สวัสดีครับ :] เจอกันอีกแล้วไม่บ่อยแต่เรื่อยๆเน๊อะ
...เดือนธันวามาถึงสักที เดือนที่ปฏิทินตั้งโต๊ะของเราเต็มไปด้วยแผนการต่างๆมากมาย ...เพราะวันหยุดยาวหลายช่วง
ก็แน่นนอน " ต้องจัดมันสักทริปละ !!! "
ผมเลยจัดการฟอร์มทีม...ได้มาสองคน ... ตามนั้นแหละครับ สองคน
ไปไหนกันดีละ...
ผมวางแผนว่าจะไปกิ่วแม่ปาน เพราะหมอก เมฆวิวสวยเหลือเกิน ....
แต่ก่อนออกเดินทางหนึ่งอาทิตย์นั้น พอดีได้เห็นจากข่าวว่า
" นักท่องเที่ยวนับหมื่น แห่ขึ้นสัมผัสอากาศหนาวที่กิ่วแม่ปาน "
เอาไงดีละ ชัดเจนเลยคนเยอะมาก ..เปลี่ยนแผนโทรไปจ่าโบ่ โฮมสเตย์เต็ม ทริปจ่าโบ่ครั้งที่แล้ว >>>http://pantip.com/topic/34372553
เลยอ่านเจอว่ามีโฮมสเตย์บ้านห้วยห้อมอยู่กลางหุบเขา เงียบๆดี ก็เลยโทรไปจอง ... ผมไม่รู้รายละเอียดที่นี่มากมาย แต่เราจะไปโดยรถไฟกัน และเช่ามอไซต์กันไป ..
ก่อนไปเลิกงานก็ไปจองตัวรถไฟ ปรากฏว่า รถไฟไปเชียงใหม่เต็มหมด เหลือแต่รถไฟฟรี ซึ่งต้องมารับตั๋ววันเดินทางเวลา 5.30 น.
....เลดีแอนด์เจเทินแม๊น ....เวลคัมทูโลวคอสแทรฟเวลลิ่ง.....
เราก็ต้องไปรถไฟฟรีโดยปริยาย ควบมารับตั๋วกันแต่เช้าวันที่ 9/12/2016 และออกเดินทางนั้น 13.45 น.
ระยะทางกว่า 750 กม. กับเวลา ...15 ชม. อีกแล้ว...
สำหรับผู้โดยสารวันนี้ก็หนาตาพอสมควร
สมาชิกผมโดนหวยไป 3 ใบ 555++ ใครจะคิดละครับมีหวยมาด้วย
นอนก่อนละครับเจอกันพรุ่งนี้ zzzZZZZ....
ส่งต่อการเดินทาง....
10.10.2016
เกือบตี 5 รถไฟก็มาจอดที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ คนเยอะเพราะมีคนมารับตั๋วและลงสถานี ..
สภาพพวกเราหรอ...ดูอิดโรยไปนะ ....
ค่าเช่านั้นวันละ 200 บาท มัดจำ 1000 บาทต่อคัน โดยเราเลือก click 125 เพราะร้านนี้มีแต่ตัวนี้ หลังจากเช็คเบรกอะไรเรียบร้อยเราก็มาหาอะไรรองท้องกัน
ก็ข้างหน้าสถานีแหละครับกาแฟ ชา ไส่อั่ว ทั้งหมดนี่ 100 เดียวเองนะครับ...
ม่วนใจ๋กขน๊าดเจ้า :]
ล้อหมุน 8.00 น. GOOOOOOOOOOOOOOOO !!!!
ความเร็วพวกเราไม่มากก็ ไม่เกิน 90 กม/ชม. เพราะไม่ชินทาง
สองข้างทางงดงาม เขียวขจี สายลม แสงแดด เป็นการขับรถที่สนุกมาก...
ผ่านทั้งสองข้างที่เป็นภูเขา
ผ่านข้างหนึงเป็นภูเขา เหว
ข้ามแม่น้ำลำห้วย ผ่านตลาดพื้นบ้าน ..
และที่เด็ดคือ GPS ใช้ไม่ได้
เจอร้านค้าจึงจอดถามทาง เติมหวานกันนิดนึง ป้าก็บอกว่าไปเรื่อยๆตามทาง
ถ้ามันเป็นหน้าฝนนี่คงสนานกันเลยทีเดียว...
