...การเดินทางบางครั้งก็เกิดขึ้นได้ด้วยกับการที่ไม่คาดหวัง และไม่เคยหวังไว้เลย .. ภาพของตึกรามบ้านช่องที่ดูสะอาดตา สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ รูปทรงของสถาปัตยกรรมไอเดียการออกแบบต่าง ๆ เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาออกมารวมอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แต่กลับดูลงตัวกับจำนวนประชากร และสภาพพื้นที่ที่จำกัด ถูกเพิ่มเติมด้วยภาพของความมีระเบียบวินัยภายในสังคมที่ถูกปลูกฝังอยู่อย่างหนาแน่น .. สำหรับผมแล้วการเดินทางครั้งนี้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก...



...สิงคโปร์... ประเทศที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยหากจะให้เลือกเดินทางไปไหนใกล้ ๆ ละแวกเพื่อนบ้าน .. แต่วันนี้ได้เกียรติร่วมงานกับการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์โดยเดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเชียในฐานะสื่อมวลชน ... การเดินทางครั้งใหม่ ทัศนียภาพใหม่ ๆ อะไรใหม่ ๆ จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง...



...ถ้าพร้อมกันแล้วออกเดินทางชมภาพกันนับจากนี้ไปเลยครับ



ป.ล. ภาพในอัลบั้มนี้ค่อนข้างเยอะ 150 ภาพขึ้น .. เปิดกระทู้ทิ้งไปเดินเล่นสักพักแล้วค่อยกลับมาเลื่อนดูน่าจะเวิร์คครับ ^^



-ผลงานเก่า ๆ - http://pantip.com/profile/172795

-แวะไปทักทายกันได้ที่นี่ครับ - https://www.facebook.com/Forzanu



...เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง...



...เหินฟ้าด้วยสายการบินแอร์เอเชียที่เวลาประมาณ 10.45 ตามเวลาไทย ซึ่งจะมุ่งหน้าเดินทางถึงท่าอากาศยานชางกี ในเวลาบ่ายสอง 14.00 ตามเวลาประเทศสิงคโปร์ซึ่งเร็วกว่าไทยเราอยู่ 1 ชั่วโมง... หลังจากขึ้นเครื่องฟังคำอธิบายเรื่องความปลอดภัย และขั้นตอนต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ได้สักพักก็เหลือเพียงรอชุดเมนูอาหารจากพนักงานก่อนจะเริ่มพักสายตาเบา ๆ แนบไปกับกระจกข้างหน้าต่าง...



...ระยะเวลาการเดินทางสู่สิงคโปร์ราว ๆ 2 ชั่วโมงนั้นนานพอให้งีบหลับได้เป็นพัก ๆ .. ซึ่งถูกครั้งที่ลืมตาตื่นก็จะสลับด้วยการมองทัศนียภาพจากหน้าต่างเครื่องบินที่เปลี่ยนภาพไปเรื่อยไม่ต่างอะไรกับการดูทีวี เพียงแต่ตอนนี้สดและชัดกว่า...



...หลังจากพับตัวเก็บมา 2 ชั่วโมงในที่สุดล้อเครื่องบินก็ปล่อยลงแตะพื้นอีกครั้งตามเวลาพอดิบพอดีที่บ่าย 2 โมง



...จากนั้นขั้นตอนต่าง ๆ ก็เป็นไปตามระเบียบตั้งแต่ยื่นพาสปอร์ต รับสัมภาระ และท้ายสุดที่ทางการท่องเที่ยวสิงคโปร์นำรถตู้มารับที่สนามบินชางกี ...



...ก่อนจะออกเดินทางไปยังโรงแรมที่พักเพื่อวางข้าวของสัมภาระต่าง ๆ และพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในลำดับต่อไป



...หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจวางกระเป๋าเข้าที่พักแล้วจึงออกเดินทางสู่สถานที่ที่น่าสนใจอันดับแรกเลยคือ “วัดเทียนฮกเก็ง (Thian Hock Keng Temple)" ตั้งอยู่ที่ถนน Telok Ayer Street บริเวณ Chinatown … ซึ่งวัดแห่งนี้ถือว่าเป็นจำนวน 1 ในวัดศักดิ์สิทธิ์ของประเทศสิงคโปร์ ..



