...ความเดิมตอนที่แล้ว...ทริปการเดินทางสู่จีนแผ่นดินใหญ่ “ต้าหลี่ – ลี่เจียง" .. ใครที่ไม่ทันในอัลบั้มแรกที่ต้าหลี่จะย้อนกลับไปดูที่นี่ก็ได้ครับ

http://pantip.com/topic/32117930



...ส่วนใครที่รับชมไปแล้วอัลบั้มนี้เราออกเดินทางกันต่อสู่จุดหมายปลายทางในครั้งนี้ที่ “ลี่เจียง เมืองแห่งมรดกโลก" กันต่อได้เลย



...ในอัลบั้มนี้เราจะเดินทางไปยังสถานที่อันสวยงามหลายแห่งที่อยู่ภายในเมืองลี่เจียงอย่างเช่น เมืองเก่าซู่เหอ / เมืองโบราณลี่เจียง / สระน้ำมังกรดำ / อุทยานน้ำหยก และที่พลาดไม่ได้กับการแสดงโชว์สุดอลังการ Impression Lijiang ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ก่อนปิดท้ายด้วยความอลังการแห่งขุนเขาที่ภูเขาหิมะมังกรหยก ...



...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราออกเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ...

...ป.ล. อัลบั้มนี้ภาพเยอะมากเกิน 150 ขึ้น.. .. เปิดกระทู้ทิ้งไว้แล้วไปเดินเล่นสักพักแล้วค่อยกลับมาเลื่อนดูน่าจะเวิร์คครับ ^^

-ผลงานเก่า ๆ http://pantip.com/profile/172795

-แวะไปทักทายกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/Forzanu



...การเดินทางสู่เมืองลี่เจียงวันนั้นเราเริ่มเดินทางออกกันในช่วงเช้าของวัน ราว ๆ 8 โมงครึ่ง เพื่อใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงบนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองมรดกโลกลี่เจียง...



...เส้นทางสู่เมืองลี่เจียงที่เราใช้ยังคงเป็นเส้นทาง Highway แดดยามสายค่อย ๆ แรงขึ้นพร้อมกับการเดินทางสู่อีกจุดหนึ่งที่ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาทีละน้อย...



...เส้นทางผ่านสองข้างทางมีอะไรสวยงาม และให้ชวนมองอยู่ตลอดเวลา ..



...มุมมองจากในรถมองผ่านกระจกออกไปมีทั้งภูเขาที่กว้างใหญ่ ผ่านพื้นที่ทำนาทำไร่ ผ่านแม่น้ำ และอีกหลากหลายทัศนียภาพที่งดงาม และห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ



...ถนนหนทางที่มุ่งหน้าไปในวันนี้ทำให้ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...



...การเดินทางที่สวยงามเริ่มต้นในเช้าวันที่สดใสอย่างในวันนี้ แลดูน่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะได้พบกับสภาพอากาศที่เป็นใจ...



...เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เกือบ 3 ชั่วโมง ในที่สุดรถก็หยุดอีกครั้งที่บริเวณด่านชำระเงินค่าผ่านทาง...



...เป็นอันรู้กันว่าถึงตอนนี้เมืองลี่เจียงนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วนี่เอง ก่อนที่จะพบกับยอดเขาหิมะมังกรหยกที่ต้อนรับเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีแซมเล็กน้อยด้วยหิมะสีขาวอยู่เป็นหย่อม ๆ



...รวมเวลาเบ็ดเสร็จออกจากที่เมืองต้าหลี่บริเวณวัดฉงเซิ่งตอน 8.30 ในที่สุดก็มาถึงเมืองลี่เจียงด้วยเวลา 11 โมง ผ่านพ้น 2 ชั่วโมงครึ่งพอดิบพอดี... (แต่ถ้าเป็นเส้นทางปกติที่ไม่ใช่ Highway จะใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง)



...สถานที่แรกที่ได้สัมผัสแห่งความเป็นลี่เจียงคือ “เมืองเก่าซู่เหอ" จุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองลี่เจียงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร .. โดยเมืองเก่าซู่เหอนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในเขตเมืองเก่าของเมืองลี่เจียง...



