กาลครั้งแรก (II) เกาสง ไว้เจอกันใหม่นะ
"เกาสง"
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน และเป็นเมืองที่มีความเจริญไม่แพ้ไทเป อันเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือแต่อย่างใด รวมถึงเป็นเมืองที่มีระบบการคมนาคมที่สะดวกเพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดินของตัวเองที่เรียกว่า KMRT และมีจักรยานให้เช่ารวมถึงมีระบบบัตรเบ่งเป็นของตัวเองที่เรียกว่า I-PASS ที่เหมือนกับ EASY CARD ที่พวกเราใช้กันในไทเปเลยทีเดียว
การเดินทางของพวกผมในเกาสงก็มาถึงวันสุดท้ายแล้วครับซึ่งมีเวลาเก็บสถานที่สำคัญในเกาสงประมาณครึ่งวันช่วงเช้าก่อนที่จะย้ายการเดินทางไปยังไทเปที่ตั้งอยู่ตอนเหนือ ซึ่งก่อนจะพบรีวิวตอนสุดท้ายในเกาสงก็อย่าลืมติดตามรีวิวไต้หวันตอนอื่น ๆ ก่อนนะครับเพื่อรสชาติในการเดินทาง 555
ทริปรอบที่ 1 ธันวาคม 2015 (ไต้หวันฉันหนาว)
ตอนที่ 1臺灣 : 桃園 -日月潭 FIRST TIME @เกาะมันเทศ (ภาษาไทย)
LITTLE JAPAN TAIWAN (I) Sun Moon Lake National Scenic Area : NANTOU (ภาษาอังกฤษ)
ตอนที่ 2 TAIPEI 台北 กับวันสบาย ๆ ของผม (ตอน 1)
ตอนที่ 3 ตะลุยเส้นทางทองคำ GOLDEN FULONG @ TAIWAN
ตอนที่ 4 TAIPEI !!! บะบายไต้หวัน ไว้เจอกันใหม่??
ทริปรอบที่ 2 เมษายน 2016 (ไต้หวันฝนตก)
ตอนที่ 1 ทางรถไฟสุดคลาสสิคแดนไต้หวัน "ALISHAN FOREST RAILWAY"
ตอนที่ 2 CHEPTER 2 : ALISHAN ฝนตก มีหมอกก็ท่องเที่ยวได้นะ ?? http://pantip.com/topic/35268330
ตอนที่ 3 กาลครั้งแรก เกาสง เมืองชิค ๆ ที่ห้ามพลาด
วันที่สองของการอยู่ในเกาสงกับโฮสเทลที่ดูชิค ๆ นั่นคือ BACKPACKERS INN KAOHSIUNG กับห้องแบบดอร์มที่พวกผมพักเป็นแบบห้องพักนอนได้ 6 คน แต่มีคนนอนทั้งหมด 3 คนเลยสบายเลยทันใดมีผมกับเพื่อนและอีกคนหนึ่งครับ ผมจะพาไปชมบรรยากาศโฮสเทลในยามเช้าที่ไร้ผู้คนดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งบรรยากาศยามเช้าในเกาสงก็ไม่ต่างจากเมื่อวานเพราะฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่องถึงเช้า บรรยากาศยามเช้าหน้าโฮสเทลนั้นเงียบสงบ
เดินผ่านประตูเข้ามาก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้เลย
เคาเตอร์เชคอินในยามเช้า ที่มาพร้อมกับเสียงทักทายของพนักงาน "Good morning และ Hello" ยามเช้าช่วยปลุกความงัวเงียได้บ้าง
ห้องโถงนั่งเล่นก็อยู่บริเวณเดียวกับเคาเตอร์เชคอิน
เดินถัดมาอีกนิดก็เป็นบริเวณห้องครัว มีตู้เย็นสำหรับแช่ของกินและเครื่องดื่มรวมถึงสำหรับการทำอาหารด้วย
พาชมสถานที่บริเวณชั้น 1 เสร็จแล้วก็มาสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำในไต้หวันมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ การเก็บรอยประทับตราในสมุดสะสมส่วนตัวของผม ซึ่งโฮสเทลแห่งนี้มีตัวปั๊มของตัวเองด้วย มีหรือที่จะพลาด
นั่งประจำที่นั่งดูตราปั๊มพร้อมกับกินนมกล้วยไปด้วย ฟินเลยแต่ชอบนมมะละกอมากกว่า อิอิ
