เดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา | 8-12 ธันวาคม 2566
ดูแลโดย : อุทยานแห่งชาติแม่เงา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
#ให้ภาพเล่าเรื่อง #รีวิวข้ามปี
เราไปเที่ยวแบบจอยทริป เพราะเลือกที่จะประหยัดเวลาเรื่องของการบริหารจัดการในการประสานงานกับทางอุทยาน เรื่องของการเดินทาง การเข้าพื้นที่ การเตรียมของกินส่วนกลาง และอื่น ๆ เน้นรับผิดชอบแค่เรื่องของตัวเองและพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายแค่นั้นพอ... และรีวิวนี้เป็นรีวิวข้ามปี แบบเที่ยวปีนี้รีวิวปีหน้า
**สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยว**
- เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา มีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เดินเท้าจาก “แม่ปะ” ไป “ม่อนกองข้าว” ไป “ดอยธง” ไป “แม่หาด” และไป “สบโขง”
- เส้นทางเดินป่าระยะไกลชุมชนขุนน้ำเงา ในระยะ 50 กิโลเมตร ยอดเขาสูงที่สุดอยู่ที่ “ดอยธง” มีระดับความสูงอยู่ที่ 1,669 เมตร
- การเดินป่าระยะไกลขุนน้ำเงาต้องมีผู้นำทางและไม่มีลูกหาบช่วยแบกของส่วนตัวให้ (พวกเราช่วยกันแบกของกินส่วนกลางกันเอง)
- ควรเตรียมของกินที่ให้พลังานสูง เกลือแร่ป้องกันตะคริว และน้ำเปล่าให้เพียงพอกับความต้องของร่างกาย เพราะเส้นทาง 2 วันแรก เดินในป่าเป็นหลัก (ไม่มีแหล่งน้ำให้เติม) ส่วนวันที่ 3 ระยะทางไกลสุดเดินออกจากป่าเพื่อเข้าสู่หมู่บ้าน จะเจอร้านค้าที่หมู่บ้าน (บางคนเดินไปถึงหมู่บ้านก็มืดแล้วร้านค้าปิด) และวันที่ 4 เส้นทางเดินมีทั้งเข้าป่า เข้าหมู่บ้าน สลับกันไปมา มีร้านค้าระหว่างทางที่เดินผ่านหมู่บ้าน
- ควรเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวทุกอย่างใส่ถุงพลาสติกรัดหนังยางเพื่อกันน้ำ เพราะการเดินขึ้นลงภูเขาอาจจะเจอฝนเป็นบางช่วง หรืออาจไม่เจอฝนตกเลย (ควรเตรียมตัวให้พร้อม)
- มีสัญญาโทรศัพท์ระหว่างเดินเท้า บางเส้นทางสัญญาณแรงมาด บางช่วงสัญญาณอ่อน และบางช่วงก็ไม่มีเลย ต้องเดินหาคลื่น
- ที่พัก 2 วันสุดท้าย มีห้องน้ำและสามารถอาบน้ำได้
วันที่หนึ่ง | ม่อนกองข้าว
ณ อุทยานแม่เงา นั่งรถไปที่จุดเริ่มเดินประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงสามแยกหมู่บ้าน เริ่มต้นเดินทางเท้า ใช้เวลาเดินประมาณ 2- 3 ชม. เพื่อไปแคมป์แรก “ม่อนกองข้าว” ระยะทางเดินเท้าประมาณ 6 – 7 กิโลเมตร (ใช้นากาวัด) เส้นทางเดินสลับขึ้น ๆ ลง ๆ เขา ช่วงแรกเป็นเส้นทางถนน เดินไปสักพักหนึ่งถึงเริ่มเข้าป่า
วิวระหว่างทางที่รถขับผ่าน
เริ่มเดินในวันแรกตอน 10 โมง ถึงแคมป์แรก “ม่อนกองข้าว” ประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ระหว่างทางที่เริ่มเดินเป็นเส้นทางถนนเดินขึ้น ๆ ลง ๆ ไปเรื่อย ๆ เหนื่อยดี ไม่มีอะไรจะพูดมากเพราะหนักและเหนื่อยจริง ๆ นอกจากแบกสัมภาระตัวเองแล้วต้องช่วยกันแบกสัมภาระกองกลางด้วย คนละ 2 กิโลเอง พวกเราไปกัน 18 คน
เส้นทางถนนที่ต้องเจอกันก่อนเดินเข้าป่า
เส้นทางของวิวในวันแรกค่อนข้างสวย เป็นวันที่เมฆเยอะ แดดแร๊ง! ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม? ตอบเลยว่าม๊ากกก แต่คุ้มค่าเหนื่อย ให้ภาพเล่าเรื่องต่อ....
