...วันว่างๆ ก็เเวะไปสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในอีสานเลยนะเนี้ย...ไปครั้งนี้สวยกว่าครั้งก่อน...เพราะว่าต้นไม้เขียวเต็มไปหมด...บรรยากาศก็ร้อนหน่อยเพราะว่าไปช่วงบ่ายๆ...ไปครั้งนี้ได้มีโอกาศเดินเข้าป่าแล้วไปโผล่ที่สะพานอีกอันหนึ่ง...มีสะพานอีกอันหนึ่งที่เหมือนกันเลยอยู่อีกฝั่งของป่า...ถ้าว่างๆก็ไปเที่ยวกันได้น้า...อุบลราชธานีที่เที่ยวเยอะแยะ...เสาร์อาทิตย์นี้ก็ไปกันเลย...กำลังสวย..น้ำมูลขุ่นๆน่ากิน เหมือนโอวัลติน 555...ลืมบอกไปว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติผาเเต้ม ค่าเข้าคนละ 20 บาท และค่ายานพาหนะ คันละ 30 บาท ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ไปเลย......
ก่อนเข้าไปต้องซื้อบัตรของอุทยานก่อนนะจ้ะ... คนละ 20 บาท ค่ายานพาหนะ 30 บาท
ถึงแล้วสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในอีสาน
นี่วิวกว้างๆเลยของที่นี่...
ก่อนเดินข้างถ่ายภาพก่อนละกัน..นี่แม่น้ำมูลฮ่ะ...สีกำลังขุ่นๆเลย...น่ากินจัง...
จะเดินไปแล้วน่ะ แต่เป็นเสียวๆไงไม่รู้ 555 สูงเกิน
สีน้ำขุ่นๆของแม่น้ำมูล
เรามาถึงตรงกลางสะพานแล้วโคตะระ เสียวเลย...
เริ่มมาถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว...เขียวขจีมากๆเลยช่วงนี้...
เข้าป่ากันเลยทีนี้...
ถ้าเราเข้าป่าไป...จะมีสะพานอีกอันหนึ่งอยู่อีกฝั่งของป่า...เดินไปไม่ไกลน่ะ...
เอาเป็นว่าเดินกลับกันเลยดีกว่าครับ... มาเที่ยวกันน้า...รับรองไม่ผิดหวังครับ...
การเดินทางสามารถไปได้สองเส้นทางคือ
ใช้ทางหลวงหมายเลข 217 (อุบลราชธานี-พิบูลมังสาหาร-ช่องเม็ก ประมาณ 75 กิโลเมตร) แล้วแยกซ้ายไปตามเส้นทาง 2173 อีก 13 กิโลเมตร ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งคือใช้ทางหลวงหมายเลข 2222 ผ่านอ.โขงเจียมประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วข้ามแม่น้ำมูลไปอีก 12 กิโลเมตร
หรืออาจใช้เส้นทางที่ข้ามสันเขื่อนปากมูลก็ได้(กรณีที่เขื่อนเปิด)
ดอนตะนะ เป็นดอนหรือเกาะที่เกิดขวางแม่น้ำมูล มีความกว้างประมาณ 450 เมตร ยาวประมาณ 700 เมตร มีสะพานแขวนทอดข้ามทั้ง 2 ด้านของเกาะทางตอนเหนือของดอนตะนะมีหาดทรายเหมาะแก่การพักผ่อน บนดอนตะนะยังมีป่าอยู่ทั่วไปเป็นสภาพป่าดงดิบแล้งมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นในช่วงเช้าและช่วงเย็นจะมีการทำประมงของชาวบ้านรอบๆเกาะ
แก่งตะนะ เป็นแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด กลางแก่งตะนะมีโขดหินมหึมาเป็นเกาะกลางลำน้ำมูลที่เกิดจากลำน้ำมูลทั้งสองสายที่เชี่ยวกรากและจะกัดเซาะลงในแนวหินสูงประมาณ 1 เมตร ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะจะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยฝรั่งเศสยังล่าอาณานิคม เพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ นอกจากนี้ยังมีโพรงถ้ำใต้น้ำหลายแห่งจึงทำให้มีปลามาอาศัยบริเวณแก่งตะนะชุกชุม ช่วงที่เหมาะในการไปเที่ยวคือเดือนมกราคม-พฤษภาคม จุดชมวิวแก่งตะนะที่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวแก่งตะนะฝั่งซ้าย (อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำมูล) ที่บริเวณทางไปถ้ำเหวสินธุ์ชัย
สะพานแขวน เป็นสะพานที่เชื่อมจากฝั่งแม่น้ำมูลดอนตะนะโครงสร้างเป็นเหล็กยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสองฟากฝั่งของแม่น้ำมูลเหนือแก่งตะนะและใช้เดินข้ามเข้าไปชมธรรมชาติบนดอนตะนะได้อย่างเพลิดเพลิน
ถ้ำพระหรือถ้ำภูหมาใน เป็นชะง่อนผายื่นออกจากฝั่งแม่น้ำมูล อดีตเคยมีพระพุทธรูปทองคำ เงินและไม้เป็นจำนวนมากแต่ใน ปัจจุบันได้หายไปแล้วมีแท่นศิวลึงค์ (ฐานโยนี)และแนวอิฐซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างในราวศตวรรษที่ 12-13
ลานผาผึ้ง เป็นพลาญหินทรายและเป็นหน้าผาชันโดยหน้าผาจะหันหน้าสู่ด้านทิศตะวันออกเหมาะแก่การชมวิวช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและสามารถมองวิวประเทศลาวได้ ลานผาผึ้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 1.5 กิโลเมตร รถยนต์เข้าถึงหรือจะเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลียบฝั่งแม่น้ำมูลได้เช่นกัน
เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกรากไทร อยู่บริเวณหน้าผาริมแม่น้ำมูล ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 500 เมตร มีเส้นทางเดินเลียบผาระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ผ่านจุดชมพืชพันธุ์ ไลเคนส์ มอส เฟิร์น ถ้ำพระและน้ำตกรากไทร เหมาะสำหรับการเดินป่าชมธรรมชาติในช่วงเวลาสั้นๆ
น้ำตกตาดโตน ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 2173 ซึ่งแยกจากทางหลวงหมายเลข 217 เข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง เกิดจากลำห้วยตาดโตน ไหลผ่านลานหินแล้วตกลงสู่ที่ลุ่ม เกิดเป็นแอ่งน้ำสามารถลงเล่นน้ำได้ มีน้ำเย็นใสสะอาด บริเวณโดยรอบเป็นป่าไม้และดอกไม้นานาพรรณ
ค่าเข้าอุทยานฯ ผุ้ใหญ่ คนละ 20 บาท เด้ก คนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ คนละ 100 บาท เด็ก คนละ 50 บาท
รายละเอียดติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติ บริเวณที่ทำการอุทยานฯมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760
หรือที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะโทร. 0 4524 9802, 0 4244 2002
www.dnp.go.th
ติดต่อสอบถาม ททท.สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0 4524 3770, 0 4525 0714
http://www.tourismthailand.org/ubonratchathani
ไปเที่ยวด้วยกัน
วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.01 น.