ดอยหลวงเชียงดาว ไปทำไรกัน?

ไปพิชิตยอดที่สูง 2,225 เมตร สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจาก ดอยอินทนนท์ และ ดอยผาห่มปก

ไปถ่ายรูปดอกไม้ที่หาดูได้เฉพาะที่ ดอยหลวงเชียงดาว

ไปเดินชมภูเขา ดูทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ส่องกวางผา หรือ ม้าเทวดา

ไปเพราะตามรีวิว

หรือไปเพราะโดนเพื่อนหลอก

ไม่ว่าทุกคนจะไป ดอยหลวงเชียงดาว กันด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็กลับมาด้วยเรื่องเล่าสนุกๆ กันแทบทุกคน


ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นอีกทริปที่ตั้งใจว่าต้องไปให้ได้

เพราะอยากถ่ายรูป ดอกเทียนนกแก้ว ที่เริ่มออกดอกในช่วงปลายฝน

และ ทดสอบสังขารด้วยการพิชิตยอด ดอยหลวงเชียงดาว ไปในตัว

โดยทางเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเชียงดาว จะเปิดให้ขึ้นกันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ถึง 31 มี.ค. ของทุกปี


ทริปนี้เราเลยลุยเดี่ยวออกเดินทางตั้งแต่ 11-14 พ.ย. 59 ลางานไป 1 วัน โดยจองทริป ดอยหลวงเชียงดาว

ผ่านทางเฟสบุ๊คไปกับ TrekkingThai จะได้มีชีวิตรอด แบบไม่อดข้าวตลอด 3 วัน 2 คืน

ออกเดินทางจากกรุงเทพโดยรถตู้ประมาณ 3 ทุ่มนิดๆ แวะล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุด และกินข้าว

ก่อนจะมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว กันเกือบ 10 โมงกว่า ก็จัดแจงแยกของให้ลูกหาบแบก

ส่วนใหญ่จะเป็นของส่วนกลาง พวกเต็นท์ และอาหาร เป็นหลัก

หรือใครแบกกระเป๋าเองไม่ไหวก็ให้ลูกหาบแบกขึ้นได้ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะ

ส่วนเรากระเป๋าแค่ 5-6 โล สบายมากพอแบกเองไหวอยู่ ก็เลยไม่จ้างลูกหาบ ป่าวหรอกอันที่จริงเสียดายตังค์มากกว่า

หลังจัดการเรื่องสัมภาระกันเสร็จก็เปลี่ยนจากรถตู้ กระโดดขึ้นนั่งกระบะกันอีกชั่วโมงกว่าไป ดอยแม่ตะมาน

แต่กว่าจะไปถึงมันโคตรทรมานสุดๆ กับถนนที่หลบไปทางไหนก็เจอแต่หลุม ทุกคนเลยมีสภาพเดียวกันคือ ปวดตูด

มาถึง ดอยแม่ตะมาน ก็แวะกินข้าวห่อมื้อเที่ยงกันที่นี้ แต่แอบเสียดายฟ้าดันปิด เลยอดเห็นวิว ดอยหลวงเชียงดาว

กินข้าวเสร็จก็นั่งกระบะวนกลับไปที่ เด่นหญ้าขัด จุดเดินขึ้น ดอยหลวงเชียงดาว



เส้นทางขึ้น ดอยหลวงเชียงดาว มีให้เลือก 2 เส้น คือ เด่นหญ้าขัด ระยะทาง 8.5 กม.

คนส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นกันทางนี้มากกว่า เพราะเดินไม่ลำบากเท่าไร

แต่ถ้าอยากเดินน้อยๆหน่อยก็เส้น ปางวัว ระยะทางแค่ 6.5 กม.

แต่ก็ต้องยอมแลกกับทางขาขึ้นที่โคตรโหด ถ้าไม่ฟิตจริงๆ คงมีถอดใจเดินกลับกันบ้าง

สะพายกระเป๋าออกเดินจาก เด่นหญ้าขัด กันตอนบ่ายโมงครึ่ง เดินกันไปเรื่อยๆผ่านป่าสน เห็นยอดเขาอยู่ไกลๆด้านหน้า

เดินกันไปสักพักทางเริ่มชัน จากที่เคยเดินกันเป็นกลุ่ม ก็ทิ้งห่างกันไปทีละคน สองคน

สภาพทางของ เด่นหญ้าขัด จะลาดขึ้น ลาดลง สลับกัน เดินได้ไม่ถึงกับลำบากเท่าไร

แต่ช่วงปลายฝนแบบนี้ เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุด ความลำบากอยู่ตรงทางเดิน