ถึงแหละ! เห็นวิวแคมป์แรกคือดีใจ “ม่อนกองข้าว” เป็นวิวโล่งกว้าง ลานกางเต็นท์คือกว้างขวางมาก สามารถเลือกกางเต็นท์ได้ตามใจชอบ วันที่ไปอากาศแปรปรวนตั้งแต่บ่าย 3 โมง ถึง 5 โมง แต่ก็ถือว่าโชคเข้าข้างที่ท้องฟ้าเปิดให้ได้เห็นบรรยากาศช่วงเย็น ส่วนบนยอด “ม่อนกองข้าว” สามารถชมวิวได้ในมุม 360 องศา เป็นภูเขาหัวโล้นที่ไม่มีต้นไม้ วิวโล่งรับลม มีระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,221 เมตร (นากาวัดได้ 1,296 เมตร)
ระยะทางใช้นาฬิกาในการวัดเส้นทาง
นักเดินป่าย่อมมีบาดแผลเสมอ เดินป่าที่ไหนก็ยังไม่เคยโดนทากกัดเยอะเท่าที่นี่ เดินป่า 4 วัน โดนทากกัดไปเกือบ 20 ตัว โดยเฉพาะเส้นทางของวันที่ 2 คือเยอะมาก #ที่นี่ทากดุ
บรรยากาศช่วงบ่ายแก่ๆ มีแปรปรวนสลับไปมา
จุดกางเต็นท์สามารถมองเห็นวิวยอดเขาได้ ส่วนวิวด้านบนสามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้เช่นกัน มองเห็นอยู่ใกล้ๆ เดินขึ้นไปก็มีแอบเหนื่อยนิดหน่อย วิวบนยอดสามารถมองเห็นทิวเขาที่สลับทับซ่อนกันอย่างสวยงาม และสามารถมองเห็นลานกางเต็นท์ได้ จะพาไปดูความสวยกับบรรยากาศในยามเย็น....
วิวมุมนี้คือถ้าใครมานั่งสวยทุกคน
ที่นี่ บรรดาน้องควายขึ้นมาถึงด้วยนะ ตรงบริเวรแถวแคมป์จะมีปลักควาย เป็นแอ่งน้ำน้อง ๆ จะขึ้นมากินหญ้าและอาบน้ำในปลัก อย่าไปกางเต็นท์ย่านนั้นเป็นพอ ไม่งั้นจะถูกควายลุ่ม
สตาร์ฟพี่ตู๋ผู้เป็นทุกอย่างของพวกเรา
บรรยากาศช่วงเย็นๆ ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินคือปังม๊ากกกก และอากาศก็เย็นสบาย ๆ
ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เช้าเจอกันใหม่
วันที่สอง | ดอยธง
สวัสดีเช้าวันที่ 2 บรรยากาศยามเช้าสามารถขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอด “ม่อนกองข้าว” ได้ ก็ใช้ชีวิตชิล ๆ กันไป ก่อนที่ชีวิตในวันที่สองจะเหนื่อยหนักกว่าวันแรก
เติมพลังยามเช้าก่อนเหนื่อย....!
ตั้งแต่เดินมาป่าไม่เคยมีโมเมนต์ยืดเส้นก่อนเดิน แต่ไปเดินป่ากับกรุ๊ปนี้มียืดเส้น เล่นโยคะกันก่อนออกเดินทางด้วยนะเออ...
วันนี้ของกองกลางที่ต้องช่วยแบกเริ่มเบามาหน่อย แบ่ง ๆ กันแบก พวกเราออกเดินเท้าจาก “ม่อนกองข้าว” ประมาณ 10 โมง ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง (ระยะเวลาการเดินของแต่ละคนไม่เท่ากัน) ระยะทางเดินเท้าประมาณ 7 – 8 กิโลเมตร (ใช้นากาวัด) เส้นทางเดินเป็นการไต่ระดับความสูงของเขาขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นยอดที่สูงที่สุดของเส้นทางระยะ 50 กิโล พร้อมไม่พร้อม บอกพร้อม!
วิวระหว่างทางสวยงามตามท้องเรื่อง ถ้าจะเล่าเองคงไม่เขื่อให้ภาพช่วยเล่าเรื่องน่าจะดีที่สุด
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ การได้หยุดกินข้าวเที่ยง และได้พักผ่อน
Go Go! ออกเดินทางกันต่อ พร้อมไปบินด้วยกันไหม...