...ปัจจุบันนี้บริเวณเมืองเก่าซู่เหอตรงนี้เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งที่ทั้งชาวจีนด้วยกันเอง และชาวต่างชาตินิยมเดินทางกันมาเป็นจำนวนมาก ..



...แม้พื้นที่โดยรวมของเมืองเก่าซู่เหอจะไม่กว้างใหญ่เท่าเมืองเก่าลี่เจียง แต่ลักษณะหลาย ๆ อย่างก็แทบจะเหมือนกัน โดยทุกวันนี้ก็เน้นไปที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้ง ซื้อของที่ระลึก อาหารพื้นเมือง ร้านรวงต่าง ๆ ที่ชาวบ้านก็ปรับตามเข้ากับยุคสมัย



...เวลาประมาณเกือบ ๆ 1 ชั่วโมงที่ได้เดินเล่นเก็บภาพ และสัมผัสบรรยากาศต่าง ๆ ที่เมืองซู่เหอ...ทำให้คิดในใจว่ามนต์เสน่ห์ที่ได้สัมผัสอยู่ในขณะนี้นั้นดูเป็นเอกลักษณ์มาก อดคิดไม่ได้ว่าที่ตัวเมืองเก่าลี่เจียงที่มีขนาดพื้นที่กว้างกว่านั้นจะทำให้เราประทับใจได้มากแค่ไหน



...จากภาพนี้ก็ออกจากตัวเมืองเก่าซู่เหอ เพื่อออกเดินทางต่อไปยังจุดมุ่งหมายหลักต่อไป “เมืองเก่าลี่เจียง"...



...หลังจากนำสัมภาระข้าวของเก็บเข้าโรงแรมที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ตามด้วยการเติมพลังอาหารกลางวันสักมื้อก่อนจะออกสำรวจโลกใบใหม่...



...เมืองเก่าลี่เจียงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1997 จากองค์การยูเนสโก..



...ด้วยเสน่ห์อันงดงามทั้งด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการดูแลอนุรักษ์รักษาสภาพพื้นที่ไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่เป็นที่ยอมรับ และถูกกล่าวขานว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งของประเทศจีนที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอยู่ไม่ขาดสาย



...เมื่อมาถึงบริเวณนี้แล้วก็ต้องมาถ่ายกับสัญลักษณ์ของเมืองลี่เจียงกันสักหน่อยกับภาพกังหันน้ำที่บริเวณสะพาน ที่เมืองลี่เจียงนี้มีสายน้ำไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งแยกแตกออกเป็นหลายสาย ..



...เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวเยอะมากเป็นพิเศษเพราะจุดนี้เรียกได้ว่าเป็น Landmark สำคัญของที่นี่เลยก็ว่าได้



...จากนั้นจึงเริ่มสอดส่องสายตาเดินไปตามเส้นทางตรอกซอกซอยต่าง ๆ มุมเล็กมุมน้อยที่ได้พบเห็นในวันนี้ สวยงามแปลกตาเหลือเกิน



...บริเวณตลอดทางเดินก็จะเต็มไปด้วยร้านค้าของที่ระลึก รวมไปถึงร้านอาหารที่มีอยู่ข้างทางไปตลอดแนวทางเดิน



...อากาศวันนี้ค่อนข้างปลอดโปร่ง และสภาพท้องฟ้าสดใส แต่สภาพอากาศที่นี่ไม่ได้ร้อนแรงมากแต่อย่างใด...



...ลมเย็น ๆ พัดผ่านมาเป็นระยะ แดดยามบ่ายแบบนี้ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงบอกได้คำเดียวว่ายากแก่การเดินเล่นถ่ายรูปมาก แต่กับที่นี่ช่วงที่มาปลายเดือนเมษายนยังถือว่าเดินได้สบาย ๆ ครับ...



...ตัวบรรยากาศหากจะให้เทียบให้พอเห็นภาพคุ้น ๆ ตาสักนิดก็อาจจะคล้าย ๆ ตลาดน้ำต่าง ๆ ที่บ้านเรากำลังฮิต ๆ กัน ..



