กาลครั้งแรก เกาสง เมืองชิค ๆ ที่ห้ามพลาด

สวัสดีครับทุกคน ตอนนี้การเดินทางในไต้หวันก็มาถึงเมืองที่ 2 ในทริปไต้หวันรอบสองแล้ว ซึ่งก็วางแผนกับเพื่อนว่าจากเจียอี้หลังไปเดินป่าเขาในอาลีซานแล้วจะไปไหนต่อกันดี วางแพลนกันไปมาหลายรอบปรากฏไม่ได้สนใจในไทเปเลย 555 อาจเป็นเพราะผมกับเพื่อนชอบตะลอนต่างเมืองมากกว่า หวยเลยไปออกที่ "เมืองเกาสง" แทน ต้องบอกก่อนว่าตอนผมไปไต้หวันแบบคนเดียวครั้งแรก ผมก็ได้ไปหนานโถว เพื่อไปทะเลสาบสุริยันจันทรา ไทจง (แค่แวะเปลี่ยนรถ) และไทเป มารอบนี้เลยวางแพลนกันว่าลองไปตอนใต้ของไต้หวันดีไหม ปรากฏ "เกาสง" กลายยเป็นตัวเลือกในทันที จริง ๆ ก็คือรอบก่อนไปที่อื่นมาแล้วขี้เกียจไปซ้ำ 555 เอาเปรียบเพื่อนจริง ๆ เราเนี่ย แต่ก่อนจะไปเกาสงกันต้องไปติดตามตอนก่อน ๆ ของผมก่อนนะครับ อยากเที่ยวแนวไหนในไต้หวันเลือกชมได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ (จริง ๆ มีไทเปด้วยนะครับแต่ผมไม่ใช่แนวชอป อิอิ)

ทริปรอบที่ 1 ธันวาคม 2015 (ไต้หวันฉันหนาว)

ตอนที่ 1臺灣 : 桃園 -日月潭 FIRST TIME @เกาะมันเทศ (ภาษาไทย)

LITTLE JAPAN TAIWAN (I) Sun Moon Lake National Scenic Area : NANTOU (ภาษาอังกฤษ)

ตอนที่ 2 TAIPEI 台北 กับวันสบาย ๆ ของผม (ตอน 1)

ตอนที่ 3 ตะลุยเส้นทางทองคำ GOLDEN FULONG @ TAIWAN

ตอนที่ 4 TAIPEI !!! บะบายไต้หวัน ไว้เจอกันใหม่??

ทริปรอบที่ 2 เมษายน 2016 (ไต้หวันฝนตก)

ตอนที่ 1 ทางรถไฟสุดคลาสสิคแดนไต้หวัน "ALISHAN FOREST RAILWAY"

ตอนที่ 2 CHEPTER 2 : ALISHAN ฝนตก มีหมอกก็ท่องเที่ยวได้นะ ?? http://pantip.com/topic/35268330

แผนที่เดินทางในไต้หวันรอบที่สองของผมครับ เริ่มจากเถาหยวนที่เป็นที่ตั้งของสนามบินมาเดินทางด้วยรถไฟ THSR มาเจียอี้เพื่อต่อไปอาลีซาน หลังจากเสร็จจากทริปอาลีซานแล้ว ผมกับเพื่อนก็นั่ง THSR จากเจียอี้มาลงที่สถานี THSR ZUOYING ซึ่งเป็นสถานีปลายทางที่อยู่ตอนใต้ของไต้หวัน อันเป็นที่ตั้งของเมืองเกาสงนั่นเอง


หลังจากผจญภัยกับสภาพอากาศบนอาลีซานแล้ว พวกผมก็ได้เดินทางรถบัสจากอาลีซานมายังสถานี THSR เจียอี้ซึ่งเอิ่มหลายโค้งเหลือเกินจนผมเวียนหัวเลยทีเดียว พร้อมบอกเพื่อนว่า "เมริง ๆ อย่าเพิ่งพูดนะ ไม่มีอารมณ์พูด " จากนั้นก็เดินทางมาถึงตัวสถานีรถไฟฟ้า THSR เตรียมตัวไปเมืองเกาสงกันเลยครับ