พวกเราก้ถามทางไปเรื่อยๆ จน .....
สภาพก็อย่างที่เห็น ขี่มอไซต์ ผ่านพายุทะเลทรายซาฮารามาหรอ ...
ว่าไปมันก็คล้ายๆ
ก็รถกระบะที่ขนผลผลิตต่างๆของชาวบ้านนั้น เล่นยังกับถนนนี้หัวใจข้าครองกันเลยทีเดียว ...
บ้านห้วยห้อมมีความเป็นมาอย่างไร..
บ้านห้วยห้อม เรียกตามภาษาถิ่นว่า “ซอติ" หรือ “ซอปิ" หมายถึงผีไก่น้อยที่ชอบไล่คน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านว่า ก่อตั้งมาแล้วประมาณ ๑๗๐ ปีที่ผ่านมา สภาพหมู่บ้านตั้งอยู่ตามภูเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สภาพหมู่บ้านในปัจจุบันเป็นกลุ่มบ้านขนาดเล็ก ลักษณะของบ้านเรือนเป็นเรือนผูกเครื่องผูกใช้ไม้ไผ่และไม้เป็นส่วนใหญ่ มีห้องเดียว มีเตาไฟอยู่กลางบ้านไว้หุงต้มอาหารและให้ความอบอุ่น มียุ้งข้าวอยู่ใกล้ตัวเรือนบ้าน ใต้ถุนบ้านมีครกตำข้าวซึ่งอาจใช้ร่วมกับครอบครัวอื่นด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่บ้านห้วยห้อมถึง ๓ ครั้ง และได้พระราชทานสิ่งของ พันธุ์แกะให้กับพสกนิกร และได้ทรงมีพระราชดำรัสกับชาวบ้านห้วยห้อม ให้ช่วยกันดูแลและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำและป่าไม้ จาก>>http://www.thairoyalprojecttour.com/?p=4817
ราคาการพักที่นี่ก็ถูก สะอาดครับ พวกเรานอนกันหนึ่งคืน กับข้าว สองมื้อ
และไปถึงก็ลองกาแฟก่อนเลย
ด้านที่นอนนั้นวันนี้เราครองส่วนนี้ทั้งหลังเลย เพราะคนที่จองไม่มาแล้ว ด้านห้องน้ำก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย
ผมจะทยอยลงเพิ่มเติมเรื่อยๆนะครับ :]
เดินออกมาได้แปปนึงก็สังเกตได้ว่าจะมีลานแบบนี้ทุกด้าน ผมสอบถามไปก็พบว่าเป็นลานตากกาแฟ ช่วงเย็นนั้นชาวบ้านก็จะมาคลุมกันน้ำค้าง ไว้
พอถ่ายไปรูปนึงก็ให้ยายดู ยายยิ้มหัวเราะ ...
ก่อนไปก็ขอบคุณยาย และเดินออกมา
เช้าแล้ว....
จากมุมนี้หากเป็นช่วงปลายฝนคงงามน่าดู
และผมก็ได้ทราบจากแม่ของแม่มะลิวัลย์ว่าวันนี้ชาวบ้านจะงดไปเก็บกาแฟ เพราะจะมาเข้าโบสถ์กัน
และบอกว่าขึ้นไปดูได้นะ ... มีหรอจะพลาด :]
และผมก็ได้ทราบจากแม่ของแม่มะลิวัลย์ว่าวันนี้ชาวบ้านจะงดไปเก็บกาแฟ เพราะจะมาเข้าโบสถ์กัน
และบอกว่าขึ้นไปดูได้นะ ... มีหรอจะพลาด :]
ระหว่างเดินลงจะเห็นชาวบ้านมาตากแดดเพื่อคลายหนาวกัน...