พี่จร้า... ความสวยมันคุ้มค่าเหนื่อยมาก
ถึง แคมป์สอง “ดอยธง” ประมาณบ่าย 3 โมง ที่นี่มีระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,669 เมตร นี่แหละที่เขาเรียกว่าธรรมชาติบำบัด เดินไกลเดินเหนื่อยขนาดนั้น พอมาเจอวิวสวยความเหนื่อยหายหมด...
ระยะทางใช้การวัดจากนาฬิกา
สภาพตอนเดินมาถึง...
มีพื้นที่ให้ตั้งแคมป์หลายมุม หลายจุด สามารถเลือกพื้นที่กางเต็นท์ได้ตามใจชอบ และที่นี่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากจุดกางเต็นท์ได้เลย วิวสวย บรรยากาศดี อากาศดี ทุกอย่างดีต่อใจ บอกได้เลยว่าสวยทุกมุม ไม่พูดมากเจ็บคอ...
นี่แหละฟามสุข...! ในช่วงได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
ที่นี่อากาศช่วงบ่ายๆ มีความแปรปรวนไม่ต่างจากวันแรก หมอกมาๆ หายๆ แต่วันที่ไปอากาศเป็นใจท้องฟ้าเปิดให้ได้เห็นทิวภูเขาและพระอาทิตย์ตก ไปชมบรรยากาศตอนเย็นด้วยกันนะ
บรรยากาศช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เป็นวิวที่สามารถยืนดูได้ ณ บริเวณจุดกางเต็นท์ แสงของพระอาทิตย์ตอนกระทบกับเมฆเป็นแสงที่สวยมาก แสงสวย บวกกับอากาศเย็น ๆ พาทำให้บรรยากาศในช่วงเวลานั้นช่วยฮิลใจได้เยอะเลย
ขออำลาค่ำคืนนี้ด้วยมื้อเย็น
วันที่สาม | ร.ร แม่หาด
สวัสดีเช้าวันที่ 3 วิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าก็สวยงามไม่แพ้กับตอนเย็น ทะเลหมอกขึ้นไม่ปังเท่าไร แต่ถือว่าโชคดีที่ฟ้าเปิดดีกว่าเจอแต่หมอกขาว ๆ ที่มองไม่เห็นอะไรเลย วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินไกลที่สุด เยอะที่สุด และเหนื่อยที่สุด ก่อนจะเหนื่อยไปดูบรรยากาศตอนเช้ากัน
พอเริ่มสายก็เริ่มร้อน เก็บของพร้อมลุยต่อ... ที่นี่ มอเตอร์ไซต์สามารถขับขึ้นมาถึงบนยอดดอยได้ แต่ไม่รู้ว่าใช้เส้นทางไหนของหมู่บ้านที่ขับขึ้นมา ระหว่างเดินเท้าที่นี่วิวระหว่างทางค่อนข้างสวย
พวกเราออกเดินเท้าจาก “ดอยธง” ประมาณ 9 โมงครึ่ง ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง (ระยะเวลาการเดินของแต่ละคนไม่เท่ากัน) ไปถึง “ร.ร. แม่หาด” ระยะทางเดินเท้าประมาณ 18 กิโลเมตร (ใช้นากาวัด) เส้นทางช่วงแรกเป็นการเดินลงและขึ้นเขาสลับกันไปมา มีง่ายบ้างโหดบ้าง ส่วนช่วงท้าย ๆ เดินลงเขายิงยาวไปที่หมู่บ้านแม่หาด จากระดับความสูง 1,655 เมตร มาถึงหมูบ้านแม่หาด ระดับความสูงอยู่ที่ 950 เมตร (ใช้นากาวัด)
ระยะทางใช้การวัดจากนาฬิกา
ระหว่างทางขาลงก็จะเป็นป่า ป่า และป่า แต่ช่วงเส้นทางที่เกือบถึงเข้าหมู่บ้านจะเป็นเนินทางราบยิงยาว ดูจากเส้นทางแล้วชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซต์ขึ้นมาทำไร่ทำสวนกัน
พอตอนเดินมาถึงช่วงที่ใกล้จะเข้าหมู่บ้าน เราจะได้ยินเสียงน้ำไหลเหมือนน้ำตก ได้ยินเสียงรถ เสียงคนในหมู่บ้าน แต่เดินเท่าไรก็ไม่ถึงหมู่บ้านสักที เวลามันเหนื่อยขึ้นมาใจโคตรท้อ... แต่พอเดินมาถึงเริ่มเห็นหลังคาบ้าน เห็นถนนคอนกรีต โคตรดีใจ... เพราะมันทำให้รู้ว่าเป้าหมายอยู่อีกไม่ไกล ไม่ใช่ รร. แต่มันคือ ร้านค้า..
