ฝนตก รถติด น้ำรอการระบาย หรือง่าย ๆ ก็น้ำท่วม ฮ่าฮ่าฮ่า

กิจกรรมสุขสันต์หรรษาชาวกรุงเทพในหน้าฝน

เลยคิดหาทางหนีจากเมืองหลวงชั่วคราว ... ไปเติมพลังงานชาร์จแบตให้ตัวเอง

ว่าแล้วก็รวบรวมทีมงาน ไปขับรถเที่ยวเส้นทางวนรอบ ... เขาค้อ ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า กันดีกว่า : )



ไปเที่ยวเขาค้อ ... จะเดินทางยังไง !!!


ทริปนี้เริ่มจากเพื่อนเราที่พิษณุโลก เสนอไอเดียมานานแล้ว

ว่าอยากไปเที่ยวเขาค้อเพชรบูรณ์ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 12

ซึ่งถือให้เป็นถนนที่สวยที่สุดเส้นหนึ่งในไทยเลยทีเดียว เพราะนอกจากเสน่ห์วิวทิวทัศน์สองข้างทาง

แล้วตามถนนทางหลวงหมายเลข 12 นี้ยังมีสถานที่เที่ยวต่าง ๆ อีกมากมาย

..

..

ดังนั้นตามแผน เราจะเดินทางคนเดียวจากกรุงเทพ เพื่อมาเจอเพื่อน ๆ ที่พิษณุโลกก่อน

จากนั้นทั้งหมดค่อยเดินทางไปยังเขาค้อกันต่อ โดยเพื่อนเรามีบ้านพักอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว

เราเลยอยากเซฟเวลา เลือกนั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ มาลงพิษณุโลก

และพอดูเส้นทางที่จะไปต่อแล้ว ... ถ้าเลือกเดินทางด้วยรถสาธารณะคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร

พวกเราเลยสรุปกันว่า จะหารถเช่าที่สนามบินพิษณุโลกแล้วขับเที่ยวกันเองดีกว่า

ประมาณเจอที่ไหนสวย อยากแวะก็จอดได้เลย การบริหารเวลาต่าง ๆ ก็สะดวกง่ายกว่าเยอะ

..

..

ถึงวันเดินทางจริง ก็ตื่นก่อนไก่โห่มารอที่ดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องไฟท์เช้าไปพิษณุโลก


พอเครื่องถึงสนามบินพิษณุโลก ก็เจอเพื่อน ๆ มายืนยิ้มแฉ่งรออยู่แล้ว หลังทักทายกันเสร็จ

พวกเราก็เดินไปเคาน์เตอร์ Thai Rent A Car ในสนามบิน เพื่อติดต่อรับรถที่จองมากันเลย


ยื่นเอกสารที่แจ้งที่เคาน์เตอร์เรียบร้อย ... พี่พนักงานก็พาไปรับรถ บริเวณนอกตัวอาคารผู้โดยสาร

พร้อมทั้งพี่พนักงานยังอธิบายรายละเอียด และคู่มือการใช้รถต่าง ๆ ให้พวกเราเข้าใจ



พอได้รถมากันแล้ว ก็รีบตั้งค่า GPS ในมือถือ ให้คำนวนเส้นทางพิษณุโลก - เขาค้อ

รวมทั้งเวลาที่พวกเราขับรถเที่ยวกันที่จุดต่าง ๆ ในเขาค้อ

ก็พึ่งโทรศัพท์ในมือให้สื่อสารกับ พี่ Google Map เอาเหมือนกัน

ก็จิ้มบอกทางกันไปเรื่อย ๆ ... โดยรวมแล้วพี่ Google Map ให้ความร่วมมือถือว่าดีมาก

บอกทางได้แม่นเอาเรื่องอยุ่ มีแอบหลงบ้างนิดหน่อย ถือว่ากำไรชีวิตได้เที่ยวเพิ่มแล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า

ตั้งพิกัดกันเสร็จแล้ว ก็ขับยิงยาวกันไปเลย ... ประมาณสองชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงเขาค้อแล้ว

(ส่วนที่เที่ยวในเขาค้อ ... เดี๊ยวจะเล่าให้ฟังนะ ว่าได้ไปแวะเที่ยวที่ไหนมาบ้าง)



โจทย์ต่อมา ไปเขาค้อแล้วเรา ... พักกันที่ไหน !!!