แม่มะลิวัลย์นำลูกฟักแม้ว กับเสาวรสมาให้เราชมด้วย 555+
ก็จะถามเราประมาณว่า " มาจากไหน แม่แจ่ม หรือเปล่า" " มีลูกมีครอบครัวยัง "
แล้วก็เล่าถึงคุณตาที่เพิ่งเสียไปไม่นาน
และก็ชวนกินหมาก 5555++
คุยกันพักใหญ่และผมก็ไปดูบนบ้านต่อ
เข้ามายังครัวแบบเก่า และตรงจุดที่ทำอาหารอร่อยๆให้เรากิน .... เบื้องหลังๆ
ด้วยที่เรานั่งตรงจุดชมวิว ก็กลายเป็นตากล้องแก่ผู้เข้าชมไปทันที 5555+
คือไม่ได้แค่ถ่ายธรรมาดานะครับ แบบเป็นจริงเป็นจังมาก
ทางแม่มะลิวัลย์บอกเราว่าเนี่ย จริงๆต้องใช้บันไดถ่ายลงไปเพื่อให้เห็นนาขั้นบันได
ไอเราก็นึกว่าอำ เอาฮา แปปเดียวเท่านั้น พี่คนนึงยกบันไดมาเลยทีเดียว
ผมฮาตรงที่ว่า " พี่เร็ว หลังหนูร้อน !!! " 55++
ก็เล่นใหญ่ขนาดนั้น ลั่นกันหมดตรงนั้น
" แล้วส่งลายกลับให้แม่ด้วยหละ "
เราตั้งใจกันว่าจะออกเดินทางกลับกันเที่ยงๆ เราไม่เลือกทางเดิมละครับ ไปทางไกลดีกว่า ทางนี้จะผ่านไปทางแม่สะเรียง ฮอด เส้น 108 ซึ่งเป็นทางลาดยางตลอด
ถ่ายคู่กับหมีน้อยสักหน่อย หมีน้อยเป็นลูกสาวของบ้านนี้เองครับ
และผมก็จัดเสื้อมา 1 ตัว ขี่กลับแบบนี้เลยแหละ
...กว่าจะได้เดินทาง บ่ายกว่า ๆ
" แล้วกลับมาอีกนะ "
" ..เจอครั้งแรกน่ะเรื่องบังเอิญ ..
เจอกันอีกครั้งน่ะตั้งใจ ..."
เจอน้องๆกลุ่มนี้อีกครั้ง ผมนี้วกกลับมาร่ำลา ถ่ายรูป เฮฮากันแปปนึง
และเรียกเราว่า " พี่ตากล้อง "
seeeeeee u
จอดถ่ายภาพกันบ่อยไปจนตกลงกันว่าจะไม่จอดแวะถ่ายภาพแล้วเพราะมันจะมืดซะก่อน
คราวนี้ขับยาว.ๆๆๆ แวะแค่ปั๊ม อากาศเริ่มเย็นและช่วง ใกล้ 6 โมงเย็นก็มืดแล้ว..
และเราก็ถึงเชียงใหม่สักที เวลา สองทุ่มพอดี ....
หาเช่าห้องได้ 500 บาทแถวสถานีรถไฟ
แรงยังเหลือๆ !!! ไปเที่ยวถนนคนเดินต่อ .....ก็หาไรกิน ดูของนิดหน่อยแล้วก็กลับมานอน.....
(แบบข่าวภาคค่ำ)
เราตื่นกันตีห้าเพื่อมาจองตั๋วรถไฟฟรีขากลับ และคืนรถมอไซต์
และรองท้องร้านเดิมเลย ...
ออกเดินทางกันอีกครั้งครับ ...
คนหนาตา และเราได้นั่งตู้สุดท้ายอีกแล้ว ได้ชมิวิวสวยๆที่ท้ายรถ ลมเย็นตลอดทางเลยครับ แต่จะมาร้อนบริเวณภาคกลาง :] นี่แหละ
ผมเจอเก้าอี้ของรถไฟฟรี ดูดวิญญาณเข้าให้แล้ว ...
หลับเต็มตื่นนุ่มสบาย ระดับเรค่าโล่เชียวนะ ....
" อ่อนแอก็แพ้ไป คนไม่ไหวเขาจะนอน "
คมมมมจริงอะไรจริง !!!!
จริงๆคิดว่านอนแปปเดียว แต่ตื่นอีกที ลงมาพิษณุโลกเลย 3 ผ่านนนนน !!!!!
ยังๆ ยังอีก ...
...ห่างหายไปนานกับความรู้สึกนี้ มันเต็มอิ่ม จริง ๆ ความฉุกละหุกกระทันหันนั้น ก่อให้เกิดการเดินทางกว่า 2000 กิโลเมตร จากรถไฟต่อด้วยมอไซต์ มันจริงๆ 555++ แต่เมื่อยด๊ากมากกกกกกก...
