…ร้อนนักก็พักร้อน...อากาศในเมืองกรุงนับวันยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หน้าหนาวก็มาช้า ช้าจนคิดว่าจะไม่มา .. และเวลาก็ผ่านพ้นจนถึงหน้าร้อนแบบจริง ๆ จัง ๆ ในเดือนมีนาคม ... บวกกับจังหวะชีวิตให้ได้มีโอกาสเดินทางล่องใต้ลงไปยังเกาะภูเก็ตเพื่อทำงานถ่ายภาพ .. และได้รับโอกาสให้เข้าพักตามสถานที่พักต่าง ๆ อยู่หลายแห่งในภูเก็ต ไล่ตามแผนที่ตั้งแต่หาดสุรินทร์ หาดป่าตอง ตัวเมืองภูเก็ตไล่ไปจนถึงปลายแหลมพันวา
...วันนี้เลยขออนุญาตนำภาพของที่พักต่าง ๆ ที่ได้เข้าพักมาให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันว่าที่พักที่ไหนอยู่ตรงไหนของภูเก็ต แต่เนื่องจากไปมาหลายที่จะรวมภาพทั้งหมดให้อยู่ในกระทู้เดียวคงเป็นไปไม่ได้จึงขอแยก และทยอยลงเป็นที่พักแยกไปน่าจะดูเห็นภาพ และเข้าใจง่ายกว่า .. (จะเรียกว่าเป็นมหากาพย์เลยก็ได้ เพราะหลายที่จริง ๆ )
...เริ่มต้นกันที่ “THE MANGROVE PANWA PHUKET RESORT"… เรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “แมงโกรฟ พันวา" ก็น่าจะติดหูได้ไม่ยาก... เป็นรีสอร์ทที่อยู่ติดกันกับพื้นที่ป่าโกงกาง บรรยากาศห้อมล้อมด้วยสีเขียวชอุ่มของต้นไม้ภายในที่พัก มีหน้าหาดเป็นป่าโกงกางให้ความรู้สึกแตกต่างจากที่อื่นได้ไม่น้อย .. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเริ่มต้นพาเดินเข้าสู่ “แมงโกรฟ พันวา" กันเลยครับ
…เริ่มต้นจากตัวเมืองภูเก็ต มุ่งหน้าไปทางเคปพันวา ถนนอ่าวยน-เขาขาด ..เดอะแมงโกรฟจะอยู่ใกล้กับบ้านพันวารีสอร์ทแอนด์สปา ก่อนถึงโนโวเทลภูเก็ตรีสอร์ท ... เริ่มต้นด้วย welcome drink ยามบ่าย .. ดับร้อนอีกระลอกด้วยผ้าเย็นหอม ๆ ก่อนจะรบกวนพนักงานให้แบกกระเป๋าเข้ายังห้องพักส่วนตัวผมก็ขอเดินเล่นชื่นชมบรรยากาศก่อนเลยไม่รอช้า
...ตัวที่พักของเดอะ แมงโกรฟจะแบ่งง่าย ๆ เป็น 2 บริเวณคือด้านบนที่อยู่ติดกับล๊อบบี้ จะเป็นลักษณะตัวอาคารหันหน้าออกสู่หาด .. กับอีกโซนบริเวณด้านล่างบรรยากาศท่ามกลางสวนต้นไม้เลยก็ว่าได้ ทั้งต้นมะม่วงหิมพานต์ต้นใหญ่ ๆ ก็อยู่ในบริเวณที่พักด้วยเช่นกัน...
...สอบถามจากที่พักก็ได้ทราบว่าเดิมทีที่นี้เคยเป็นสวนเก่า ดังนั้นต้นไม้จะเยอะมาก และต้นไม้ทุกต้นที่เคยอยู่บนพื้นที่ก็ไม่ได้ตัดออกไป.. ดังนั้นการสร้างบ้านแต่ละหลังก็จะสร้างเลี่ยงหลบกับตำแหน่งต้นไม้ให้ได้มากที่สุด ... โดยรวมแล้วเท่าที่ดูก็เรียกได้ว่าสร้างได้ลงตัวพอเหมาะกับขนาดพื้นที่ดีทีเดียว
...บริเวณทางเดินจะโปร่งโล่งเดินสบาย นี่คือตัวบ้านพักบริเวณที่อยู่ด้านล่างหันหน้าออกสู่ชายหาดป่าโกงกาง.. ด้านขวาที่เห็นในภาพคือบริเวณห้องอาหาร และบาร์เล็ก ๆ การตกแต่งบรรยากาศตรงนั้นผมชอบมาก แต่ตอนนี้ขอนำภาพของห้องพักที่ได้มีโอกาสเก็บภาพมาให้เพื่อน ๆ ดูกันก่อน โดยจะเป็นภาพห้องพักที่อยู่ด้านล่างทั้งหมด
...ห้องแบบแรกที่ทางแมงโกรฟให้ผมได้ลองชม และเก็บภาพคือห้อง Deluxe Pavilions ขนาด 48 ตารางเมตร...
