ปลายฝนต้นหนาว ใครๆ ก็คงอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวทางเหนือกันทั้งนั้น แต่ด้วยเวลา เราเลยเลือกที่จะไปพักผ่อนใกล้ๆ อย่างอัมพวา สัมผัสวิถี Slow Life ริมแม่น้ำแม่กลองแบบอากาศเย็นสบายบ้าง งานนี้ปางอุ๋งก็ปางอุ๋งเถอะ ใกล้กรุงก็ฟินได้

อันดับแรกเราเลือกที่พักก่อนเลยค่ะ เนื่องจากเราอยากได้ที่พักแบบติดริมแม่น้ำจริงๆ ไม่ใช่แบบริมคลอง หรือแบบในสวน ขุดคลอง และที่สำคัญหลายๆ ที่สวยก็มักเต็ม อยากพักใกล้ตลาดน้ำก็ยิ่งยากที่จะหาสวยแล้วส่วนตัว เราก็ต้องขยับออกมารอบนอกกันสักนิดจะดีกว่านะคะ แล้วขอบอกว่า การเที่ยวของเราจะชิล แล้วแวะตามสะดวกนะคะ ลองไปดูกานน

เราเริ่มออกเดินทางอาจสายไปนิดเพราะหนีรถติด เพราะเป็นช่วงหยุดยาว แต่ก็ยังไม่พ้น เราวิ่งเส้นพระราม 2 มาเรื่อยจนมุ่งหน้าสู่สมุทรสงคราม กว่าจะถึงก็ได้เช็คอินพอดีค่ะ เราจึงแวะเข้าไปดอนหอยหลอดเพื่อหาอะไรทานกันก่อน และพอถึงที่ดอนหอยหลอด สถานที่แรกคือ เราต้องกราบสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) ก่อนเลยค่ะ


แล้วงานตัดสินใจก็ต้องมาเพราะร้านที่ดอนหอยหลอดเยอะมาก ไม่รู้จะทานที่ร้านไหนดี แต่ดีที่หาข้อมูลมาอยู่บ้าง วนไปจนเจอร้านคุณเป๋า ดอนหอยหลอด ที่เขาการันตีอาหารรสเพี้ยน ไม่สด ยินดีคืนเงินไรงี้ แต่จริงๆ เราแค่อยากหม่ำเบอร์เกอร์ปลาทูไทยต่างหาก แน่นอน อาหารเด็ดคือ หอยหลอดผัดฉ่า หอยจ้อปลาทู ต้มยำหม้อไฟ และเบอร์เกอร์ปลาทูไทย



ที่นี่บรรยากาศดีๆ ตกแต่งด้วยของเก่า มีที่นั่งแบบโต๊ะญี่ปุ่นริมน้ำ และมีดาดฟ้าให้ชมวิว หรืออาจนั่งรับประทานในช่วงเย็นๆ ได้ ส่วนอาหารรับรองว่าของเขาอร่อยและสดจริงๆ ค่ะ ไม่แพงและไม่ผิดหวังแน่นอน




แล้วเราก็หาทางเข้าที่พักกัน งานนี้ต้องพึ่ง GPS แล้วล่ะค่ะ และเส้นทางก็สุดแสนจะลัดเหลือเกิน แต่ก็ไปถึงรีสอร์ทจนได้ เหมือนเป็นรีสอร์ทไม่ใหญ่มาก แต่ติดริมน้ำแม่กลอง แถวค่ายบางกุ้ง นั่นคือ เรือนปณาลี ที่นี่บรรยากาศดีมากมาย เราเลือกห้องพักติดริมน้ำ มีระเบียงส่วนตัวสุดชิล และ Welcome drink สุดแสนอร่อยอย่างน้ำมะพร้าวเป็นลูก เย็นชื่นใจเมื่อไปถึงห้อง ถึงห้องปุ๊ป สิ่งแรกที่ทำกันคือ เปิดม่านชมวิวความสวยงามของแม่น้ำแม่กลอง แล้วค่อยมาดื่มด่ำกับ Welcome drink และการตกแต่งของห้องพักกันต่อไป ที่นี่ถือว่าเขาใส่ใจในรายละเอียดของการตกแต่งและเลือกใช้ของใช้ภายในห้องให้เข้ากับธรรมชาติและรีสอร์ทแบบในสวนริมน้ำมากที่สุด