...วัดเทียนฮกเก็งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1821 ล่วงเลยมาจนถึงทุกวันนี้ และนับได้ว่าเป็นวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสิงคโปร์อีกด้วย



...นอกเหนือไปจากรูปแบบโครงสร้างภายในวัดที่การยึดติดนั้นไม่ใช้ตะปูตอกแล้ว ...ภายในวัดยังมีรูปปั้น รูปวาดแกะสลักไม้เป็นรูปเทพเจ้าต่าง ๆ อยู่จำนวนมาก...ซึ่งวัดเทียนฮกเก็งนี้สร้างขึ้นโดยชาวจีนที่อพยพมาทางทะเลเพื่อบูชาเทพธิดามาจู่ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ช่วยให้พวกตนนั้นรอดพ้นจากภัยทางทะเล..



...ด้วยเอกลักษณ์ต่าง ๆ ภายในวัดแห่งนี้จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวสิงคโปร์เอง และชาวต่างชาติให้ความสนใจมาเที่ยวชม กราบไหว้สักการะขอพรอยู่เสมอ ๆ ...



...จากนั้นจึงเดินทางมาอีกวัดหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับวัดเทียนฮกเก็งคือ “วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple and Museum)...



...สาเหตุที่เรียกว่าวัดพระเขี้ยวแก้วนี้เนื่องจากที่ชั้นบนสุดของวัดนั้นได้มีการเก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว(พระทนต์) ของพระพุทธเจ้าไว้ ณ ที่นี้ ... จึงเป็นที่มาของชื่อที่คนไทยเรียกกันติดปาก



...ที่วัดพระเขี้ยวแก้วนอกจากจะเป็นที่เคารพกราบไหว้สักการะทำพิธีต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นพิพิธภัณฑ์อีกด้วย โดยจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 ชั้น ดังนี้ ..



...ชั้น 1 - ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา / ชั้น 2 – เป็นงานศิลปะต่าง ๆ ในเชิงศาสนาภาพวาด งานแกะสลัก / ชั้น 3 – เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวประวัติต่าง ๆ เกี่ยวกับเทพเจ้าองค์สำคัญต่าง ๆ / ชั้น 4 – บนสุดห้องโถงที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งมีการตกแต่งห้องไว้อย่างสวยงามมาก *แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ* นะครับ ...



...จาก 2 วัดที่ผ่านมาต่อไปก็จะเป็นการเดินเล่นชมบรรยากาศของ Chinatown กันต่อเลยครับ



...ฝากไว้นิดสำหรับใครที่จะเดินทางมาเองสามารถเดินทางง่าย ๆ ด้วย MRT Chinatown ทางออก A แล้วเดินไปทาง South Bridge Road โดยจะผ่านร้านขายของเสื้อผ้าอาหารต่าง ๆ .. เป็นอันว่าถูกต้องไม่หลงทางแน่นอน



...ที่บริเวณ Chinatown นั้นเป็นเหมือนแหล่งช๊อปปิ้ง ซื้อของ ไหว้พระ ชมวัดชมมัสยิด รับประทานอาหาร .. มีความหลากหลายของหลาย ๆ อย่างรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ..



...ร้านศิลปะหัตถกรรม ขายของทำมือ Handmade เสื้อผ้า ของฝากที่ระลึก.. จะมีตลอดเส้นทางทั้งริมถนน และในซอยเล็ก ๆ ที่มุ่งหน้าสู่ MRT Chinatown



...ผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมามีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งชาวยุโรป เอเชีย รวมไปถึงชาวมุสลิมก็ให้ความสนใจมาเดินที่ Chinatown กันอย่างครึกครื้น ..



...เส้นทางเดินนั้นไม่สลับซับซ้อน เดินง่ายเพราะผังเมืองที่ดีทำให้ทุกอย่างนั้นง่ายต่อการจดจำ .. ตัวบรรยากาศบริเวณร้านขายของคิดภาพง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ ตลาดละลายทรัพย์บ้านเรา เพียงแต่จะสะอาดกว่ามาก...



...นอกไปจากบริเวณจับจ่ายใช้สอยได้ของกลับบ้านแล้ว.. บริเวณโซนอาหารก็เป็นอีกจุดที่น่าเดินมาก ยิ่งหากเตรียมเงินมาพอคงเป็นอะไรที่กินกันสนุกสนาน เอนจอยอีทติ้งสำหรับนักชิมทั้งหลาย



...แม้ราคาจะโหดไปหน่อยสำหรับเรา ๆ แต่จากปากของไกด์ก็ยอมรับเองว่าร้านอาหารบริเวณ Chinatown ตรงนี้จะราคาสูงกว่าทั่วไป .. โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวซะส่วนมากที่นิยมมารับประทานอาหารกัน หรือหากเป็นชาวสิงคโปร์เองโดยมากก็จะเป็นพวกที่เดินทางมาท่องเที่ยวนาน ๆ ที...