...เป็นลักษณะบ้านหลังไม่ใหญ่ และไม่เล็กมากนักการเข้าพัก 2 คน ก็พอเหมาะพอดี.. หรือหากจะเสริมอีกสักที่ก็ยังได้อยู่ .. ภายนอกด้านขวาภายใต้ระแนงไม้จะเป็นอ่างแช่ขนาดเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ให้ผู้มาพักได้เปลี่ยนฟิวส์ในการพักผ่อน
...ห้องนี้เป็นแบบ 2 เตียง...
...ภายในห้องจะเห็นว่าไม่มีลวดลายผนังวอลเปเปอร์ให้รกสายตา แต่ทางแมงโกรฟเลือกใช้โทนสีครีมนวล ๆ ให้เข้ากันกับวัสดุไม้ที่เลือกใช้ ให้สีตัดกันระหว่างความเป็นไม้และผนัง.. ตัวเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ก็แน่นอนว่าอยู่ในคอนเซปท์ใช้วัสดุที่มาจากไม้เป็นหลัก ... สำหรับใครที่ชอบความเรียบง่ายน่าจะชอบห้องพักของที่นี่ได้ง่าย ๆ
...มองอีกด้านหันหลังเข้ากับผนังกำแพง.. ด้านขวาจะเป็นประตูเลื่อนเปิดออกด้านนอกสู่ระเบียง มีเก้าอี้ขนาดย่อม ๆ ไว้นั่งเล่น ก่อนที่มองออกไปจะเป็นสวนเขียว ๆ ต้นไม้ และชายหาดด้านหน้า...
...ภาพนี้จะเห็นโดยรวมชัดเจนว่าบรรยากาศภายในห้องพักนั้นเรียบง่าย โดยอาศัยความเป็นไม้ทั้งตัวโต๊ะ เก้าอี้ ผนังกั้นในการแบ่งโซนเล็ก ๆ ทั้งที่นั่งกินข้าว หน้าโต๊ะกระจก รวมไปถึงประตูเลื่อนของห้องน้ำ .. แม้แต่ตัวโคมไฟก็ยังเลือกรูปแบบได้ลงตัวดีจริง ๆ ..
...ทีวีภายในห้องจะมีบริการแผ่น DVD ให้สำหรับลูกค้าที่หากเบื่อรายการโทรทัศน์ หรือช่องเคเบิ้ล... เพิ่มเติมให้อีกนิดว่าสัญญาณอินเตอร์เนท wi-fi ที่นี่แรงใช้ได้เลยทีเดียว
...ยามบ่ายที่แสงจากหน้าหาดส่องเข้ามายังตัวบ้านพัก อาจแรงไปนิด.. แต่ก็สร้างความสวยงามให้ภายในห้องด้วยแสงเงาที่สลับไปมาซึ่งก็จะมีให้เห็นในภาพอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
...จะเห็นว่าเมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะเป็นลำดับของบ้านแต่ละประเภท โดยสร้างทิ้งพื้นที่ระยะห่างของแต่ละหลังไว้ค่อนข้างห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่อาจมีบ้างที่ติดกันเล็กน้อยเพราะอย่างที่บอกว่าการวางตำแหน่งของบ้านพักบริเวณด้านล่างนี้ จะสร้างเพื่อเลี่ยงหลบต้นไม้ที่มีขึ้นอยู่ก่อนแล้ว
...ภาพนี้นำภาพด้านนอกมารวมกันให้เห็นในมุมต่าง ๆ
...โดยเริ่มที่ภาพของอ่างอาบน้ำขนาดย่อม ๆ จะเห็นว่าพอแสงตกกระทบกับระแนงไม้ที่เป็นเหมือนฉากกั้นบาง ๆ นั้นแลดูแล้วสร้างมิติ และความสวยงามให้กับพื้นที่เล็ก ๆ ได้ไม่น้อย... อาจมีบ้างที่ผู้มาพักอาจจะเขินหากต้องมาแช่น้ำด้านนอก แต่กับวันพักผ่อนสบาย ๆ ก็ถือว่าน่าจะเปลี่ยนบรรยากาศได้บ้างในวันพิเศษ ๆ สักวันหนึ่ง..
...เสร็จสิ้นจากห้องแรกก็มาดูห้องถัดไปในแบบ Premier Suite Villas
…ลักษณะจะค่อนข้างคล้ายกับห้อง Deluxe Pavilions ที่ผ่านมา ขนาดห้องก็เท่ากันที่ 48 ตารางเมตร... ที่แตกต่างกันเป็นการจัดวางตำแหน่งของเตียง และรูปแบบภายในห้อง.. โดยที่การวางดีไซน์แบ่งโซนยังคงเป็นในแบบเดียวกัน ใช้ผนังกั้นไม้และวัสดุเฟอร์นิเจอร์เหมือนกับห้องเมื่อสักครู่นี้
...มองจากมุมหัวเตียงออกไปด้านนอก มุมนี้จะเห็นภายในห้องกว้างขึ้น...