มีตั้งแต่เละๆ ไปจนถึงดินโคลนแบบจมเท้า เดินดีๆก็รอด ใครพลาดก็ลื่น สร้างรอยไว้ให้คนหลังดู


ไม่นานวิวภูเขาข้างทางก็ค่อยๆชัดขึ้น ดอกเทียนนกแก้ว เริ่มมีให้เห็นสมใจอยาก

จากขึ้นอยู่แค่ไม่กี่ต้น ไปถึงเป็นดงก็มี นอกจาก ดอกเทียนนกแก้ว แล้วยังมีดอกบัวตอง และ ดอกไม้ป่าสวยๆ

ให้หยุดแวะถ่ายรูปไปตลอดทาง

4 โมงเย็นเดินมาถึง ดงน้อย จุดตั้งแค้มป์คืนแรกบน ดอยหลวงเชียงดาว

แต่สำหรับบางกลุ่มที่ออกเดินจาก เด่นหญ้าขัด กันเช้าหน่อยก็จะไปตั้งแค้มป์กันตรง อ่างสลุง ทีเดียว

ตรง ดงน้อย เลยเป็นจุดให้หยุดนอน พักเหนื่อย ระหว่างทางก่อนถึง อ่างสลุง

พี่ไทย สต๊าฟและพ่อครัวประจำทริปนี้ หลังจากเราล้อมวงกินข้าวกับเมนูง่ายๆ เสร็จก็รีบเข้าเต็นท์ นอนเก็บแรง

เพราะพรุ่งนี้ยังต้องเดินกันต่อ ส่วนเรื่องอาบน้ำ ถ้าคิดจะไป ดอยหลวงเชียงดาว ก็เตรียมทำใจได้เลย

อาบน้ำดีที่สุดคือ ทิชชูเปียกเช็ดตัว พกไปเลยตามแรงที่แบกไหว มันใช้ได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่เช็ดหัว ยันเช็ดเท้า

เพราะบน ดอยหลวงเชียงดาว ไม่มีแหล่งน้ำ พวกน้ำกิน น้ำใช้ จะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นมาทั้งหมด

เช้าวันที่สองเริ่มแบกกระเป๋าออกเดินกันต่อตอน 8 โมงกว่า จุดหมายคือแค้มป์ อ่างสลุง

เส้นทางวันนี้เริ่มชันกว่าวันแรก สองข้างทางล้อมด้วย ดอยหนอก และ ดอยสามพี่น้อง

จะหันซ้าย หันขวา วิวภูเขาที่นี้ก็ดูอลังการจริงๆ

ฟอสซิลหอย ระหว่างทาง จุดนี้ต้องสังเกตกันดีๆหน่อย เพราะไม่ป้ายบอก บางคนเดินผ่าน ฝากรอยเท้า ไว้ก็มี

เอาง่ายๆถ้าเห็นคนมุงถ่ายรูปก้อนหิน ก็อย่าลืมไปมุงกับเค้าด้วยแระกัน

เรื่องตื่นเต้นระหว่างทางอยู่ๆ พี่ผู้ชายที่กำลังก้มๆถ่ายรูปไรสักอย่าง เราก็ไม่ได้สนใจคิดว่าถ่ายรูปวิวทั่วไป

พอเดินผ่านแค่ 2-3 ก้าว พี่เค้าก็ทักว่าอยากดู กวางผา หรือ ม้าเทวดา ไหม เท่านั้นแระค่ะ

หันตัวเดินกลับแบบไม่ลังเล จากจุดที่ยืนถ้าไม่สังเกตดีๆ แทบดูไม่รู้เลยว่ากวางผา มันยืนอยู่ตรงไหนของยอดเขา

แต่พี่เค้าก็พยายามชี้ให้เราเห็นจนได้ ถึงขนาดจะเล็กมากก็ตามเพราะมันอยู่ไกลมาก

ก่อนพี่เค้าจะถ่ายรูปชนิดซูมสุดเลนส์ให้ดูกัน แถมยังใจดีให้ถ่ายรูปกวางผาจากหน้าจอกล้องอีก


ใครที่ชอบวิวภูเขาแนะนำว่าถ้ายังมีแรงเดินไหวต้องมา ดอยหลวงเชียงดาว สักครั้ง

จากวิวภูเขาสูง ก็เปลี่ยนเข้าสู่ ป่าดึกดำบรรพ์ ที่ต้นไม้ปกคลุมไปด้วย มอส เฟิร์น ดูแล้วลึกลับเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง

อากาศที่มีแดด ก็เริ่มชื้นและเย็นขึ้นตามสภาพป่า

เลยจากดง ดอกเทียนนกแก้ว ขึ้นมาด้านบนก็จะเจอ ดอกชมพูพิมพ์ใจ แทน

เจอป้ายนี้ไม่หลงแน่ เลี้ยวซ้ายไปอีกนิดก็ถึงจุดกางเต็นท์ อ่างสลุง แล้ว

ข้างบนมีห้องน้ำนะ เป็นแบบส้วมหลุม แต่ไม่อยากบอกว่าสภาพมันเป็นไง คิดแล้วขนลุก!