เราไม่ได้ไปเขาค้อนานมาก ... รอบสุดท้ายมากับครอบครัว ก็สิบกว่าปีได้แล้วหล่ะ

มาถึงรอบนี้ แทบลืมเขาค้อ ที่เคยมาตอนเด็ก ๆ ไปเลย

ปัจจุบันความสะดวกสบายต่าง ๆ ทั้งร้านค้า ร้านอาหารมีเยอะ ไม่ต้องกลัวอดตาย

รีสอร์ทที่พักบนเขาค้อ ก็มีให้เลือกมากมายหลากหลาย

..

..

โดยทริปเที่ยวเขาค้อรอบนี้ พอดีเพื่อนเรามีบ้านพักในโครงการ Bliss

ก็เลยเลือกนอนพักที่บ้านเพื่อนกัน ... บรรยากาศดี เงียบสงบเป็นส่วนตัว เหมาะกับการพักผ่อน

ในโครงการเค้ามี Club house ส่วนกลาง ให้มานั่งเล่นพักผ่อนรับอากาศเย็น ๆ

แถมจากที่พักพวกเราในโครงการ ยังมองเห็นกังหันลม ซึ่งก็อยู่ในแพลนจะไปเที่ยวกันอีกด้วย




วางแผนเที่ยว ... เขาค้อมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง !!! ???


ต่อมาเรื่องสำคัญ ... เพราะก่อนเริ่มเดินทาง ก็ต้องทำการบ้านหาที่เที่ยวกันก่อน

จากตอนแรกที่คิดว่า "เขาค้อ" ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร

เดิมก็แพลนคิดว่า ทริปนี้เดินทางรวม 4 วัน 3 คืน เวลาคงเหลือ ๆ

เพราะคงมีที่ไปไม่กี่แห่ง ที่เหลือก็นอนเล่น นั่งเล่นกันชิล ๆ ที่บ้านพักแล้วกัน

..

..

แต่เอาเข้าจริง ยิ่งหาข้อมูล ที่เที่ยวบน "เขาค้อ" ก็ยิ่งงอกขึ้นเรื่อย ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

แล้วความโลภก็เริ่มครอบงำ ... อยากเที่ยวเยอะ ๆ เพราะแต่ละแห่งน่าไปทั้งนั้น

สรุปทริปนี้เลยได้ ขับรถเที่ยวกันสนุกสนานมาก

นั่งรถเที่ยวกันแต่เช้ายันเย็นทุกวัน ... โดยพวกเราจะกลับมาพักบ้านเพื่อนที่เขาค้อทุกคืน

เรียกว่าขับรถวนเที่ยว โดยมีบ้านพักฐานบัญชาการหลักอยู่ที่เขาค้อ ... โดยทริปทั้งสี่วันมีแผนตามนี้

..

..

วันแรก : กรุงเทพ - สนามบินพิษณุโลก - เขาค้อ - วัดผาซ่อนแก้ว - กังหังลม - Pino Latte

วันสอง : ไปรษณีย์เขาค้อ - อนุสรณ์วีรชน - วัดกองเนียม - พระตำหนักฯ - เขาตะเคียนโง๊ะ - น้ำตกศรีดิษฐ์

วันสาม : เขาค้อ - ภูทับเบิก - ภูแผงม้า - โรงเรียนการเมืองฯ - ลานหินปุ่ม - ลานชูธง - เขาค้อ

วันที่สี่ : เขาค้อ - ไหว้พระพุทธชินราชฯ - สนามบินพิษณุโลก - กรุงเทพฯ

..

..

จากแผนเดินทาง เราจะแบ่งเส้นทางขับรถเป็นวงกลมหลัก ๆ สองเส้น

เส้นแรก : ขับรถเที่ยวรอบเขาค้อ (ตามโปรแกรมวันที่สอง)

ไปรษณีย์เขาค้อ - อนุสรณ์วีรชน - วัดกองเนียม - พระตำหนักฯ - เขาตะเคียนโง๊ะ - น้ำตกศรีดิษฐ์

ส่วนเส้นที่สอง : เส้นนี้ต้องขับวนรอบใหญ่ เพราะเที่ยวไกลนิด แต่ก็สวยคุ้ม

เขาค้อ - ภูทับเบิก - ภูแผงม้า - รร.การเมืองฯ - ลานหินปุ่ม - ลานชูธง - เขาค้อ (ตามโปรแกรมวันที่สาม)