...ด้านหน้าระเบียงยังมีพื้นที่ให้สำหรับนั่งเล่น ยามบ่ายแก่ ๆ แสงอาจแรงไปสักหน่อยเพราะดวงอาทิตย์หน้าหาดส่องเข้าตัวห้องพักเต็ม ๆ แต่หากตกเย็นสักหน่อยถึงช่วงที่ดวงอาทิตย์ลดระดับจนต้นไม้บังแสงแดดก็เป็นเวลาที่น่านั่งเล่นเหมือนกัน หนังสือสักเล่ม เปิดเพลงโปรดเบา ๆ เพลินได้ง่าย ๆ หรือจะอีกช่วงเวลาที่น่าจะเหมาะสมก็คงเป็นช่วงเช้าที่แสงจะส่องจากด้านหลังลงหน้าหาด.. ก็แล้วแต่สะดวกเวลาของผู้มาพักกันไป
...ห้องน้ำภายในมีทั้งที่เป็น Rain Shower และฝักบัว เหมือนกับห้องที่ผ่านมา
...มีผลิตภัณฑ์อาบน้ำให้สำหรับแขกผู้มาพักครบพร้อม สบู่ ยาสระผม ครีมนวดผม ไปจนถึงก้านสำลีครบพร้อม .. ส่วนตัวรู้สึกชอบรูปทรงของขวดเล็ก ๆ นี่ไม่น้อย ทรงสวยดีเห็นแล้วเหมือนปากกาเมจิกระบายสีอย่างไงอย่างงั้นเลย ^^
…ภาพซ้าย...ตรงโซนที่เป็นอ่างล้างจาน นอกจากมินิบาร์ก็มีไมโครเวฟให้ด้วย ซึ่งบางที่พักอาจไม่มีแต่ที่นี่มีให้ ... จะเห็นได้ว่าในพื้นที่เล็ก ๆ แค่ไม่กี่ตารางเมตร แต่ก็สามารถจัดวางให้ได้ถึง 2 ประโยชน์ใช้สอยคือ บริเวณล้างจานกับที่นั่งกินข้าว... อันนี้ผมชอบครับกะทัดรัดดีเพราะด้วยพื้นที่เล็ก ๆ แต่ก็สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า..
...ภาพขวา...สำหรับผมกลายเป็นโต๊ะนั่งทำงานชั่วคราวไปโดยปริยาย กับมุมโต๊ะเครื่องแป้ง... หากวางของไม่เยอะก็นั่งทำงานได้สบายครับ Tablet สักเครื่อง วางกล้องอีกสักตัวก็ยังสบาย ๆ
...มาดูภายนอกปิดท้ายกับ Premier Suite Villas กันอีกสักภาพก่อนจะไปยังห้องต่อไป
...จะมีระแนงไม้ตากผ้าให้สำหรับแขกผู้มาพัก มั่นใจได้เลยว่าตากผ้าไว้ตอนสาย ๆ ตกบ่ายเก็บผ้าได้แน่นอน เพราะแดดส่องทั่วถึงจริง ๆ ...
...มาถึงห้องสุดท้ายซึ่งเป็นห้องที่ผมได้เข้าพักคือห้อง Suite Beach Front Villas ..
...จากชื่อห้องก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่าห้องนี้เป็นแบบบีชฟร้อนท์ จึงเป็นห้องที่อยู่ด้านหน้า และใกล้ชายหาดที่สุด... ตัวห้องทุกอย่างเหมือนกับสองห้องที่ผ่านมา แต่ว่าตำแหน่งห้องนั้นจะอยู่หน้าสุดจากทั้งหมด
...ไหน ๆ ได้พักห้องนี้แล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้สักหน่อย จากที่ได้เห็นทั้ง 3 ห้อง .. จึงสรุปได้ว่าห้องพักที่นี่การตกแต่งจะใกล้เคียงกันหมด ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ ตำแหน่งของบ้านพักอยู่หน้า หลัง .. และก็แบบของเตียงนอนที่เป็นเตียงแยก หรือเตียงเดี่ยว... ให้ผู้มาพักเลือกตามความเหมาะสม
...แม้ภาพโดยรวมของแต่ละห้องจะคล้ายกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมว่าไม่ซ้ำกันคือ แสงและเงาในแต่ละห้องนี่แหละครับ
...เพราะการวางตำแหน่งประตู และตำแหน่งของระแนงไม้หน้าระเบียงรวมไปถึงเก้าอี้ ที่วางบังเงา แต่ละห้องก็จะวางตำแหน่งไม่เหมือนกัน.. ภาพของเงาส่องสลับนี่แหละครับ ผมว่าสร้างมิติให้กับห้องให้สวยงามได้มากขึ้นจริง ๆ ...