บรรยากาศภายในรถไฟฟ้า THSR ของไต้หวันครับ จริง ๆ ก็เป็นญาติกับชินคังเซนที่ญี่ปุ่นเพียงแต่เป็นรุ่นโกอินเตอร์เท่านั้น เนื่องจากสถานีเจียอี้ไปเกาสงเป็นสถานีที่อยู่ปลาย ๆ ทางทำให้ในขบวนรถคนเริ่มน้อยไม่แออัดเท่าไหร่ สำหรับใครที่อยากได้ตั๋วรถไฟ THSR ที่ราคาถูกนิดนึงคือได้ส่วนลดประมาณ 30% ก็สามารถทำการจองได้จากเว็บของ itaifeng

ข้อดีของเว็บ itaifeng :

1. จะได้รับส่วนลด 30% จากราคาปกติ (แก้ไขข้อมูลล่าสุด ตอนนี้เป็นได้รับส่วนลด 20% แทนแล้วนะครับ)

2. สามารถที่ทำการขึ้นรถไฟฟ้า thsr ตอนไหนก็ได้ไม่มีรอบเวลา ซึ่งต่างจากการจองที่เว็บของ thsr โดยตรงที่จะต้องไปให้ทันรอบที่ทำการจองไว้ แต่ของ itaifeng ทำให้เราสามารถที่จะหยวนเวลาที่จะไปยังสถานีได้

ข้อเสียของเว็บ itaifeng :

1. เว็บนี้จะทำการส่ง redeem code มาให้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการจอง เช่น จองเวลาประมาณ 11.00 น. ก็จะได้ redeem code ประมาณห้าทุ่ม

2. จากข้อ 1 ก็ทำการจอง "กรุณาอ่านข้อความในกรอบสีดำที่ขึ้นหน้าเว็บด้วยนะครับ" เพราะสมมติจองวันศุกร์ วันเสาร์ redeem code ที่ได้อาจจะได้ประมาณวันจันทร์หรืออังคาร (อันนี้คิดว่าน่าจะหยุดเสาร์ อาทิตย์) รวมถึงถ้าทำการจองในช่วงวันหยุดยาว redeem code ที่ได้ก็จะล่าช้าออกไป ดังนั้นถ้าจะทำการจองผ่านเว็บนี้ ต้องดูว่าตรงกับช่วงวันหยุดของไต้หวันหรือเปล่าเพื่อจะได้ไม่มีปัญหา

หลังจากรู้ข้อดีข้อเสียกันมาแล้ว มาทำความเข้าใจต่อหลังจากได้ redeem code เมื่อครบเวลาทาง itaifeng ก็จะส่งใบจองมาให้ก็ทำการปริ้นออกมาไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากว่าบางครั้งเจ้าหน้าที่บางคนอาจไม่ยอมให้เปิดจากโทรศัพท์ก็เอาไปเพื่อไว้ (กันไว้ดีกว่าแก้) ภาพด้านบนเป็นตั๋วที่ออกโดยสถานี THSR ก็จะเป็นใบแบบด้านบน อ้อ ตอนเอาใบจองไปก็ไปที่เคาเตอร์สถานีที่เป็นช่อง Periodic ได้เลยครับแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะทำการเชคใบจองเทียบกับพาสปอร์ตของผู้โดยสารและออกบัตรให้


ข้อควรรู้ :

เวลาทำการจองให้ทำการกรอกชื่อผู้โดยสารและพาสปอร์ตของคนที่จะเดินทางไปด้วย คล้ายกับจองตั๋วเครื่องบินเลยนะครับ เพราะสมมติถ้าใช้ชื่อและพาสปอร์ตของคนเดียวกันจองหมด จะเกิดปัญหาเวลาเชค ดังนั้นก็เวลากรอกก็กรอกของใครของมันไปครับ (งงไหมเนี่ย 555)