...จากฝั่งของ Chinatown ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นฝั่งตรงข้ามบ้างสักเล็กน้อย...



...ฝั่งตรงข้ามของ Chinatown จะมีตรอกเล็ก ๆ อยู่ ด้วยความไม่รู้จึงเดินเข้าไปสำรวจคนเดียว ปรากฏว่าก็พบกับสีสันอีกแบบของตัวอาคาร และบรรยากาศร้านอาหารต่าง ๆ ในอีกรูปแบบหนึ่ง ...



...เดินไปเดินมาบางมุมก็มีให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งตะวันตกผสมผสานอยู่บ้าง.. และเท่าที่สังเกตดูร้านอาหารสไตล์ของร้านส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็ออกแนวสำหรับชาวยุโรปอยู่พอสมควรไม่น้อย...



...สีสัน และบรรยากาศนั้นชวนให้เดินเก็บภาพไปเรื่อย ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ผู้คน ถนนหนทางก็ทำให้มีความสุขได้อยู่เสมอ.. บริเวณ Chinatown Food Street ฝั่งที่ขายอาหารนั้นเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 – 23.00 น. ทุกวัน



...เราใช้เวลาอยู่ที่บริเวณ Chinatown รวมถึงอาหารเย็นด้วยแล้วประมาณ 19.30 ก็เตรียมออกเดินทางสู่สวนสาธารณะแห่งใหม่ที่น่าสนใจมากอีกแห่งของสิงคโปร์... Gardens by the Bay…



…เนื่องจากไม่มีเวลามาในช่วงกลางวันซึ่งความสวยงามก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นจึงขอให้ได้มาในช่วงยามค่ำคืนก็ยังดี...



...Gardens by the Bay เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ของสิงคโปร์ซึ่งถือกำเนิดได้ประมาณราวปี 2012 ที่ผ่านมา.. พื้นที่ของสวนสาธารณะแห่งนี้สร้างบนที่ดินที่ได้มาจากการถมทะเล .. โดย Gardens by the Bay นี้เป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทชื่อดัง Marina Bay Sands ของสิงคโปร์ ... จุดเด่นของสวนแห่งนี้คงหนีไม่พ้นต้นไม้ประดิษฐ์ขนาดยักษ์ (The Supertree Grove) โดยมีความสูงตั้งแต่ 25-50 เมตร ...



...เวลาที่ได้เดินทางมานั้นต้องบอกว่าโชคดีมากเพราะพอเดินเข้ามาในสวนปุ๊บ การแสดงแสงสีเสียงของต้นไม้ยักษ์ก็เริ่มต้นพร้อมกันกับที่กางขาตั้งกล้องออกพอดี



...การแสดงมีราว ๆ 15 – 20 นาที .. ทันทีที่การแสดงแสงสีของต้นไม้เริ่มขึ้นก็เริ่มปรับกล้องอย่างพัลวัน... พร้อมกับการเดินหามุมถ่ายภาพในเวลาอันน้อยนิด...



...สำหรับใครที่อยากถ่ายภาพของต้นไม้ยักษ์เหล่านี้ให้สวย ๆ แนะนำเลยว่าให้มาเล็งมุมไว้ก่อนแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ยังมีแสงเพราะความสวยงามที่ได้เห็นก็คงมีอีกแบบที่น่าเก็บภาพกลับไปอยู่ไม่น้อย... รวมทั้งเลนส์ที่ใช้ถ่ายถ้าเป็นเลนส์มุมกว้างเก็บภาพได้กว้าง ๆ ก็ยิ่งดีใหญ่...



...ปิดท้ายค่ำคืนแรกไปด้วยความอลังการอัศจรรย์สายตาใจไปกับต้นไม้ยักษ์ ก่อนเตรียมตัวไปยังสถานที่ที่น่าสนใจต่าง ๆ ในวันถัดไป



** เพิ่มเติมสำหรับนักเดินทางที่เดินทางมาด้วยตนเองก็ให้มาขึ้นที่สถานี MRT Bayfront **



...ตื่นเช้ามาด้วยอากาศที่สดใสเหนือความคาดหมาย..เพราะวันแรกที่มาถึงได้สอบถามไกด์เรื่องสภาพอากาศไกด์บอกว่าฝนตกมาตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา .. แต่เช้านี้ไม่ใช่...