...บริเวณเมืองลี่เจียงนี้นอกจากจะเหมาะกับผู้ที่ชอบถ่ายภาพแล้ว ยังน่าจะเป็นที่โปรดปรานของเหล่าบรรดานักช๊อปปิ้งอีกด้วยเพราะเต็มไปด้วยร้านสินค้าของฝากจำนวนมาก รวมไปถึงขนม อาหารต่าง ๆ



...หลังจากเดินเล่นอยู่ด้านล่างได้สักพักใหญ่ ก็เตรียมตัวเดินขึ้นสู่ด้านบนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไปชมทัศนียภาพในแบบสูง ๆ กันบ้าง



...โดยระหว่างทางเดินบรรยากาศก็ยังคงเหมือนกับที่เดินผ่านมา เต็มไปด้วยผู้คน และเสียงดังตามสไตล์เมืองจีน ...



...ตลอดสองข้างทางบริเวณนี้ทางจะเริ่มแคบและชันขึ้น แต่ก็ถือว่ายังเดินได้เรื่อย ๆ เพราะเป็นขั้นบันไดทำไว้อย่างดี



...ที่ด้านบนสุดของบริเวณนี้จะมีจุดชมวิวซึ่งต้องเสียค่าเข้าสถานที่ ราคานั้นค่อนข้างสูงตกราว ๆ 400 บาทไทยน่าจะได้ .. จึงตัดสินใจได้ไม่ยากว่าคงเดินเล่นอยู่ตามตรอกซอยเหมือนเดิมน่าจะดีกว่า



...ว่าแล้วก็หาร้านกาแฟสักร้านเข้าไปนั่งพักรับลมด้านบนสักหน่อย...



...จากมุมหน้าต่างของร้านกาแฟด้านบนมองออกไปจะเห็นหลังคากระเบื้องจำนวนมากเรียงรายไปจนสุดลูกหูลูกตา



...เป็นภาพที่แปลกตาดีไม่น้อย... สายลมพัดมาเรื่อย ๆ ยามบ่ายกว่า ๆ จิบกาแฟเบา ๆ นั่งเปิดรูปจากกล้องที่ถ่ายมาดูได้สักพักระหว่างพักเหนื่อย.. จากนั้นก็ออกเดินเก็บภาพกันต่อ



...ความสุขในการเดินทางยังคงเสพได้เรื่อย ๆ...



...มุมนั้นมุมนี้ก็ดูถูกอกถูกใจไปหมดกับอะไรที่ไม่เคยเห็น...



...สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินแล้วอาจจะเมื่อย หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นขี่ม้าแทนก็น่าสนใจนะครับ



...น่าจะเพลินและสบายไปอีกแบบ



...จากบริเวณทางเดินด้านบนก็เดินย้อนกลับสู่ด้านล่างอีกครั้ง ...



...แต่จากนี้จะเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเลาะไปตามลำน้ำภายในเมืองดูบ้าง...



...บริเวณที่มีลำน้ำไหลผ่านร้านส่วนใหญ่จะเป็นแนวร้านอาหาร ร้านนั่งจิบเครื่องดื่มซะส่วนใหญ่



...จะมีบ้างกับบางร้านที่ก็มีดนตรีเล่น เรียกได้ว่ามีไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหลาย ๆ แนวเลย



...ตรงบริเวณด้านล่างที่เดินเลียบไปกับลำน้ำนั้นเดินสบาย ๆ ร่มเงาจากต้นไม้สร้างความร่มรื่นได้ขึ้นมาอีกเยอะ



...หลังจากเต็มที่กับการเดินบริเวณฟากฝั่งด้านขวาของกังหันวิดน้ำตรงริมสะพานเรียบร้อยแล้วต่อไปก็จะไปยังอีกฝั่งคือด้านซ้ายสู่อีกจุดเดินเล่นพักผ่อนอีกแห่งคือ “สระน้ำมังกรดำ"...



...ระหว่างทางเดินสู่สระน้ำมังกรดำจะมีการขายของที่ระลึกอยู่ตลอดแนวทางเดิน โดยมากจะเป็นแบบรถเข็นเล็ก ๆ ขายทั้งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ผลไม้ งานประดิษฐ์ งานถักทอต่าง ๆ มีตลอดแนวทางเดินที่ขนานคู่มากับลำน้ำ



...จนในที่สุดก็จะถึงทางเข้าของ “สระน้ำมังกรดำ"....