แล้วก็ถึงเวลาไปเดินเล่นตลาดน้ำกันนะคะ บรรยากาศเย็นสบาย เหมือนลมหนาวเริ่มมา ก็ถือว่ายิ่งดีเลยค่ะ เราเดินเล่นกันสักพัก แต่ก็ยังไม่ค่อยหิว ประจวบเหมาะกับบรรดาเรือต่างๆ เชิญชวนให้ไปชมหิ่งห้อยก่อน ก็เลยตัดสินใจไปดูหิ่งห้อยก่อน แต่กว่าจะได้ไป เราต้องเปลี่ยนเรือไปมาอยู่ 3 ลำ ก็ไม่ซีเรียสอะไรนะคะ สนุกไปอีกแบบ แล้วพอเรือออกจริงๆๆ สัมผัสลมเย็นได้เลยอ่ะค่ะ เริ่มจุดแรกก็เห็นหิ่งห้อยชัดเจน ลุงคนเรือบอกว่า หิ่งห้อยมันมีอายุไม่มาก ในฤดูฝนกินน้ำค้างบนต้นลำพูหรือต้นไม่้ที่มีใบโปร่ง ถ้าหนาวเกินไปก็จะไม่มีแสงให้เห็น แล้วที่เราเห็นมันกระพริบไฟ มันเป็นช่วงเวลาหาคู่เพื่อผสมพันธ์ุของมัน ซึ่งเราเก็บภาพเหล่านี้ไว้ได้แค่ความทรงจำ เพราะกล้องถ่ายรูปใดๆ ก็ถ่ายไม่ติด และจริงๆ ก็ไม่ควรไปรบกวนมันด้วย

หลังจากที่ล่องเรือดูหิ่งห้อย และบรรยากาศอันแสนโรแมนติกในคุ้งน้ำแม่กลองแห่งนี้มาได้ ชั่วโมงกว่าๆ ก็วนกลับมายังตลาดน้ำที่เราขึ้นเรือตั้งแต่แรกกันอีกครั้ง พอขึ้นจากเรือเท่านั้นแหล่ะค่ะ..ท้องก็เริ่มร้องแล้วอ่ะค่ะ ก็ต้อเดินหาของหม่ำกานสักนิด

เราไปหม่ำร้านไก่ย่าง เจ้าเด็ด ขอบอกว่า ไก่อร่อยจริงๆ เราก็ต้องจัดสิ แล้วก็มียำหมูย่าง ไข่เจียวลาบปลาทู กุ้งแช่น้ำปลาวาซาบิ...และแถมยังมีเฉาก๊วยฟรีอีกกก..งานนี้อิ่มถึงพรุ่งนี้แน่ๆๆ..555


แล้วเราก็ไปต่อกันด้วยไอศกรีมผลไม้ดอกไม้..ซึ่งก็แปลกแต่อร่อยดีนะคะ มีหลากหลาย เราสั่งมะพร้าวอัญชัน กับเสาวรสราดน้ำผึ้ง และที่ขึ้นชื่อยังมีอีกอย่างมะยมพริกเกลือ มะม่วงราดน้ำปลาหวาน ฝรั่งคลุกบ๊วย..ต้องไปลองกันอีกนะคะ

แล้วก็ได้เวลาตลาดวาย..สินะ เราก็เตรียมกลับไปพักที่รีสอร์ทต่อ ไปนั่งเล่นชิลๆๆ ริมระเบียง ริมน้ำกันต่อไปจนดึกเหมือนกัน แล้วก็พักผ่อน

.........................................................................หลับฝันดีกันนะคะ..............................................................................