...คนเมืองนอกมาเที่ยวกรุงเทพฯ เขาว่าถ้าไม่ไปวัดพระแก้วก็เหมือนไม่ได้มาเมืองไทย .. เช่นกันครับกับสิงคโปร์ที่นักท่องเที่ยวแทบจะทุกคนต้องมาพบเจอเยี่ยมเยียนทักทายสิงโตพ่นน้ำ “เมอร์ไลออน Merlion" ตัวแม่ตัวนี้..



...ช่วงที่มาเป็นช่วงเวลาประมาณ 9 โมงครึ่งเศษ ๆ ปริมาณจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อถ่ายรูปเก็บภาพนั้นก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย และคงมีไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ตลอดวันจนถึงยามค่ำคืน...



...เนื่องจากโปรแกรมเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ มีอีกมากมายทำให้ใช้เวลาที่บริเวณนี้ได้ไม่นานนักราว ๆ เพียง 20 นาทีเท่านั้น ก็ต้องออกเดินทางกันต่อ...



...หลังจากเรียกน้ำย่อยด้วยการเก็บภาพเมอร์ไลออนไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาของอาหารว่างยามสายกับร้านChye Seng Huat Hardware ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ...



...โดยร้านกาแฟแห่งนี้นั้นยังมีห้องคั่วกาแฟ บาร์กาแฟ โรงเรียนสอนทำกาแฟ และห้องทดลองกาแฟ รวมถึงมีห้องเล็ก ๆ ในส่วนขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว...


...แวะพักร้อนนั่งตากแอร์เย็น ๆ จิบกาแฟ ทานขนมเค๊ก ของหวานพอเติมพลังอีกสักนิด...



...จากนั้นก็ออกเดินทางต่อสู่สถานที่ต่อไปที่น่าสนใจ และดูเท่อยู่ไม่น้อย “Art Science Museum"…



...และก็มาถึงบริเวณ Marina Bay Sands ซึ่งอยู่ติดกับ Art Science Museum ที่กำลังจะไป...



...จึงใช้เวลาเดินเล่นเพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ ระหว่างทางเดินก็มีให้ทึ่งไปกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมการออกแบบต่าง ๆ ตั้งแต่แนวทางเดิน จุดนั่งพัก อาคารตึกใกล้เคียง.. แต่ที่ทำให้ดูสบายตาที่สุดคงหนีไม่พ้นความเป็นระเบียบ และความสะอาดของตัวพื้นที่...



...เดินเก็บภาพถ่ายมุมนั้นไป ก้มมองมุมนี้ไป.. ในใจก็ให้ชื่นชมไปกับสิ่งที่เห็นที่สะอาดตา มีระเบียบ ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากมาตรการ และความมีวินัยของคนที่นี่..



...เดินผ่านตัวอาคารของ Marina Bay Sands ได้ราว ๆ 20 นาที รวมเวลาถ่ายรูปด้วยในที่สุดก็มาถึงด้านหน้าของ Art Science Museum...



...อาคารรูปทรงแปลกตา.. บางคนบอกเหมือนดอกบัว บางคนบอกเหมือนส้มโอถูกกรีด ไปจนถึงยานอวกาศ จานบิน .. ก็สุดแท้แต่จินตนาการของใคร จะว่าไปอาจเป็นไอเดียของผู้ออกแบบให้คนที่เห็นได้คิดกันเอาเองก็เป็นได้ว่าแท้จริงคืออะไรกันแน่ ๆ ... แต่ในความจริงแล้วสถาปนิกผู้ออกแบบ นาย Moshe Safdie คนเดียวกับที่ออกแบบส่วนโรงแรม Marina Bay Sands ได้บอกว่ารับแรงบันดาลใจจากหลายอย่างทั้ง ดอกบัว ฝ่ามือ รวมไปโครงสร้างของตัวเหล็กเส้นอย่างป่าโกงกาง ....



...จากภาพล่างสุดภายในตัวอาคารที่เห็นภาพด้านซ้ายมือภาพของลีโอนาโด ดิคาปรีโอ ก็คืองานนิทรรศการภาพถ่ายของศิลปินช่างภาพชื่อดัง Annie Leibovitz และป้ายขวาภาพของไดโนเสาร์ก็คืออีกนิทรรศการที่มาจัดอยู่ในช่วงนี้...