...และขอปิดท้ายภาพของห้องพักไว้ที่ภาพนี้ครับ..
...ภาพห้องพักทั้ง 3 ประเภทนี้ที่ผมถ่ายมา จะอยู่ด้านล่างติดหาด บริเวณสวนเขียวหมดทุกหลัง.. ซึ่งภาพในห้องบริเวณตัวอาคารด้านบนนั้นไม่ได้เดินขึ้นไป ... แต่หากให้เดาเอา ผมคิดว่าตัวห้องคงเป็นลักษณะใกล้เคียงนี่แหละครับ เพียงจะต่างแค่ว่าเป็นอยู่ในอาคารแทน... เรียบร้อยจากห้องพักก็พาเดินเล่นกันต่อเลยดีกว่า
...อยู่ในห้องนานมากเดี๋ยวร่างกายจะพาลเพลียเสียก่อน จึงขอย้ายเดินไปเดินมากว้าง ๆ ไปยังบริเวณห้องอาหารดูบ้างว่าบรรยากาศการตกแต่งจะออกมาในรูปแบบไหน
...บริเวณห้องอาหารจะมีอยู่ 2 โซนเล็ก ๆ ติดกันซ้ายขวา หากหันหน้าออกสู่ชายหาดด้านหน้า
..."ร้านอาหารแมงมุม" .. เดาเอาเองว่าน่าจะตั้งชื่อให้คล้องกับชื่อที่พัก แมงโกรฟ .. จากภาพนี้จะเห็นว่าพื้นบริเวณนี้จะโรยด้วยทรายขาว .. เห็นแล้วปิ๊งเลย ชอบมาก... ให้บรรยากาศผ่อนคลายฟิวส์สบาย ๆ .. ซึ่งผมเองก็สั่งอาหารมารับประทานตรงจุดนี้นั่นแหละครับ
...ด้านในขวามือโซนนี้จะเป็นบริเวณนั่งรับประทานอาหาร แต่จะว่าไปก็สามารถนั่งได้หมดแหละครับ จะไปนั่งทานฝั่งซ้ายที่เป็นบาร์ก็ได้ เพียงแต่ด้านในขวามือนี้อาจสะดวกสำหรับมื้ออาหารเช้าเพราะจะใกล้ตำแหน่งวางกับข้าวอาหารมากกว่า
...มองจากมุมด้านในสุดย้อนกลับไป จะเห็นว่า 2 โซนนี้ไม่ต่างกันมาก แค่มีเคาน์เตอร์บาร์กับไม่มี .. ส่วนที่เหลือก็วางเก้าอี้รับประทานอาหารไว้หมด
...นั่งเรื่อย ๆ เพลิน ๆ หลังจากเดินไปเดินมาอยู่นาน...มองไปรอบ ๆ ก็สบายตาดีครับ
...ว่าแล้วก็ถึงเวลาหาอะไรมารองท้องสักหน่อยดีกว่า เริ่มต้นกันที่เมนูที่ทางร้านทำมาให้ลองชิมในภาพต่อไปกันเลย...
…ร้านอาหารแมงมุม เดอะแมงโกรฟ จะมีอาหารอยู่หลายสไตล์ ทั้งอาหารไทยพื้นเมืองของภาคใต้ อาหารมังสวิรัติและแน่นอนว่าต้องเป็นอาหารนานาชาติสำหรับแขกผู้เข้าพักที่หลากหลาย .. และอย่างที่เห็นในภาพก่อน ๆ ว่าบริเวณห้องอาหารนี้สามารถมองเห็นวิวของด้านหน้าชายหาดได้ด้วยเช่นกัน
...จากภาพเครื่องดื่ม Cocktail แก้วสีชมพูแดง Pink Lady และตามด้วยสีน้ำตาลเทาอ่อนคือ White Russian / ส่วนอาหารจะเป็นในภาพบนคือ Seafood Soup และภาพล่าง Crab Meat Curry Pizza .. ขอเสริมว่าพิซซ่าถาดนี้อร่อยจริงครับ แป้งนิ่มมาก และเนื้อปู เนื้ออาหารมาเต็ม.. ประทับใจในรสชาติมาก
...อาหารเช้าของที่นี่จะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึง 11 โมง .. คนที่ตื่นสายหน่อยก็ยังมีเวลาเหลือเฟือครับ ส่วนอาหารกลางวันก็เริ่มตั้งแต่ 12.00 ไปจนถึงบ่าย 3 โมง .. และมาเริ่มต้นดินเนอร์อาหารค่ำอีกครั้งตอน 18.00 ลากยาวไปจนถึงเที่ยงคืน
...จากภาพเครื่องดื่มประเภท Cocktail แก้วสีฟ้าคือ Blue Kamikaze และที่เป็นสัปปะรดคือ Mai Tai / ส่วนอาหารด้านบนคือผัดขี้เมาหมูจานโปรดของผม ตามด้วย Prawn Salad ต้องบอกว่ากุ้งที่นี่ตัวใหญ่ และเนื้อแน่นจริง ๆ
...หลังจากอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินย่อยอาหารกันต่อ