หมายเหตุ : เราทำสรุปภาพแผนที่เส้นทางแค่โปรแกรมของวันที่สอง และวันที่สาม

เพราะวันแรก (วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว - กังหันลม - Pino Latte) กับ วันสุดท้าย (เขาค้อ - พิษณุโลก)

เส้นทางก็ไม่ได้งงอะไร ถ้าใครจะไป ก็จิ้ม Google Map หาพิกัดข้อมูลได้เลย


รวมที่เที่ยวบนเขาค้อ ... ที่พวกเราได้ไปมา


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

ที่แรกเลยมาถึงเขาค้อแล้ว ยังไงก็ต้องแวะที่ " วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว "

เป็นวัดที่มีอาณาบริเวณที่เป็นเอกลักษณ์ ประดับลวดลายสีสันงดงาม จากกระเบื้องหลากสี

และพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ที่ตั้งเด่นสีขาวเป็นสง่าเห็นได้ระยะไกล

ถ้ามาหน้าฝนอาจได้เห็นหมอกหนานุ่มแถม ไปกับวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแห่งนี้อีกด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : Pino Latte

ร้านกาแฟนี้ตั้งอยุ่บนเชิงเขา บริเวณรอบร้านจะมีสวนไม้ดอกไม้ประดับได้อย่างลงตัว

อีกจุดเด่นสำคัญของ "Pino Latte" คือ ร้านที่เปิดโล่ง มองวิวเห็นได้ไกล

ซึ่งจากร้าน Pino Latte เราจะเห็นวิวด้านหลังของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วได้อย่างชัดเจน

บรรยากาศที่ร้านวิวโปร่ง นั่งสบาย เพราะมีลมเย็นที่พัดมาตลอด

เหมาะที่ปล่อยเวลาหยุดเดิน นั่งมองวิวจนอาทิตย์ลับขอบฟ้า








สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : ทุ่งกังหันลม บ้านเพชรดำ

ทุ่งกังหันลม ที่บ้านเพชรดำ นอกจากจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด

ยังเป็นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเขาค้อ โดยพึ่งเปิดเมื่อเดือน ส.ค. 2559 ที่ผ่านมา

การเดินทางจากเขาค้อก็ไม่ยาก มีถนนลาดยางดีเกือบตลอดเส้น

นอกจากมาเยี่ยมชมกังหันแบบใกล้ชิด ที่บ้านเพชรดำแล้ว

ด้วยความใหญ่ยักษ์ของ กังหันลมทั้ง 24 ต้นนี้ มีความสูงกว่า 110 เมตร

เรายังมองเห็นเจ้ากังหันลมเหล่านี้ จากบริเวณสถานที่ต่าง ๆ ของเขาค้ออีกด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : อนุสรณ์วีรชนเขาค้อ

"อนุสรณ์วีรชนเขาค้อ " เป็นอนุเสาวรีย์หินอ่อน ที่ทำขึ้นเพื่อสุดดีเหล่าวีรชน

ทั้งจากทหาร ตำรวจ และพลเรือน ที่เข้าต่อสู้ปกป้องพื้นรอยต่อ

ของบริเวณพืนที่ในจังหวัด พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย

ให้รอดพ้นจากการคุกคาม ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ในสมัยก่อน

ตัวอนุเสาวรีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทั้งยังมีที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อยู่ในบริเวณเดียวกัน

นั่นคือ ฐานอิทธิ ฐานกรุงเทพ ซึ่งในอดีตเป็นที่มั่นสำคัญในการต่อสู้กับ ผกค.

โดยปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าว ได้จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้เข้าชมกัน

จากจุดนี้มองไกล ๆ จะเห็นกังหันลมด้วยนะ อยู่ตรงมุมซ้ายมือบนยอดเขาตรงนู้นนนน


ที่เขาค้อเดี๊ยวฝนตกเดี๊ยวแดดออก เป็นเรื่องปกติ ยิ่งมาหน้าฝนยิ่งมีลุ้นให้เจอหมอก

อย่างตอนขับรถไปที่อนุสรณ์วีรชนเขาค้อ เจอหมอกเต็มเลย ก็ต้องขับช้า ๆ ระมัดระวังกันหน่อย



สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : ไปรษณีย์เขาค้อ

ที่นี่เป็นอีกจุดสำคัญของเขาค้อ ที่ทำการไปรณีษย์ธรรมดา แต่ที่วิวต้องบอกไม่ธรรมดา

คือด้านหลังที่ทำการ " ไปรษณีย์เขาค้อ" แห่งนี้ จะมีภูมิประเทศเป็นแอ่งกะทะ

ถ้าเดินทางมาได้ถูกวัน จะสามารถชมวิวทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม

แต่วันที่ไปไม่เจอหมอกเท่าไร ไว้โอกาสหน้าจะมาแก้ตัวใหม่แล้วกัน


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : จุดชมวิว ณ วัดกองเนียม

"จุดชมวิวที่วัดกองเนียม " อยุ่ไม่ไกลจากไปรษณีย์เขาค้อ

คือขับรถตรงจากไปรษณีย์ มุ่งไปทางพระตำหนักเขาค้อ

เราก็จะเจอวัดกองเนียมตั้ง อยู่ติดถนนเส้นหลักทางซ้ายมือ

ถ้ามาถูกวัน จะเจอทะเลหมอกสุดอลังการที่ชุดชมวิว ณ วัดกองเนียมได้

แล้วก็อีกเช่นเคยวันที่ไปหาหมอกไม่เจอ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ได้เจอรุ้งกินน้ำแทน

ไม่ได้ชั้นเดียวด้วยนะ เจอทีเจอรุ้งสองชั้นซ้อนกันเลย

แต่ชั้นที่สองจะสีจาง ๆ หน่อย ก็สวยแปลกตาไปอีกแบบดี


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : พระตำหนักเขาค้อ

"พระตำหนักเขาค้อ " ตั้งอยู่บริเวณเขาสูง จึงมีอากาศเย็นให้ได้สัมพัสเกือบตลอดทั้งปี

ถนนทางขึ้นดี แต่ก็ชันเอาเรื่องเหมือนกัน ยังไงก็ทดเกียร์ต่ำ ค่อย ๆ ขับขึ้นไป

รอบบริเวณตำหนักที่ประทับ จะประดับตกแต่งด้วยสวนดอกไม้สีสันสวยงาม

และยังมีแนวป่าสน และอ่างเก็บน้ำให้ความร่มรื่นอยู่โดยรอบ

ส่วนวันที่เราไปตัวพระตำหนักปิดเลย ได้แต่เดินเที่ยวชมบริเวณโดยรอบแทน

จากบริเวณพระตำหนักเขาค้อ เราก็สามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมจากระยะไกลด้วย

เจออากาศเย็น ๆ เข้าไป น้องแมวของีบบนรถของนักท่องเที่ยวซะเลย

เรียกว่านอนหลับสบาย ... แทบจะปลุกไม่ตื่นเลยทีเดียว ฮ่าฮ่าฮ่า


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ

"จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ " เป็นอีกจุดของเขาค้อที่สามารถชมทะเลหมอกได้

โดยเขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ริมเส้นทางหมายเลข 2258 รถยนต์สามารถขึ้นถึงได้

ถ้าเดินทางมาในวันที่อากาศเป็นใจ จะได้เห็นหมอกสุดอลังการ 360 องศา

แต่ก็อีกเช่นกัน ตอนที่พวกเราไปถึงก็เวลาสายโด่งแล้ว หมอกไม่มี

เลยถือโอกาสชมวิวมุมสูง สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เต็มที่แทน

เอาไว้จัดทริปมาชมทะเลหมอกที่นี่ใหม่แล้วกัน


สถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ : น้ำตกศรีดิษฐ์

"น้ำตกศรีดิษฐ์ " เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีน้ำตลอดปี

โดยสายน้ำจะไหลมาจากลำธาร แล้วตกผ่านหน้าผาหินกว้างใหญ่

น้ำที่ตกลงกระทบเบื้องล่าง ทำให้เหมือนกำแพงม่านน้ำขนาดยักษ์

ยิ่งตอนที่ไปฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน น้ำที่ไหลมาเป็นสีแดงขุ่น