นี่ไงตัวปั๊มของโฮสเทลแบคแพคเกอร์ อินน์ น่ารักหรือเปล่าครับ
หลังจากปั๊มตัวปั๊มในสมุดส่วนตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาบันทึกความทรงจำ ณ เกาสง ไต้หวันในสมุดบันทึกความทรงจำของโฮสเทล ซึ่งผมเปิดอ่านเจอหลากหลายภาษามากทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แต่หาของไทยไม่ค่อยเจอเลย 5555
สมุดความทรงจำนี้เป็นที่รวมความทรงจำของคนที่มาพักในโฮสเทลแห่งนี้ หลากหลายภาษา เชื้อชาติ วัฒนธรรมต่างมาแลกเปลี่ยนกัน ถึงแม้จะอ่านภาษาอื่นไม่ออกก็ตาม แต่มันก็มีความสุขเล็ก ๆ เสมือนกินวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอน
เอาหล่ะ ตอนนี้ก็ถึงตาของผมแล้วที่จะบันทึกความทรงจำด้วยการเขียนเป็นภาษาไทยในสมุดเล่มนี้เพื่อให้คนอื่นได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีคนไทยคนนึงมาพักโฮสเทลแห่งนี้ด้วยนะ
บันทึกความทรงจำเสร็จ ผมก็เดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของโฮสเทลแห่งนี้ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 10 เอ้ยต้องบอกว่ากดลิฟต์ดีกว่า เดินขึ้นแต่เช้าคงจะไม่ไหว บริเวณดาดฟ้าก็สามารถนำของกินมากินได้ หรือมาชมวิวบริเวณย่านเซนทรัลพาร์คในเกาสงก็ได้ มองออกไปเห็นสวนสาธารณะเจริญตาเลยทีเดียว
บรรยากาศจากบริเวณดาดฟ้าชั้น 10 ตอนเช้ามืดก็ยังสว่างแต่ฝนก็ยังไม่ตกหนักเท่าไหร่
แต่พอเช้าบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปฝนเริ่มตกหนัก ไอหมอกเริ่มมาแล้วทุกคนนี่เมษายนไต้หวันนี่ฝนตก กรุณานำฝนไปประเทศไทยด้วยเถอะร้อนตับจะแตกเลยทีเดียว
บริเวณอีกด้านของดาดฟ้าชั้น 10 เห็นโปสเตอร์หนังติดก็ดูอาร์ตดีเหมือนกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นผมก็ลงไปชวนเพื่อนเดินไปสวนสาธารณะเซนทรัลพาร์ค พร้อมตากสายฝนนิด ๆ เพราะเดี๋ยวค่อยเชคเอาท์ออกตอน 9 โมง 555
ส่วนนี้เป็นคีย์การ์ดของที่พักครับ เรียบ ๆ ง่าย ๆ เอาหล่ะเตรียมตัวไปสูดอากาศยามเช้าของเมืองเกาสงกันดีกว่า
อันนี้เป็นภาพด้านหน้าโฮสเทลเเบบเต็ม ๆ ครับ ออกเเบบคล้ายกับหุ่นยนต์เลยทีเดียว
ภาพโฮสเทลเพิ่มเติม ติดตามได้จากเพจของผมครับ
https://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015/photos/?tab=album&album_id=1762474727297292
จากบริเวณแบคแพคเกอร์ อินน์ เกาสงไปยังบริเวณเซนทรัล พาร์คระยะทางก็ไม่ไกลเท่าไหร่ครับใช้เวลาเดินประมาณ 5-7 นาที เดินมาถึงเซนทรัล พาร์คก็จะเจอกับป้ายเกาสงบริเวณพื้น สวยงามมากครับ เดี๋ยวพาไปชมสวนแห่งนี้กันครับ
ป้ายนาฬิกา เชิญไปถ่ายรูปทำตัวเหมือนเข็มนาฬิกาได้เลยนะครัช
เดินไปมองไปลายตาเลยทีเดียว 555 จากนั้นพวกผมก็เดินชมรอบเซนทรัลพาร์ค (แหมจินตนาการว่าอยู่ในนิวยอร์คแล้วกันนะ) ตอนนี้ยังไม่มีปัญญาไปอเมริกา
สะพานข้ามสวยดีครับ เต็มไปด้วยนกพิราบตอนเช้าในเกาสงก็ไม่ต่างจากไทเป บรรยากาศค่อนข้างเงียบไม่คึกครื้นเท่าไหร่ ว่าแต่พวกเค้าทำงานกันกี่โมงเนี่ย ????