...ภาพจากมุมสูงชั้นบนหลังคาของห้องอาหาร สามารถเดินขึ้นไปได้.. มองลงมาก็จะเห็นสระว่ายน้ำ ลานหญ้า แนวต้นไม้ และปลายสุดจะเป็นกำบังเล็ก ๆ ก่อนเดินลงไปยังชายหาดริมป่าโกงกางด้านหน้าสุด
...จากนั้นก็มาถึงบริเวณสระว่ายน้ำ... แผ่นไม้บริเวณขอบสระวางพาดขนานไปกับความยาวของสระราว 20 กว่าเมตร.. แม้ขนาดของสระจะมีพื้นที่ด้านกว้างไม่มากนัก แต่ก็ทดแทนด้วยความยาวของสระก็ได้ฟิวส์ไปอีกแบบ
...หันหน้ากลับเข้าบริเวณสระน้ำ และห้องอาหาร จากมุมนี้เหลือบไปยังมุมบนขวาจะเห็นตัวอาคารห้องพักที่อยู่ด้านบนด้วยเช่นกัน
...แดดร่มลมตก.. แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลดระดับต่ำลง พร้อมกับแสงที่ค่อย ๆ คลายตัวลงทีละน้อย
...เป็นช่วงเวลาเบา ๆ เดินหามุมถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ... แสงยามเย็นจากดวงอาทิตย์ส่องลอดผ่านแนวต้นไม้เข้ามายังลานสนามหญ้า ความเงียบสงบภายในที่พักยิ่งทำให้เรารู้สึกว่านี่เป็นอีกหนึ่งวันที่แม้จะอยู่คนเดียวแต่ก็มีความสุขได้ไม่น้อยเลย
...เดินมายังริมชายหาดป่าโกงกางที่อยู่ด้านหน้าสุด.....ก็จะพบกับเอกลักษณ์ของป่าโกงกางทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ...
...ยิ่งใกล้ยามเย็นแสงสีทองก็ค่อย ๆ ทอมาทีละน้อยกระทบกับต้นไม้ เห็นแล้วก็ชื่นใจอบอุ่นในธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า ณ ตอนนี้จริง ๆ
...เบื้องหน้าทอดสายตาออกไปจะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านได้อยู่เกือบตลอดวัน แต่ในยามนี้ที่แสงสีทองส่องลงมายังผืนน้ำเบื้องล่างดูจะสร้างภาพที่สวยงามได้มากกว่าเวลาไหน ๆ
...ยังคงมีความสุขกับการเดินไปเดินมาบริเวณริมหาด เพื่อหามุมถ่ายภาพเก็บบรรยากาศยามเย็นไปเรื่อย
...ดวงตะวันลูกกลมโตค่อย ๆ ทิ้งตัวลงทีละช้า ๆ อยู่ไกลออกไปสุดสายตา ส่งผลให้ดวงตะวันบนผืนน้ำอีกดวงลากเงาสะท้อนยาวตั้งแต่เขาด้านหน้าจนเกือบถึงชายหาดที่ยืนอยู่...
...เปลี่ยนจากมุมกว้าง ๆ มาเก็บภาพระยะไกลกันบ้าง..
...จากภาพนี้จะเห็นได้ชัดว่ามีองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่เด่นชัดอยู่บนเนินเขา ซึ่งที่เห็นจากจุดนี้ก็คือ “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี" หรือที่รู้จักกันในนาม “พระใหญ่" ที่ประดิษฐานอยู่ที่เขานาคเกิด...
ป.ล. ภาพนี้ปรับ white balance จากในกล้องเพื่อเปลี่ยนโทนสีของภาพสักหน่อย.. เพื่อให้ได้อีกอารมณ์หนึ่ง
...ตำแหน่งจุดชมพระอาทิตย์ตกของเดอะ แมงโกรฟนั้นต้องบอกว่าคลาสสิคมากจริง ๆ ...
...ซึ่งช่วงเวลาที่ผมเดินทางมาอยู่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ตกลับแนวเขานั้นใกล้เคียงกับตำแหน่งของพระใหญ่มาก... หากเป็นช่วงเวลาอื่น เชื่อได้แน่นอนว่าจะต้องมีจังหวะของเดือนไหนสักเดือนที่ดวงอาทิตย์จะอยู่แนวเดียวกับพระพุทธรูป ก่อนจะลับไปกับแนวเขาด้านหลัง...