ณ หมู่บ้านแม่หาด มีร้านค้า มีน้ำ แป๊บซี สปอนเซอร์ เบียร์ ขนม ขายแพร๊บบบบ แต่! ไปให้ทันก่อนร้านปิดนะ กว่าจะเดินมาถึงหมู่บ้านมันไม่ง่ายเลยวิ! ด้วยระยะทางมันค่อนข้างไกล ไกลกว่า 2 วันที่ผ่านมา บวกกับเดินจัดเต็มจัดหนักมาแล้ว 2 วันติด ถามว่าเหนื่อยไหม บอกเลยว่าม๊ากกกก!
ถึง แคมป์สาม “ร.ร แม่หาด” ประมาณ 4 โมงเย็นกว่า ๆ พวกเรากางเต็นท์นอนกันที่ ร.ร แม่หาด บริเวณรอบ ๆ สนาม ที่โรงเรียนมีห้องน้ำ! ไม่ได้อาบน้ำกันมา 3 วัน วันนี้แหละเราจะได้อาบน้ำกันแล้ว วันที่ไปอากาศหนาวไม่มาก และที่นี่มีไฟโรงเรียนให้ได้แบ่งกันชาร์จแบตนิดหน่อย (ปลั๊กไฟมีน้อย)
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนเหนื่อยกันมากจริง ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ในกลุ่ม บางคนเดินมาถึงโรงเรียนทุ่มกว่า พวกที่มาถึงก่อนก็ช่วยกันทำกับข้าว พอกินข้าว อาบน้ำ นั่งเมาส์กันเสร็จ แยกย้ายกันกลับเต็นท์ ร่างกายช่วงนี้ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากนอน....
วันที่สี่ | บ้านสบโขง
สวัสดีเช้าวันที่ 4 ตื่นเช้ามาวิวชมทะเลหมอกที่ รร.แม่หาด ที่นี่มีระเบียงสำหรับชมวิวทะเลหมอกในตอนเช้า อยู่บริเวณด้านข้างโรงเรียน วิวสวย บรรยากาศดี และแดดเช้ามาเร็วมาก
ไม่ใช่อารมณ์ฟินนะแต่แค่ยังไม่อยากตื่น
จุดบริเวณที่กางเต็นท์สามารถชมวิวไปด้วยและทำกับข้าวไปได้ด้วย ไม่ต้องเดินไปไหนให้เสียเวลา ทะเลหมอกอยู่ตรงหน้าแค่เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอ
พวกเราออกเดินเท้าจาก “ร.ร แม่หาด” ประมาณ 9 โมงกว่า เพื่อไป “บ้านสบโขง” ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร (ใช้นากาวัด) ใช้เวลาเดินประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง (ระยะเวลาการเดินของแต่ละคนไม่เท่ากัน) เส้นทางการเดินช่วงแรกคือเดินออกจากหมู่บ้านเป็นเส้นทางถนน เดินไปสักพักจะมีทางแยกตัดเพื่อเลาะเขาแต่เป็นเส้นทางถนนที่คนหมู่บ้านเดินไปทำไร่กัน เดินกันไประยะหนึ่งจะมีจุดเส้นทางตัดเพื่อไต่ลงเขา ภูเขาเป็นลักษณะเขาที่ชาวบ้านมาทำไร่เลื่อนลอยกัน มีเดินผ่านทุ่งนา สลับเดินถนน เดินทะลุเข้าหมู่บ้าน เดินข้ามลำธาร (บางจุดมีสะพานให้ข้าม)
วันนี้เราเดินผ่านทุกสถานที่ เดินเข้าป่า ผ่านหมู่บ้าน ออกป่ามาผ่านวัด ผ่านโรงเรียน ผ่านไร่นา หลังจากออกป่ามาส่วนใหญ่เส้นทางถนนเป็นหลัก แดดค่อนข้างร้อน แต่ที่ดีต่อใจคือผ่านร้านค้าพอให้ได้แวะซื้อขนมและน้ำกินแก้เหนื่อย
ก่อนถึงแคมป์สี่ ซึ่งเป็นเส้นทางถนนในหมู่บ้านอุมโล๊ะ แวะกินก๋วยเตี๋ยว "ร้านจูเนียร์" และปิดจ๊อปด้วยแกแฟสด "ร้านฮิมเงา คอฟฟี่" ก่อนเดินเข้าจุดพักแคมป์
ที่นี่มีร้านกาแฟอยู่ติดถนนในหมู่บ้าน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับแคมป์ มีร้านค้าของหมู่บ้านให้เลือกซ้อปหลายร้าน มีทั้งขนม นม น้ำหวาน และโดยเฉพาะน้ำเก๊กฮวยมีให้เลือกหลายยี่ห้อเลย