เสียงน้ำตกกระทบลงแอ่งน้ำด้านล่างดังสนั่น เข้าไปถ่ายรูปใกล้แทบไม่ได้

ละอองน้ำตีกระจายฟุ้งไปทั่ว จนจับหน้าเลนส์กล้องเต็มไปหมด

บริเวณน้ำตก มีศาลาประทับทรงงานส่วนพระองค์

ให้ประชาชนที่มาเที่ยวน้ำตก เดินชมบริเวณรอบนอกตัวเรือนอาคารได้

นอกจากนั้นแล้วก็มีบ้านพักของอดีตพรรคคอมมิวนิตส์

ที่ยังเก็บรักษาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมกันอีกด้วย


สถานที่ท่องเที่ยว : ภูทับเบิก

โปรแกรมต่อมาอีกเส้นทางที่พวกเราได้ไปมา คือ เขาค้อ - ภูทับเบิก - ภูหินร่องกล้า

เส้นทางนี้เราสามารถขับรถเที่ยว เป็น One Day Trip จากเขาค้อได้สบาย ๆ

โดยเราเริ่มต้นออกจากบ้านพักที่เขาค้อตอนเช้า เพื่อรีบพาตัวเองไปดูหมอกที่ " ภูทับเบิก "

ขับตามถนนหมายเลข 12 เป็นทางวิ่งลงเขา ถนนกว้างวิ่งได้สบาย ๆ แถมวิวตอนเช้าสวยมาก

สักพักก็จะถึงเส้นถนนทางขึ้นภูทับเบิกจากหล่มสัก ก็โหดจริงอย่างที่ร่ำลือกัน

เพราะทางขึ้นเป็นถนนเลี้ยวหักศอกโค้งไปมา แถมเป็นหลุมเป็นบ่อบางช่วง

คือถ้าใครขับรถทางขึ้นเขาไม่เก่ง ... แนะให้ติดต่อรถรับเหมา พาเที่ยวจะดีกว่า

แต่ถ้าใครมั่นใจในฝืมือการขับรถของตัวเอง ว่าขับขึ้นลงได้แน่ ๆ ก็ลุยเลย

เพราะพวกเราใช้เจ้านิสสัน อเมร่า เครื่องยนต์ 1200 ก็ขับลุยขึ้นถึงภูทับเบิกมาแล้ว

ช่วงที่เราไปพายุเข้าฝนตกพอดี สภาพอากาศที่ "ภูทับเบิก " เลยเฆมครึ้มตลอดวัน

ตอนสายสิบโมงเช้า แสงแดดยังไม่มาเลย หมอกตีฟุ้งลอยขึ้นมาเป็นละอองขาว

ไม่ได้จับตัวเป็นม่านหมอกแน่น ๆ หนา ๆ เหมือนคลื่นทะเลหมอกที่ตั้งใจอยากเจอ

ก็ถือว่าเป็นอีกสถานที่ ซึ่งอยากพาตัวเองมาใหม่อีกสักครั้ง

แต่โดยรวมภูทับเบิกที่ได้ไปมา ก็สวยประทับใจในอีกบรรยากาศนึง

ทั้งจุดชมวิวตรงหน้าผา หรือไร่กระหล่ำปลี ที่ปลูกเป็นทิวยาวบนภูทับเบิก





สถานที่ท่องเที่ยว : ภูแผงม้า

หลังจากชมบรรยากาศที่ทับเบิกจนเกือบเที่ยง ก็จะเดินทางไปยังภูหินร่องกล้าต่อ

ทางเข้าอุทยานอยู่ทางเข้าภูทับเบิกเลย ก่อนเข้าไปก็สอบถามพี่เจ้าหน้าที่

ว่าเราเที่ยวภูหินร่องกล้าเสร็จแล้ว ควรลงทางเส้นไหนดี

เส้นนครไทย พิษณุโลก หรือขับย้อนกลับมาลงที่ทางภูทับเบิกเหมือนตอนมา

เพราะเท่าที่หาข้อูมลมา เค้าบอกว่าเส้นนครไทยถนนไม่ค่อยดี

แต่พี่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ตอนนี้ถนนปรับปรุงลาดยางดีตลอดเส้นแล้ว (ข้อมูลเมื่อ ต.ค. 59)

แนะนำให้พวกเราเที่ยวเสร็จแล้ว ลงทางนครไทยได้เลย ไม่ต้องย้อนกลับมาทางนี้

..

..