...ปิดท้ายช่วงยามเย็นกับภาพตะวันลาลับไปพร้อมกับทิวเมฆ และแนวเขา...
...ความสุขที่ได้เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของธรรมชาติ ยังคงเป็นอะไรที่สวยงามเสมอ... ให้เวลากับตัวเองเพิ่มสักนิด หยุดยืนมองอะไรรอบตัวสักหน่อย... อย่างน้อยเราคงได้เห็นอะไรมากขึ้น...
...หลังจากแสงแห่งวันได้สิ้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อย... แต่ภารกิจอยากถ่ายภาพยังไม่จบไม่สิ้น
...อยากได้ภาพของบรรยากาศรีสอร์ทตอนพลบค่ำอีกสักหน่อย .. จึงยังคงสาละวนกับการหามุมถ่ายภาพไปเรื่อย พร้อมแข่งกับเวลาเพื่อให้ได้มุมสวย ๆ และภาพของท้องฟ้าที่ยังสวยงามอยู่ ก่อนที่จะดำมืดไป...
...มุมนี้ให้เห็นสระว่ายน้ำในแนวยาว ๆ เห็นกันชัด ๆ ว่าสระที่นี่แม้จะไม่กว้าง แต่ยาวจริง
...ท้องฟ้าสีน้ำเงินกับสีของสระน้ำลงตัวเหมาะเจาะกันพอดิบพอดี .. แบ่งตำแหน่งซ้ายด้วยสีทองของไฟจากห้องอาหารแมงมุม .. และสีเขียวระเรื่อ ๆ จากสนามหญ้าพร้อมไฟประดับใต้ต้นไม้ฝั่งขวา...
...อีกมุมง่าย ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก..
...หันหน้าออกสู่ชายหาดผ่านซุ้มระแนงไม้ริมสระว่ายน้ำตอนนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที หากเทียบกับตอนระหว่างวัน..
...จากนั้นจึงเดินย้อนกลับขึ้นมาด้านบนบริเวณล๊อบบี้ และป้ายหน้าที่พักเพื่อเก็บภาพแสงสียามค่ำคืนสักหน่อย
...บริเวณล๊อบบี้จะอยู่ติดกันกับที่พักที่เป็นตัวอาคารด้านบน...และด้านหน้าที่พักก็จะเป็นบริเวณที่จอดรถด้วยเช่นกัน...
...จากล๊อบบี้ด้านบนเดินทางลงกลับสู่บ้านพักด้านล่างอีกครั้ง...
...ระหว่างวันความสวยงามก็จะเป็นในรูปแบบหนึ่ง ครั้นพอเข้าช่วงกลางคืนทางรีสอร์ทจึงเปิดไฟตามบ้านพัก และไฟประดับทางเดินก็ให้ความสวยงาม สร้างบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมไม่น้อย
...จากมุมด้านล่างมองขึ้นไปยังด้านบนส่วนที่เป็นที่พักตัวอาคาร...
...ประดับประดาด้วยตะเกียงไฟเล็ก ๆ ตลอดทางตามขั้นบันได .. ระแนงไม้ไผ่ทำเป็นรั้วกันขนานคู่ไปกับราวบันได ขึ้นสู่ด้านบนฝั่งซ้ายคือล๊อบบี้ และฝั่งขวาคืออาคารห้องพักอย่างที่เห็นในภาพก่อนหน้านี้
...ปิดท้ายค่ำคืนด้วยภาพนี้ก่อนจะเอนกายลงเตียงนอนนุ่ม ๆ ชาร์จแบตกล้อง ชาร์จแบตร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้น
...ตื่นเช้ามาด้วยวันที่สดใส แสงแดดจากดวงอาทิตย์ด้านฝั่งล๊อบบี้ส่องลงหน้าหาดสลับกันกับภาพช่วงบ่ายที่ผ่านมา
...ต้นไม้ใบหญ้าสูดไอแดดเต็ม ๆ เสียงนกร้องดังอยู่เป็นระยะ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวนเขียว ๆ ร่มรื่น ๆ ... เช้านี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ตื่นมาแล้วไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย...
...ลานสนามหญ้าปูด้วยอิฐเป็นรูปทรงที่ดูแปลกตา... ดูสดใสมากกว่าช่วงบ่ายมากเพราะแสงจากด้านหลังที่ส่องมา...
...ท้องน้ำมองไกลออกไปเริ่มเห็นได้ถึงความสดใส แม้ชายหาดที่เดอะ แมงโกรฟ อาจไม่เหมาะสักเท่าไหร่ในการเล่นน้ำ.. เพราะเป็นพื้นที่ป่าโกงกาง แต่ว่าก็ทดแทนด้วยทางรีสอร์ทยินดีบริการพานักท่องเที่ยวไปยังหาดที่สามารถเล่นน้ำได้บริเวณใกล้เคียง..