บริเวณตรงนี้ก็เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน KMRT สถานีเซนทรัลพาร์ค (ลงไปตรงนี้ก็จะเจอกับสวนมารูโกะ) ที่ผมได้รีวิวไปแล้วในรีวิวตอนแรกของเกาสงครับ
ระหว่างเดินรอบสถานีรถไฟฟ้าสักพักก็เจอความมหัศจรรย์ เฮ้ย! อยู่ ๆ ก็มีการแสดงระบำน้ำพุแต่เช้าเลย รอบแรกแสดงเวลา 8.30 น.ครับ ซึ่งได้ข่าวว่าไอ้ต่างด้าวสองคนเดินผ่านตรงนี้ไปแบบหน้าตาเฉย ดีนะเดินมาตรงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าก่อน ลองคิดดูเดินช้ากว่านี้ได้ตัวเปียกแต่เช้าแน่ ๆ โชคดีมากครับที่ได้ดูเสียดายที่เมื่อวานฝนตกตอนเย็น ถ้ามาชมตอนเย็นอาจสวยกว่านี้ก็ได้
ตึกสูง ๆ ไกล ๆ เค้าเรียกว่า ตึกดินสอ ครับ ถ้าเปรียบถ้าไปไทเปก็จะเห็นตึก ไทเป 101 ได้ทั่วทุกมุมเมือง แต่ถ้าในเกาสงก็จะต้องเห็นตึกดินสอได้ทุกมุมเมืองเกาสงเลยทีเดียว รวมถึงตึกแห่งนี้เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวันก่อนที่น้องไทเป 101 จะมาโค่นบัลลังค์ลงได้
เดินมาสักพักก็เจอกับจักรยานให้เช่าของเกาสง ซึ่งจะเป็นจักรยานสีฟ้าครับ แต่ถ้าในไทเปก็จะเป็น U Bike คันสีส้ม ที่นี่มีเป็นของตัวเองนะจ้ะเทอจ๋า หลังจากเดินชมเซ็นทรัลพาร์คได้สักพัก ผมกับเพื่อนก็เตรียมตัวไปเชคเอาท์ออกจากที่พักเพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปของเกาสง รอติดตามกันได้เลย
แลนมาร์คสำคัญอีกแห่งนี้ของเมืองเกาสง ที่หลายคนห้ามพลาดที่จะต้องไปชมกันคืออะไรตามมาได้เลยผมจะพาไปทะเลสาบดอกบัว (Lotus lake) กัน
การเดินทางไปยังทะเลสาบดอกบัว หรือสระ Lianchitan
- นั่งรถไฟฟ้า KMRT ลงสถานี Zuoying (สถานีเดียวกับสถานี thsr Zuoying) หรือสถานี Ecological District
- จากนั้นนั่งรถบัสสาย R35 ลงป้าย Lotus lake ใช้บัตร I-PASS โลดครัชช
บรรยากาศรถบัสสาย R35 สำหรับไปสระดอกบัวยามสาย ๆ คนไม่เยอะครับเนื่องจากเป็นวันธรรมดา นั่งยาว ๆ สบาย ๆ ไปเลย
เมื่อมาถึงป้าย Lotus lake ก็จะเจอป้าย Shoushan National park แสดงว่ามาถึงแล้วครับ จากนั้นก็เดินไปทางด้านซ้ายของป้ายนี้ก็จะเจอเลยในทันที
ก่อนจะไปชมบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบดอกบัวก็ต้องแวะไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันก่อน มีอะไรแอบแฝงต้องตามมาครับ
อย่างที่บอกแต่แรกว่า มาไต้หวันทั้งทีนอกจากต้องกินอาหารท้องถิ่น ชมบ้านเมืองแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การประทับตราปั๊มของแต่ละสถานที่ในเกาสงรวมถึงในทะเลสาบดอกบัวด้วยครับ หลังจากประทับตราเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวไปชมสถานที่สำคัญ ๆ ในสระบริเวณนี้กัน
วัด Ciji และเจดีย์ Longhu
หลังจากลงจากรถบัสและเดินผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วสถานที่แรกที่เราจะได้พบเห็นกันเลยก็คือ วัด Ciji และเจดีย์ Longhu ที่ตั้งเด่นตระหง่านใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เจดีย์หลงหู เรียกเป็นภาษาไทยเลยว่า เจดีย์คู่มังกรและเสือ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดฉือจี้ เป็นที่ประดิษฐานของเทพเป่าเชิงต้าตีที่เป็นเทพแห่งการรักษาที่สามารถรักษาดวงตาของเสือและมังกรไว้ การเดินไปในตัวเจดีย์ทำได้โดยเดินเข้าผ่านทางปากมังกรและออกทางปากเสือครับ เพราะถือกันว่าเป็นการขจัดสิ่งไม่ดีออกไปและนำสิ่งดี ๆ เข้ามาหาตัวเรา พูดง่าย ๆ ก็คือ เปลี่ยนความโชคร้ายให้เป็นความโชคดีนั่นเอง
เจดีย์คู่มังกรและเสือมีความสูงทั้งหมด 7 ชั้นครับซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวได้
พี่มังกรและพี่เสือแบบใกล้ ๆ อย่าลืมนะครับเข้าปากมังกร ออกทางปากเสือถ้าเข้าผิดปากนี่ชีวิตอาจหายนะเลยก็ได้ 555
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าเมื่อเดินเข้าไปข้างในปากมังกรจะมีภาพวาดเรื่องราวลูกผู้ชายกตัญญูในประเทศจีน ภาพนรกและสวรรค์ (ต้องไปดูเองนะครับ) เดี๋ยวไม่สนุก จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปดูวิวมุมด้านบนก็จะมีทั้งวิวบริเวณทางเดินเข้าปากมังกรและปากเสือ แต่ไฮไลท์จริง ๆ ก็จะเป็นวิวที่มองเห็นทะเลสาบดอกบัวที่วิวที่ใคร ๆ ก็ต้องมาชมให้ได้ครับ
อันนี้เจดีย์พี่เสือที่อยู่ข้าง ๆ กันปีนบันไดแค่เจดีย์มังกรก็พอแล้ว 555 ปีนพี่เสืออีกคงจะมิไหว
เดินชมเจดีย์คู่มังกรและเสือเสร็จแล้วก็เดินไปวัดต่อไปกันเลย แนะนำว่าที่ตรงนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็โอเคแล้วครับ
QIMING TEMPLE
วัดฉี่หมิงตรงอยู่ตรงข้ามกับศาลาชุนชิวที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขี่มังกรอยู่ โดยวัดฉี่หมิงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมคล้ายพระราชวังจีนแบบสามชั้น มีเทพนักปราชญ์ขงจื้อและเทพกวนอูเป็นประธานในวัด ถัดจากวัดฉี่หมิงก็ข้ามมาฝั่งตรงข้ามฝั่งเดียวกับเจดีย์คู่มังกรและเสือก็จะเจอกับศาลาชุนชิว
ศาลาชุนชิว (Chunqiu)
ศาลาชุนชิวหรือศาลาฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่าวง ที่มีเจ้าแม่กวนอิมขี่มังกรอยู่ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ตัวศาลาเป็นทรงแปดเหลี่ยมและมีศาลาเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางน้ำ (ดูได้จากภาพที่ถ่ายจากเจดีย์มังกรเลยครับ) ไม่ก็ภาพแรกก่อนเข้าเนื้อเรื่อง
หลังจากชมภายนอกก็เข้าไปชมภายในซึ่งก็จะคล้ายกับบริเวณเจดีย์คู่มังกรและเสือครับ ไปชมบรรยากาศด้านในกัน
เดินชมบรรยากาศไปสักพักก็จะเดินไปยังวัดอีกแห่งที่เป็นสถานที่สุดท้ายของบริเวณทะเลสาบดอกบัว แต่จริง ๆ มีอีกหลายวัดนะครับแต่ไม่ได้แวะพอดีเวลาในเกาสงของพวกผมเริ่มเหลือน้อยเต็มที เต็มทีก่อนที่จะย้ายร่างจากตอนใต้ไปยังไทเปที่ตั้งอยู่ตอนเหนือ ยังฟินอยู่เลย รอติดตามต่อนะครับก่อนจะไปสู่สถานที่สุดท้ายนะครับ เห็นบางคนถามถึงไทเปผมเลยขอเอารีวิวรอบที่แล้วมาให้อีกครั้งนะครับ ซึ่งผมก็จะรีวิวไม่มากเท่าไหร่เพราะหลายรีวิวก็พาเที่ยวไทเปกันจนพรุนกันไปเลยทีเดียวครับ 555 ผมเลยขอรีวิวสถานที่อื่นในไต้หวันแทนแหละกันครับ แต่ก็ฝากรีวิวไทเปเมื่อปีที่แล้วอีกรอบแล้วกันครับ