ก็ทำการจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน แล้วไปเที่ยวต่อกันเลย จุดแรกคือ " ภูแผงม้า "

รถขับขึ้นไม่ได้ ต้องไปจอดที่หน้าทางขึ้น พี่เจ้าหน้าที่บอกให้จอดแอบข้างทาง

แล้วเดินขึ้นไปสัก 15-20 นาที ทางไม่ชันมาก ก็เดินไปเรื่อย ๆ สักพักก็ถึงจุดชมวิว

ถึงข้างบนเที่ยงกว่าแล้ว แต่หมอกยังหนามาก

ตีฟุ้งขึ้นมาจากด้านล่าง เป็นไอละอองขาวโพลนเต็มไปหมด

ยืนรอข้างบนพักใหญ่ มีเพียงไม่กี่นาทีที่อากาศเปิดเป็นใจให้ถ่ายรูปกัน

อยู่ข้างบนชิมวิวกันเสร็จ ก็เดินทางมาข้างล่าง เพื่อเอารถขับไปจุดต่อไป


สถานที่ท่องเที่ยว : โรงเรียนการเมือง และการทหาร

จากภูแผงม้าพวกเราก็ขับรถต่อ ถนนเป็นเลนสวนกันสองเลน

แต่สภาพดีเหมือนพี่เจ้าหน้าที่แนะนำมา มุ่งไปทางเส้นนครไทยประมาณครึ่งชั่วโมง

เราก็ได้พบกับอีกหนึ่งร่องรอยประวัติศาสตร์ ของการต่อสู้ด้านอุดมการณ์

ของกลุ่มพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเประเทศไทย ที่เรียกว่า "โรงเรียนการเมือง และการทหาร "

..

..

ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านพักหลังเล็ก ๆ ปลูกติดกัน เพื่อที่ใช้ฐานบัญชาการต่อสู้ในสมัยอดีต

แม้เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน แต่บริเวณนี้ยังครึ้มไปด้วยป่าต้นไม้ใหญ่

จนหลังคาของบ้านพัก มีมอสสีเขียวปกคลุมไปทั่ว แถมมีใบเมเปิ้ลแดงมาช่วยเพิ่มสีสันอยู่บ้าง

ตอนที่ไปถึง มีแค่กลุ่มพวกเรา กับนักท่องเที่ยวฝรั่งอีกสองคน

พอคนน้อย แม้บรรยากาศจะสวย ... แต่ขอเรียกว่า สวยสไลต์มาคุ !!!

เพราะสถานที่โดยรวมสวยแบบมีมนต์ขลัง แต่ก็มีแถมความรู้สึกวังเวงไม่ใช่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า

..

..

คิดว่าถ้ามาเที่ยวที่นี่ช่วงพีค คงเป็นหน้าหนาวที่มีใบเมเปิ้ลแดงร่วงหล่นเต็มทั่วพื้นที่

พอตัดกับสีเขียวของมอส และเฟิร์น คงน่าจะเพิ่มความสวยของสถานที่ได้อีกเยอะเลย


สถานที่ท่องเที่ยว : ลานหินปุ่ม และผาชูธง

จุดแวะเที่ยวต่อมาขับรถมาอีกไม่ไกล เราก็เจอป้ายทางเข้าลานหินปุ่ม

เราต้องจอดรถที่ลานให้บริการนักท่องเทียว แล้วต้องเดินเท้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร

เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะเวลาเดินวนรอบสักชั่วโมงครึ่ง เดินง่ายไม่หลง

โดยเราจะผ่านลานกว้าง ที่เจอทั้งกลุ่มก้อนหินรูปทรงต่าง ๆ และดอกไม้ธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ระหว่างทาง

เดินตามทางมาพักใหญ่ เราก็ถึง " ลานหินปุ่ม " ที่มีลักษณะนูนขึ้นเองตามธรรมชาติ

ที่ลานหินปุ่มตั้งอยู่บริเวณหน้าผาของภูหินร่องกล้า จึงมีลมพัดเย็นสบายตลอดปี

ทางกลุ่มคอมมิวนิสต์จึงใช้ บริเวณนี้เป็นฐานสำหรับรักษาพยาบาล

ให้กับกลุ่มผู้บาดเจ็บจากการต่อสู้ ให้มาฟักฟื้นที่บริเวณลานหินปุ่มนี้

จากลานหินปุ่มเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึง "ผาชูธง"