...สระน้ำมังกรดำเปรียบเหมือนสวนสาธารณะของชาวเมืองลี่เจียงที่ต้องการความเงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่น สัมผัสอากาศดีดีท่ามกลางต้นไม้ ดอกไม้ และบึงน้ำขนาดใหญ่ตรงกลาง...



...สระน้ำมังกรดำถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ถ้ามาในช่วงที่อากาศดีดีจะเห็นภาพของภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังอยู่ไกล ๆ ... แต่กับช่วงเวลานี้สภาพอากาศไม่เหมาะสักเท่าไหร่ จึงไม่สามารถเห็นภาพที่งดงามเช่นนั้นได้...



...บริเวณภายในของสระน้ำมังกรดำนั้นกว้างใหญ่ แต่การได้ปล่อยเวลาไหลไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เดินสัมผัสบรรยากาศของช่วงเวลาพักผ่อนก็ดูเป็นความสุขที่เพลินจนลืมเวลา และลืมไปเลยว่าเดินมาก็หลายนาทีเข้าไปแล้ว...



...ภาพของเจดีย์ที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำสะท้อนเงาของตัวเอง และภูเขาที่อยู่เบื้องหลังลงสู่ผืนน้ำเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก...



...เวลาที่มีความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอ...



...เผลอมองนาฬิกาอีกครั้งก็ถึงเวลาต้องละจากที่นี่เสียที สิ่งที่ได้กลับมานอกจากความสุขแล้วก็คงเป็นภาพที่ได้บันทึกกลับมา ... ก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทางไปยังโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารค่ำต่อไป



...ปิดท้ายค่ำคืนแรก และเป็นค่ำคืนเดียวเท่านั้นที่ได้มาที่ลี่เจียง เนื่องจากเวลาอันค่อนข้างกระชับ กับภาพของเมืองเก่าลี่เจียงในยามค่ำคืน...ก่อนนอนภาพของเมืองเก่ายังคงติดตานึกไปถึงตอนเดินมุมนั้นมุมนี้ ให้ได้พบเห็นอะไรใหม่ ๆ เหมือนได้อ่านหนังสือเดินทางเล่มใหม่อย่างไรอย่างนั้น ...



...ก่อนจะหลับตาลง และสลบไปในที่สุด เพื่อพร้อมไว้สำหรับวันเดินทางรุ่งขึ้นที่จะได้พบกับความยิ่งใหญ่ และอลังการของภูเขาหิมะมังกรหยกกันต่อไป ...



...ตื่นเช้าวันถัดมาด้วยอากาศเย็นสบายแบบสุด ๆ ที่หน้าที่พักในตัวเมืองเก่าลี่เจียง .. ก่อนจะออกเดินทางสู่ภูเขาหิมะมังกรหยกเพื่อชมการแสดงโชว์สุดอลังการจากผู้กำกับชื่อดังชาวจีน จางอวี้โหม่ว ในชุด Impression Lijiang และปิดท้ายด้วยภูเขาหิมะมังกรหยก



...และเพื่อไม่ให้เป็นการขัดกับบรรยากาศผมขอนำภาพ “อุทยานน้ำหยก ยี่สุ่ยจ๋าย" ที่เราแวะเป็นที่สุดท้ายในช่วงบ่ายของวัน มาเรียงไว้ในตอนนี้เพื่อจะได้ปิดท้ายอย่างสวยงามที่ภูเขาหิมะมังกรหยกในลำดับต่อไป



(ที่เห็นในภาพคือปลาแซลมอน)



..."อุทยานน้ำหยก".. อยู่ในพื้นที่เดียวกับภูเขาหิมะมังกรหยก มีลักษณะเป็นเหมือนสวนสาธารณะ มีบริเวณของสระน้ำใสที่เลี้ยงปลาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยมากจะเป็นปลาแซลมอน...