...และด้วยสภาพโดยรอบที่เป็นผืนป่าโกงกาง ดังนั้นเองทางรีสอร์ทจึงมีบริการเรือคายัคไว้สำหรับใครที่อยากพายเล่นชิมลมชมบรรยากาศแบบไม่เหนื่อยมากนัก
...หากเป็นช่วงเช้าน้ำจะลงก็พายได้ แต่ถ้าเป็นช่วงบ่ายเย็นน้ำจะขึ้นก็เลือกกันได้ตามความต้องการของแขกผู้มาพัก...
...นอกเหนือไปจากกิจกรรมพายเรือคายัคที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้แขกผู้มาพักได้พายเล่นกันเพลิน ๆ แล้ว
...อีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่น่าพลาดคือการนั่งเรือหางยาวออกไปชื่นชมเกาะบริเวณใกล้เคียง โดยมีอยู่ 2 เกาะที่สามารถเดินทางไปได้สะดวกจากจุดนี้คือ เกาะเฮ(Coral Island) และเกาะโหลน... และเป็นที่แน่นอนครับว่าผมเองก็ไม่ยอมพลาดเช่นกัน นัดแนะกับทางเรือชาวบ้านเรียบร้อยก็มาตามนัด...
...บรรยากาศทัศนียภาพระหว่างนั่งเรือหางยาวสู่เกาะโหลนที่จะไปในอันดับแรก...
...ท้องน้ำสีเขียวฟ้า มีแพกระชังเลี้ยงปลา บางเจ้าก็ปรับประยุกต์เป็นร้านอาหารที่อยู่บนทะเล... หากได้ไปลองนั่งทานสักมื้อคงจะอิ่มทั้งอาหาร อิ่มทั้งบรรยากาศไม่น้อย...
...จากหน้ารีสอร์ทใช้เวลาประมาณ 40 นาที เพื่อเดินทางสู่ “เกาะโหลน"...
...เกาะโหลนเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก มีหาดที่พอจะลงได้อยู่ 2 หาด ซึ่งหาดที่ผมเลือกลงจะมีขนาดใหญ่กว่า เป็นหาดเงียบ ๆ แม้ทรายจะไม่ใช่ทรายที่ขาวละเอียด .. แต่ก็ทดแทนด้วยความเงียบสงบไม่วุ่นวาย ชายหาดไม่กว้างมากนักเดินได้สบาย ๆ มีชาวบ้านอยู่บนเกาะแค่เพียงไม่กี่หลัง...
...จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน และคนเรือ.. บอกว่าเกาะนี้นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่จะต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มานอนเล่นนอนอาบแดดกันอยู่ประจำ... จากภาพจะเห็นได้ว่าชายหาดนั้นสะอาดไม่น้อย คงเพราะไม่ใช่เกาะที่ใหญ่ และคึกคักมากมายเหมือนเกาะอื่น ๆ
...ช่วงเวลาที่เดินทางมาในวันนี้ประมาณ 10 โมงกว่า อาจจะยังเช้าไปเลยทำให้ยังไม่เห็นนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน แลดูไร้บรรยากาศเรื่องราวผู้คนไปนิด แต่ไม่เป็นไร .. จับเรือลำที่พามาเข้าในภาพให้ภาพดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาสักหน่อยก็ได้อยู่
...สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าปูเสฉวน.....เจอที่ไหนเกาะไหน ดูยังไงก็น่ารักเสมอ...
...ใช้เวลาอยู่ที่เกาะโหลนไม่นานนักราว ๆ 30 นาที ก็ต้องเดินทางออก เพราะเวลาส่วนตัวของผมเองที่ค่อนข้างกระชั้นชิด ดังนั้นจึงรีบออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อีกจุดมุ่งหมายหนึ่งคือ “เกาะเฮ"...
...จากเกาะโหลนใช้เวลาถึงเกาะเฮราว ๆ ประมาณ 20 นาที ไม่นานนัก..
...เกาะเฮจะมีขนาดพื้นที่ใหญ่และกว้างกว่า มีรีสอร์ท และร้านอาหารอยู่บนเกาะ .. และที่เห็นได้ชัดคือเกาะนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาพักผ่อน ทำกิจกรรมต่าง ๆ กันหลากหลาย...
...แม้ว่าบรรยากาศจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่เกาะเฮก็ยังมีมุมสงบ ๆ อยู่เหมือนกัน...