สำหรับใครมาเมืองเกาสง ถ้าขึ้นรถไฟฟ้า thsr ก็จะมาสิ้นสุดสถานีที่สถานี zuoying โดยสถานีนี้จะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ KMRT ซึ่งเกาสงมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นของตัวเองนะจ้ะเทอ เก๋ไก๋สไตล์เกาสงไหมหล่ะ จากนั้นผมกับเพื่อนก็นั่งรถไฟฟ้า KMRT ไปสถานีเซนทรัลพาร์ค ที่ไปสถานีนี้เพราะที่พักที่ผมจองไว้อยู่ตรงสถานีนี้ครับ โดยไทเปจะมีบัตรเบ่งหรือบัตรสารพัดประโยชน์เรียกว่า EASY CARD ใช่ไหมครับ เกาสงก็ไม่น้อยหน้าก็มีบัตรเบ่งหรือบัตรสารพัดประโยชน์ที่เรียกว่า I-PASS เป็นของตัวเองเช่นกัน และยังสามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดินของไทเป และรถบัสในไทเปได้ด้วยนะครับ (แต่ต้องดูว่ามีสัญลักษณ์ I-PASS อยู่ตรงที่สำหรับแตะบัตรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ใช้ไม่ได้นะจ้ะ)

นอกจากนี้รถไฟฟ้าใต้ดินเกาสง ก็ไม่ซับซ้อนเหมือนในไทเป เพราะมีแค่สองสายคือ สายสีส้มและสายสีชมพู แค่นั้น ทำให้เดินทางง่ายมาก

นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาเรื่อย ๆ ก็ถึงสถานีเซนทรัลพาร์ค พวกผมก็ออกไปตรงลานที่มีรูปมารูโกะ เจอแล้วน่ารักไหมครับ (แต่ถ่ายไม่ค่อยสวยเลย) จากนั้นก็ถ่ายรูปไปสักพักก็เตรียมตัวไปที่พักที่จองไว้ เดี๋ยวมาต่อครับ

ฺBACKPACKERS INN KAOHSIUNG

หลังจากชมน้องมารุโกะเสร็จก็เดินไปหาที่พักที่จะพักในเกาสง ซึ่งที่พักที่ผมพักนั้นก็คือ BACKPACKERS INN KAOHSIUNG การเดินทางก็นั่งรถไฟฟ้า KMRT มาลงสถานี CERTRAL PARK แล้วออกประตูที่ 2 จากนั้นก็เดินตรงไปอย่างเดียวแล้วข้ามถนนแล้วก็จะผ่านชอป NEW BALANCE และ MIZUNO ก็ถึงแล้วครับ ข้อดีของโฮสเทลเจ้านี้คือ อยู่ใกล้แหล่งชอปปิ้งที่สำคัญของเกาสงคือ ย่าน SHINKUCHAN ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาสง รวมถึงที่สำคัญใกล้ชอปรองเท้าแบรนด์ดัง ๆ เช่น NB MIZUMO เลยโฮสเทลไปหน่อยก็เดินห้างอะไรสักอย่างจำไม่ได้มีชอป ADIDAS ด้วยนะเทอ และที่สำคัญมีอีกสาขาอยู่ในไทเป และเอกลักษณ์ของตึกนี้คือ มีรูปลักษณ์เป็นหุ่นยนต์ทำให้หาได้ง่ายเลย

ข้อมูลโฮสเทล BACKPACKERS INN KAOHSIUNG : https://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015/photos/?tab=album&album_id=1762474727297292

- สามารถดูภาพเพิ่มเติมในโฮสเทลแห่งนี้ได้จากลิงค์ด้านบนเลยนะครับ

มาต่อมาต่อ หลังจากเชคอินเสร็จแล้วผมกับเพื่อนก็เริ่มการผจญภัยในแดนใต้ไต้หวันกันเลย สถานที่แรกที่จะไปคือ แทนแท่น

TAKAO MUSUEM

TAKAO MUSUEM เป็นพิพิทธภัณฑ์รถไฟโดยแต่เดิมเป็นสถานีรถไฟแห่งแรกของเมืองเกาสงในช่วงยุคอาณานิคมญี่ปุ่น และมีชื่อสถานีว่า "สถานีทาคาโอ" เฮ้ย ญี่ปุ่นมาเองเลยเฟ้ยแกรรรร แต่เมื่อสิ้นสุดยุคอาณานิคมที่แห่งนี้ก็กลายมาเป็นพิพิทธภัณฑ์ดั่งเช่นทุกวันนี้

ป้ายหน้าตึก หลังจากนั้นผมจะพาไปชมด้านในพิพิทธภัณฑ์แห่งนี้กัน

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของการมาไต้หวัน คือ "การนำสมุดเล่มเล็กมาด้วยครับ เพราะมาเก็บตราปั้มเป็นที่ระ"ลึก อย่าลืมเอามานะสนุกดีเหมือนตามล่าหาสมบัติอ่าตัวเทอ"