ประมาณ 11 โมง หลังหลุดออกจาก ป่าดึกดำบรรพ์ ก็มาถึงจุดตั้งแค้มป์ อ่างสลุง นั่งกินข้าว พักเอนหลัง

และเอากระเป๋าเข้าเต็นท์ ก็เตรียมตัวไปพิชิตยอด ดอยหลวงเชียงดาว กันต่อ

จากจุดตั้งแค้มป์ อ่างสลุง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ต้องเดินและปีนกันแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ


มีป้ายบอกรายละเอียดด้วยนะ ว่ามา ดอยหลวงเชียงดาว แล้วจะเจอกันอะไรบ้าง เผื่อจะได้ตามเก็บ ตามดูกันได้ครบ

นางจอย

ฟองหินเหลือง ขึ้นอยู่ตามซอกหิน

หญ้าดอกลาย ดอกเล็กๆ น่ารักดี

เหยื่อจง หรือ เทียนหมอคาร์

อันนี้จำชื่อไม่ได้แระว่าดอกอะไร ไม่ใจว่า เครือข้าวตอก หรือป่าว

แอสเตอร์เชียงดาว

ชมพูเชียงดาว

คำหิน

ฮ่อมดง

แสงแดง

เล็กๆสวยดี แต่ไม่รู้จักชื่อ

พญาดง ชื่อดูยิ่งใหญ่ แต่ดอกนี่เล็กเชียว

เจอราเนียม

อีกดอกที่ไม่รู้จักชื่อ

คำขาวเชียงดาว เพิ่งออกดอก จะเริ่มบานช่วง ม.ค.

หรีดเชียงดาว

บัวทอง

ค้อเชียงดาว

ขึ้นมาถึง ยอด ดอยหลวงเชียงดาว ได้เห็นวิวภูเขาแบบ 360 องศา

ไล่ตั้งแต่ ยอดกิ่วลมเหนือ กิ่วลมใต้ ดอยสามพี่น้อง ดอยพีรามิด

แค่นี้มันก็หายเหนื่อยอ่ะ คุ้มค่ามากกับการลากสังขารมาลำบากตลอดทาง

แถมข้างบนยังมีสัญญาณมือถือให้เช็คอินว่า ถึงแล้วนะโว้ยย! ดอยหลวงเชียงดาว

สภาพทางขึ้นลง ดอยหลวงเชียงดาว ได้ใช้ร่างกายครบทุกส่วน มือ เท้า และตูด

ลงจาก ดอยหลวงเชียงดาว ก็ขึ้นต่อ ยอดกิ่วลมใต้ เป็นมหากาพย์แห่งการเดินจริงๆ

ทางขึ้นยอด ดอยหลวงเชียงดาว ว่าโหดและชันแล้ว เจอ ดอยกิ่วลมใต้ เข้าไปก็ไม่ต่างกัน ทั้งชันและลื่น

เละเทะไปทั้งตัว ดีหน่อยพอขึ้นไปถึงบนยอดทางไม่ค่อยลื่น แต่ต้องระวังมากขึ้น เพราะเดินบนหินแหลม

วิวจากบน ดอยกิ่วลมใต้ จะเห็นจุดตั้งแค้มป์ตรง อ่างสลุง ดอยหลวงเชียงดาว ภูเขาลูกอื่นๆ

และดอกไม้บนนี้ก็สวยไม่แพ้บนยอด ดอยหลวงเชียงดาว

ขาวปั้น ตอนแรกแอบถอดใจแล้ว เพราะไม่เจอบนยอด ดอยหลวงเชียงดาว แต่โชคดีมา เจอบน ดอยกิ่วลมใต้

ฟ้าคราม

เทพอัปสร

ตอนขึ้นยอด กิ่วลมใต้ ว่าลำบากแล้ว ตอนลงนี่โคตรพีคสุด ก้าวตรงไหนก็ลื่น หนักสุดตูดกระแทก