...อธิบายง่าย ๆ ว่า Art Science Museum นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือนิทรรศการแบบถาวรที่เกี่ยวโยงกับเรื่องราวของสิงคโปร์ และนิทรรศการแบบหมุนเวียนจากต่างประเทศโดยจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามช่วง ๆ เวลาไป... อย่างในช่วงที่เดินทางมาต้นเดือนกรกฏาคม 2014 ที่ผ่านมานั้นจะมีช่วงวันที่ตรงนิทรรศการหมุนเวียนอยู่ก็คือ 2 รายการนี้



•ผมแนบลิ๊งค์ของส่วนรายละเอียดว่าช่วงไหนมีจัดนิทรรศการถึงเมื่อไหร่ตามลิ๊งค์นี้ให้นะครับ เผื่อใครที่มีแพลนจะเดินทางไปจะได้เช็คได้ว่าช่วงที่เราไปมีอะไรที่น่าสนใจ ถูกใจเราหรือเปล่า

http://www.marinabaysands.com/museum.html

• ส่วนหน้านี้เป็นราคาค่าเข้าชมในอัตราค่าเข้าชมที่ต่างกันตามจำนวนที่เราเลือกเข้า

http://www.marinabaysands.com/museum/ticketing.html



...และนิทรรศการแรกที่เราได้เข้าชม คือ Dinosaurs : Dawn to Extinction พร้อมแล้วเราย้อนเวลาสั้น ๆ ชมภาพ 600 ล้านปีที่ผ่านมากันสักเล็กน้อยด้วยกันครับ



...ตลอดระยะเวลาเข้าชม Dinosaurs : Dawn to Extinction ทางนิทรรศการก็จะมีผู้บรรยายคอยเดินพาชมในส่วนต่าง ๆ และให้ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ กันไป .. หรือใครที่จะสนใจอ่านเองก็มีบอกรายละเอียดถึงสายพันธุ์ ช่วงยุคกำเนิดของไดโนเสาร์แต่ละชนิดไว้อย่างละเอียด



...นานมากแล้วที่ไม่ได้ชมนิทรรศการอะไรจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ .. วันนี้ได้มีโอกาสรู้สึกเลยว่ายิ่งเดินยิ่งชมอายุยิ่งน้อยลงเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งที่ได้เห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



...โครงกระดูกจำลองของไดโนเสาร์บางตัวก็ออกแบบและมีลูกเล่นแตกต่างกันไป นอกจากหลาย ๆ ตัวที่ยืนเฉย ๆ แล้วบางตัวก็สามารถขยับเขยื้อนเดินได้ด้วย... ก่อนสุดท้ายจะปิดท้ายด้วยเจ้าแห่งไดโนเสาร์อย่างทีเร็กซ์ตัวนี้...



...ส่วนนิทรรศการต่อไปที่ได้เข้าชมคืองานแสดงภาพถ่ายของช่างภาพหญิงชาวอเมริกัน Annie Leibovitz .. ซึ่งทางนิทรรศการนั้นไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในงานที่จัดได้ .. จึงไม่ได้ถ่ายภาพมา แต่คร่าว ๆ สำหรับใครที่เคยเห็นภาพดาราฮอลลีวู๊ดอย่าง Demi Moore ถ่ายตอนอุ้มท้องเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือภาพของศิลปินเพลงในตำนานอย่าง John Lennon ที่นอนเปลือยกายกอดรัดจุมพิต Yoko Ono ภรรยาชาวญี่ปุ่น ... แค่ 2 ภาพนี้คงเคยผ่านตากันมาบ้าง...



...ในความคิดเห็นส่วนตัวผมมองว่า Art Science Museum นั้นฉีกรูปแบบของภาพพิพิธภัณฑ์ที่คนส่วนมากจะมองไปถึงความเก่าแก่ ย้อนสมัย.. แต่ที่นี่นั้นเป็นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศิลปะ และวิทยาศาสตร์ .. ว่าสองสิ่งนี้นั้นเป็นอะไรที่คู่กันเสมอมาได้อย่างดีเยี่ยม...



** เพิ่มเติมการเดินทางมายัง Art Science Museum ด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลงสถานี Bayfront ขึ้นไปชั้น 3 จะเจอประตูทางออกไปยัง Art Science Museum ได้เลย **



...หลังจากอิ่มตาฉ่ำบรรยากาศเย็น ๆ กับภายในอาคาร Art Science Museum ไปเป็นที่เรียบร้อยก็เปลี่ยนอารมณ์ด้วยการออกมาสัมผัสแสงแดดยามเที่ยงที่วันนี้แดดแรง และสว่างใสจนไม่อยากจะเชื่อว่า 4-5 วันที่ผ่านมานั้นฝนตกเกือบตลอด...