ห้องที่ 1

หมวกนายสถานีรถไฟครับ

ห้องที่ 2

จริง ๆ มีเยอะกว่านี้ครับ แต่ไปดูด้วยตาดีกว่า อ้าวลืมบอกว่าเดินทางมาสถานที่นี้ยังไง

การเดินทางมา TAKAO MUSUEM

- นั่งรถไฟฟ้า KMRT มาลงสถานี Sizihwan (สายสีส้มหรือเหลืองหว่า) ทางออกที่ 2 พอเดินออกมาก็เจอเลย (ง่าย ๆ แบบนี้เลย)

หลังดูความเป็นมาของพิพิทธภัณฑ์แห่งนี้เสร็จก็เปิดประตูด้านหลังพิพิทธภัณฑ์ก็จะเจอกับสวนที่กว้างใหญ่ มีผู้คนในเมืองเกาสงมาเดินเล่นยามเย็นกันมากมาย

ตรงนี้ผมขอตั้งชื่อว่า "สวนรางรถไฟแห่งเกาสง" สวนตรงนี้แต่เดิมเคยเป็นที่ทำการรถไฟมาก่อน ซึ่งก็คือสถานีทาคาโอะแต่ตอนหลังยกเลิกสถานีนี้ไป ทางการเกาสงเลยปรับปรุงมาเป็นสวนรถไฟแทน (การรถไฟไทยน่าจะมาดูงานบ้างนะ เห็นมีที่จอดรถไฟร้างเต็มเลย???) ตอนนี้พาไปชมบรรยากาศกันดีกว่า


เดินชมและถ่ายรูปบรรยากาศบริเวณสวนรถไฟแดนเกาสงเสร็จ พวกผมก็เดินทางต่อไปยังพื้นที่ศูนย์ศิลปะ PIER-2 ART CENTER กันต่อ

ศูนย์ศิลปะ PIER-2 ART CENTER

ข้อมูล : http://pier-2.khcc.gov.tw/eng/home01.aspx?ID=1

บริเวณใกล้เคียงกับสวนรถไฟ เดินมายังบริเวณโกดังเยอะ ๆ ก็จะเข้าสู่บริเวณที่เรียกว่า ศูนย์ศิลปะ PIER-2 ART CENTER ซึ่งที่นี่ก็จะมีนิทรรศการต่าง ๆ มาจัดคล้ายกับบริเวณ HUASHAN 1914 Creative Park ในไทเปครับ แต่จุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่ก็ ก็ ก็ รอติดตาม อิอิ

จุดประสงค์ของการมาเยือนเกาสงและมายังบริเวณศูนย์ศิลปะแห่งนี้ก็คือ มาโกดังแห่งนี้ครับ ซึ่งตรงนี้เรียกว่า "HAMASEN PIER-2 LINE" เป็นสถานีหรือโกดังที่มีรถไฟจิ๋วให้เราได้ลองนั่งครับ แบบว่ามาเกาสงถ้ายังไม่ได้นั่งก็เหมือนมาไม่ถึงนะ 555 มาถึงตรงบริเวณจุดจำหน่ายตั๋วก็ทำการซื้อตั๋วที่เรียกว่า PIER-2 PASS ที่สามารถใช้นั่งรถไฟ HAMASEN แล้วยังรวมถึงสามารถเข้าชมส่วนนิทรรศการตามโกดังต่าง ๆ ได้ด้วยราคาประมาณ 190 TWD ซึ่งแต่ละสถานที่ที่เข้าชมได้ตามลิงค์นี้ครับ http://pier-2.khcc.gov.tw/eng/home04.aspx?ID=25

ข้อมูล HAMASEN PIER-2 LINE :

http://pier-2.khcc.gov.tw/eng/home04.aspx?ID=$2011&IDK=2&EXEC=L&DATA=2118

อันนี้คือ โฉมหน้าของ PIER-2 PASS ที่มีลักษณะคล้ายพาสปอร์ตเก๋ไก๋ เหมาะกับเก็บเป็นที่ระลึกมากเลย จากนั้นพวกผมก็ถ่ายรูปไปสักพักและไปต่อคิวเพื่อขึ้นรถไฟจิ๋วกัน (ได้ข่าวอายุแต่ละคนนิก็อีกไม่กี่ปีจะเข้า 30 ปีแล้วนะ แต่ยังมีความเป็นเด็กอยู่)

