ยอดเขาริกิ (Rigi kulm) ราชินีแห่งขุนเขา(Queen of the mountains)…กาลครั้งหนึ่งที่ได้ไปเยือนหกสุดยอดเขาของ สวิตเซอร์แลนด์ Ep1

บ่ายมากๆ ขณะที่กำลังถ่ายรูปอยู่ที่หอนาฬิกา เมืองซุก(Zug) เมืองเล็กๆริมทะเลสาบ ฝนก็ยังคงตกต่อเนื่อง ตั้งแต่ลงเครื่องที่ ซูริค แล้วล่ะ เปาะแปะๆ ไม่หนักมากแต่ไม่ขาดเม็ด แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้งในชีวิต ต้องเก็บทุกบรรยากาศกลับบ้าน ใกล้ๆหอนาฬิกา มีโบสถ์เล็กๆ แวะไปถ่ายภาพดีกว่า หลบฝนนิดนึงด้วย…


หอนาฬิกา ซุ้มประตูเมืองซุก(Zug) ฝนยังคงตกต่อเนื่อง





โบสถ์เล็กๆ อยู่ใกล้ๆประตูเมืองซุก
สมควรแก่เวลา เราออกจากเมืองซุก เข้าไปนอนในซูริค เดี๋ยวพรุ่งนี้ เช้าเที่ยวในเมืองซูริค แล้วไปขึ้นยอดเขาริกิ(Rigi Kulm) หวั่นๆสภาพอากาศอยู่เหมือนกัน ขอฟ้าใสๆน้าาาา….
ไปที่จุดเริ่มต้นเรื่องราวคืองี้…..
หนึ่งนาฬิกาของวันอังคาร เครื่องบินสายการบิน Emirates(EK) นำผู้โดยสารหลายคนรวมทั้งเราด้วย บินสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หกชั่วโมงบนเครื่อง ถึงแล้วมหานครดูไบ ยัง…ยังไม่ถึงสวิต มาได้ครึ่งทางรอเปลี่ยนเครื่องอีกเกือบสี่ชั่วโมง แล้วบินต่ออีกหกชั่วโมง





เก็บภาพบรรยากาศ ร้านอาหารและอาหารที่สนามบินดูไบมาฝากนิดนึง







อาหารบนเครื่อง พอได้อยู่นะ…
ถึงแล้ววววว ท่าอากาศยานโคลเทิน เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บ่ายโมงยี่สิบนาที คือสัมผัสแรกบนแผ่นดินประเทศนี้ มาถึงก็เจอสายฝนยุโรปรอตอนรับอยู่เลย อากาศเย็นสบายๆ ไม่ถึงกับหนาว

ภาพแรกบนแผ่นดินสวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายระหว่างรอกระเป๋า😁
ถึงแล้วไปเที่ยวเลยดีกว่า…ได้บรรยายไว้ตอนแรกไปแล้ว ไปต่อกันเช้าวันใหม่ที่ซูริคเลยเนอะ
ค่ำคืนแรกหลับดีแฮะ เช้ามาก็มีเบลอๆนิดๆ แต่พร้อมลุยมาก (บอกนิสนึง เวลาบ้านเค้าจะช้ากว่าบ้านเรา ห้าชั่วโมงนะ) ไปเริ่มกันที่กลางเมืองซูริคก่อนเลยไป จัตุรัสปาราเดพลาทซ์(Paradeplatz) ถ่ายรูปกับโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์(Fraumunster abbey) เป็นสัญลักษณ์ เป็นแลนด์มาร์ค ที่นักเดินทาง นักท่องเที่ยวต้องมา บรรยากาศดีงามอยู่ริมแม่น้ำ เดินไปเดินมาถ่ายไปเรื่อยอยู่ประมาณเกือบชั่วโมง ไปดูภาพกันดีกว่า….







จากจุดจอดรถ เดินไปยังจตุรัสปาราเดพลาทซ์ ยังไม่ถึงเลยนะ..







บริเวณริมแม่น้ำ สวยเนอะ…




ถ่ายไปอีกฝั่งบนสะพานบริเวณ จัตุรัสปาราเดพลาทซ์(Paradeplatz)







จัตุรัสปาราเดพลาทซ์(Paradeplatz) กับ โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์(Fraumunster abbey)



เก็บมาทุกบรรยากาศ…
จากจัตุรัสกลางเมืองเราต้องไปขึ้นรถไฟฟันเฟืองที่เมือง อาร์ธ โกเดา(Arth Goldau) เพื่อขึ้นไปชมบรรยากาศ ของยอดเขาริกิ ราชินีแห่งขุนเขา(Queen of the mountains) ที่ความสูง 1798 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ไม่สูงมาก แต่เค้าบอกว่าสวยมากกกก