...ที่อุทยานน้ำหยกมีพื้นที่เป็นเหมือนน้ำตกที่สร้างขึ้นเป็นชั้น ๆ จำนวน 3 ชั้นด้วยกัน ... ชั้นแรกมีชื่อว่า “มังกรออกถ้ำ" ชั้นที่สอง “มังกรเล่นน้ำ" และชั้นที่สามชื่อ “มังกรโบยบิน" .. โดยที่บริเวณชั้นด้านบนสุดจะมีรูปปั้นเทพเจ้าที่คอยปกปักษ์รักษาภูเขาหิมะมังกรหยกให้ได้สักการะกราบไหว้ .. พร้อมกันนี้ยังเป็นที่ให้ผู้คนได้ทำการสารภาพผิดต่อสิ่งที่ทำผิด หรือไม่ดีไว้กับธรรมชาติด้วย (ตามในภาพล่างสุด)



...นอกเรื่องสักนิดกับการเดินทางมาเมืองจีนครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่ได้เคยมา... สิ่งที่ได้ยินมาช้านาน และบ่อยมากคือเรื่องความมีวินัย และมารยาทของชาวจีนที่เราอาจต้องผงะ...



...แต่กับสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งที่ได้เดินทางมาในครั้งนี้บอกได้เลยว่าสร้างความมหัศจรรย์ให้กับผมมาก โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด และการดูแลรักษาพื้นที่ในแต่ละแห่ง.. เห็นแล้วยิ่งให้ประทับใจในการดูแลของบ้านเค้า...



...ภายในอุทยานน้ำหยกพื้นที่ไม่กว้างใหญ่มากนัก การเดินเล่นสักรอบจึงเป็นอะไรที่พอเพลิน ๆ ...



...ปิดท้ายภาพอุทยานน้ำหยกด้วยภาพของจามรี และเจ้าสุนัขตัวยักษ์ที่เป็นพรีเซนเตอร์ต้อนรับ และให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายภาพคู่... และจากภาพนี้ไปผมจะพาเพื่อน ๆ นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับสู่ช่วงเช้าอีกครั้งกับชุดการแสดงโชว์สุดพิเศษอลังการ...



...เส้นทางมุ่งหน้าสู่ภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นเส้นทางถนนสะอาด เรียบ ทัศนียภาพสองข้างทางบอกได้คำเดียวว่าถ้าขับรถเปิดประทุนได้ตรงนี้ คงสุดยอดมาก ...



...ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีต้นไม้ขึ้นประปรายตามสภาพพื้นที่ ส่วนอีกด้านเป็นภูเขาหิมะมหึมาทอดเป็นทางยาวขนานไปกับถนน....



...ภาพที่เห็นก็ถ่ายผ่านกระจกรถเอาครับ เนื่องจากรถที่โดยสารมาเป็นรถบัส...



...ยิ่งอยู่ในรถนานเท่าไหร่ยิ่งอยากลงไปสัมผัสอากาศภายนอกเร็วเท่านั้น .. ไม่ช้าไม่นานนักในที่สุดก็ถึงจุดชมการแสดงโชว์ชุด Impression Lijiang



...การแสดงโชว์ชุด Impression Lijiang เป็นผลงานการสร้างสรรค์ไอเดียแนวคิด จากผู้กำกับชื่อดังชาวจีนที่ฝากผลงานสู่สายตาชาวโลกไว้มากมายเช่น ภาพยนตร์เรื่อง Hero, House of Flying Daggers(จอมใจบ้านมีดบิน) และอื่น ๆ อีกมากมาย .. แต่ที่อลังการ และได้อวดโฉมแก่ชาวโลกมากที่สุดคงหนีไม่พ้นงานที่เป็นผู้อำนวยการแสดง พิธีเปิดโอลิมปิค 2008



...จากภาพจะเห็นฉากเวทีที่สร้างขึ้นให้เหมือนลักษณะของหน้าผา โดยใช้สีแดงส้มเพื่อให้สีตัดกับภูเขาหิมะในฉากหลัง



...การแสดงชุด Impression Lijiang ใช้ระยะเวลาประมาณเกือบชั่วโมง..



