

พอดีไม่ได้แวะเข้านํ้าตกเพ็ญพบครับ แหะๆ ไปต่อกันเลยย ทางเริ่มลำบากขึ้นละครับ เพราะเข้าพื้นที่ป่าแล้ว

นํ้าตกโผนพบ

แล้วก็ไปต่อครับ จะเป็นทางเดินในป่า ขึ้นบ้าง ลงบ้างครับ

มาถึงนํ้าตกถํ้าใหญ่ครับ

มีเมเปิ้ลแอบแดงนิดหน่อย

พอออกจากนํ้าตกถํ้าใหญ่ จุดหมายต่อไปเราจะไปพักทานข้าวเที่ยงที่สระอโนดาตกัน แต่ฝนก็ตกมาระหว่างทาง เลยได้ใช้เสื้อกันฝนที่ซื้อมา 555

มีทากตลอดทาง ไม่ต้องกลัวครับ ดีดทันบ้างไม่ทันบ้าง 555

ถึงสระอโนดาตแล้วว มื้อนี้หมึกทอดกระเทียมครับ

ทานข้าวเสร็จก็พักผ่อนกัน นํ้าใส เย็นมากกกกกก

ถึงตรงนี้มีสองทางเลือกครับ จะเข้าไปนํ้าตกถํ้าสอเหนือ กับ เดินตัดไปที่ผาเหยียบเมฆ เสียงส่วนใหญ่อยากเดินชิล เลยไปผาเหยียบเมฆกันครับ

ชิลจริงๆ ซื้อเรือดีกว่ามั้ย

ถึงผาเหยียบเมฆ มัวแต่วุ่นวายกับทาก และเลือดที่ไหลไม่หยุด เลยลืมถ่ายรูป 555 ป่ะ เดินต่อครับ จุดหมายคือดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก

ระหว่างเดิน หมอกก็พัดเข้ามาเรื่อยๆ ฟินจริงๆ

ถึงผาหล่มสักแวะทานกาแฟกับบราวนี่ร้านดังฮะ

อิ่มแล้วววว พอจะออกไปดูวิวเท่านั้นแหละ หมอกมาจากไหนไม่รู้ เพียบบบบบ

ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกแน่นอนนน 555 ก็ถ่ายรูปเฮฮากันไป ทั้งหมดนี้ไม่รู้จักกันเลยนะครับ

แล้วก็เดินกลับครับ รวดเดียวจากผาหล่มสักไปลานกางเต็นท์ 9 กิโล มืดระหว่างทางแน่นอน ไฟฉายจำเป็นมากนะครับ

ถึงลานกางเต็นท์ ทานข้าว อาบนํ้านอนครับ ^^

ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นก็เก็บของครับ เอาเครื่องนอนไปคืน ถ้ามีของฝากลูกหาบก็ไปซื้อใบแท็ก ชั่งนํ้าหนักเหมือนเดิมครับ

ขาลงนี่ ลื่นกว่าเดิมครับ ระวังกันด้วยน้าาาา แต่เส้นทางสวยมากครับ

ถึงที่ทำการอุทยาน ก็อาบนํ้าให้เรียบร้อยครับ มีห้องอาบนํ้าฟรี ถ้ามีของฝากลูกหาบก็รอจ่ายเงินเหมือนเดิมครับ

จากนั้นก็ไปขึ้นรถสองแถวที่เดิม เพื่อไปร้านเจ๊กิม ซื้อตั๋วกลับบ้านต่อไป ^^

เราควรเตรียมอะไรไปบ้าง

- รองเท้า ถุงเท้า ไฟฉาย ยานวด ยาคลายกล้ามเนื้อ รองเท้าแตะ ทิชชู power bank (มีบริการชาร์ตแบตนะ) หมวก เสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว เงินนนนนนนนนนนน

- อุปกรณ์กันทาก พวก ถุงกันทาก หรือ ฉีดพวกซอฟเฟล ตะไคร้หอม กันทากเกาะ หรือเกาะแล้วก็ฉีดให้มันปล่อย


สุดท้าย ทริปนี้ผมไปคนเดียว แต่ได้เพื่อนกลับมาถึง 10 คน ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่มีให้กัน เป็นทริปที่สนุกมากทริปนึง นี่แหละเสนห์ของภูกระดึง

ขอบคุณครับ




ความคิดเห็น