ตรงนี้เป็นชุดของพนักงานการรถไฟไต้หวันครับ

ประตูทางเข้าสำหรับไปขึ้นรถไฟจิ๋ว ตอนแรกพนักงานก็ได้เรียกผมกับเพื่อนให้ขึ้นขบวนรถไฟจิ่ว แต่สักพักพนักงานบอกว่าเดี๋ยวค่อยขึ้นรอบต่อไปนะจ้ะ ผมกับเพื่อนก็โอเคไม่เป็นไรขึ้นรอบสุดท้ายก็ได้ (หะรอบสุดท้ายพอดี ดีใจปลื้มปริ่ม) ระหว่างที่รอรถไฟพี่พนักงานผู้ชายเห็นมีผู้โดยสารเหลือ 3 คน มีผมกับเพื่อนและคุณลุงอีกคนที่รอขึ้นขบวนสุดท้าย คุณพี่พนักงานผู้ชายเลยบอกว่าลองใส่เสื้อพนักงานรถไฟไหม ตอนแรกปฏิเสธแต่เห็นว่ายังมีเวลาก็เลยลองใส่ชุดพนักงานรถไฟดู สักครั้งหนึ่งในชีวิตเนอะใช่ว่าจะมาไต้หวันบ่อย

นี่คือโฉมหน้าเจ้าของกระทู้เอง ไม่น่าเลือกเสื้อไซส์ L เลยใช่เกิน 555 ขอบคุณพนักงานด้วยนะครับสำหรับโอกาสดี ๆ แบบนี้ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าเพราะว่ามันเป็นรอบสุดท้ายและไม่มีคน พนักงานเลยแบบอยากให้ความสนุกเป็นกันเองเลยชวนแต่งชุดครับ รอสักพักรถไฟน้อยกลอยใจก็มาเทียบชานชาลา

รถไฟจิ๋วมาแล้ววววววว เย้ ๆ ได้ขึ้นแล้ว เตรียมตัวผจญภัยกันเลย ดูได้จากยูทูปเลยนะครับ ว่ามันสนุกขนาดไหน แต่บางครั้งก็อาจเหมือนกันเพราะพวกคุณจะมองอะไรพวกผมนักหนาเนี่ย ไม่เคยเห็นคนขึ้นรถไฟหรือไง ?????

นั่งรถไฟไปสักพักเหมือนฝนจะเริ่มตกปรอย ๆ เราก็ได้รับการบริการอย่างดีจากพนักงานครับ โดยพนักงานก็รีบเดิน รีบวิ่งมายื่นร่มให้ผู้โดยสารโดยทันที (ดูในคลิปได้เลย) ปลื้มใจกับเกาสงเลยทีเดียว นั่งไปสักพักก็เจอกับกลุ่มเด็กชายไต้หวันกลุ่มใหญ่ยังมีความคึกคะนองมันก็โห่ร้องใส่เพื่อนผู้หญิงผมครับ จนเพื่อนผมเขินเลยทีเดียว (ร้ายจริง ๆ เด็กผู้ชายเกาสง) หลังจากนั้นความฟินก็จบลงพร้อมกับฝนตกมาอย่างหนัก อย่างหนัก นี่อะไรกันอุตส่าห์หนีจากอาลีซานมาตอนใต้ พระเจ้าก็ยังไม่ปราณีพวกผมอีกเหรอ ทำให้พวกผมต้องรีบโกยอ้าวกลับเข้าพิพิทธภัณฑ์ซึ่งไกลพอควรแฮะ และจากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินกลับที่พักเพื่อทำใจ ก่อนจะทำภารกิจตากฝนต่อ

จาก TAKAO MUSUEM พวกผมก็นั่งรถไฟฟ้า KMRT ไปที่สถานีเซนทรัลพาร์คต่อครับ เนื่องจากขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเปลี่ยนรองเท้า พร้อมหยิบร่มออกมาก่อนเพราะในเกาสงฝนเริ่มตกแล้ว (สะเทือนใจ)

สถานที่ที่พวกผมจะไปก็จะเป็นย่านชอปปิ้งที่มีชื่อแห่งหนึ่งในเกาสง ที่เรียกว่า ย่าน Shinkuchan นั่นเอง