...จุดเด่นที่เห็น ๆ เลยตั้งแต่เริ่มหาที่นั่งได้คือ ฉากที่กว้างสูง และใหญ่อลังการ พร้อมกับจำนวนนักแสดงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ขั้นต่ำประมาณ 500 คน โดยนักแสดงที่เห็นอยู่ก็เป็นชาวบ้านจากชนเผ่าจริง ๆ ที่มารวมตัวกันจากหลากหลายหมู่บ้าน หลายชนเผ่า.. ผ่านการฝึกซ้อม ฝึกฝนทุ่มเทอย่างจริงจัง ..



...สิ่งที่เราได้รับตรงหน้าคือผลจากความทุ่มเทของนักแสดงทั้งหมดจริง ๆ ...



...การแสดงชุด Impression Lijiang จะบอกถึงเรื่องราวที่กล่าวถึง วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ของชนเผ่าต่าง ๆ ที่มีความผูกพันกับแม่น้ำลี่เจียง



...โดยระหว่างการแสดงก็จะมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษเลื่อนตามอยู่ข้างเวที ให้สำหรับชาวต่างชาติ .. แน่นอนครับว่าผมคือหนึ่งในนั้น แต่ก็แทบจะไม่ได้อ่านเลย เพราะมัวแต่ถ่ายภาพ และทึ่งไปกับการแสดง



...นั่งดูไปก็ขนลุกไปกับบางช่วงของการแสดง..ไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวเย็น



...แต่เป็นเพราะการแสดงในแต่ละช่วง บางช่วงนักแสดงออกมาตีกลอง เดินร้องเพลง ด้วยเสียงอันทรงพลังตะโกนก้องอยู่หน้าเวที ... รับรู้ได้เลยว่ากว่าจะออกมาเป็นการแสดงได้ขนาดนี้นั้นผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนักแค่ไหน



...ตัวพื้นที่นั่งของผู้ชมนั้นก็ทำไว้เป็นทางเดิน แบ่งลำดับขั้นอย่างดี นั่งไม่มีการบังกันอย่างแน่นอน.. เพียงแต่ถ้าลุกเดินไปมาก็อาจถูกติงจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความเรียบร้อยสักหน่อย ...



...อย่างผมเลยเลือกนั่งที่หลังสุด แล้วก็มีบ้างที่ลุกขึ้นยืนเดินไปมาเพื่อเปลี่ยนมุมถ่ายของภาพ ..



...Impression Lijiang ถือได้ว่าเป็นการแสดงโชว์ที่มีชื่อเสียงควบคู่ไปกับภูเขาหิมะมังกรหยกที่นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ และได้รับความนิยมมากที่สุดของลี่เจียงเลยก็ว่าได้ .. สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมในบางฤดูการแสดงก็จะแบ่งเป็นรอบด้วยกันอย่างในวันที่ผมเดินทางมาปลายเดือนเมษายน ก็เลือกเข้าชมในตอน 9.00 น. รอบแรก เพราะได้เผื่อเวลาเที่ยวต่อที่ภูเขาหิมะด้วย .. ส่วนอีกรอบถัดไปน่าจะเป็น 11.00 น. หากจำไม่ผิด ..



...ยังไงหากผู้ที่สนใจมาควรเช็ครอบก่อนก็ดีครับ .. แต่แนะนำเลยว่าควรดูรอบเช้าเพราะพระอาทิตย์ด้านตรงข้ามเวทีจะส่องให้เห็นภูเขาฉากหลังเวทีสีแดงชัดเจน สวยงามยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือจะได้ใช้เวลาอยู่ที่ภูเขาหิมะได้แบบเต็มที่โดยไม่มีเวลาชอบรอบต่อไปมาบีบบังคับ...



...ทิ้งความประทับใจ สวยงาม และทึ่งไปกับการโชว์ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนจะออกไปเดินทางจุดหมายปลายทางที่สุดของทริปนี้ที่ภาพถัดไปเลยครับ...



...หนึ่งชั่วโมงผ่านไปกับการแสดง จากนั้นก็มาเข้าเขตพื้นที่เพื่อเตรียมขึ้นสู่ภูเขาหิมะ...