สำหรับค่าใช้จ่ายทริปนี้นั้น ก็ตกคนละพันต้นๆ แต่มันใช้แค่นี้จริงๆ ส่วนเสื้อของที่ระลึกไม่คิดละกันครับ
ประกอบไปด้วย
-ค่าเช่ามอไซต์สองวัน 400 บาท
-ค่าน้ำมันั้งทริปทตก 250 บาท
-ค่าโฮมสเตย์คนละ 150 บาท
-ค่าข้าว 2 มื้อที่ โฮมสเตย์ 140 บาท
-ค่ากาแฟ 100 บาท
-ค่าข้าวเช้าขามาขากลับที่ร้านกาแฟสถานีรถไฟ 100 บาท
-ค่าที่พักคืนสุดท้าย 170 บาท (500/3)
" มาเที่ยวที่นี่เหมือนอยู่บ้านเลยว่ะ "
มันคงตรงจริตพวกเรา อยากแบบว่าเลิกงานแล้วกลับมานอนบ้านแบบนี้เลย :]
การติดต่อโฮมสเตย์บ้านห้วยห้อม ตามนี้เลยครับ
นางมะลิวัลย์ นักรบไพร โทร. 089-555-3900
Facebook page: กาแฟห้วยห้อม ผ้าทอขนแกะ โฮมสเตย์
Facebook : http://www.facebook.com/theeranit.w
Facebook page :https://www.facebook.com/NitVigator/
Instagram : Theeranit.w
"...ออกไปซัด ออกไปฟัด ออกไปเล่น
ออกไปพัก ออกไปรุก ออกไปรับ
ออกไปทำตามใจ
ออกไปเรียน ออกไปรู้ ออกไปสู้ ออกไปดู
ออกไปแล้วก็จะรู้ ยังทำได้มากมาย ....!!! ..."
เพลงนี้คงเข้ากับการเดินทางนี้ที่สุดโดยเฉพาะตอนเราขี่มอไซกลับ
ผ่านโค้งมากมาย ภูเขา แม่น้ำ ทั้งสองฟั่งที่แตกต่างกัน
ทางส่วางและมืด.... ถึงแก่น....!!
แต่ก็มีฟิลเพลง " รางวัลแด่คนช่างฝัน "
ของคุณอาจรัล มโนเพ็ชร มาแจมด้วยสำหรับผม
ก็ต้องยกเครดิตให้เพื่อนร่วมทางทั้งสองคน .....ศิน ต้องRZ1
สาวที่นั่งกับเราขาไป ที่จะไปไปห่มปกได้ร่วมทานอาหารกับเรา
ชาวบ้านห้วยห้อม และสาวที่นั่งกับเราขากลับ เดินทางคนเดียวเหมือนกัน..
และหมูทอดแม่ 555+
ที่มาเติมเต็มทริปนี้ให้สมบูรณ์
จริงๆแล้วเราสามคนนี้ก็มีความชอบที่เป็นแนวทางของตัวเอง
จะชอบถ่ายรูป นั่งสดชื่นมองวิว
หรืออย่างผมที่ชอบถ่ายรูป พูดคุยศึกษาวิถี
แต่แน่นอนมันมีมุมหนึ่งที่อินเตอร์เซ็กชั่นให้พวกเรามาร่วมกันได้ ...
ถ้าเปรียบความท้าทายของชีวิตเป็นดังการเดินทางแล้ว ..
“เราทุกคนมีภูเขาเอเวอเรสท์เป็นของตัวเอง ...
และเราเกิดมาในโลกนี้ก็เพื่อจะปีนขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้น
คุณอาจไปไม่ถึงยอดเขา เรื่องนี้อภัยได้
แต่ถ้าคุณไม่แม้แต่พยายามที่จะปีนไปให้สูงกว่าแนวหิมะแล้วล่ะก็...."
จากหนังสือ มองมุมกลับ ลับคมความคิด
มันๆแบบนี้จะมีอีกแน่นอน NitVigator&สหายสายทรมาน..
ขอบคุณทุกท่าน...นักเดินทาง..
n i t v i g a t o r
วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 08.26 น.