ซึ่งเป็นมีลักษณะเป็นหน้าผา ที่มองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ในระยะไกล

ในอดีตพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อได้รับชัยชนะในการรบ จะมาชูธงค้อนเคียวที่ผานี้

โดยรอบอุทยานภูหินร่องกล้า ยังมีที่น่าสนใจอีกหลายจุด

เช่น ลานหินแตก หลุมหลบภัยทางอากาศ น้ำตกต่าง ๆ ฯลฯ

แต่หลังเดินเสร็จจากลานหินปุ่ม ถึงลานจอดรถ ฝนดันตกโปรยลงมา

พวกเราเลยไม่ได้ไปชมสถานที่อื่น ๆ ต่อ อีกทั้งไม่อยากจะขับรถลงเขาตอนเย็นนัก

ก็เลยตัดสินใจมุ่งหน้า ขับรถกลับเขาค้อกันเลย ซึ่งถนนด้านนครไทยก็ดีตลอดตามพี่เจ้าหน้าที่บอก

แม้ทางขับลงจะเป็นทางวนไปมา มีโค้งปาดซ้ายสุดขวาสุดต่อเนื่องเป็นคอมโบรัว ๆ บ้าง

แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าขับลงเขาทางนครไทย ไม่ชันหรือโหดเท่าทางภูเบิก

แถมถนนก็สภาพดีกว่าเยอะ ขาขับกลับประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงเขาค้อแล้ว


สถานที่ท่องเที่ยว : วิวตามเส้นทางบนเขาค้อ

แถมอีกนิด ถ้าใครมีเวลาเหลือ ก็ลองขับรถเล่นหามุมสวยถ่ายรูปที่เขาค้อดูก็ได้

เพราะมีร้านกาแฟน่ารัก ๆ เพียบเลย ใครเป็นคอกาแฟคงถูกใจไม่น้อย

แล้วเราว่าเขาค้อมันสวยด้วยตัวของมันเอง เป็นเส้นถนนที่มีวิวตื่นตาตื่นใจตลอดเส้น

ยิ่งได้บรรยากาศของไอหมอก ที่ก่อตัวช่วงหลังฝนตก รอให้มีแสงแดดส่องผ่านกลุ่มหมอก

ถ้าพอเจอภาพอย่างนี้ ต้องกดซัตเตอร์กล้องกันรัว ๆ เจอวิวแบบนี้เท่าไรก็ไม่มีเบื่อ

ต้องหยุดจอดรถกันอยู่เรื่อย เพราะเจอภูเขา เจอหมอก แล้วมันอดใจไม่ไหวจริง ๆ

คิดว่าตัดสินใจถูกแล้ว ที่หาเช่ารถมาขับ เพราะไปไหนสะดวกซอกแซกได้ทั่วเขาค้อจริง ๆ

ก็เลยมีรูปแถมจากวิวทั้งร้านกาแฟ รวมทั้งวิวข้างทางสวย ๆ ตามเส้นที่ขับรถผ่านมาฝากด้วย





เช้าวันเดินทางกลับ เราก็ขับรถกลับเส้นทางเดิมจากย้อนจากเขาค้อไปพิษณุโลก

ก็ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ขับไปเรื่อย ๆ มีแวะจุดชมวิว ขายของที่ระลึกที่ข้างทางเล็กน้อย

พอถึงตัวเมืองพิษณุโลก ก็เห็นว่าเวลายังเหลืออีกเยอะ ก่อนที่เครื่องจะออกเพื่อกลับกรุงเทพ

ก็เลยชวนกันไปไหว้ "พระพุทธชินราช " ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

เสร็จแล้วก็แวะไปส่งเพื่อนที่ตัวเมือง จึงค่อยขับรถเช่าไปคืนที่สนามบิน

และก็รอขึ้นเครื่องตอนบ่ายสามเพื่อกลับกรุงเทพ

ก็เป็นอันจบทริปมะขามหวาน ฉบับเขาค้อ ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ไปอีกทริป

แล้วไว้เจอกันใหม่ทริปนี้ ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ... ว่ากันนะคร้าบบบ : )


ฝากเพจไว้สักหน่อย ถ้าชอบเดินทาง ชอบถ่ายภาพ

แวะไปพูดคุยกันได้ที่ FB: https://www.facebook.com/JoinMe2TheWorld


ความคิดเห็น