ถึง แคมป์สี่ “บ้านสบโขง” จุดสิ้นสุดปลายทางของความเหนื่อยเส้นทางขุนน้ำเงา ที่นี่จะมีลานสำหรับตั้งแคมป์ที่เป็นแคร่ไม้ไผ่ และลานพื้น แคมป์อยู่ติดกับแม่น้ำเงาของหมู่บ้าน (สามารถลงเล่นน้ำกันได้) มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ พวกเราเดินจากระดับความสูง 977 เมตร มาถึงหมูบ้านสบโขง มีระดับความสูงอยู่ที่ 243 เมตร (ใช้นากาวัด)
คู่หูขิตในหน้าที่พร้อมกับสละชีวิตเพื่อทริปนี้
ช่วงเวลาของการได้พักผ่อน พักขา และออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ส่วนบรรยากาศตอนกลางคืนอากาศเย็นสบาย จะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่านตลอดทั้งคืน เหมาะแก่การนั่งเมาส์ นั่งชิล ๆ เพลิน ๆ
วันที่ห้า | ล่องแพสบโขง
สวัสดีเช้าวันที่ 5 ตื่นมาพร้อมกับการได้ยินเสียงน้ำไหลยามเช้า บรรยากาศรอบ ๆ แคมป์ริมแม่น้ำเงา เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟร้อนพร้อมขนม
วันสุดท้ายของทริปที่ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเดิน เพราะสามารถล่องแพไม้ไผ่ ชมวิวบรรยากาศของแม่น้ำเงากันได้ สำหรับคนที่ล่องแพ จะมีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มคนละ 800 บาท (รวมอาหารมื้อเที่ยง) สำหรับใครที่ไม่ล่องแพสามารถนั่งรถกระบะกลับอุทยานได้เช่นกัน
“ลองแพไม้ไผ่” จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ปลายทางถึงแม่สะเรียง จากนั้นนั่งรถกระบะกลับไป อุทยานแม่เงา และขอจบทริปด้วยบรรยากาศการล่องแพ... บ๊ายยยย
**ค่าใช้จ่ายทริป 6,900 บาท/คน**
(อัตราค่าบริการนี้รวม)
- ค่าอาหาร 12 มื้อ
- ค่ารถตู้ปรับอากาศ VIP
- ค่ารถกระบะรับ-ส่ง
- ค่าคนนำทาง (ช่วยแบกกองกลาง)
- ไม่มีลูกหาบ (เฉลี่ยแบกกองกลาง ช่วยกันคนละ 2 ก.ก)
- ค่าเข้าพื้นที่
- ค่าประกันอุบัติเหตุ
(อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม)
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว นอกเหนือจากที่ระบุในรายการ
**ไม่มีลูกหาบแบกสัมภาระส่วนตัว (ทุกคนต้องจัดของและแบกด้วยตัวเอง)
**สิ่งที่ต้องเตรียมไปเอง**
- เต้นท์ (ต้องแบกเอง)
- ถุงนอน
- ชุดเดินป่าเน้นแห้งไว
- อุปกรณ์กันแดด
- ชุดลำลอง ของใช้ส่วนตัว (เตรียมเสื้อผ้า 1 ชุดไว้ใส่กลับกรุงเทพฯ ฝากไว้กับรถตู้ )
- อุปกรณ์กันหนาว
- เสื้อกันฝน (ถ้าไปช่วงหน้าฝน)
- รองเท้าสำหรับเดินป่า
- รองเท้าแตะไว้ใส่ที่แคมป์
- ยากันยุง
- ยารักษาโรค
- ไฟฉาย
- จาน ช้อน แก้วน้ำส่วนตัว (เตรียมไปเอง)
- ขนมคบเคี้ยว ของกินที่ให้พลังงาน (เดินไกลเดินโหด)
ขอบคุณ : ภาพถ่ายสวย ๆ จากตัวเอง และจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ รวมทริป
ออกไปลำบากกับ : ปลาตะเพียร สต๊าฟพี่ตู่
ติดต่อจองทริป ID line : tu5122
#Platapienปลาตะเพียร #ฅนฮักมักย่างป่า
NaMee Be Bear
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.09 น.