และโฮสเทลที่ผมพักที่ไทเป ก็มีรีวิวนะครับนั่นคือ "STAR HOSTEL" เพื่อใครอยากตามรอย https://th.readme.me/p/2380
ศาลา Beiji
ศาลาเป่ยจี๋เป็นศาลากลางน้ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทพเจ้าเสวียนอู๋ และยังเป็นเทพเจ้าของกลุ่มดาวเหนือซึ่งถ้าสังเกตจะพบว่า เท้าของท่านเหยียบเต่าและงูไว้เป็นบริวาร
บรรยากาศโดยรอบบริเวณศาลาเป่ยจี๋ครับ เดินได้สักพักพวกผมก็ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังไทเปแล้วมีเวลาอยู่เกาสงได้ประมาณครึ่งวันกว่า ๆ เองมีโอกาสเมื่อไหร่ผมกับเพื่อนคงได้มาเยือนเมืองแห่งนี้อีกครั้ง
จากนั้นพวกผมก็นั่งรถบัสสายเดิมกลับมายังสถานี Thsr Zuoying และไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ลอคเกอร์ก่อนจะไปรับตั๋วเดินทางไปไทเป
แต่ก่อนจะขึ้นรถไฟความเร็วสูง THSR กลับเข้าไปไทเปและที่สำคัญนั่งจากใต้สุดของไต้หวันไปยังส่วนเหนือไต้หวันก็ต้องซื้ออาหารไปกินบนรถไฟสิครับ อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ รู้แต่ว่า "หิวมาก" และมันเป็นฟิ่ลลิ่ง ข้าวกล่องรถไฟในสถานี Zuoying มีหลากหลายร้านเลยครับเลือกได้ตามความชอบ ผมมาร้านนี้ครับ พอซื้อเสร็จก็ลงไปรอรถไฟกลับเข้าไทเป
อันนี้เป็นตั๋วโดยสารของผมครับ มาไต้หวันรอบสองก็ใช้บริการของ itaifeng (ดูรีวิวก่อนหน้านะครับ อธิบายไว้แล้ว)
THSR ไปไทเปมาแล้วแต่ยังขึ้นไม่ได้ต้องรอให้แม่บ้าน พนักงานทำความสะอาดก่อนและที่สำคัญพนักงานเคาเตอร์น่ารักมากครับ จัดที่นั่งให้ผมกับเพื่อนนั่งท้ายขบวนและที่นั่งตัวสุดท้ายเลย 555 ดีเลยมีที่ให้วางกระเป๋าหลังเก้าอี้
ถ่ายป้ายมาให้รู้ว่าอยู่สถานีนี้จริง ๆ นะตัวเทอ
ประตูสู่ไทเปกำลังเปิดแล้ว เมื่อประตูรถไฟความเร็วสูงเปิดออกมาทุกคนก็ไปนั่งตามที่นั่งของตัวเองและสิ่งที่ทุกคนทำเหมือนกันคือ แกะข้าวกล่องรถไฟกินกันบนรถไฟ หรือกินบะหมี่สำเร็จรูป กินขนมกันทันที 555 ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นมันหิวมากเดินตั้งแต่เช้ายันมาขึ้นรถไฟขอกินข้าวไปก่อนนะ
และนี่คือโฉมหน้าข้าวกล่องรถไฟที่ซื้อมาครับ ใหญ่และอิ่มมาก
กินเสร็จก็เข้าห้องน้ำ อันนี้คือสุขาบนรถไฟ THSR ครับสะอาดพอสมควรและที่สำคัญมีตู้เครื่องดื่มให้กดด้วยนะ นอกจากนี้พนักงานที่สวย ๆ น่ารัก ๆ ก็จะเดินมาขายข้าว ขนมหรือของที่ระลึกด้วย ฟินจริง ๆ ครับสำหรับการมาไต้หวันรอบสองและการมาเยือนเกาสงรอบแรก สุดท้ายผมขอจบรีวิวเกาสงไว้เพียงเท่านี้นะครับ หวังไว้ว่าสักวันจะได้พบกันใหม่และได้ไปปั่นจักรยานที่เกาสงสักครั้งเพราะรอบนี้ผมไม่ได้ปั่นจักรยานเลย (เสียใจ) และขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
รูปสุดท้ายเดินกินไอติมระหว่างชมดอกคาลล่า ลิลลี่ที่หยางหมินซาน ไทเป ครับ (ฟินเลยครับ) และอีกอย่างฝากติดตามรีวิวโอกินาวาของผมด้วยนะครับ จะไปปลายปีนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงก็ฝากไว้ล่วงหน้าก่อนแหละกันครับ 5555
เพราะโลกนั้นกว้าง
วันพฤหัสที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.40 น.