...จะเห็นว่าเกาะเฮน้ำทะเลจะใสกว่าหากเทียบกับเกาะโหลน แต่บรรยากาศก็จะพลุกพล่านมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด .. ก็อยู่ที่ว่าใครชอบแบบไหนก็เลือกเดินทางกันได้
...บริเวณชายทะเลหน้าหาดนักท่องเที่ยวที่มานอกเหนือไปจากการเล่นน้ำ เดินเล่น ก็คงเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่บนเกาะมีบริการนักท่องเที่ยว
...โดยมากก็จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า กิจกรรมหลากหลายผ่อนคลายสนุกสนานกันไปก็สร้างรอยยิ้มให้วันพักผ่อนกลายเป็นวันที่พิเศษยิ่ง ๆ ขึ้นไป
...เดินเล่นอยู่เกาะเฮได้สักพักใหญ่ก็ถึงเวลาเดินทางกลับสู่ที่พักอีกครั้ง
...ระหว่างเส้นทางกลับก็ผ่านแพกระชังของชาวบ้านที่สร้างขึ้นมาไว้เพื่อเลี้ยงปลา .. อย่างแพนี้ผมก็ได้แวะลงไปเดินเล่นแป๊บนึง ก็ทราบมาว่าอีกไม่นานจะเปิดเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งกินอาหารทะเลบนคลื่นทะเลบ้าง...
...หันหน้าเข้าสู่ที่พักเป็นที่เรียบร้อย...
...เพื่อเตรียมรับประทานอาหารกลางวันก่อนจะถึงเวลาเดินทางออกจากรีสอร์ทเพื่อไปปฏิบัติภารกิจอื่นต่อไป
...หลังจากกลับถึงรีสอร์ท พักผ่อนอาบน้ำเป็นที่เรียบร้อย..
...ก็มานั่งเล่นพักผ่อนสั่งแตงโมปั่น กับน้ำสัปปะรดมาดื่มอย่างละแก้ว.. ร่างกายเสียเหงื่อไปเยอะกับช่วงเช้าที่ผ่านมาทั้งเกาะเฮ และเกาะโหลน... นั่งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ปล่อยให้สายลมพัดปะทะตัวอยู่เรื่อย ๆ ข้าวของสัมภาระถูกเก็บเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกไปจุดมุ่งหมายอื่นต่อไป...
...หลังจากจิบเครื่องดื่มเบา ๆ เป็นอันเรียบร้อย.. ก็มาเดินเล่นอีกสักพักบริเวณหน้าสระว่ายน้ำ ...
...ชื่นชมและสูดบรรยากาศบริสุทธิ์ ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอีกสักนิดก็ยังดี.. อาการเช่นนี้รู้ตัวเองดีเลยว่าไม่อยากกลับ...
...แม้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ 1 วัน 1 คืน .. นับตั้งแต่ช่วงบ่ายที่เข้ามาจนถึงเที่ยงของวันนี้...
...ค่อนข้างแน่ใจที่จะบอกได้ว่าที่ “เดอะ แมงโกรฟ" เป็นรีสอร์ทใหม่ที่มีความสงบเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับแขกผู้มาพักผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย จะมาเป็นครอบครัว หรือคู่รัก เพื่อนฝูงก็มีห้องพักให้เลือกอยู่หลายแบบ... ภายใต้ธรรมชาติที่ห้อมล้อมด้วยสีเขียว ๆ ของต้นไม้ .. บรรยากาศร่มรื่นทัศนียภาพยามเช้าและยามเย็นที่แตกต่างกันไปสร้างอารมณ์ให้กับช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกัน ...
..."The Mangrove Panwa เดอะ แมงโกรฟ พันวา" น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติในแบบเบา ๆ สบาย ๆ ...
...หากใครได้มาเที่ยวภูเก็ต และมีโอกาสขับรถเลยมาถึงปลายแหลมสุดที่แหลมพันวา.. แล้วยังไม่มีจุดมุ่งหมายหรือแหล่งพำนักพักพิงพักผ่อน.. ลองเก็บที่เดอะ แมงโกรฟไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกผมว่าน่าจะเข้าทีไม่น้อย...ทิ้งท้ายไว้ที่ภาพนี้... แม้อาจเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ในรีสอร์ทได้ไม่ชัดสักเท่าไหร่ในภาพนี้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในภาพนี้คือความร่มรื่นจากแมกไม้ที่อยู่เต็มไปหมดภายในรีสอร์ท .. แล้วหากมีโอกาสผมคงได้กลับไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกหน้าหาด และนอนเล่นที่นี่อีกสักคืนสองคืนคงจะได้สัมผัสและเต็มอิ่มกับที่นี่มากกว่านี้ ... “เดอะ แมงโกรฟ พันวา"...
…แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้...จะเป็นที่ไหนในภูเก็ตไว้คอยติดตามชมกัน... ขอบคุณทุก ๆ คนมากครับ
...แถมภาพแผนที่ที่พักแบบคร่าว ๆ ให้อีกทีครับ
...และขอฝากภาพผลงานรีวิวที่พักที่เคยทำลงไปฝากไว้สัก 2 ที่นะครับ
- Foto Hotel Phuket
http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E13061304/E13061304.html
- Marrakesh Huahin http://pantip.com/topic/30145099
Forzanu
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.45 น.