รถไฟที่นี่มีหลายสี หลายเส้นทางขึ้นที่เมืองนี้ แต่ไปลงที่เมืองอื่นก็มี เพราะฉะนั้นถ้าใครจะมาก็ต้องเตรียมข้อมูลให้เป๊ะ ส่วนเรานั้น มีคนจัดการให้เรียบร้อย






ที่เห็นๆก็มีสามสีแล้ว…


อันนี้เป็นวิวข้างทางระหว่างนั่งรถบัสมาต่อรถไฟ สวยมาก..
รถไฟใช้เวลาไต่เขาประมาณสี่สิบห้านาที จอดหลายสถานีอยู่นะ แล้วไอเรื่องที่เราหวั่นๆอยู่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ และจริงจังมาก มองไปทางไหนตั้งแต่เริ่มออกจากสถานี จนไปถึงสถานียอดเขาริกิ มันขาวโพล่นไปหมด หมอกขาวๆมีตลอดเส้นทาง ต้องรอลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีลมพัดมาให้ได้เห็นบรรยากาศสวยๆบ้าง คือทั้งดูรูปมาก่อนทั้งจากคำบอกเล่า ข้างบนนี้คือสวยมากมากกกกกกก ไม่งั้นจะได้ชื่อว่าราชินีแห่งขุนเขาได้อย่างไร เฮ้ออออ..วันแรกก็โดนซะแล้ว ถึงแม้จะมีแต่สีขาวของไอหมอก แต่อากาศคือดีมากมาก สดชื่นที่สุด ดูภาพดีกว่า….














วิวที่ถ่ายจากหน้าต่างรถไฟ ทั้งขาขึ้นและตอนลง











ถึงแล้วยอดเขาริกิ หมอกหนาแน่นมากกกก จะมีลมพัดมาบ้าง แต่แทบจะไม่เห็นอะไรเลย ถึงจะเห็นก็ถ่ายไม่ทัน ลมมาแป๊ปเดียวจริงๆ



เค้าบอกว่าจริงๆวิวตรงนี้จะสวยมากมาย เป็นที่ถ่ายละครด้วย เสียดายอ่ะ











เก็บบรรยากาศรวมๆมาฝาก…
ประมาณชั่วโมงกว่า ก็ถึงเวลาร่ำลา ราชินีแห่งขุนเขา กันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาอีกซักครั้งมั๊ย ไม่เป็นไร แค่ได้มาก็สุขสุดใจแล้ว เรานั่งรถไฟไปลงอีกสถานี คือสถานีเมืองวิสเนา(Vitznau) เพื่อไปยังท่าเรือ วันนี้จะไปนอนที่ เมืองลูเซิร์น(Lucerne) ไปทางเรือนะ ล่องทะเลสาบลูเซิร์น(Lake Lucerne Cruise) ไป…ไปชมความงามทะเลสาบลูเซิร์น ทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของสวิส










เพลินเพลิน ล่องทะเลสาบ…
เข้าเมืองลูเซิร์นก็เกือบเย็น มีเวลามากมายที่จะเที่ยวในเมืองต่อ บอกไว้นิดที่นี่กว่าพระอาทิตย์จะตกดินเกือบๆสี่ทุ่ม คือสามทุ่มยังสว่างเหมือนหกโมงเย็นบ้านเรา ผู้คนยังเดินเที่ยวกันหนุกหนาน แต่ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาเก็ต ร้านขายของที่ระลึกก็จะมีปิดกันบ้าง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายรูปและเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เราไปเดินแถวแม่น้ำรอยส์(Reuss River) ไปหาอะไรกินแถวนั้น จะมีสะพานไม้ชาเปล(Chapel Bridge) อีกหนึ่งจุดเช็คอินของเมืองลูเซิร์น เดินไปดูสิงโตแกะสลัก(Dying Lion of Lucerne) แกะสลักอยู่บนหน้าผาหิน เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงทหารสวิสที่สละชีพที่เกิดจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1792 ดูรูปกัน….





สิงโตแกะสลัก(Dying Lion of Lucerne) แกะสลักอยู่บนหน้าผาหิน เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงทหารสวิสที่สละชีพที่เกิดจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1792






สะพานไม้ชาเปล(Chapel Bridge) อีกหนึ่งจุดเช็คอินของเมืองลูเซิร์น



หาไรกินแถวแม่น้ำรอยส์(Reuss River) บรรยากาศดี…



ก่อนเข้าที่พักขอนิสนึง…
กว่าจะกลับเข้าโรงแรมสามทุ่มกว่า แต่ยังไม่มืดนะ พักผ่อนๆ พรุ่งนี้นั่งรถไฟยาวๆไป เมืองอินเตอร์ลาเคน(Interlaken) ขึ้นยอดเขาฮาร์เดอร์(Harder Klum) ตามมาๆๆๆ…..

คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 16.56 น.