เช้ามืด อากาศเย็นๆ แสงแรกของวันขึ้นที่หน้าห้องเราเลย แล้วก็รอพระมาบิณฑบาตรทางเรือค่ะ เป็นภาพที่สวยงามมาก และรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า สดชื่นจริงๆๆ แล้วค่อยกลับไปพักอีกสักนิด


ตื่นมาหม่ำอาหารเช้าของที่รีสอร์ทกันนะคะ..วันนี้จัดเป็นบุฟเฟ่ต์ มีหลากหลายมาก อร่อยเกือบทุกอย่าง และตกแต่งด้วยสไตล์แนวธรรมชาติ เหมือนเราย้อนยุคกลับไปอยู่บ้านสวนสมัยก่อนจริงๆ ค่ะ

แล้วก็ได้เวลาอำลาที่พักสวยๆ บรรยากาศชิล ริมน้ำ อยากบอกว่า..ไม่อยากกลับกันเลยทีเดียวค่ะ..งานนี้


พอเช็คเอ้าท์เสร็จ...เราก็มุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อที่วัดบางกุ้ง ค่ายบางกุ้ง ซึ่งไม่ไกลจากรีสอร์ท ที่วัดมีโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอุโบสถหลังเดิมจะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่างมอง จากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อนิลมณี แต่ที่นี่ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยนะคะ ไม่งั้นต้องนุ่งผ้าที่ทางวัดเตรียมไว้ก่อนเข้าไปเพื่อขึ้นไปปิดทององค์หลวงพ่อนิลมณีค่ะ และพออกมามีลานกว้างประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และขยับออกไปอีกนิดก็มีรูปปั้นแม่ไม้มวยไทย เอกลักษณ์ของวัดค่ายบางกุ้งแห่งนี้

เราก็ไปต่อกันที่วัดช่องลม แต่ระหว่างก็เริ่มอยากหากาแฟทาน ก็เลยแวะที่ร้าน Neighbor kitchen & cafe ซึ่งที่นี่ก็เป็นร้านสีขาวเล็กๆ น่ารักริมถนน ใกล้ปั๊ม ปตท. ออกจากตลาดน้ำมาก็เจอค่ะ มีเจ้าสนุ๊ปปี้ตัวใหญ่ต้อนรับอยู่หน้าร้าน ตอนแรกเราก็สั้งกันแค่ คาปูชิโนเย็น-ปั่น ปรกติ แต่นึกขึ้นได้ว่า ร้านนี้เขารีวิวกันมาว่า มีอาหารและขนมอร่อย แล้วตอนนั้นก็บ่ายกว่าแล้ว เลยจัดไปค่ะ เราสั่งสปาเก็ตตี้น้ำพริกปลาทู และข้าวผัดสมุนไพรปลาทู และที่ขาดไม่ได้คือ ไอศกรีมกับแพนเค้กกล้วยหอมคาราเมลเสิร์ฟในเข่งปลาทูน่ารัก และอร่อยสุดๆๆ ขอบอกว่า..ไม่ควรพลาดร้านนี้จริงๆ ค่ะ ซิกเนเจอร์ของร้าน มีทั้งเครื่องดี่ม อาหารคาว-หวาน...เลิศสุดๆๆๆ



แล้วเราก็ไปกันต่อที่วัดช่องลม ซึ่งมีหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่มาก ประดิษฐานอยู่บนศาลาธรรมสวยงาม เราก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชา ขอพร และขอเก็บภาพปิดท้ายทริปการเดินทางในครั้งนี้ด้วยองค์หลวงปู่ทวด เพราะไม่งั้นเดี๋ยวรถจะติดและกลับเย็นไปมากกว่านี้

แล้วถ้ามีโอกาสเราจะกลับมารีวิว เส้นทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ในแบบ Once Slow Life..เรียบง่าย ชิลๆๆ ไม่ต้องมีแบบแผน อันปลั๊ก พักผ่อนชาร์จแบตฯ กันจริงๆ ให้เต็ม เพื่อเก็บแรงไปสู้กับงานกันต่อไปนะคะ^_^

ความคิดเห็น