...Helix Bridge จุดชมทัศนียภาพที่สวยงามมากของบริเวณนี้ ... ภาพของตึก และอาคารสีขาวที่พร้อมใจกันวางรูปแบบ และโทนสีให้ออกมากลมกลืนกับตัวสถาปัตยกรรมโดยรอบนั้นทำให้ภาพบริเวณนี้ดูสวยงามยิ่งขึ้น



...ท้องฟ้าที่สดใสในวันนี้ช่วยขับให้ภาพของอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ดูมีพลัง และดูอลังการมากยิ่งขึ้น...



...ตัววัสดุที่สะพานแห่งนี้โครงหลังคาทำจากสแตนเลส โดยเป็นผลงานการออกแบบก่อสร้างร่วมกันของสถาปนิกสิงคโปร์ และออสเตรเลีย



...ที่สะพาน Helix Bridge นั้นสร้างเชื่อมระหว่างฝั่ง Art Science Museum, Marina Bay Sands กับฝั่ง Singapore Flyer (ชิงช้าสวรรค์สูงที่สุดในโลก) โดยสร้างขนานไปกับสะพาน Bayfront และสะพาน Benjamin Sheares สำหรับรถบนท้องถนน



...ตลอดแนวสะพานนั้นจะมีจุดพักยื่นออกไปเล็กน้อยให้สำหรับชมวิว ... ยามกลางวันว่าสวยงาม ยามกลางคืนคงยิ่งสวยงามใหญ่จากไฟของสะพาน และจากตึกอาคารรอบ ๆ เสียดายที่ไม่มีภาพช่วงกลางคืนกลับมาเลยสักใบ...



...เวลาอันน้อยนิดจากโปรแกรมที่ค่อนข้างเบียดทำให้มีเวลาเดินเล่นบนสะพานแค่ 15 นาที .. บวกกับแดดที่ร้อนแรงทำให้กว่าจะได้มาแต่ละภาพนั้นวิ่งแล้ววิ่งอีก... แต่ก็ยอมเพราะหมดจากตรงนี้ก็คือมื้อกลางวัน ก่อนจะไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไปย่าน Kampong Glam และมัสยิดสุลต่าน



...หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารอินเดียมื้อเที่ยงที่ร้าน Mustard เรียบร้อยก็เป็นการลงพื้นที่บริเวณจุดท่องเที่ยวเล็ก ๆ จุดแรกของช่วงบ่ายนี้ ที่มีเอกลักษณ์คือสีสัน และความแหวกแนว เรียกกันแบบภาษาบ้านเราก็ต้องบอกว่าอาร์ท ๆ แนว ๆ ชิค ๆ ได้เลยกับที่ “Haji Lane"...



...โดยย่านนี้จะเป็นร้านขายของ เสื้อผ้า ของฝาก ของเก่า ของตกแต่ง .. แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมาอยู่เรื่อย ๆ .. นอกจากนี้บริเวณ Haji Lane น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพทั้งเป็นแบบเอง หรือเป็นตากล้องก็ตาม .. เนื่องจากสีสัน และการตกแต่งสไตล์ของแต่ละร้านนั้นดูวัยรุ่นสุด ๆ ...



...ถนนเล็ก ๆ เดินสบาย ๆ แดดร้อนไปนิด แต่ไม่มีรถแล่นผ่านไปมาเพราะซอยแคบ... จาก Haji Lane เดินทะลุไปเรื่อยจะไปเจอกับย่าน Kampong Glam เส้นทางสู่ Sultan Mosque



…ตามที่เห็นในภาพบนสุดคือภาพของมัสยิดสีทองเหลืองอร่ามสูงตระหง่านโดดเด่นเห็นแต่ไกล...



...โดยบริเวณนี้ส่วนมากจะเป็นผู้อาศัยชาวมุสลิมอยู่อาศัยกัน รวมไปถึงเปิดร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของต่าง ๆ ตลอดแนวทางเดิน ...



...และในที่สุดมัสยิดสีทองก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน...



...Sultan Mosque เป็นมัสยิดเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1819 .. ตั้งอยู่บนถนน Muscat Street และ North Bridge Road เป็นส่วนหนึ่งของย่าน Kampong Glam .. ว่ากันว่ามัสยิดสุลต่านแห่งนี้เป็นมัสยิดที่สำคัญที่สุดในสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน .. ที่ Sultan Mosque ก็จะมีการทำพิธีกรรมทางศาสนาเหมือนมัสยิดทั่วไป ด้านในจะไม่สามารถถ่ายภาพได้ .. แต่ภายนอกสามารถเดินเล่นถ่ายภาพได้ตลอด...



...หลังจากซึมซับบรรยากาศของสไตล์อินเดียไปอยู่พอสมควร ก็ถึงเวลาออกเดินทางสู่สถานที่อีกแห่งตามโปรแกรมที่จัดให้ไปนั่นคือ “เซนโตซา" ...