จน พี่ไทย สต๊าฟ ต้องมาค่อยช่วยบอกว่า ต้องก้าวเท้าลง กันตรงไหน ยังไง

กว่าจะลากสังขารมาถึงจุดกางเต็นท์ อ่างสลุง ได้ก็ เละเทะ กันทุกคน

ตอนเย็นหลังกินข้าวกันเสร็จ ฝนเหมือนรู้เวลาก็เริ่มเท บวกกับความเหนื่อย

และต้องตี 5 ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอด ดอยหลวงเชียงดาว

ก็เลยรีบเข้านอน ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว หนาวแบบไม่รู้จะนอนขดตัวยังไงในถุงนอน

นี้แค่ปลายฝนนะ ถ้าเข้าหน้าหนาวไม่อยากจะคิด

วันสุดท้ายตื่นตั้งแต่ตี 5 คว้าไฟฉายเดินขึ้นยอด ดอยหลวงเชียงดาว ตอนกลางวันว่าขึ้นลำบากแล้ว

ตอนมืดๆนี่ยิ่งลำบาก ดูทางกันแทบไม่ออก

พอขึ้นมาถึงบน ยอดดอยหลวงเชียงดาว ต่างคนก็แยกย้ายหามุมถ่ายรูปกัน

ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น ก็ยังได้ถ่ายรูปพระจันทร์ที่กำลังตกด้วย

เอาจริงๆนะ พอถึงมาบนยอด ดอยหลวงเชียงดาว จะหันถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ไม่ต้องกล้องโปร แค่มือถือก็ยังถ่ายสวยอ่ะ

วิวภูเขา วิวทะเลหมอก มันสวยชนะเลิศด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ก็แค่เลือกจับวางองค์ประกอบเอาตามใจชอบ

ขึ้นไปช่วงเช้า อย่าลืมติดเสื้อกันหนาวกับถุงมือไปด้วยนะ อากาศบนยอด ดอยหลวงเชียงดาว มันหนาวใช่ได้เลยล่ะ


ขากลับเราออกจากแค้มป์ อ่างสลุง กันตอน 8. 30 น. ใครกินข้าว เก็บของเสร็จ ก็ออกเดินก่อนได้เลย

ไม่ต้องกลัวหลง เดินกลับกันทางเดิมผ่านแค้มป์ ดงน้อย ก่อนมาแยกเลี้ยวขวาลงทางเส้น ปางวัว

ตอนหยุดพักเหนื่อยกันตรงทางแยก ก็ได้ยินเสียงที่เดาไม่ออกว่าคืออะไร

แล้วระหว่างทางก็เห็นรอยเลือดตามโขดหินและรากไม้ แต่คิดบวกบอกตัวเองว่า ลูกหาบคงบ้วนน้ำหมากทิ้ง

อันที่จริงสีมันไม่เหมือนกันเลยนะ

สุดท้ายลงมาถึงข้างล่างถึงรู้ว่าเสียงที่ได้ยินคือ เสือกัดกับเก้ง นี่ถ้ารู้ตอนอยู่ข้างบน รับรองเดินยับ ลื่นก็ไม่มีเบรค

สำหรับเส้นทาง ปางวัว เราบอกได้คำเดียวว่ามันนรกจริงๆ อยากจะคุกเข่าแล้วกราบงามๆ 3 ครั้งให้กับความชัน

ชันแบบทิ้งดิ่งลงเขาที่เป็นระยะทางยาว แถมยังลื่นอีกตั้งหาก บางช่วงต้องค่อยๆคลานลง นั่งเอาตูดไถลลงก็มี

เดินกันราว 3 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงข้างล่าง กับสภาพร่างที่ ปางตาย เลยล่ะ

สรุปจบทริป ดอยหลวงเชียงดาว ทริปนี้มันคุ้มมากกับการมา ได้อะไรเกินกว่าที่ต้องการเยอะมาก

อยากถ่ายรูป ดอกเทียนนกแก้ว ก็ได้สมใจ แถมยังได้ดอกไม้อื่นๆ ประจำถิ่นมาอีกเพียบ

อยากพิชิตยอด ดอยหลวงเชียงดาว ก็ได้ออกแรงปีน แล้วยังต่อด้วย ดอยกิ่วลมใต้

ได้วัดกำลังกาย และใจ ตัวเอง กับสภาพทางที่คงหาเดินในชีวิตประจำวันไม่ได้

ได้เห็นกวางผา ฟังเสียงเสือกับเก้งกัดกัน

ที่สำคัญเรามาคนเดียว แต่ได้มิตรภาพจากเพื่อนใหม่กลับไป

เอาเป็นว่าจะไป ดอยหลวงเชียงดาว กันเพราะอะไร แต่ถ้ายังมีแรงควรมาลองดูสักครั้ง แล้วจะติดใจ!


ความคิดเห็น