...ระหว่างทางเดินเพื่อจะขึ้นกระเช้าด้านใน ก็ผ่านเส้นทางที่ต้องบอกว่าสวยงามมาก เมื่อมีธรรมชาติอยู่ทั้งสองข้างจากต้นไม้ และภูเขาหิมะอยู่รอบตัว ... สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนอย่างผมบอกได้เลยว่าตื่นเต้นเป็นที่สุด



...ในที่สุดก็มาถึงจุดขึ้นกระเช้า โดยเป็นกระเช้าใหญ่นั่งกระเช้าละ 6 คน ..



...บรรยากาศเมื่อมองลงมาผ่านทะลุหน้าต่างนั้นอลังการ และกว้างใหญ่มาก .. จากที่อยู่ไกล ตอนนี้เริ่มใกล้เข้ามาทีละน้อยแล้ว ... เวลาประมาณ 15 นาที ในกระเช้าดูยาวนานมาก เพราะอากาศภายนอกที่เบาบางลงตามความสูงของพื้นที่ แล้วบวกกับตัวกระเช้าเป็นกระเช้าปิดไม่มีช่องระบายอากาศ หรือหน้าต่าง ... ก็ถือว่าทรมานนิด ๆ สำหรับคนแพ้ที่แคบ ๆ อย่างผม แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดเสียวหรือน่ากลัวแต่อย่างใด...



...และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อลงจากกระเช้าและเดินเข้าสู่พื้นที่ของภูเขาหิมะมังกรหยกอย่างเต็มตัว... แนวของขั้นบันไดทางเดินมุ่งเดินไปถึงจุดชมวิวที่สูงสุดที่ 4,680 เมตร .. แต่ถ้าจุดบนสุดของยอดเขานั้นจะอยู่ที่ 5,596 เมตร



...ภาพของภูเขาหิมะขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า เป็นอะไรที่ต้องบอกว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะได้พบเห็นจริงกับตาตัวเอง ... ท้องฟ้าในวันนั้นอาจมืดหม่น และไร้แสงจากดวงอาทิตย์ไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีที่ไม่มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมาเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายภาพ..



...จากในภาพจะเห็นได้ชัดเจนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นมีจำนวนมากเลยทีเดียว..



...สำหรับการเตรียมตัวมาภูเขาหิมะ หากใครไม่ได้เตรียมชุดมาพร้อมที่นี่ก็มีบริการให้เช่าชุดกันหนาวสีแดงสะดุดตาดีเหลือเกิน .. แต่สำหรับใครที่เตรียมมาพร้อมก็เดินเท้าลุยกันต่อได้เลย



...หลังจากเดินไปเดินมาสักพัก หามุมถ่ายภาพไปเรื่อย .. ท้องฟ้าก็กลับสดใสมาบ้าง และก็ถูกบดบังด้วยเมฆเหมือนเดิมบ้าง สลับไปมา ..



...การเดินชมสัมผัสบรรยากาศบนภูเขาหิมะมังกรหยกก็ไม่มีอะไรน่ากลัวมาก ใครที่รู้ตัวว่าขี้หนาว หนาวง่าย ก็เตรียมเสื้อมาหนา ๆ หลาย ๆ ชั้น .. หรือใครที่กลัวหายใจไม่สะดวก หายใจไม่ทันก็เตรียมซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องติดตัวไว้ก็ดีไม่น้อย .. และอีกหนึ่งสิ่งที่อาจเหมือนไม่สำคัญอะไร แต่ผมว่าบางทีถึงจุด ๆ หนึ่งมันอาจมีค่าสำหรับเราก็ได้ก็คือ “ช๊อกโกแลต" .. พกมาอันเล็ก ๆ ย่อม ๆ ก็ได้ครับ ติดตัวไว้ .. เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนเหนื่อยง่าย ร่างกายเผาผลาญเร็ว ความหวานจะช่วยเรียกแรงกลับคืนได้...



...เดินไปตามทางเดินไม้ขั้นบันได ก็ควรปฏิบัติตามระเบียบไว้เพื่อความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ...



...บางคนเดินช้า อาจมีพักเหนื่อยบ้างตามสภาพร่างกาย และวัยของแต่ละคน .. แต่บางคนรีบจ้ำ ๆ เดินขึ้นมาเร็ว ๆ ก็มีให้เอาหอบเหมือนกัน ..