...โดยจะไปด้วยกัน 3 ที่จากแผนที่ในภาพคือ Trick Eye Museum อยู่บริเวณ C3 จากช่องตารางแผนที่ ต่อด้วยด้านซ้ายสุด 9 นาฬิกาช่อง A3 ที่ Sentosa Cove และปิดท้ายด้วยการดูโชว์ Sentosa Wings of Time Show ที่ด้านบนสุด D1 ตามแผนที่



...และด้วยเวลาอันน้อยนิดทำให้ไม่ได้แวะเครื่องเล่น หรือจุดอื่น ๆ สักเท่าไหร่ แต่มีที่น่าสนใจ และอาจถูกใจเด็ก ๆ หรือคนชอบแอ๊คชั่นถ่ายรูปสนุก ๆ อยู่อย่าง “Trick Eye Museum" ศิลปะเท่ ๆ โดยเป็นของบริษัทจากแดนกิมจิ เกาหลี .. อารมณ์ก็เหมือนกับ Art Paradise บ้านเรา หรือพิพิธภัณฑ์สามมิติที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบัน...



...จากนั้นก็ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ใน Trick Eye Museum ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณ 30 นาที เนื่องจากพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก .. ก่อนจะออกไปยังบริเวณ Sentosa Cove...



... Sentosa Cove อยู่ในส่วนหนึ่งของเกาะเซนโตซ่า ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ เป็นบริเวณปากอ่าว และเป็นจุดที่ตั้งของโรงแรมที่พักชื่อดังอย่าง W ย่าน Sentosa Cove หรือที่เรียกอีกชื่อได้ว่า Quayside Isle นั้นแทบจะทั้งหมดจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของอภิอัครมหาเศรษฐี ...



...ตัวพื้นที่บริเวณนี้ก็จะเป็นจุดจอดเรือยอร์ชที่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักทั้งหลายแวะมาจอดพัก จอดเที่ยวกันมากมาย...



...อากาศยามเย็นแดดร่มลมตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สายลมพัดเบา ๆ ระลอกน้ำก็เคลื่อนตัวไปตามจังหวะพัดพาของลม...



...บริเวณโดยรอบ Quayside Isle ก็จะเป็นร้านอาหารออกจะแลดูหรูหรา ดูมีระดับ มีสไตล์ไฮโซ เข้ากันกับบรรยากาศพื้นที่บริเวณนี้ ... ผู้คนโดยมากก็เป็นชาวต่างชาติที่เดินไปเดินมากันซะส่วนใหญ่



...ระหว่างที่รอรับประทานอาหารเย็นก็ปลีกตัวจากกลุ่มออกมาเดินเล่นรับลมเย็น ๆ



...แม้จะไม่เคยไปประเทศทางฝั่งยุโรป แต่มาแถวนี้แล้วก็มีความรู้สึกให้คล้าย ๆ ได้อยู่มากพอสมควร



...บริเวณ Sentosa Cove นี้เงียบสงบมาก เป็นอีกจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าหากได้มาพักผ่อนแล้วคงได้ซึมซับถึงคำว่าพักผ่อนจริง ๆ ...



...ด้วยพื้นที่ที่สะอาด ร้านอาหาร ร้านต่าง ๆ ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามรอบ ๆ ยิ่งช่วยขับให้บรรยากาศบริเวณนี้ยิ่งดูหรูหรายิ่งขึ้น...



...ยามเย็นที่หมดสิ้นจากเวลาทำงานแล้วจึงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คน ... บ้างก็มาเดินเล่น ปั่นจักรยานออกกำลังกายสุดแท้แต่ความสุขในการพักผ่อนของใคร



...ก่อนจะปิดท้ายภาพวันนี้ด้วยการแสดงโชว์ชุด Wings of Time ที่บริเวณ Sentosa Park ในภาพต่อไป...



...การแสดงโชว์ Wings of Time เป็นการแสดงแสงสีเสียงยามค่ำคืนของ Sentosa Park ..



...ผู้ที่มาเข้าชมส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเด็ก ๆ ที่มากับพ่อแม่ผู้ปกครอง...



...โดยเป็นการผสมผสานระหว่างการแสดงโชว์ของบรรดาพนักงานที่ช่วยให้คนดูมีส่วนร่วมในการขับร้องส่งเสียงเพลง ก่อนจะปิดท้ายด้วยโชว์น้ำพุที่มีแสง สี เสียงเป็นเครื่องประกอบ...