ย่านชอปปิ้ง Shinkuchan

เป็นย่านที่เหมาะกับขาชอป ยิ่งดึกยิ่งคึกคัดแต่คงใช้ไม่ได้กับวันที่ผมมาเยือนที่แห่งนี้ เพราะฝนตกแล้วก็หยุดแล้วก็ตก เดาใจลำบากมากแต่สุดท้ายก็ตกหนักจ้าาาา ซึ่งย่านนี้จะมีขายของกิน ร้านเสื้อผ้าเเฟชั่นทั้งไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่นราคาก็คละเคล้ากันไป ไปดูบรรยากาศย่านนี้กันครับ

ร้าน 1000 cc เจอได้ทั่วในเกาสงกินน้ำไปทีหนึ่งแทบอิ่มจนลืมข้าวเลยทีเดียว

ร้านอะไรก็ไม่รู้ครับ แต่เห็นคนต่อแถวเยอะมากส่วนใหญ๋เป็นเด็กวัยรุ่น

ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นชายหญิงก็มีนะจ้ะเทอจ๋าาาาา

วันที่ผมไปย่านชอปปิ้งแห่งนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ เพราะฝนมันตกนั่นเอง (แต่เสียเงินมาแล้วก็ต้องเดินฝ่าสายฝนกันต่อไป โรคงกเงินกำเริบ)ระหว่างที่เดินในย่าน Shinkuchan นอกจากโรคงกเงินกำเริบแล้ว โรคความหิวก็กำเริบนั่งคิดว่าจะกินอะไร แต่ ๆๆๆๆ สายตาก็ไปสะดุดกับร้าน ๆ หนึ่ง ร้านนั่นคือ

CROWN FANCY

ร้านคาเฟ่และเบเกอรี่ที่มีสโลแกนว่า ORIGINAL TAIWAN ที่มีเปิดสาขาแรกในเกาสงและเป็นร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ที่มีขนมหลากหลายชนิดให้เลือกกัน พบได้ทั้งบริเวณมุมตึกถนนในย่านชอปปิ้งหรือถนนคนเดิน ตอนเย็นจะเห็นคนไต้หวันมาซื้อเบเกอรี่ ชีสเค้กกันแน่นเลยครับ แต่ตอนนี้ก็มีสาขากระจายทั่วไปในไต้หวันเลย แต่อยากมาต้นตำรับก็ต้องมาเกาสงครับ (แต่ไม่รู้ร้านไหนเป็นสาขาแรกอ่ะจิ)

รสชาติขนมไม่หวานจนเกินไป ได้อารมณ์แบบออริจินอลได้การปรุงแต่งครับ ทาร์ตไข่เนื้อแน่นอร่อย ถ้าร้อนหรืออุ่นด้วยนะจะฟินมากเลยครับ เป็นอีกร้านคาเฟ่ที่แนะนำครับ ไหนบอกจะกินอาหารคาวสุดท้ายดันเป็นอาหารหวานและที่สำคัญพนักงานต้อนรับน่ารักมากยิ้มแย้มบริการดีมาก หลังกินเสร็จก็มาดูบรรยากาศร้านครับ ซึ่งร้านที่ผมมากินอยู่ในย่าน Shinkuchan มีทั้งโซนในห้องแอร์และด้านนอกร้าน พวกผมนั่งนอกร้านดีกว่าเพราะในร้านเต็ม

บรรยากาศภายนอกตัวร้านครับ จะเห็นว่าพวกทาร์ตไข่ และเค้กราคาก็ไม่แพงมากจนเกินไปและที่สำคัญน่ากินมากกกกกก ในไทเปก็มีสาขานี้ขายอยู่นะครับกินอิ่มหนังตาก็ไม่หย่อนเพราะการเดินทางในยามกลางคืนในเกาสงยังไม่จบนะครับ เพราะตอนสองทุ่มผมมีนัดการแสดงเเสงสีในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่งในเกาสง ที่หลายคนบอกว่าเป็นสถานีที่สวยงามที่สุดในไต้หวันเลยก็ว่าได้ ที่นั่นก็คือ ????