...อย่างผมก็เลือกที่จะค่อย ๆ เดินเสพอากาศ สุขกับบรรยากาศรอบข้างไปอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ เก็บภาพไปทีละใบสองใบ...เผลอรู้สึกตัวอีกทีมองกลับลงไปก็เห็นว่ามาไกลแล้วเหมือนกัน...



...ระหว่างทางเดินก็ยังมีจุดพักให้นั่งชมวิว จิบกาแฟ ดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ ดับความหนาว หรือแม้แต่กระทั่งมาม่า ก็ยังมีไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน...



...อย่างที่บอกไปว่ายอดสูงสุดของภูเขาหิมะมังกรหยกนั้นอยู่ที่ 5,596 เมตร แต่ที่ทางสถานที่สร้างทางให้เดินชมขึ้นได้สูงสุดนั้นคือที่ 4,680 เมตร .. ซึ่งอาจมีบางช่วงที่หิมะตกหนัก ๆ ไม่สามารถขึ้นถึงจุดชมวิวสูงสุดได้ทางสถานที่ก็จะระงับเส้นทางแค่ให้เดินได้ถึงที่จุดที่ปลอดภัยแค่นั้น....



...เวลาค่อย ๆ ผ่านไปตามจังหวะเดิม ๆ แต่ความรู้สึกที่อยู่บนนี้นั้นเร็วมาก... ยืนสูดหายใจเบา ๆ ช้า ๆ ให้เข้าเต็มปอด เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่ชีวิตจะได้มีโอกาสยืนอยู่บนภูเขาหิมะลูกใหญ่ขนาดนี้...



...การเดินทางครั้งนี้ปิดท้ายอย่างสวยงามที่ภูเขาหิมะมังกรหยก... ก่อนจะกลับไปยังที่พักก่อนจะไปยังสนามบินเมืองลี่เจียง เพื่อทำการต่อเครื่องไปลงยังเมืองคุนหมิง(สายการบินแอร์เอเชียไม่มีบินลงที่ลี่เจียง หากใครจะมาต้องลงที่คุนหมิง และเดินทางมาต่อเครื่องที่นี่อีกทีครับ)....



...ปิดท้ายอัลบั้มด้วยภาพของภูเขาหิมะมังกรหยกอีกสักเล็กน้อย...



...การเดินทางตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองบินลัดฟ้ากับแอร์เอเชียลงสู่เมืองคุนหมิง ก่อนจะใช้เวลาเที่ยวยังเมืองต้าหลี่ สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ และมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา และสายน้ำ .. และมาต่อยังลี่เจียง ดินแดนแห่งเมืองมรดกโลก .. นอกเหนือไปจากกิตติศัพท์ คำร่ำลือถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อาจดูไม่พิศมัยนักกับเมืองจีน .. แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ได้พบได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ สวยงาม และมีความทรงจำดีดีกลับบ้านไปไม่น้อยเลย...



...นั่งหลับตาได้สักพักหลังจากขึ้นเครื่องขากลับได้ไม่นาน ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมหยิบภาพจากกล้องที่บันทึกมาทั้งหมด .. ค่อย ๆ เปิดดูไปทีละภาพ .. ทุกภาพล้วนมีช่วงเวลา มีกลิ่นไอ มีบรรยากาศอยู่ภายในทุกภาพเสมอ...



...แม้เวลาจะผ่านมานานหลายเดือนแล้วจวบจนวันนี้ .. สภาพอากาศ บรรยากาศ และความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ต้าหลี่ และ ลี่เจียง ยังคงทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีดีได้เสมอ... แม้กระทั่งในตอนนี้ที่รีวิวสิ้นสุดลง ...



...ขอบคุณสายการบินแอร์เอเชียที่ให้เกียรติผมในฐานะสื่อมวลชนได้ร่วมการเดินทางครั้งนี้...

...และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนมากนะครับที่แวะเข้ามาชมกัน... ทั้งอัลบั้มนี้ที่ลี่เจียง และก่อนหน้านี้ที่ต้าหลี่ .. สวัสดีทุกคนครับ



...เรื่อง / ภาพ : Forzanu



...ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาชมภาพกันนะคร๊าบบบ ^__^

ความคิดเห็น