...โดยเรียงร้อยเรื่องราวผ่านเทคนิคต่าง ๆ ในการนำเสนอ... ถูกอกถูกใจกันไปสำหรับเด็ก ๆ ... ก่อนเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมตัวเที่ยววันสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับในช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น



...เช้าวันเดินทางกลับเริ่มต้นวันนี้ด้วยการแวะไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่วัด Kwan Im Thong Hood Cho Temple…



…ที่วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้นับว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวสิงคโปร์ที่นับถือศาสนาพุทธเลยก็ว่าได้.. ซึ่งวัดนี้ก็มีความเก่าแก่ 130 ปีมาแล้ว โดยสร้างขึ้นในปี 1884 ... สำหรับใครที่จะถ่ายภาพที่วัดแห่งนี้นั้นสามารถทำได้เพียงแค่ถ่ายอยู่ภายนอก เนื่องจากด้านในจะเป็นพื้นที่ห้ามถ่ายภาพ...



...ในภาพล่างสุดจะเป็นป้าผู้หญิงคนไทยที่ขายดอกไม้อยู่หน้าวัด .. ใครไปเจอก็แวะไปอุดหนุนทักทายกันได้ครับ



...ปิดท้ายการเดินทางด้วยภาพบริเวณ Orchard Gateway ก่อนเดินทางกลับกับย่านช๊อปปิ้งชื่อดังสินค้ามากมายเดินกันยาวไกล...



...งานนี้อาจไม่ถูกโฉลกนักสำหรับผมที่ไม่ใช่คนช๊อปปิ้ง จึงเดินเก็บภาพบรรยากาศคร่าว ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาสักเล็กน้อย.. ก่อนจะเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังท่าอากาศยานชางกี ...



...เมื่อถึงสนามบินเช็คอินฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็เหลือแต่รอเวลาขึ้นเครื่อง...



...การเดินทางครั้งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การได้เห็นอะไรใหม่ ๆ นั้นทำให้รู้สึกว่าตัวเรานั้นยังมีอะไรให้ได้เจอะได้เจออีกมากเหลือเกิน .. อย่างที่บอกไปในตอนเริ่มต้นว่าไม่เคยมีความคิดว่าจะประทับใจอะไรในประเทศสิงคโปร์ แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ 3 วัน กลับทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่สะท้อนไปถึงตัวเรา สภาพสังคม สภาพความเป็นอยู่ ไปตลอดจนการดูแลประชากรต่าง ๆ ภายในประเทศ... ที่ทำให้ประทับใจเกินกว่าที่ไม่เคยนึกไว้...



...ล้อทั้งสองข้างที่แตะอยู่บนรันเวย์ตอนนี้ถูกพับเก็บอีกครั้งเตรียมบินเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ



...ความประทับใจในวันนี้นั้นเต็มไปด้วยภาพของเมืองที่สะอาด มีระเบียบ มีวินัย อาจจะมีวุ่นวายบ้างแต่รู้สึกว่าทุกอย่างยังคงอยู่ในกฏระเบียบ ... ตัวเมืองที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ การออกแบบของเหล่าตึกอาคาร ไปตลอดจนสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ใช้ทั้งความคิดแปลกใหม่ ทันสมัย มาผสมผสานกับเทคโนโลยีอย่างลงตัว... ทำให้รู้สึกว่าหากมีโอกาสจริง ๆ ก็อยากกลับมาอีกสักครั้ง...



...สุดท้ายนี้ขอบคุณการท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่ให้เกียรติได้ร่วมงานในครั้งนี้ และขอบคุณสายการบินแอร์เอเชียที่ดูแลตลอดการเดินทาง...



...และที่ขอบคุณที่สุดคือเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาชมอัลบั้มชุดนี้กันนะครับ... หวังว่าหลาย ๆ ภาพคงทำให้มีความสุขกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย ... เมืองนอกนั้นสวยงามจริง แต่เมืองไทยเราก็มีอะไรที่สวยงามไม่แพ้กันอยู่ที่จะมองกันมุมไหน.. ดูกระทู้นี้แล้วหากใครอยากไปเที่ยวสิงคโปร์ก็ขอให้ได้เดินทางสมใจนะครับ แต่อย่าลืมเที่ยวเมืองไทยของเรากันด้วยนะครับ... ^^



…เรื่อง/ภาพ : Forzanu



…แถมท้าย 4 ใบ กับบรรยากาศริมน้ำบริเวณเมอร์ไลออนยามค่ำคืน...



...สวัสดีทุกคนคร๊าบบบบ ^__________^



ความคิดเห็น