DOME OF LIGHT

โดมแห่งแสงสว่าง ต้องบอกว่าใครมาเยือนเมืองเกาสงที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ห้ามพลาดครับโดยโดมแห่งนี้เป็นงานศิลปะกระจกสีกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก สีสันบนโดมแต่งแต้มด้วยสีน้ำเงิน เขียว เหลืองและแดง แสดงเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ผ่านดิน น้ำ แสงสว่างและไฟ

การเดินทางมายัง DOME OF LIGHT

- นั่ง KMRT มาลงสถานี FORMOSA BOULEVARD แล้วเดินตามป้ายที่เขียนว่า DOME OF LIGHT

บรรยากาาศภายในสถานี FORMOSA BOULEVARD ครับถ้ามาเวลาปกติก็จะเห็นสถานีเปิดไฟตรงกระจกสีตามปกติ สามารถรับชมวิดีโอแสงสีเสียงได้จากลิงค์ข้างล่างเลยครับ (ขอโทษทีนะครับอันนี้ไม่ได้อัพในยูทูปเพราะถ่ายไม่ค่อยสวยมัวแต่ตื่นเต้นอยู่ 555)

https://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015/videos/1756968284514603/

ถ้าใครอยากชมการแสดงแสงสีเสียงแบบเคลื่อนไหวได้แล้วหล่ะก็ ดูตารางเวลาตามนี้ได้เลยครับซึ่งจะแสดงแสงสีเสียงวันละ 3 รอบ คือ รอบเช้า (11.00 น.) รอบบ่าย (15.00 น.) และรอบค่ำ (20.00 น.) ยกเว้นในวันศุกร์รอบเย็นจะเพิ่มหนึ่งทุ่มครับ ส่วนเสาร์อาทิตย์จะเพิ่มรอบบ่ายและค่ำเป็นอย่างละสองรอบ ตามป้ายการแสดงด้านบนที่นำมาให้ดูกันครับ

ตลาดกลางคืน LIUHE

เป็นตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเกาสง ซึ่งหลังจากชมแสงสีเสียงของโดมแสงสว่างแล้ว ก็สามารถเดินมายังตลาดกลางคืนอันมีชีวิตชีวาแห่งนี้ได้ไม่ไกลกันนักใช้เวลาเดินด้วยเท้าประมาณ 5-6 นาทีเท่านั้นเอง แต่ตอนที่ไปฝนตกหนักอีกแล้วจ้าาาาา เดี๋ยวผมจะพาไปชมตลาดกลางคืนแห่งนี้กัน

ฝนตกมีหรือจะทำให้เราพับโครงการเดินตลาดกลางคืนได้ (อยากจะร้องไห้จริง ๆ )

มาสะดุดร้านนี้กับร้านซาลาเปาอบในโอ่ง ในไทเปก็มีขายให้เห็นกันเยอะเลยที่เกาสงก็ไม่ต่างกันครับ

เนื่องจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนเดินในตลาดไม่เยอะเท่าที่ควรเลยทำให้ตลาดดูไม่คึกคักสมกับการเป็นตลาดกลางคืนเลย เสียใจ (อีกแล้ว)

เดินไปเดินมาเริ่มหิวก็เลยไปร้าน ๆ หนึ่งที่ขายเมนูเหมือนหอยทอดของไทย เลยสั่งมากินครับ

อันนี้คือเมนูหอยทอดไต้หวัน แป้งไม่เยอะเท่าไหร่แต่หอยเยอะดี กินพร้อมกับซุปลูกชิ้นท่ามกลางฝนตกและอากาศที่เย็นทำให้ฟินเลยทีเดียวว ซึ่งเมนูนี้พบได้ทั่วไปในไต้หวันครับ

ขออนุญาติเจ้าของร้านบุกถ่ายกระทะหอยทอด เห็นแล้วคิดถึงประเทศไทยทันใด มาชมตลาดกลางคืน LIUHE อีกเล็กน้อยครับ ตอนนี้ต้องขอเปลี่ยนมาใช้กล้อง SONY ACTION CAM ซะแล้วเพราะฝนตกไม่หยุดเลย

เดินได้สักพักผมกับเพื่อนก็เห็นควรว่า พวกเราควรกลับที่พักได้แล้วก็ที่ร่างกายจะเปื่อยตามฝนเอา สำหรับทริปเกาสงวันแรกของพวกผมก็จบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แต่ ๆๆๆ ยังมีทริปเกาสงอีกหนึ่งวันโปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ความคิดเห็น